A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1668 ทารกมารกับร่างวิญญาณ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1668 ทารกมารกับร่างวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หานลี่มองทารกมารแล้วหัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งกวักเรียกไปทางนั้น  

 

 

ชั่วขณะนั้นผิวของทารกมารพลันมีลำแสงสว่างวาบ กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งจมหายเข้าไปในร่างของเขา  

 

 

ที่แท้ตอนแรกหานลี่ก็ใช้วัตถุดิบหายากสองสามชนิดหลอมร่างทองของเทวรูปขั้นแรก แต่กลับพบด้วยความบังเอิญว่าทารกมารไม่มีร่างกาย คาดไม่ถึงว่าจะสิงอยู่อยู่บนร่างทองได้ และสามารถอาศัยไอมารในร่างทองฝึกฝนไอมารสวรรค์ทมิฬที่ตอนแรกหยุดฝึกฝนไปแล้วต่อได้ และในเวลาเดียวกันทารกวิญญาณนี้ก็ฝึกฝนเคล็ดวิชามารด้วย จนสามารถพ่นไอมารออกมาหลอมร่างนี้ไม่หยุด มีประโยชน์ต่อการหลอมเทวรูปร่างทองเป็นอย่างมาก  

 

 

เช่นนั้นละก็ หานลี่ย่อมยินดีให้ทารกมารสิงร่าง  

 

 

ถึงอย่างไรเสียทารกวิญญาณที่สองก็แทบจะดำรงอยู่โดยลำพัง ไม่ว่าจะฝึกฝนหรือการควบคุมร่างทองล้วนไม่จำเป็นต้องแบ่งจิตสัมผัสใดๆ ไป  

 

 

น่าเสียดายที่พลังยุทธ์ของทารกมารต่ำต้อยไปหน่อย  

 

 

หากสามารถฝึกฝนจนอยู่ในระดับเดียวกันกับเขา สิงร่างทองแล้วต่อกรกับศัตรู ก็น่าจะกลายเป็นสิ่งที่ดำรงอยู่เหมือนร่างแยกอย่างไรอย่างนั้น  และทำให้กำลังของหานลี่เพิ่มขึ้นหลายเท่า  

 

 

คนธรรมดาฝึกฝนจากพลังยุทธ์ระดับก่อกำเนิดไปถึงระดับหลอมสุญตาทีละก้าวๆ แน่นอนว่าย่อมยากลำบากอย่างสุดๆ  

 

 

แต่ทารกวิญญาณของหานลี่กลับสามารถถ่ายทอดประสบการณ์ฝึกฝนต่างๆ ของระดับสูงส่งให้ทารกวิญญาณที่สองได้ ประกอบกับสมุนไพรและยาลูกกลอนหายากต่างๆ ที่มีไม่ขาดแคลน ระดับความเร็วการฝึกฝนของทารกวิญญาณที่สองจึงเร็วกว่าตน  

 

 

แม้จะกล่าวไม่ได้ว่าทารกมารจะไม่มีวันติดในจุดคอขวด แต่ก็ง่ายกว่าผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปอย่างไม่ต้องสงสัย ถึงอย่างไรเสียประสบการณ์การทะลวงก่อนหน้า ก็มีประโยชน์เป็นอย่างมาก  

 

 

นี่คือเหตุผลที่เพราะเหตุใดไม่ว่าเผ่ามนุษย์หรือเผ่าประหลาดหากฝึกฝนอยู่ในขั้นหนึ่งแล้ว จะรู้สึกว่าตนเองทะลวงจุดคอขวดอีกได้ยาก ส่วนใหญ่ล้วนเริ่มฝึกฝนร่างแยก หรือทารกวิญญาณที่สองอะไรประเภทนี้  

 

 

แต่ไม่ว่าประเภทวิธีการบ่มเพาะ ‘ตนเอง’ คนที่สอง ก็ต้องเสียค่าเสียหายไม่น้อย ต้องใช้เวลากว่าครึ่งของตนเองถึงจะมีหวัง   

 

 

นี่เป็นสาเหตุที่ทั้งๆ ที่รู้ว่าร่างแยกมีประโยชน์มาก คนปกติจึงฝึกฝนร่างแยกสักร่างสองร่าง และยิ่งไปกว่านั้นพลังยุทธ์กว่าครึ่งก็ไม่มีทางเท่ากับตนได้   

 

 

ถึงอย่างไรเสียพวกเขาก็ไม่มีขวดลึกลับ ไม่สามารถเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณที่ต้องการได้อย่างไม่มีขีดจำกัดได้  

 

 

ทารกวิญญาณที่สองของหานลี่แช่อยู่ในไอมารร่างทองและกินยาลูกกลอนวิญญาณจำนวนมาก ยามนี้จึงฝึกฝนมาอยู่ในระดับยอดสุดของระดับก่อกำเนิดขั้นกลางแล้ว สามารถบรรลุไปอยู่ในระดับขั้นปลายได้ตลอดเวลา  

 

 

ในเมื่อยามนี้แดนกว้างเย็นเปิดแล้ว เขาก็ไม่ยุ่งเกินไปที่จะปล่อยให้ทารกมารฝึกฝนแล้ว  

 

 

หลังจากที่เขาเตรียมการเข้าแดนกว้างเย็นเสร็จ ก็ให้ทารกวิญญาณที่สองทะลวงจุดคอขวดของระดับขั้นปลายอีกครั้ง  

 

 

คิดดูแล้วเขตแดนนี้มีพลังวิญญาณหนาแน่นที่ทำให้สิ่งมีชีวิตระดับหลอมสุญตาพัฒนาขึ้นเป็นระดับผสานอินทรีย์ได้ จุดคอขวดของระดับก่อกำเนิดเพียงคนเดียว ย่อมแข็งแกร่งกว่าสมุนไพรวิญญาณและยาลูกกลอนใดๆ เป็นร้อยเท่า  

 

 

หานลี่ขบคิดในใจ กลอกสายตาไป แล้วตกลงอยู่บนร่างของ ‘หานลี่’ อีกคนหนึ่ง หลังจากที่ใบหน้ามีสีหน้าประหลาดใจฉายแวบผ่าน คาดไม่ถึงว่าจะเผยสีหน้าร้อนแรงออกมา  

 

 

“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ร่างเห็ดเซียนจะเป็นวัตถุดิบที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการหลอมร่างแยกและร่างตัวแทน สิ่งที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือของเหลวกระตุ้นนี้จะถูกเห็ดเซียนดูดซับจนกลายเป็นพลังปราณบริสุทธิ์ ทำให้ลมปราณในร่างกายแทบจะพัฒนาอย่างก้าวกระโดด แค่เวลาไม่ถึงสองสามปี ความบริสุทธิ์ของลมปราณก็ถูกบีบให้เพิ่มระดับขึ้นขั้นหนึ่ง จนอยู่ในระดับหลอมสุญตาขั้นกลาง คาดไม่ถึงว่าจะไม่ได้เอ่ยถึงจุดคอขวดเลยสักนิด ช่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ! ทว่าคิดดูแล้วก็พอจะเข้าใจได้ การที่สมุนไพรวิญญาณกลายเป็นสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินนี้ เดิมทีก็ผ่านการฝึกฝนมาหลายปีถึงได้มีสติปัญญา หากอยากทำให้แปลงกายได้ ก็ยิ่งต้องใช้เวลาอีกยี่สิบสามสิบปีถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้ ขั้นตอนนี้ทำได้เพียงต้องอาศัยการสะสมถึงจะค่อยๆ พัฒนาพลังยุทธ์ขึ้นมาได้ หากพัฒนาจนไปอยู่ในจุดคอขวด สวรรค์ก็คงไม่ค่อยยุติธรรมกับสิ่งนี้เท่าใดนัก ทว่าสิ่งที่น่าแปลกก็คือสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินเช่นกัน เทลงในของเหลวเช่นกัน เหตุใดโสมวิญญาณสลับฟันปลาถึงทำได้เพียงแค่ฟื้นฟูพลังปราณ ไม่อาจพัฒนาระดับขึ้นได้ หรือว่ามีเพียงเห็ดเซียนที่สามารถดูดซับของเหลววิญญาณนี้ได้? หรือว่าสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินจะต้องบรรลุถึงระดับที่แปลงกายได้ก่อนถึงจะมีพรสวรรค์เช่นนี้ได้” หานลี่เอ่ยพึมพำ พลางขมวดคิ้วแน่น หลังจากผ่านไปชั่วครู่ก็สั่นศีรษะกับตัวเอง  

 

 

“หึๆ จะสนใจมันทำไมกัน ไม่ว่าจะอย่างไร ยามนี้มีโอกาสงามๆ อยู่ตรงหน้า แม้ว่าเพื่อไม่ให้การฝึกฝนของร่างล่าช้า เลยไม่อาจแบ่งจิตวิญญาณดั้งเดิมมาฝึกฝนร่างแยกได้ แต่การหลอมร่างตัวแทนกลับเป็นเรื่องที่ทำได้ วันข้างหน้าก็สามารถให้ทารกวิญญาณควบคุมร่างวิญญาณต่อกรกับศัตรูได้แล้ว”   

 

 

หานลี่พบว่าของเหลววิญญาณในขวดเล็กลึกลับสามารถเพิ่มพลังยุทธ์ในร่างของเห็ดเซียนได้แล้ว ก็คิดออกว่าง่ายดายมาก คิดเพียงจะใช้ของเหลววิญญาณกระตุ้นร่างวิญญาณร่างนี้ ดูว่าสุดท้ายจะพัฒนาไปอยู่ในระดับผสานอินทรีย์ได้หรือไม่  

 

 

แม้จะเป็นแค่สิ่งที่มีเพียงพลังปราณ แต่ไม่มีระดับ ‘ขั้นครึ่งศักดิ์สิทธิ์’ แต่เมื่อทารกวิญญาณของเขาสิงเข้ากับกายเปลือกนอกเพื่อต่อกรกับศัตรูแล้ว อาศัยอิทธิฤทธิ์ที่มีอยู่มากมายของตนและพลังปราณสะท้านฟ้าของร่างวิญญาณ ก็ไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ใดๆ แล้ว  

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นพลังปราณของร่างตัวแทนวิญญาณนี้อาจจะเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง หากสุดท้ายแล้วมีพลังปราณสะท้านฟ้าเทียบเท่ากับระดับมหายาน เขาที่อยู่ในแดนวิญญาณก็แทบจะไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดแล้ว   

 

 

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมมุติฐานของเขา  

 

 

ไม่รู้เพราะเหตุใด เขาถึงรู้สึกว่าไม่อาจมีเรื่องที่เหนือชั้นสุดๆ เช่นนี้ได้ บางทีร่างของวิญญาณนี้อาจจะทำได้เพียงทำให้ลมปราณอยู่ในระดับผสานอินทรีย์หรือแม้กระทั่งหลอมสุญตาขั้นปลายเท่านั้น   

 

 

ถึงอย่างไรเสียเขาใช้ของเหลววิญญาณขวดเล็กกระตุ้นไผ่อัสนีทองหมื่นปีนั้น ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แล้ว   

 

 

มีตัวอย่างที่พิเศษเช่นนี้อยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าหานลี่ย่อมไม่กล้ายืนยันว่าร่างของเห็ดเซียนดูดซับของเหลวนี้ไปแล้วจะมีขีดจำกัดหรือไม่  

 

 

และยิ่งไปกว่านั้นการใช้ของเหลววิญญาณเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณบริสุทธิ์สะสมอยู่ในร่างเปลือกจนอยู่ในระดับที่มั่นคงแล้ว จะต้องหลอมจุดตันเถียนและลมปราณตามชีพจรถึงจะสำเร็จได้  

 

 

ร่างของเห็ดเซียนนี้ไม่อาจทำเรื่องนี้ได้เอง  

 

 

โชคดีที่ภายใต้สติปัญญาที่รีบร้อนของเขา คาดไม่ถึงว่าจะคิดอีกวิธีขึ้นมาได้  

 

 

หานลี่ครุ่นคิดมาถึงตรงนี้มุมปากก็เผยรอยยิ้มออกมา และออกคำสั่งกับ ‘หานลี่’ ท่ามกลางลำแสงสีม่วงว่า  

 

 

“ฉู่เอ๋อร์ ที่ผ่านมาต้องรบกวนเจ้าแล้ว เจ้าเองก็ออกมาจากร่างรองเถิด ไม่ต้องหลอมพลังวิญญาณในนั้นชั่วยาม จากนี้หนึ่งเดือน ข้าจะหยุดกระตุ้นสมุนไพรวิญญาณทั้งหมด และนำของเหลววิญญาณทั้งหมดไปใส่ในร่างแทนวิญญาณ จากนี้เจ้าก็ค่อยๆ หลอมพลังวิญญาณเหล่านี้ช้าๆ เถิด”   

 

 

“เจ้าค่ะ คุณชาย”  

 

 

เสียงไพเราะนุ่มนวลดังออกมาจากร่างเปลือกของเห็ดเซียน จากนั้นเห็น ‘หานลี่’ ที่อยู่ในลำแสงสีม่วง ตบไปที่หน้าผากของตนเอง สองตาปิดลง ในเวลาเดียวกันลำแสงสีขาวก็บินออกมาจากด้านใน หมุนตัวกลางอากาศ คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเด็กหญิงอายุหกเจ็ดขวบ  

 

 

สวมชุดกระโปรงสีขาวหิมะ เรือนผมถักเปียสีดำสนิท เผยความน่ารักน่าเอ็นดูออกมาเป็นอย่างยิ่ง!   

 

 

หานลี่เห็นเด็กหญิงปรากฏกาย ก็หัวเราะแล้วเอ่ยว่า  

 

 

“ครั้งนี้ต้องเข้าไปในแดนกว้างเย็น เจ้าเองก็ไปกับข้าเถิด ข้าจะพาร่างของเจ้าไปด้วย ตอนนี้เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถิด”  

 

 

“คุณชาย ข้าไปได้ด้วยหรือ?” เด็กหญิงได้ฟังพลันดีอกดีใจ รอยยิ้มบนใบหน้าบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก  

 

 

“การเข้าไปในแดนกว้างเย็นของข้าในครั้งนี้ไม่รู้ว่าต้องพบกับเรื่องอันใดบ้าง ตอนนี้จิตวิญญาณดั้งเดิมของเจ้าก็อยู่ในระดับที่แปลงกายได้แล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่คนเดียวอย่างวางใจได้อย่างไร หากข้าจากไปแล้วมีใครบุกเข้ามาในถ้ำพำนักก็แย่เลย” หานลี่เอ่ยอย่างอ่อนโยน  

 

 

“ดีจัง ไม่รู้เพราะเหตุใด หลังจากที่ข้าเปลี่ยนรูปร่างเป็นเช่นนี้ ไม่เพียงสมองจะดีมาก ตอนนี้ยังอยากออกไปดูข้างนอกด้วย” เด็กหญิงเอ่ยด้วยความดีใจ  

 

 

“หึๆ เจ้าเพิ่งจะเบิกเนตรได้ไม่นาน คิดเช่นนี้ก็ไม่แปลกอันใด ทว่าช่วงเวลานี้เจ้าต้องอยู่ในสวนสมุนไพรก่อน อย่าให้ผู้ใดพบเห็น ช่วงเวลานี้เกรงว่าถ้ำพำนักของข้าคงจะไม่สงบสุขนัก” หานลี่เอ่ยอย่างเคร่งขรึม  

 

 

“น้อมรับคำบัญชา ฉู่เอ๋อร์จะไปพักผ่อนในสวนสมุนไพร” เด็กหญิงได้ยินว่าในถ้ำพำนักอาจจะมีคนนอกเข้ามา ก็อดที่จะใจเต้นไม่ได้ ทันใดนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ากังวลพลางเอ่ยออกมา  

 

 

จากนั้นร่างของเด็กหญิงก็รางเลือน กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปด้านล่างอีกครั้ง แค่กะพริบวาบก็จมหายเข้าไปในใต้ดินอย่างไร้ร่องรอย  

 

 

แน่นอนว่าเด็กหญิงผู้นี้คือจิตวิญญาณดั้งเดิมของโสมวิญญาณสลับฟันปลา  

 

 

ตอนแรกเห็ดเซียนเคยบอกเอาไว้ว่าจะเบิกเนตรให้โสมวิญญาณสลับฟันปลาเร็วหน่อย และถ่ายทอดสิ่งต่างๆ ให้มัน  

 

 

แต่หานลี่คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เห็ดเซียนเข้าสู่วัฏสงสารแค่หนึ่งปี  จิตวิญญาณดั้งเดิมของร่างกระต่ายขาวก็กลายเป็นเด็กผู้หญิง  

 

 

ดูแล้วนอกจากสิ่งที่เห็ดเซียนพูดแล้ว คงจะมอบประโยชน์ให้นางอีกอย่างแน่นอน ถึงได้ทำให้พัฒนาระดับได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้   

 

 

แน่นอนว่าหานลี่ย่อมรู้สึกยินดีกับเรื่องเช่นนี้  

 

 

และการเบิกเนตรให้โสมวิญญาณสลับฟันปลา พร้อมกับตั้งชื่อให้ว่า ‘ฉู่เอ๋อร์’  

 

 

จากนั้นเขาก็พบว่าเป็นเพราะฉู่เอ๋อร์เป็นสมุนไพรวิญญาณฟ้าดินเช่นกัน จึงสามารถเข้าไปอยู่ในร่างเปลือกของเห็ดเซียนได้ และสามารถควบคุมพลังปราณมหาศาลในร่างได้  

 

 

ส่วนขั้นตอนกลางหลอมพลังวิญญาณนั้น ร่างของฉู่เอ๋อร์ก็ได้ประโยชน์จากไอวิญญาณหนาแน่นที่บริสุทธิ์ไม่น้อย  

 

 

เช่นนั้นแน่นอนว่าเขาจึงยกเรื่องร่างหลอมพลังวิญญาณในร่างของเห็ดเซียนให้เด็กหญิงทำเสียเลย  

 

 

ผลคือระยะเวลาสองปีก็ทำได้ไม่เลว ทำให้เขาพึงพอใจเป็นอย่างมาก  

 

 

ยามนี้หานลี่เห็นเด็กหญิงจากไป ก็หัวเราะน้อยๆ ออกมา มือหนึ่งตะปบไปยัง ‘ร่างเปลือก’ กลางอากาศ  

 

 

ชั่วขณะนั้นหมอกสีเทาพลันหมุนวน ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มร่างวิญญาณนี้เอาไว้  

 

 

ร่างของเห็ดเซียนที่อยู่ในลำแสงสีม่วงหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็มีขนาดสองสามชุ่น ม่านลำแสงหมุนวนกลับ พาร่างวิญญาณมาอยู่ตรงหน้าของหานลี่ และจมหายเข้าไปในแขนเสื้ออย่างไร้ร่องรอย  

 

 

หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จ สายตาของหานลี่ก็กวาดไปยังห้องลับที่ว่างเปล่า แล้วหันกายไปอย่างไม่ลังเล สาวเท้ายาวๆ ไปยังประตูใหญ่  

 

 

หนึ่งเดือนต่อมาหานลี่ก็มาปรากฏตัวในร้านค้าต่างๆ ในเมืองเมฆา และเริ่มรวบรวมวัตถุดิบและยุทธภัณฑ์ที่ค่อนข้างหายาก  

 

 

และจากนั้นสองสามวันต้วนเทียนเริ่นและเชียนจีจื่อพร้อมพวกก็มาหาเขาถึงประตูถ้ำพำนัก โดยไม่รู้ว่าหานลี่พูดอันใด แต่หลังจากผ่านไปครึ่งวันก็จากไปด้วยสีหน้าพึงพอใจ  

 

 

เวลาหนึ่งเดือนย่อมไม่ยาวนานนัก ชั่วพริบตาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว  

 

 

วันนี้หานลี่กำลังนั่งสมาธิหลับตาอยู่ในห้องโถง ฉับพลันนั้นลำแสงสีแดงสายหนึ่งก็บินเข้ามาในห้องลับ และวนล้อมรอบเขาพลางเริงระบำไปมา  

 

 

เขาเลิกคิ้วขึ้นยกมือขึ้นดูดลำแสงสีแดงเข้ามาอยู่ในมือ จากนั้นก็แทรกจิตสัมผัสเข้าไป ตรวจสอบมัน  

 

 

“ในที่สุดก็เริ่มแล้ว” หานลี่เอ่ยกับตนเองด้วยเสียงแผ่วเบา ฉับพลันนั้นพลันลุกขึ้นเดินออกไปด้านนอกถ้ำพำนัก   

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด