A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1850 การต่อสู้ของร่างแปลงจิตวิญญาณ (ตอนปลาย)

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1850 การต่อสู้ของร่างแปลงจิตวิญญาณ (ตอนปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หานลี่มองเห็นสถานการณ์นี้ ก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง

เจ้าของร้านอวี๋ไม่เพียงปล่อยลำแสงเทวะห้าสีที่ร้ายกาจออกมา ยามนี้หลังจากที่รวมร่างกับเทวรูปนกยูงแล้วพลังยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นอีกสองขั้น

อิทธิฤทธิ์นี้มันจะน่าตกตะลึงเกินไปหน่อยกระมัง

ดูแล้วนี่ถึงจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของอีกฝ่าย ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางทั่วๆ ไปพบกับความแปลกประหลาดนี้ อย่าพูดถึงอยากสังหารบุรุษร่างกายผ่ายผอมเลย กลับจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก

หานลี่รู้สึกตกตะลึง แต่หากจะกล่าวว่าหวาดกลัวอันใดกลับไม่ใช่

และยิ่งไปกว่านั้นในเมื่ออีกฝ่ายสำแดงเครื่องมือสังหารออกมา แน่นอนว่าย่อมมีเจตนาอยากตัดสินความเป็นความตายกับเขา ต่อให้ยามนี้เขาอยากหยุด เกรงว่าเจ้าของร้านอวี๋ผู้นี้ก็คงไม่ตกลง

“เยี่ยม เยี่ยมมาก! เช่นนั้น ผู้แซ่หานก็จะเอาของออกมา ถึงจะทำให้สหายไม่ดูแคลน”

เสียงเย็นชาดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นหานลี่ที่กลายเป็นนกยูงห้าสีก็มีลำแสงสีทองห่อหุ้มร่าง จากนั้นสีทองพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วพริบตาสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาอีกชนิดหนึ่งก็ปรากฏกลางอากาศ

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวานรยักษ์สีทองดวงตาทั้งสองดุจระฆังทองแดง เรือนกายสีทองเรืองรองตัวหนึ่ง!

หานลี่ในยามนี้เปลี่ยนคาถาเปลี่ยนร่างเป็นวานะภูเขายักษ์ที่ตนคุ้นเคยที่สุดในตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง

ยามนี้เขาที่แปลงเป็นวานรยักษ์มีส่วนสูงไม่น้อยกว่าร้อยจั้ง แขนขาทั้งสี่หนาราวกับเสายักษ์ เมื่อกางแขนทั้งสองข้างออกก็ดูเหมือนพัดขนาดใหญ่สองเล่มร่วงลงมาจากท้องฟ้า โจมตีไปยังนกยูงห้าสีที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่เกรงใจ

เสียง “ปังๆ” ดังขึ้นสองครั้ง!

เสียงระเบิดสองกลุ่มดังขึ้น ยามที่ฝ่ามือยักษ์ส่งเสียงหวีดร้องที่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันพลังมหาศาลราวกับภูเขาขนาดย่อมสองกลุ่มก็กดลงมาอย่างรุนแรง

เจ้าของร้านอวี๋ย่อมตกตะลึง แต่ไม่ทันได้ขบคิด ลำแสงเทวะห้าสีก็หมุนวนรอบกาย ชั่วพริบตาก็กลายเป็นม่านลำแสงห้าสีพุ่งไปหาพลังมหาศาล

ลำแสงเทวะห้าสีมหัศจรรย์มาก ตามหลักการแล้วย่อมกำจัดพลังมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่หลังจากที่หานลี่แปลงกลายเป็นวานรยักษ์ พลังมหาศาลทั้งหมดที่มีก็คือพลังพรสวรรค์ชนิดหนึ่งของหมื่นวิญญาณ เหนือกว่าที่เจ้าของร้านอวี๋จะจินตนาการได้

เห็นเพียงเสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น ม่านลำแสงห้าสีสั่นเทาอย่างรุนแรง สองจุดบุ๋มลึกลงไป และเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงปริแตกเป็นเสี่ยงๆ ออกมา

เจ้าของร้านอวี๋ใจเต้น แต่นกยูงยักษ์ย่อมไม่รอคอยการโจมตีอยู่ที่เดิม มันกระพือปีกอย่างไม่ลังเลอีก

ชั่วขณะนั้นรัศมีห้าสีรอบกายก็เปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของนกยูงห้าสีขนาดยักษ์กลายเป็นหมอกลำแสงหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

วานรสีทองเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ดวงตาทั้งสองข้างพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ เท้าทั้งสองเหยียบลงไป ร่างกายมหึมาพลิ้วไหว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาห่างจากพวกเขาไปสองสามร้อยจั้ง ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของนกยูงห้าสีพลันปรากฏตัวขึ้นก่อน

แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน เหนือศีรษะของมันก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ ร่างมหึมาของวานรยักษ์ก็ก้าวออกมาจากกลางอากาศเช่นกัน

และยิ่งไปกว่านั้นยังมีสีหน้าโหดเหี้ยม กำปั้นทั้งสองทุบลงมาด้านล่างอีกครั้งอย่างแรง

ชั่วพริบตานั้นเงากำปั้นจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ และส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงพลางพุ่งเข้าไปหานกยูงห้าสี ส่วนเงากำปั้นที่กลายเป็นระลอกคลื่นสีทองก็ถูกย้อมจนกลายเป็นสีเหลืองทองกว่าครึ่ง ในเวลาเดียวกันสิ่งมหึมาสองสิ่งที่อยู่กลางอากาศ ก็พยายามดิ้นรนจนสั่นคลอน ราวกับว่าจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆก็ไม่ปาน

แม้ว่านกยูงห้าสีจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ แต่ความรวดเร็วกลับเหนือกว่าปกติ เสียงเพรียกดังขึ้น ลำแสงห้าสีที่วนโคจรรอบกายรวมตัวกันกลายเป็นโล่สีสันงดงามจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วเรือนกาย ทุกใบมีขนาดแค่หนึ่งฉื่อ แต่พอทับซ้อนกันก็ห่อหุ้มร่างของวิหคตัวนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา

แม้ว่าเงากำปั้นสีทองจะดูเหมือนไม่อาจต้านทานได้ แต่เมื่อเข้ามาใกล้กับโล่จำนวนมากที่สร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกัน ก็แค่ส่งเสียงหวีดร้องแล้วปริแตก ทำได้เพียงโจมตีจนแตกได้แค่ส่วนเล็กๆ สุดท้ายก็สลายหายไป

ไม่ใช่แค่นั้นนกยูงห้าสีพลันส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงอีกครั้ง โล่ลำแสงที่เหลือเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นกระบี่บินห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกเล่มเปล่งแสงเย็นเยียบออกมา ท่าทางแหลมคมหาที่เปรียบ

กระบี่บินห้าสีปรากฏขึ้น ล้วนสั่นเทาแล้วพุ่งออกมา

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น กระบี่บินทั้งหมดทยอยกันกลายเป็นกระบี่ลำแสงห้าสี เปล่งแสงสว่างวาบพลางพุ่งไปที่วานรยักษ์ ชั่วพริบตาก็ทะลวงผ่านวานรตัวนี้จนเกิดเป็นรูพรุน

วานรยักษ์สีทองเห็นกำปั้นเงาไม่ได้ผล ก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นกระบี่ลำแสงห้าสีกำลังพุ่งเข้ามาเต็มท้องฟ้า ก็ร้องคำรามออกมากำปั้นขนาดยักษ์ทั้งสองทุบไปที่หน้าอกสามครั้ง

ชั่วขณะนั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับทองคำกระทบกัน

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ หลังจากที่เสียงดังขึ้นทุกครั้ง ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างของวานรยักษ์จะเข้มข้นขึ้นสองสามเท่า

หลังจากเสียงดังขึ้นสามครั้ง วานรยักษ์ไม่เพียงขนลุกชันราวกับหนาม มันยังเปลี่ยนเป็นเส้นตรง รัศมีสีทองสามชั้นทะลักออกมาจากเรือนร่าง

ในรัศมีสามชั้นไม่เพียงหนาขึ้นราวกับเหล็กกล้า ยังมีอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมเอาไว้ เผยความลึกลับออกมา

เคล็ดวิชานี้คืออิทธิฤทธิ์ป้องกันตัวที่หานลี่เพิ่งเรียนรู้ได้จากการแปลงกายเป็นวานรยักษ์ภูเขาหลังจากบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง ไม่ว่าอานุภาพก็ไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชาลับ ‘วงแหวนวัชระ’ ในตำนานของพุทธศาสนาเลยสักนิด

ชั่วพริบตาที่รัศมีสีทองสามชั้นปรากฏขึ้น กระบี่ลำแสงห้าสีทั้งหมดก็ทยอยกันสับลงมาราวกับดาวตก

พริบตานั้นไอกระบี่ก็ตัดสลับกันไปมา รัศมีสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นจนแสบตา ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นพลางเปล่งรัศมีออกมาจากเรือนร่าง

ลำแสงเทวะห้าสีที่กลายเป็นกระบี่บิน มีอานุภาพไม่ธรรมดาเลยสักนิด!

ทุกแห่งที่กระบี่ลำแสงประคับประคองอยู่ กลางอากาศจะทิ้งรอยบากสีขาวอ่อนเอาไว้ เมื่อสับลงมาที่รัศมีสีทอง ก็ทำให้อักขระสีทองด้านในถูกสับจนแหลกสลายไป

แม้ว่ารัศมีสามสีจะเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ลำแสงกว่าครึ่งก็สลายหายไป แต่กระบี่ห้าสีร้อยกว่าสายที่เหลือก็ยังคงเปล่งแสงสว่างวาบ สับลงมาที่ร่างของวานรยักษ์สีทองอย่างรุนแรง

ฉากที่ทำให้นกยูงยักษ์แทบจะตาถลนออกมาจากเบ้าปรากฏขึ้น!

ขนของวานรยักษ์สีทองลุกชัน ลำแสงสีทองชั้นหนึ่งไหลโคจรไปมา กระบี่ลำแสงห้าสีเหล่านั้นพุ่งมายังร่าง คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนกับสับไปยังของที่แข็งแกร่ง บ้างก็ดีดตัวออกมา บ้างก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำร้ายวานรยักษ์ได้เลยสักนิด!

ส่วนวานรยักษ์กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชาอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาทั้งสองฉายแววโหดเหี้ยม ไหล่ทั้งสองพลิ้วไหว แขนทั้งสองที่มีขนลุกชันโบกสะบัด คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ส่วนที่เหลือกว่าครึ่งสลายหายไป

ครู่ต่อมานกยูงห้าสีก็รู้สึกเพียงว่ากลางอากาศทั้งสองฝั่งมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ฝ่ามือสีทองสองข้างเปล่งแสงสว่างวาบพลางยื่นออกมา ตะปบปีกทั้งสองของวิหคตัวนี้เอาไว้

นกยูงยักษ์ใจหายวาบ แต่ก็ไม่ได้เผยสีหน้าลนลานออกมา กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา ปีกความยาวประมาณยี่สิบสามสิบจั้งทั้งสองกระพือเบาๆ ลำแสงวิญญาณห้าสีห่อหุ้มเอาไว้ กลายเป็นใบมีดยักษ์ห้าสีความยาวเท่ากันสองเล่ม ผิวเปล่งแสงเจิดจ้า ราวกับว่าใบมีดแหลมคมเทวะที่เป่าก็หัก และสับลงมาที่ฝ่ามือสีทองทั้งสองอย่างรุนแรง

ฝ่ามือสีทองทั้งสองเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่หวาดกลัวใบมีดยักษ์ของนกยูงห้าสีเลยสักนิด แค่หดนิ้วทั้งหมดกลายเป็นกำปั้นสีทองสองข้าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ใบมีดยักษ์

เสียง “ปังๆ” ดังสะเทือนเลื่อนลั่น!

จุดที่ใบมีดยักษ์ทั้งสองและกำปั้นสัมผัสกัน พลันระเบิดลำแสงเจิดจ้าออกมา ราวกับดวงอาทิตย์สองลูกปรากฏขึ้น

ร่างของนกยูงห้าสีสั่นเทา พุ่งออกไปอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน หลังจากบินกระเด็นออกไปร้อยกว่าจั้ง ถึงได้สยายปีกทั้งสองออกแล้วหยุดร่างกายเอาไว้ได้ แต่แววตาก็เต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง

วานรยักษ์สีทองที่อยู่สูงขึ้นไปกลับแค่ใช้กายครึ่งหนึ่งพลิ้วไหว ร่างกายกลับมามั่นคง เห็นได้ชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่วานรตัวนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบ

ทว่านั้นก็ไม่แปลก เดิมวานรยักษ์ภูเขาก็เป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่มีกายเนื้อแข็งแกร่ง ส่วนนกยูงห้าสีนั้นแม้ว่าชื่อเสียงจะไม่ด้อยไปกว่าวานรยักษ์ภูเขา แต่กลับมีชื่อเสียงในเรื่องลำแสงเทวะห้าสี หากพูดถึงพละกำลัง แน่นอนว่าย่อมเทียบกับวานรยักษ์ภูเขาไม่ได้

ส่วนวานรยักษ์ก็ถือโอกาสที่ร่างของนกยูงห้าสีไม่อาจมั่นคงได้ ร้องคำรามเสียงต่ำๆ ออกมา ร่างกายพลิ้วไหว แล้วพุ่งออกไปหานกยูงห้าสีราวกับลูกธนู แต่ระหว่างทางร่างกายก็รางเลือน แล้วหายวับไปอย่างไร้เงา

ยามนี้นกยูงห้าสีถึงได้ยืนได้อย่างมั่นคง เมื่อมองเห็นการกระทำของวานรยักษ์อยู่ไกลๆ แววตาก็ฉายแววโกรธเกรี้ยว เปล่งแสงสว่างวาบออกมา เขตอาคมห้าสีลึกลับทะลักออกมาจากเรือนร่าง ราวกับว่ากำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์อันใดสักอย่างอยู่

ทว่าการเคลื่อนไหวของมันกลับช้ากว่าวานรยักษ์ไปเสียแล้ว

ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของวานรยักษ์ปรากฏขึ้นใกล้กับนกยูงห้าสีแค่คืบ และแขนพลันรางเลือน กำปั้นสีทองข้างหนึ่งโจมตีไปยังร่างของนกยูงพร้อมเงา การเคลื่อนไหวรวดเร็วจนทำให้ไม่อาจหลบหลีกได้

เสียงอึกทึกดังขึ้น แม้ว่านกยูงห้าจะมีลำแสงห้าสีต้านทานอยู่ แต่ก็ยังคงถูกพลังมหาศาลปะทะเข้ากับร่าง

มันส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงด้วยความเจ็บปวดออกมา ร่างกายใหญ่โตร่วงลงมาราวกับดาวตก ในเวลาเดียวกันภายใต้พลังมหาศาลไร้รูปร่างก็ไม่อาจขยับกายได้เลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะถูกรัดเอาไว้

วานรยักษ์สีทองยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดยั้ง สองมือตะปบออกไปกลางอากาศ ในมือมีลำแสงสีทองสว่างวาบ กระบี่เล่มเล็กสีทองสามสิบหกเล่มปรากฏออกมา และพลิ้วไหว ชั่วพริบตานั้นก็กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีทองความยาวสิบกว่าจั้ง

ใบหน้าเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา ร่างของวานรยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง แล้วไล่ตามนกยูงห้าสีไปพร้อมกับเงา กระบี่ยักษ์สีทองในมือพลันขยับ

กระบี่ลำแสงหนาๆ จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ม้วนไปทางนกยูงห้าสีราวกับพายุหมุน

หลังจากนั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้น!

ร่างของวานรยักษ์หยุดอยู่กลางอากาศ นกยูงห้าสีกลับมีกระบี่ลำแสงห่อหุ้มอยู่ แล้วร่อนลงมาที่พื้นอย่างแรง กระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางอันน่าตกตะลึง

“เยี่ยมๆ เป็นเพราะนายท่านบีบข้า อย่ามาโทษว่าผู้แซ่อวี๋ทำให้มัจฉาตายตาข่ายขาด*[1]เลย!”

หานลี่ไม่ทันได้เห็นผลของการโจมตีของตนเอง ก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำๆ ด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวของเจ้าของร้านอวี๋ดังมา

[1] *มัจฉาตายตาข่ายขาด หมายถึง ต่อสู้กันจนตกตายไปทั้งสองฝ่าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1850 การต่อสู้ของร่างแปลงจิตวิญญาณ (ตอนปลาย)

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1850 การต่อสู้ของร่างแปลงจิตวิญญาณ (ตอนปลาย) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หานลี่มองเห็นสถานการณ์นี้ ก็สูดลมหายใจเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง

เจ้าของร้านอวี๋ไม่เพียงปล่อยลำแสงเทวะห้าสีที่ร้ายกาจออกมา ยามนี้หลังจากที่รวมร่างกับเทวรูปนกยูงแล้วพลังยุทธ์ก็เพิ่มขึ้นอีกสองขั้น

อิทธิฤทธิ์นี้มันจะน่าตกตะลึงเกินไปหน่อยกระมัง

ดูแล้วนี่ถึงจะเป็นที่พึ่งที่แท้จริงของอีกฝ่าย ผู้บำเพ็ญเพียรระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลางทั่วๆ ไปพบกับความแปลกประหลาดนี้ อย่าพูดถึงอยากสังหารบุรุษร่างกายผ่ายผอมเลย กลับจะรักษาชีวิตเอาไว้ได้หรือไม่ก็เป็นเรื่องที่พูดยาก

หานลี่รู้สึกตกตะลึง แต่หากจะกล่าวว่าหวาดกลัวอันใดกลับไม่ใช่

และยิ่งไปกว่านั้นในเมื่ออีกฝ่ายสำแดงเครื่องมือสังหารออกมา แน่นอนว่าย่อมมีเจตนาอยากตัดสินความเป็นความตายกับเขา ต่อให้ยามนี้เขาอยากหยุด เกรงว่าเจ้าของร้านอวี๋ผู้นี้ก็คงไม่ตกลง

“เยี่ยม เยี่ยมมาก! เช่นนั้น ผู้แซ่หานก็จะเอาของออกมา ถึงจะทำให้สหายไม่ดูแคลน”

เสียงเย็นชาดังขึ้นกลางอากาศ จากนั้นหานลี่ที่กลายเป็นนกยูงห้าสีก็มีลำแสงสีทองห่อหุ้มร่าง จากนั้นสีทองพลันเปล่งแสงเจิดจ้า ชั่วพริบตาสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมาอีกชนิดหนึ่งก็ปรากฏกลางอากาศ

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นวานรยักษ์สีทองดวงตาทั้งสองดุจระฆังทองแดง เรือนกายสีทองเรืองรองตัวหนึ่ง!

หานลี่ในยามนี้เปลี่ยนคาถาเปลี่ยนร่างเป็นวานะภูเขายักษ์ที่ตนคุ้นเคยที่สุดในตื่นจากจำศีลแปลงกายสิบสองครั้ง

ยามนี้เขาที่แปลงเป็นวานรยักษ์มีส่วนสูงไม่น้อยกว่าร้อยจั้ง แขนขาทั้งสี่หนาราวกับเสายักษ์ เมื่อกางแขนทั้งสองข้างออกก็ดูเหมือนพัดขนาดใหญ่สองเล่มร่วงลงมาจากท้องฟ้า โจมตีไปยังนกยูงห้าสีที่อยู่ด้านล่างอย่างไม่เกรงใจ

เสียง “ปังๆ” ดังขึ้นสองครั้ง!

เสียงระเบิดสองกลุ่มดังขึ้น ยามที่ฝ่ามือยักษ์ส่งเสียงหวีดร้องที่ด้านล่าง ในเวลาเดียวกันพลังมหาศาลราวกับภูเขาขนาดย่อมสองกลุ่มก็กดลงมาอย่างรุนแรง

เจ้าของร้านอวี๋ย่อมตกตะลึง แต่ไม่ทันได้ขบคิด ลำแสงเทวะห้าสีก็หมุนวนรอบกาย ชั่วพริบตาก็กลายเป็นม่านลำแสงห้าสีพุ่งไปหาพลังมหาศาล

ลำแสงเทวะห้าสีมหัศจรรย์มาก ตามหลักการแล้วย่อมกำจัดพลังมหาศาลเช่นนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่หลังจากที่หานลี่แปลงกลายเป็นวานรยักษ์ พลังมหาศาลทั้งหมดที่มีก็คือพลังพรสวรรค์ชนิดหนึ่งของหมื่นวิญญาณ เหนือกว่าที่เจ้าของร้านอวี๋จะจินตนาการได้

เห็นเพียงเสียง “ปังๆ” ดังสนั่นขึ้น ม่านลำแสงห้าสีสั่นเทาอย่างรุนแรง สองจุดบุ๋มลึกลงไป และเปล่งแสงสว่างวาบไม่หยุด คาดไม่ถึงว่าจะส่งเสียงปริแตกเป็นเสี่ยงๆ ออกมา

เจ้าของร้านอวี๋ใจเต้น แต่นกยูงยักษ์ย่อมไม่รอคอยการโจมตีอยู่ที่เดิม มันกระพือปีกอย่างไม่ลังเลอีก

ชั่วขณะนั้นรัศมีห้าสีรอบกายก็เปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของนกยูงห้าสีขนาดยักษ์กลายเป็นหมอกลำแสงหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

วานรสีทองเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ดวงตาทั้งสองข้างพลันเปล่งแสงสีฟ้าสว่างวาบ เท้าทั้งสองเหยียบลงไป ร่างกายมหึมาพลิ้วไหว เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาห่างจากพวกเขาไปสองสามร้อยจั้ง ก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ร่างของนกยูงห้าสีพลันปรากฏตัวขึ้นก่อน

แต่แทบจะในเวลาเดียวกัน เหนือศีรษะของมันก็มีลำแสงสีทองสว่างวาบ ร่างมหึมาของวานรยักษ์ก็ก้าวออกมาจากกลางอากาศเช่นกัน

และยิ่งไปกว่านั้นยังมีสีหน้าโหดเหี้ยม กำปั้นทั้งสองทุบลงมาด้านล่างอีกครั้งอย่างแรง

ชั่วพริบตานั้นเงากำปั้นจำนวนมากก็ปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ และส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงพลางพุ่งเข้าไปหานกยูงห้าสี ส่วนเงากำปั้นที่กลายเป็นระลอกคลื่นสีทองก็ถูกย้อมจนกลายเป็นสีเหลืองทองกว่าครึ่ง ในเวลาเดียวกันสิ่งมหึมาสองสิ่งที่อยู่กลางอากาศ ก็พยายามดิ้นรนจนสั่นคลอน ราวกับว่าจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆก็ไม่ปาน

แม้ว่านกยูงห้าสีจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ แต่ความรวดเร็วกลับเหนือกว่าปกติ เสียงเพรียกดังขึ้น ลำแสงห้าสีที่วนโคจรรอบกายรวมตัวกันกลายเป็นโล่สีสันงดงามจำนวนนับไม่ถ้วนทั่วเรือนกาย ทุกใบมีขนาดแค่หนึ่งฉื่อ แต่พอทับซ้อนกันก็ห่อหุ้มร่างของวิหคตัวนี้เอาไว้อย่างแน่นหนา

แม้ว่าเงากำปั้นสีทองจะดูเหมือนไม่อาจต้านทานได้ แต่เมื่อเข้ามาใกล้กับโล่จำนวนมากที่สร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกัน ก็แค่ส่งเสียงหวีดร้องแล้วปริแตก ทำได้เพียงโจมตีจนแตกได้แค่ส่วนเล็กๆ สุดท้ายก็สลายหายไป

ไม่ใช่แค่นั้นนกยูงห้าสีพลันส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงอีกครั้ง โล่ลำแสงที่เหลือเปล่งแสงสว่างวาบ กลายเป็นกระบี่บินห้าสีจำนวนนับไม่ถ้วน ทุกเล่มเปล่งแสงเย็นเยียบออกมา ท่าทางแหลมคมหาที่เปรียบ

กระบี่บินห้าสีปรากฏขึ้น ล้วนสั่นเทาแล้วพุ่งออกมา

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น กระบี่บินทั้งหมดทยอยกันกลายเป็นกระบี่ลำแสงห้าสี เปล่งแสงสว่างวาบพลางพุ่งไปที่วานรยักษ์ ชั่วพริบตาก็ทะลวงผ่านวานรตัวนี้จนเกิดเป็นรูพรุน

วานรยักษ์สีทองเห็นกำปั้นเงาไม่ได้ผล ก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว เมื่อเห็นกระบี่ลำแสงห้าสีกำลังพุ่งเข้ามาเต็มท้องฟ้า ก็ร้องคำรามออกมากำปั้นขนาดยักษ์ทั้งสองทุบไปที่หน้าอกสามครั้ง

ชั่วขณะนั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับทองคำกระทบกัน

แต่สิ่งที่แปลกประหลาดก็คือ หลังจากที่เสียงดังขึ้นทุกครั้ง ลำแสงสีทองที่แผ่ออกมาจากร่างของวานรยักษ์จะเข้มข้นขึ้นสองสามเท่า

หลังจากเสียงดังขึ้นสามครั้ง วานรยักษ์ไม่เพียงขนลุกชันราวกับหนาม มันยังเปลี่ยนเป็นเส้นตรง รัศมีสีทองสามชั้นทะลักออกมาจากเรือนร่าง

ในรัศมีสามชั้นไม่เพียงหนาขึ้นราวกับเหล็กกล้า ยังมีอักขระสีทองจำนวนนับไม่ถ้วนปกคลุมเอาไว้ เผยความลึกลับออกมา

เคล็ดวิชานี้คืออิทธิฤทธิ์ป้องกันตัวที่หานลี่เพิ่งเรียนรู้ได้จากการแปลงกายเป็นวานรยักษ์ภูเขาหลังจากบรรลุระดับผสานอินทรีย์ขั้นกลาง ไม่ว่าอานุภาพก็ไม่ด้อยไปกว่าเคล็ดวิชาลับ ‘วงแหวนวัชระ’ ในตำนานของพุทธศาสนาเลยสักนิด

ชั่วพริบตาที่รัศมีสีทองสามชั้นปรากฏขึ้น กระบี่ลำแสงห้าสีทั้งหมดก็ทยอยกันสับลงมาราวกับดาวตก

พริบตานั้นไอกระบี่ก็ตัดสลับกันไปมา รัศมีสีทองเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้นจนแสบตา ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงหึ่งๆ ดังขึ้นพลางเปล่งรัศมีออกมาจากเรือนร่าง

ลำแสงเทวะห้าสีที่กลายเป็นกระบี่บิน มีอานุภาพไม่ธรรมดาเลยสักนิด!

ทุกแห่งที่กระบี่ลำแสงประคับประคองอยู่ กลางอากาศจะทิ้งรอยบากสีขาวอ่อนเอาไว้ เมื่อสับลงมาที่รัศมีสีทอง ก็ทำให้อักขระสีทองด้านในถูกสับจนแหลกสลายไป

แม้ว่ารัศมีสามสีจะเปล่งแสงสว่างวาบ กระบี่ลำแสงกว่าครึ่งก็สลายหายไป แต่กระบี่ห้าสีร้อยกว่าสายที่เหลือก็ยังคงเปล่งแสงสว่างวาบ สับลงมาที่ร่างของวานรยักษ์สีทองอย่างรุนแรง

ฉากที่ทำให้นกยูงยักษ์แทบจะตาถลนออกมาจากเบ้าปรากฏขึ้น!

ขนของวานรยักษ์สีทองลุกชัน ลำแสงสีทองชั้นหนึ่งไหลโคจรไปมา กระบี่ลำแสงห้าสีเหล่านั้นพุ่งมายังร่าง คาดไม่ถึงว่าจะดูเหมือนกับสับไปยังของที่แข็งแกร่ง บ้างก็ดีดตัวออกมา บ้างก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป

คาดไม่ถึงว่าจะไม่อาจทำร้ายวานรยักษ์ได้เลยสักนิด!

ส่วนวานรยักษ์กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชาอย่างไม่ใส่ใจ ดวงตาทั้งสองฉายแววโหดเหี้ยม ไหล่ทั้งสองพลิ้วไหว แขนทั้งสองที่มีขนลุกชันโบกสะบัด คาดไม่ถึงว่าจะทำให้ส่วนที่เหลือกว่าครึ่งสลายหายไป

ครู่ต่อมานกยูงห้าสีก็รู้สึกเพียงว่ากลางอากาศทั้งสองฝั่งมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ฝ่ามือสีทองสองข้างเปล่งแสงสว่างวาบพลางยื่นออกมา ตะปบปีกทั้งสองของวิหคตัวนี้เอาไว้

นกยูงยักษ์ใจหายวาบ แต่ก็ไม่ได้เผยสีหน้าลนลานออกมา กลับแค่นเสียงอย่างเย็นชา ปีกความยาวประมาณยี่สิบสามสิบจั้งทั้งสองกระพือเบาๆ ลำแสงวิญญาณห้าสีห่อหุ้มเอาไว้ กลายเป็นใบมีดยักษ์ห้าสีความยาวเท่ากันสองเล่ม ผิวเปล่งแสงเจิดจ้า ราวกับว่าใบมีดแหลมคมเทวะที่เป่าก็หัก และสับลงมาที่ฝ่ามือสีทองทั้งสองอย่างรุนแรง

ฝ่ามือสีทองทั้งสองเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่หวาดกลัวใบมีดยักษ์ของนกยูงห้าสีเลยสักนิด แค่หดนิ้วทั้งหมดกลายเป็นกำปั้นสีทองสองข้าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วโจมตีไปที่ใบมีดยักษ์

เสียง “ปังๆ” ดังสะเทือนเลื่อนลั่น!

จุดที่ใบมีดยักษ์ทั้งสองและกำปั้นสัมผัสกัน พลันระเบิดลำแสงเจิดจ้าออกมา ราวกับดวงอาทิตย์สองลูกปรากฏขึ้น

ร่างของนกยูงห้าสีสั่นเทา พุ่งออกไปอย่างไม่มีเค้าลางมาก่อน หลังจากบินกระเด็นออกไปร้อยกว่าจั้ง ถึงได้สยายปีกทั้งสองออกแล้วหยุดร่างกายเอาไว้ได้ แต่แววตาก็เต็มไปด้วยสีหน้าตกตะลึง

วานรยักษ์สีทองที่อยู่สูงขึ้นไปกลับแค่ใช้กายครึ่งหนึ่งพลิ้วไหว ร่างกายกลับมามั่นคง เห็นได้ชัดว่าการโจมตีเมื่อครู่วานรตัวนี้เป็นฝ่ายได้เปรียบ

ทว่านั้นก็ไม่แปลก เดิมวานรยักษ์ภูเขาก็เป็นจิตวิญญาณเที่ยงแท้ที่มีกายเนื้อแข็งแกร่ง ส่วนนกยูงห้าสีนั้นแม้ว่าชื่อเสียงจะไม่ด้อยไปกว่าวานรยักษ์ภูเขา แต่กลับมีชื่อเสียงในเรื่องลำแสงเทวะห้าสี หากพูดถึงพละกำลัง แน่นอนว่าย่อมเทียบกับวานรยักษ์ภูเขาไม่ได้

ส่วนวานรยักษ์ก็ถือโอกาสที่ร่างของนกยูงห้าสีไม่อาจมั่นคงได้ ร้องคำรามเสียงต่ำๆ ออกมา ร่างกายพลิ้วไหว แล้วพุ่งออกไปหานกยูงห้าสีราวกับลูกธนู แต่ระหว่างทางร่างกายก็รางเลือน แล้วหายวับไปอย่างไร้เงา

ยามนี้นกยูงห้าสีถึงได้ยืนได้อย่างมั่นคง เมื่อมองเห็นการกระทำของวานรยักษ์อยู่ไกลๆ แววตาก็ฉายแววโกรธเกรี้ยว เปล่งแสงสว่างวาบออกมา เขตอาคมห้าสีลึกลับทะลักออกมาจากเรือนร่าง ราวกับว่ากำลังสำแดงอิทธิฤทธิ์อันใดสักอย่างอยู่

ทว่าการเคลื่อนไหวของมันกลับช้ากว่าวานรยักษ์ไปเสียแล้ว

ลำแสงสีทองเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างของวานรยักษ์ปรากฏขึ้นใกล้กับนกยูงห้าสีแค่คืบ และแขนพลันรางเลือน กำปั้นสีทองข้างหนึ่งโจมตีไปยังร่างของนกยูงพร้อมเงา การเคลื่อนไหวรวดเร็วจนทำให้ไม่อาจหลบหลีกได้

เสียงอึกทึกดังขึ้น แม้ว่านกยูงห้าจะมีลำแสงห้าสีต้านทานอยู่ แต่ก็ยังคงถูกพลังมหาศาลปะทะเข้ากับร่าง

มันส่งเสียงกรีดร้องแหลมสูงด้วยความเจ็บปวดออกมา ร่างกายใหญ่โตร่วงลงมาราวกับดาวตก ในเวลาเดียวกันภายใต้พลังมหาศาลไร้รูปร่างก็ไม่อาจขยับกายได้เลยสักนิด คาดไม่ถึงว่าจะถูกรัดเอาไว้

วานรยักษ์สีทองยังคงไม่มีเจตนาจะหยุดยั้ง สองมือตะปบออกไปกลางอากาศ ในมือมีลำแสงสีทองสว่างวาบ กระบี่เล่มเล็กสีทองสามสิบหกเล่มปรากฏออกมา และพลิ้วไหว ชั่วพริบตานั้นก็กลายเป็นกระบี่ยักษ์สีทองความยาวสิบกว่าจั้ง

ใบหน้าเผยสีหน้าโหดเหี้ยมออกมา ร่างของวานรยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้ง แล้วไล่ตามนกยูงห้าสีไปพร้อมกับเงา กระบี่ยักษ์สีทองในมือพลันขยับ

กระบี่ลำแสงหนาๆ จำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมา ม้วนไปทางนกยูงห้าสีราวกับพายุหมุน

หลังจากนั้นเสียง “ปัง” พลันดังขึ้น!

ร่างของวานรยักษ์หยุดอยู่กลางอากาศ นกยูงห้าสีกลับมีกระบี่ลำแสงห่อหุ้มอยู่ แล้วร่อนลงมาที่พื้นอย่างแรง กระแทกกับพื้นจนเกิดเป็นหลุมยักษ์ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางอันน่าตกตะลึง

“เยี่ยมๆ เป็นเพราะนายท่านบีบข้า อย่ามาโทษว่าผู้แซ่อวี๋ทำให้มัจฉาตายตาข่ายขาด*[1]เลย!”

หานลี่ไม่ทันได้เห็นผลของการโจมตีของตนเอง ก็ได้ยินเสียงคำรามต่ำๆ ด้วยความตกตะลึงระคนโกรธเกรี้ยวของเจ้าของร้านอวี๋ดังมา

[1] *มัจฉาตายตาข่ายขาด หมายถึง ต่อสู้กันจนตกตายไปทั้งสองฝ่าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+