A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1723 เฉียนคุนกลับตาลปัตร

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1723 เฉียนคุนกลับตาลปัตร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขาย่อมไม่รู้ว่าหานลี่นั้นดีใจเป็นอย่างมาก

แม้ว่าเขาจะรู้ว่าหลังจากที่ร่างทองพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์ถูกพลังลึกลับหลอมไปแล้วจะต้องไม่เหมือนกับอดีต แต่ก็คิดไม่ถึงว่าแค่ลองทดสอบ ร่างทองก็สำแดงอิทธิฤทธิ์ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ออกมา

คาดไม่ถึงว่าจะสามารถชิงสมบัติของอีกฝ่ายได้!

แม้ว่าการแย่งชิงนี้จะเกิดขึ้นโดยที่เขาไม่ได้ตั้งใจ และยิ่งไปกว่านั้นที่แย่งชิงมาก็ไม่ใช่สมบัติประจำกายของอีกฝ่าย แต่ก็ทำให้ตกตะลึงได้ไม่น้อยแล้ว

หานลี่ฝืนระงับความดีใจเอาไว้ มือหนึ่งตบไปที่หน้าผาก

เสียง “สวบ” ดังขึ้น ลำแสงสีดำลูกหนึ่งบินออกมาจากศีรษะของเขา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในร่างทอง

ใบหน้าของร่างทองเปล่งแสงสีดำสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นร่างกายพลันพลิ้วไหว แล้วจมหายเข้าไปในม่านลำแสงสีเขียวพลางหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

หานลี่พลันเอ่ยปากตอบรับ พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป จมหายวับเข้าไปในม่านลำแสง

ชายหนุ่มเขาทองในเขตอาคมกระบี่ที่เดิมมีสีหน้าตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวพลันร่ายอาคมอย่างรวดเร็ว หมายจะเรียกไม้สีเงินนั้นกลับมา แต่หลังจากพบการกระทำของร่างทองและหานลี่ ใบหน้าพลันซีดขาว ก่อนจะเปลี่ยนกลับมาเย็นชาดังเดิม

เขาพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมา กระจายอาคมในมือออก เสียงร้องตะโกนดังขึ้น สั่นหัวไหล่ แผ่นหลังมีเทวรูปยักษ์สีฟ้าปรากฏออกมา

เทวรูปนี้สูงห้าหกจั้ง แต่เรือนกายกลับเต็มไปด้วยเกล็ด สองตาแดงสดดุจโลหิต เหนือศีรษะและแขนขาทั้งมีกระดูกแหลมราวกับเขาวัวงอกออกมาเต็มไปหมด ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง

สิ่งที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ!

สองมือของเทวรูปจะถือสมบัติประหลาดๆ เอาไว้ข้างละชิ้น

ชิ้นหนึ่งคือค้อนประหลาดด้ามยาวมีหัวอสูรประหลาดสามหัวสลักอยู่

อีกชิ้นหนึ่งคือกระจกใสแจ๋ว แต่พลันมีป้ายโล่สามเขาม้วนวนออกมาจากเปลวเพลิงสีแดงสด

ชายหนุ่มหรี่ตาทั้งสองข้างลง มือหนึ่งร่ายอาคมประหลาดๆ ออกมา พลางบริกรรมคาถาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ เห็นอิทธิฤทธิ์ของหานลี่เหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้ ในที่สุดก็โยนความดูแคลนแต่เดิมทิ้งไปอย่างไร้ร่องรอย

ในที่สุดก็เริ่มจะเอาจริงเอาจังแล้ว

ทว่าในเมื่อเขาถูกเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์ล้อมเอาไว้ หานลี่จะปล่อยให้เขาสำแดงออกมาง่ายๆ ได้อย่างไร

หลังจากที่หานลี่มีสีหน้าเย็นชาฉายแวบผ่าน ก็กระตุ้นคาถากระบี่ในใจอีกครั้ง

ท่ามกลางม่านลำแสงสีเขียวรอบๆ เขตอาคมกระบี่ ลำแสงพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ดอกบัวสีเขียวทยอยกันทะลักออกมา จากนั้นก็กลายเป็นเงาดอกบัวจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้าไปในเขตอาคมกระบี่

ยามนั้นทั้งเขตอาคมกระบี่ล้วนเต็มไปด้วยดอกบัวสีเขียวที่กำลังเริงระบำ ดอกบัวน้อยใหญ่ บางดอกตูม บางดอกบาน และบางดอกกำลังผลิกลีบ สิ่งที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือชั่วพริบตาที่ดอกบัวสีเขียวปรากฏตัว กลิ่นอายเข้มข้นก็ตลบอบอวลไปทั่วเขตอาคมกระบี่ และทำให้ทัศนียภาพตรงหน้าดูเหมือนภาพลวงตา หากไม่ระวังก็อาจจะตกอยู่ในทัศนียภาพอันงดงามจนไม่อาจถอนตัวได้

ทว่าชายหนุ่มเขาสีทองมองดอกบัวสีเขียวเหล่านั้น ก็ไม่ได้ถูกทัศนียภาพอันงดงามหลอกลวง กลับกลอกตามองเครื่องมือสังหารที่ซ่อนอยู่ในดอกบัวสีเขียวเหล่านั้นออก สีหน้าเคร่งขรึม เทวรูปสีฟ้าที่ปรากฏตัวขึ้นที่แผ่นหลังทำให้ดอกบัวสีเขียวที่กำลังร่อนลงมาสั่นเทา

หัวของอสูรประหลาดสามหัวฝังอยู่บนค้อน สองตาลืมขึ้นอ้าปากออกอีกครั้ง

พายุหมุนสีขาว ทะเลเพลิงสีแดงสด ประจุไฟฟ้าสีเงินทะลักออกมาจากค้อน

เพลิงอาศัยพลังพายุ พายุอาศัยหางอัสนี ชั่วพริบตาทั้งสามก็กลายเป็นคลื่นยักษ์สามสี ม้วนวนไปกลางอากาศอย่างดุดัน

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น ดอกบัวสีเขียวที่กำลังเริงระบำเหล่านั้นก็เปล่งแสงสีเขียวสว่างวาบ กลายเป็นเงากระบี่สีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วน พุ่งลงมาอย่างมืดฟ้ามัวดิน

กระบี่ลำแสงและระลอกคลื่นลำแสงสามสีโจมตีเข้าด้วยกัน

แม้ว่าด้ามค้อนยาวเหล่านี้จะเป็นสมบัติวิเศษที่หายากมาก แต่กระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทั้งเจ็ดสิบสองเล่มก็มีอานุภาพที่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับหลอมสุญตาขั้นต้นไม่อาจเทียบเทียมได้ เมื่อพลังยุทธ์ของหานลี่เพิ่มขึ้นในยามนี้และได้อาศัยพลังของเขตอาคมกระบี่ช่วยเหลือ

แม้ว่าจะเป็นแค่เงากระบี่ที่ปล่อยออกมาจากกระบี่บินทั้งหมด แต่ทุกสายก็มีอานุภาพไม่ด้อยไปกว่ากระบี่บินที่แท้จริง หลังจากที่กระหน่ำลงมาราวกับพายุฝน คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ระลอกคลื่นยักษ์ทั้งสามสีล่าถอยไป ยามนั้นไม่อาจต้านทานได้

ชายหนุ่มพลันตกตะลึงไปเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็แค่นเสียงอย่างเย็นชา

เทวรูปสีฟ้าขยับแขน โยนโล่สามเขาไปกลางอากาศ

สมบัติที่แค่มองก็รู้ว่าคือธาตุเพลิง หมุนวนรอบหนึ่งแล้วกลายเป็นเพลิงเมฆาขนาดสองสามหมู่ รองด้านบนเอาไว้

ภายใต้เมฆาเพลิงที่กำลังหมุนวน กำปั้นเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนและหมอกลำแสงสีแดงสดก็ม้วนวนเข้าด้วยกัน

เงากระบี่จำนวนนับไม่น้อยสัมผัสกัน ชั่วพริบตาก็ถูกพลังของเมฆาเพลิงทำให้หายวับไป

อุณหภูมิของเขตอาคมกระบี่เปลี่ยนไป ราวกับทำให้คนตกอยู่ในเตาหลอมอย่างไรอย่างนั้น

เมื่อเมฆาเพลิงร่วมมือกันระลอกคลื่นสามสีที่ปล่อยออกมาจากค้อนประหลาด ก็ปกป้องชายหนุ่มเอาไว้อย่างแน่นหนา ปล่อยให้พายุหมุนกระบี่ลำแสงกระหน่ำลงมา แต่กลับไม่ต้านทานเอาไว้ไม่ปล่อยให้ตกลงมาเลยสักสาย

ราวกับแข็งแกร่งมากจนไม่สามารถทำให้แตกได้อย่างไรอย่างนั้น!

และในยามนั้นเองม่านลำแสงสีเขียวด้านหลังของชายหนุ่มก็แยกออก มือยักษ์สีทองข้างหนึ่งตะปบออกมาราวกับพัด

มือยักษ์ไม่ทันได้ตะปบไป นิ้วทั้งห้าก็เปล่งเสียง “สวบ” ดังออกมา พลังมหาศาลไร้รูปร่างห่อหุ้มมาที่ชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขา

ชายหนุ่มรู้สึกเพียงว่าอากาศตึงแน่น รอบด้านเปลี่ยนเป็นเหมือนกับเหล็กกล้าอย่างไรอย่างนั้น รัดร่างกายของเขาเอาไว้แน่น ภายใต้การดิ้นรนนั้นกลับไม่ขยับเลยสักนิด

มือสีทองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาอยู่เหนือศีรษะของเขา และตะปบลงมาอย่างไม่เกรงใจ

ในเวลาเดียวกัน ม่านลำแสงสีเขียวอีกด้านก็เปล่งแสงสีเงินสว่างวาบ วิหคเพลิงสีเงินขนาดสองสามจั้ง สยายปีกออกแล้วพุ่งออกมา อ้าปากออก พ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา

เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายเช่นนี้ ชายหนุ่มเผ่าเขาแมลงกลับมีสีหน้าไม่ร้อนรนเลยสักนิด แม้กระทั่งมุมปากยังเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา ปากพลันบริกรรมคาถาไม่หยุด พ่นเปลวเพลิงเจ็ดสีออกมา

ลำแสงวิญญาณเจ็ดสีหมุนวนโคจร ระฆังโปร่งใสสีขาวหิมะปรากฏขึ้น

เสียง “เคร้ง” ราวกับเสียงวิหคเพรียกดังขึ้น เรื่องที่น่าเหลือเชื่อพลันปรากฏออกมา

ชั่วพริบตาที่หานลี่ซึ่งอยู่นอกเขตอาคมกระบี่ ได้ยินเสียงเพรียกนั้น สติสัมปชัญญะก็สั่นคลอน จากนั้นทัศนียภาพรอบด้านก็รางเลือน ไม่รู้เพราะเหตุใด คาดไม่ถึงว่าหัวจะตกลงพื้น สองเท้าชี้ขึ้นฟ้า

ไม่ใช่แค่นั้นทั้งเขตอาคมกระบี่รวมทั้งทุกอย่างในเขตอาคมกระบี่ล้วนมีเรื่องประหลาดเช่นนี้เกิดขึ้น

กระบี่ลำแสงที่เดิมพุ่งลงไปด้านล่าง พลันเอียงไป กลับพุ่งไปด้านข้างม่านลำแสงสีเขียว ระเบิดเสียงดังสนั่นออกมา

และเมื่อเห็นมือยักษ์สีทองร่อนลงมาที่หน้าผากของอีกฝ่าย อากาศด้านหลังก็บิดเบี้ยวอย่างไม่รู้สาเหตุ ชายหนุ่มเขาสีทองหายวับไป กลับมีวิหคเพลิงสีเงินปรากฏขึ้นด้านล่างห่างออกไปสิบกว่าจั้งแทน

มือสีทองตะปบไปที่ขนนกเพลิงยาวสองสามเส้นของวิหคยักษ์สีเงิน

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น เปลวเพลิงสีเงินม้วนวนมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ห่อหุ้มฝ่ามือสีทองเอาไว้ข้างใน

ส่วนวิหคตัวนี้พลันพ่นเปลวเพลิงสีเงินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ใดก็สุดจะรู้ได้

หานลี่อดที่จะตกตะลึงไม่ได้ ไม่ทันได้ขบคิดร่างกายพลันพลิ้วไหว ทันใดนั้นก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

ในยามนั้นเองเสียงกรีดร้องพลันดังขึ้น เขตอาคมกระบี่ทั้งเขตราวกับได้รับผลกระทบจากพลังลึกลับ ม่านลำแสงสีเขียวบิดเบี้ยว ทันใดนั้นก็ปริแตกออกเป็นเสี่ยงๆ

ลำแสงสีเขียวหม่นแสงลง หลังจากที่บรรยากาศรอบด้านพลิ้วไหว ก็เผยกระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มออกมา

คาดไม่ถึงว่าเขตอาคมกระบี่หลากวสันต์จะถูกสับออกอย่างง่ายดายเช่นนี้

ร่างทองและวิหคเพลิงสีเงินกลับนิ่งงันอยู่ที่เดิมอย่างตกตะลึง ยามนั้นล้วนมีท่าทีทำอันใดไม่ถูก

ฉากนี้ทำให้หานลี่พลันตกตะลึง

ระฆังใบนั้นเป็นสมบัติอันใด คาดไม่ถึงว่าจะมีอิทธิฤทธิ์เฉียนคุนกลับตาลปัตรในตำนาน ยามที่ระฆังดังขึ้น เขาดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงพลังของหลักเกณฑ์แฝงอยู่

“หรือว่าสมบัติชิ้นนี้จะเป็น…”

หานลี่หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามครั้ง ทว่าถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนธรรมดา รูม่านตาเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ กวาดมองอากาศรอบด้านในรัศมีสองสามร้อยจั้งทันที

ผลคือสายตาพลันหดเล็กลง จ้องเขม็งไปยังจุดที่ไร้ผู้คน หว่างคิ้วมีไอสีดำปรากฏขึ้น เทวรูปสีดำสนิทราวกับน้ำหมึกปรากฏขึ้นในทันที

เสาลำแสงขนาดเท่าหัวแม่มือเปล่งแสงสว่างวาบแล้วพ่นออกมา พลางพลิ้วไหวแล้วจมหายไปกลางอากาศ

หลังจากเสียง “ตูม” ดังขึ้น ชายหนุ่มเขาสีทองก็ซวนเซไป ร่างที่ค่อนข้างจนตรอกปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ

“เนตรทำลายล้าง”

เมื่อชายหนุ่มเห็นดวงตาปีศาจที่สามตรงหว่างคิ้วของหานลี่ ก็ร้องอุทานออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง

ร่างของเขามีเกราะสงครามสีฟ้าปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดจะรู้ได้ เมื่อยืนได้อย่างมั่นคง ก็สะบัดแขนเสื้อ

ลำแสงสีฟ้าที่แผ่นหลังเปล่งแสงสว่างวาบ เทวรูปยักษ์ถือสมบัติสองชิ้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

ชายหนุ่มตะปบมือไปกลางอากาศ ลำแสงวิญญาณเจ็ดสีเปล่งแสงสว่างวาบ ระฆังสีขาวบริสุทธิ์ปรากฏขึ้น และถูกมันใช้มือรองเอาไว้

ชั่วพริบตาที่ระฆังอยู่ในมือของเผ่าแมลงมีเขาผู้นี้ สีหน้าตกตะลึงพลันหายไป กลับมองหานลี่ด้วยแววตาที่เปล่งประกายไม่หยุด

หานลี่มีสีหน้าไร้ความรู้ ร่างทองและวิหคเพลิงกลืนวิญญาณกวักมือ ชั่วขณะนั้นทั้งสองพลันเปล่งแสงสว่างวาบ ล้วนมาปรากฏตัวข้างกายอย่างแปลกประหลาด

แทบจะในเวลาเดียวกันนั้น กระบี่บินสีเขียวเจ็ดสิบสองเล่มที่ลอยอยู่กลางอากาศก็สั่นเทา ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวยี่สิบสามสิบสายอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน ตรงไปหาชายหนุ่มเผ่าแมลงมีเขา

เสียงแหวกอากาศดัง “สวบๆ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงเจ็ดสิบสองเล่มย้ายมาอยู่ตรงหน้าของชายหนุ่มในทันที และสับลงมาอย่างรุนแรง

ความเร็วของกระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาทำให้ชายหนุ่มเขาทองตากระตุก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกระบี่ลำแสงจำนวนมากขนาดนี้กลับไม่คิดจะรออันใด แค่ยื่นนิ้วออกไปดีดระฆัง

เสียง “เคร้ง” ดังขึ้น ระลอกคลื่นสีขาวทะลักออกมาจากระฆัง พุ่งไปหากระบี่ลำแสงยี่สิบสามสิบสาย

เมื่อทั้งสองสัมผัสกัน กระบี่ลำแสงยี่สิบสามสิบสายพลันเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วทยอยกันหยุดชะงักกลับคืนร่างเป็นกระบี่บินยาวสองสามฉื่อดังเดิม จากนั้นก็สยายระลอกคลื่นออกมาอีกครั้ง กระบี่บินทั้งหมดแตกออกเป็นเสี่ยงๆ อย่างเงียบเชียบ สุดท้ายก็หายวับไป

หานลี่มองเห็นทุกอย่างก็มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แต่รูม่านตากลับหดเล็กลง

เมื่อครู่เขาใช้อิทธิฤทธิ์เนตรวิญญาณมองเห็นอย่างชัดเจน

ตั้งแต่ที่ระฆังปล่อยระลอกคลื่นสีขาวอันใดนั่นออกมา นั่นเกิดจากลำแสงในรอยแยกของห้วงมิติเวลาจำนวนนับไม่ถ้วนเท่านั้น

รอยแยกเหล่านี้และรอยแยกห้วงมิติเวลาธรรมดาๆ นั้นไม่เหมือนกัน ภายใต้การควบคุมของระฆังนั้นมันปรากฏขึ้นแล้วหายวับไปอย่างรวดเร็ว

แม้ว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาจะแหลมคมมาก แต่จะต้านทานความแหลมคมของพลังห้วงมิติเวลาได้อย่างไร ชั่วพริบตาก็ถูกสับออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด