A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1885 สงครามของแดนมาร

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1885 สงครามของแดนมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียนหยินกวงได้ยินคำพูดของหานลี่ แววตาภายใต้หน้ากากก็เปล่งแสงสว่างวาบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยโต้แย้งอันใด

ผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์เช่นนี้ย่อมตอบรับเป็นพัลวัน

ออกคำสั่งกับคนอื่นๆ แล้วรีบกระตุ้นเขตอาคมส่งตัว

เซียนหยินกวงยืนอยู่ตรงใจกลางเขตอาคมพร้อมกับชุดขาวที่ปลิวไสวโดยไม่ปริปากพูดอันใด

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมาแล้วเดินไปบนเขตอาคมส่งตัวด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นกัน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขตอาคมส่งตัวใต้ฝ่าเท้าก็ส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันรอบด้านก็มีลำแสงสีขาวนวลปรากฏขึ้น

ร่างคนทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยภายใต้ลำแสงเจิดจ้า

หานลี่รู้สึกเพียงว่ารอบด้านมีหมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เบื้องหน้าพลันรางเลือนไป

จากอิทธิฤทธิ์ของเขาในยามนี้เขตอาคมส่งตัวระยะไกลนี้นอกจากจะปวดหัวเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกผิดปกติใดๆ ได้

แต่เมื่อหมอกลำแสงรอบด้านสลายหายไป พื้นด้านล่างสองเท้าของหานลี่ก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง จึงแผ่จิตสัมผัสออกไปอย่างไม่ลังเล

ผลคือเขาพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม รูม่านตาเปล่งประกายเย็นเยียบ

แทบจะในเวลาเดียวกัน รอบด้านก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากรอบด้าน เรียงตัวแน่นประมาณสองสามร้อยสาย

หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด บนผิวมีรัศมีลำแสงสีเทาปรากฏขึ้น ยามแรกมีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่เมื่อกะพริบวาบก็มีขนาดใหญ่ขึ้นสองสามเท่า ห่อหุ้มลำแสงเย็นเยียบรอบๆ เอาไว้ข้างใน

รัศมีเย็นเยียบเหล่านั้นพลันสั่นเทาแล้วถูกพลังประหลาดทำให้หยุดชะงักอยู่ภายในลำแสงสีเทา แล้วทยอยกันคืนร่างเดิม

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกศรยาวสองสามฉื่อ ทุกดอกเป็นสีดำเงา ปลายศรเปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบ ดูเหมือนสิ่งที่อาบยาพิษ

หานลี่ถึงได้กวาดสายตาไปรอบด้านอย่างไม่รีบร้อน

เห็นเพียงเขาอยู่ในห้องโถงยักษ์ความกว้างร้อยจั้งเศษ และรอบด้านของห้องโถงก็มีนักรบชุดเกราะสีดำของเผ่ามารอยู่ห้าสิบหกสิบตน ทุกตนล้วนถือธนูสีดำเอาไว้ มองมาที่หานลี่และพวกทั้งสองคนด้วยสีหน้าตกตะลึง

ทว่าเผ่ามารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีพลังยุทธ์ระดับหลอมรวม หนึ่งในนั้นมีสิ่งมีชีวิตระดับก่อกำเนิดปะปนอยู่เล็กน้อย

แต่ผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุดกลับเป็นเผ่ามารเขาเดียวระดับเทพแปลงตนหนึ่ง ผิวพรรณหยาบกระด้าง ดวงตาสีเขียวมรกต

แต่เผ่ามารที่เป็นผู้นำในยามนี้กำลังมองมาทางหานลี่และเซียนหยินกวงด้วยความตกตะลึง ปากก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา

“แย่แล้ว ตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ของเผ่ามนุษย์ หนีเร็ว!”

สิ้นเสียงเผ่ามารระดับสูงผู้นี้ก็ส่งเสียง “ปัง” ไอมารหนาแน่นระเบิดออก แล้วสลายไป แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถง

ส่วนร่างของมันกลับถือโอกาสนี้ใช้ไอมารปกป้อง กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งหนีไปที่ประตู

ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรชุดเกราะเผ่ามารตนอื่นๆ ย่อมสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีออกมาด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

แต่หานลี่จะปล่อยให้พวกเขาสมปรารถนาได้อย่างไร ใบหน้าเผยจิตสังหารออกมา หมอกลำแสงสีเทาขยายใหญ่แล้วหดเล็กลง ลูกศรสีดำที่แต่เดิมชะงักอยู่กลางอากาศ พลันหันหัว คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งไปฝั่งตรงข้าม

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของมันจะเหนือกว่าลูกธนูทั้งห้าสีเหล่านี้เป็นสิบเท่า!

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ผู้พิทักษ์ชุดเกราะเผ่ามารรอบด้านกรีดร้อง แล้วทยอยกันล้มลงไปกับพื้น

จากนั้นหมอกลำแสงสีเทาในห้องโถงก็หมุนวน เส้นไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แค่วนเข้าหาให้กัน ร่างของผู้พิทักษ์ชุดเกราะเผ่ามารก็กระจายออกเป็นชิ้นๆ ทันที

ภายใต้ลำแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนนั้น แม้แต่ทารกวิญญาณก็ไม่อาจหลบหนีได้เลยสักนิด

แต่ทุกอย่างยังไม่จบ หานลี่เหลือบมองแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา ถือโอกาสนี้กวาดสายตามาที่ผู้นำเผ่ามารที่อยู่ที่ประตู ฝ่ามือหนึ่งยื่นออกมาตะปบไปกลางอากาศ

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นฝ่ามือสีเขียวข้างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเหนือเผ่ามาร และตบลงไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น!

เผ่ามารระดับเทพแปลงผู้นั้นไม่อาจต้านทานอานุภาพของฝ่ามือยักษ์ได้ แม้แต่สมบัติอาคมคุ้มครองร่างก็ยังไม่ทันได้สำแดงออกมา ก็ถูกตบจนเป็นน้ำจิ้มเนื้อ

หานลี่ถึงได้สะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศ หมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเทาทั่วท้องฟ้าและฝ่ามือสีเขียวหายวับไปราวกับภาพลวงตา

จากนั้นเขาถึงได้หันหน้ามาเอ่ยกับเซียนหยินกวงที่ส่งตัวมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้มบางๆ

“สหายหยิน ดูแล้วที่นี่คงถูกเผ่ามารพบแล้ว ทว่าดูเหมือนว่าจะไม่ได้ให้ความสำคัญนัก จึงส่งแค่ลูกน้องมาตรวจตราเท่านั้น”

“ไม่ใช่ว่าเผ่ามารไม่ให้ความสำคัญ แต่ในย่านร้านค้าเผ่ามนุษย์ของพวกเรามีเขตอาคมส่งตัวลับที่ส่งออกไปภายนอกมากมาย เผ่ามารเหล่านี้จึงไม่อาจส่งผู้ยิ่งใหญ่มาตรวจตราทุกเขตอาคมส่งตัวได้ เขตอาคมส่งตัวนี้มีเผ่ามารระดับเทพแปลงปรากฏตัวก็นับว่าให้ความสำคัญแล้ว” เซียนหยินกวงกลับดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง คำพูดของเซียนมีเหตุผลจริงๆ” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งออกมา

จากนั้นก็ดีดนิ้ว ดวงเพลิงลูกหนึ่งบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นวิหคเพลิงสีแดงสดกระโจนลงไปบนพื้น

หลังจากที่วิหคเพลิงเหล่านั้นบินผ่านศพของเผ่ามาร ก็ทยอยกันกลายเป็นเถ้าถ่าน เหลือไว้แค่ย่ามเก็บของขนาดน้อยใหญ่

ย่ามเก็บของของเผ่ามารแตกต่างจากกำไลเก็บของของเผ่าวิญญาณ แต่กลับดูเหมือนจะเก็บไว้ที่เอวเช่นกัน

หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ดูดย่ามเหล่านั้นเข้ามา ใช้จิตสัมผัสกวาดเข้าไปแวบหนึ่ง

ผลคือพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย!

ย่ามเก็บของของผู้พิทักษ์ชุดเกราะเผ่ามารเหล่านี้มีสิ่งของอยู่น้อยมาก นอกจากผลึกศิลาที่เปล่งแสงสีดำแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นของประเภทจานอาคมและธงอาคม

ผลึกศิลาสีดำเหล่านั้น น่าจะเป็นผลึกศิลามารที่มีเฉพาะแดนมารในตำนาน

ผลึกศิลานี้ไม่แตกต่างจากผลึกวิญญาณของแดนวิญญาณนัก แค่เต็มไปด้วยไอมารที่บริสุทธิ์เท่านั้น

หานลี่สั่นศีรษะ ในมือเปล่งแสงสว่างวาบ ย่ามเก็บของเหล่านั้นถูกดูดเข้าไป จากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินออกไปจากห้องโถง

เมื่อครู่เขาแผ่จิตสัมผัสไปในบริเวณรอบแล้ว และรู้ว่าที่นี่นอกจากเผ่ามารยี่สิบสามสิบตนแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อีก ถึงได้เดินออกมาอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้

เซียนหยินกวงมีสีหน้าราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ก็ติดตามมาเช่นกัน

เมื่อเดินออกมาจากประตูใหญ่ก็จะพบว่า เขตอาคมส่งตัวนี้ตั้งอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง นอกจากทางเดินคดเคี้ยวไปมาที่ยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งแคบลงแล้ว ก็ไม่มีเส้นทางใดๆ อีก

สถานที่ลึกลับเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเผ่ามารเหล่านั้นหาพบได้อย่างไร นี่กลับทำให้หานลี่ส่งเสียงจุ๊ๆ ชื่นชมออกมา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่สายรุ้งสองสายก็บินออกมาจากตีนภูเขา หลังจากหมุนวนกลางอากาศรอบหนึ่ง ยืนยันตำแหน่งแล้วก็พุ่งออกไป

ลำแสงหลีกหนีสองสายบินออกมาได้ไม่ถึงร้อยจั้ง สายรุ้งสีเขียวหนึ่งในนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบถี่ๆ แล้วค่อยๆ โปร่งแสง กระทั่งสุดท้ายก็หายวับไป

ส่วนสายรุ้งสีขาวอีกสาย หลังจากส่งเสียง “ปัง” ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเมฆสีขาวไม่สะดุดตาก้อนหนึ่ง ลอยพลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ แต่ความจริงแล้วความเร็วไม่ด้อยไปกว่าลำแสงหลีกหนีอีกสายเลยสักนิด

ทั้งสองไล่ตามกันไป ชั่วพริบตาก็หายวับไปจากขอบฟ้า

แต่ในยามที่หานลี่และพวกทั้งสองออกจากเขตอาคมไปไม่ถึงครึ่งวัน ท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งก็มืดมัว ไอมารกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันกลายเป็นหมอกแล้วหมุนวนมา

ความเร็วของเขานั้น เพียงแค่หมุนวนก็มาอยู่เหนือยอดเขาที่หานลี่และพวกบินออกมา

จากนั้นก็ไอมารก็ผนึกเข้าด้วยกัน กลายเป็นชายชราชุดเกราะสีขาวตนหนึ่ง

ศีรษะของชายชราผู้นี้มีเขาสั้นๆ ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับเผ่ามารที่ถูกหานลี่สังหารไป คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเผ่ามารระดับสูงระดับผสานอินทรีย์ตนหนึ่ง

เขาในยามนี้มีสีหน้าร้อนใจ ชั่วพริบตาที่ปรากฏตัว ก็กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งไปแอบอยู่ในทางเดิน

แต่แทบจะในชั่วสองสามลมหายใจ เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งก็ดังออกมาจากใต้ดิน จากนั้นลำแสงสีขาวก็เปล่งแสงสว่างวาบ ชายชราพุ่งออกมาจากใต้ดินอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาปรากฏตรงยอดเขาเล็กๆ สองตาเต็มไปด้วยลูกไฟพลางกวาดตามองไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

“คาดไม่ถึงว่าจะกล้าสังหารหลานรักของข้า ต่อให้เจ้าจะหนีไปถึงขอบฟ้า ข้าก็จะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ พบแล้ว! น่าจะไปทางนี้!” คาดไม่ถึงว่าชายชราชุดเกราะสีขาวจะหาทิศทางที่หานลี่และพวกจากไปพบทันที ปากก็ร้องคำรามต่ำๆ ออกมา ผิวมีไอมารทะลักออกมา แล้วกลายเป็นเมฆสีดำรวมตัวกันอีกครั้ง

ชายชราตบไปที่เอว มีเสียงไพเราะดังขึ้น พร้อมร่างบินออกมาจากลำแสงสีดำ สั่นเทาแล้วกลายเป็นอีกายักษ์สีดำสนิทความยาวสิบจั้ง

ร่างกายขยับ ชายชรากลายเป็นพายุน่าเกลียดน่ากลัวอยู่บนแผ่นหลังของอีกายักษ์ จากนั้นก็ร่ายอาคมด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

อีกายักษ์สีดำมีลำแสงสีดำไหลวนในดวงตา หลังจากเลือนรางเล็กน้อย ก็กลายเป็นปีกสีดำสี่ข้าง แล้วกระพือเบาๆ พร้อมกัน

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น อีกายักษ์สีดำพุ่งออกไปราวกับลูกธนู ในเวลาเดียวกันชายชราก็แผ่ไอมารออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ห่อหุ้มอีกายักษ์เอาไว้ข้างใน

ความเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่า!

แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นกระบองยักษ์ค้ำฟ้าสีดำสนิทก็ยื่นออกมาจากเมฆสีดำ พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะทุบลงไปที่ภูเขาเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปพันจั้ง

หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นกระจัดกระจาย

กระบองยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปราวกับภาพลวงตา

ภูเขาขนาดย่อมสูงประมาณพันจั้งกลับเตี้ยลงกว่าครึ่ง

คาดไม่ถึงว่าเผ่ามารระดับสูงผู้นี้จะใช้กระบองนี้ทุบภูเขาครึ่งหนึ่งจนแตกเป็นเสี่ยงๆ!

ส่วนอีกายักษ์กลับกลายเป็นลำแสงสีดำ ชั่วพริบตานั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปจากกลางอากาศในรัศมีพันลี้

สองชั่วยามต่อมา เหนือยอดเขายักษ์อีกแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปล้านลี้ เผ่ามารระดับสูงอีกสองตนก็กำลังปรึกษาอันใดกันอยู่

“พี่หมี่ ตัวประหลาดเฒ่าลี่ไปตั้งนานแล้ว ไม่ได้บอกว่าแค่ถือโอกาสมอบสมบัติอาคมป้องกันตัวให้หลานรักสักสองชิ้นหรือ น่าจะกลับมาแล้วสิ! หรือว่าคิดจะแสดงความรักระหว่างปู่กับหลาน? พวกเรามีภารกิจสำคัญอยู่กับตัว หากเสียเวลาเพราะเรื่องนี้ ก็ไม่อาจรายงานกับใต้เท้าเซวี่ยกวงได้” เผ่ามารระดับสูงที่ใบหน้ามีริ้วรอยสีฟ้า เอ่ยอย่างติดรำคาญสหายร่วมวิถี

“เหตุใดท่านหลันต้องร้อนใจด้วย ตัวประหลาดเฒ่าลี่ไม่ใช่คนไม่มีตา กว่าครึ่งคงอยู่ระหว่างทางกลับ อีกอย่างเขารับหน้าที่ดูแลเขตของหลานชาย เป็นหลานชายสายตรงของเขา ยามนี้ให้ความสำคัญมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ” เผ่ามารหัวโล้นมุมปากมีหนวดยาวสองสามฉื่อออกมาสองสามเส้นอีกคนหนึ่ง กลับมีท่าทีไม่ใส่ใจเลยสักนิด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1885 สงครามของแดนมาร

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1885 สงครามของแดนมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เซียนหยินกวงได้ยินคำพูดของหานลี่ แววตาภายใต้หน้ากากก็เปล่งแสงสว่างวาบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยโต้แย้งอันใด

ผู้พิทักษ์ที่อยู่ด้านข้างเห็นสถานการณ์เช่นนี้ย่อมตอบรับเป็นพัลวัน

ออกคำสั่งกับคนอื่นๆ แล้วรีบกระตุ้นเขตอาคมส่งตัว

เซียนหยินกวงยืนอยู่ตรงใจกลางเขตอาคมพร้อมกับชุดขาวที่ปลิวไสวโดยไม่ปริปากพูดอันใด

หานลี่หัวเราะน้อยๆ ออกมาแล้วเดินไปบนเขตอาคมส่งตัวด้วยสีหน้าราบเรียบเช่นกัน

หลังจากผ่านไปชั่วครู่เขตอาคมส่งตัวใต้ฝ่าเท้าก็ส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา ในเวลาเดียวกันรอบด้านก็มีลำแสงสีขาวนวลปรากฏขึ้น

ร่างคนทั้งสองเปล่งแสงสว่างวาบ แล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอยภายใต้ลำแสงเจิดจ้า

หานลี่รู้สึกเพียงว่ารอบด้านมีหมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เบื้องหน้าพลันรางเลือนไป

จากอิทธิฤทธิ์ของเขาในยามนี้เขตอาคมส่งตัวระยะไกลนี้นอกจากจะปวดหัวเพียงเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่อาจทำให้เขารู้สึกผิดปกติใดๆ ได้

แต่เมื่อหมอกลำแสงรอบด้านสลายหายไป พื้นด้านล่างสองเท้าของหานลี่ก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง จึงแผ่จิตสัมผัสออกไปอย่างไม่ลังเล

ผลคือเขาพลันมีสีหน้าเคร่งขรึม รูม่านตาเปล่งประกายเย็นเยียบ

แทบจะในเวลาเดียวกัน รอบด้านก็มีเสียงแหวกอากาศดังขึ้น ลำแสงสีดำจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากรอบด้าน เรียงตัวแน่นประมาณสองสามร้อยสาย

หานลี่ใช้มือหนึ่งร่ายอาคมอย่างไม่ต้องขบคิด บนผิวมีรัศมีลำแสงสีเทาปรากฏขึ้น ยามแรกมีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่เมื่อกะพริบวาบก็มีขนาดใหญ่ขึ้นสองสามเท่า ห่อหุ้มลำแสงเย็นเยียบรอบๆ เอาไว้ข้างใน

รัศมีเย็นเยียบเหล่านั้นพลันสั่นเทาแล้วถูกพลังประหลาดทำให้หยุดชะงักอยู่ภายในลำแสงสีเทา แล้วทยอยกันคืนร่างเดิม

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกศรยาวสองสามฉื่อ ทุกดอกเป็นสีดำเงา ปลายศรเปล่งแสงสีม่วงสว่างวาบ ดูเหมือนสิ่งที่อาบยาพิษ

หานลี่ถึงได้กวาดสายตาไปรอบด้านอย่างไม่รีบร้อน

เห็นเพียงเขาอยู่ในห้องโถงยักษ์ความกว้างร้อยจั้งเศษ และรอบด้านของห้องโถงก็มีนักรบชุดเกราะสีดำของเผ่ามารอยู่ห้าสิบหกสิบตน ทุกตนล้วนถือธนูสีดำเอาไว้ มองมาที่หานลี่และพวกทั้งสองคนด้วยสีหน้าตกตะลึง

ทว่าเผ่ามารเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนมีพลังยุทธ์ระดับหลอมรวม หนึ่งในนั้นมีสิ่งมีชีวิตระดับก่อกำเนิดปะปนอยู่เล็กน้อย

แต่ผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงที่สุดกลับเป็นเผ่ามารเขาเดียวระดับเทพแปลงตนหนึ่ง ผิวพรรณหยาบกระด้าง ดวงตาสีเขียวมรกต

แต่เผ่ามารที่เป็นผู้นำในยามนี้กำลังมองมาทางหานลี่และเซียนหยินกวงด้วยความตกตะลึง ปากก็ส่งเสียงร้องแหลมสูงออกมา

“แย่แล้ว ตัวประหลาดเฒ่าระดับผสานอินทรีย์ของเผ่ามนุษย์ หนีเร็ว!”

สิ้นเสียงเผ่ามารระดับสูงผู้นี้ก็ส่งเสียง “ปัง” ไอมารหนาแน่นระเบิดออก แล้วสลายไป แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งห้องโถง

ส่วนร่างของมันกลับถือโอกาสนี้ใช้ไอมารปกป้อง กลายเป็นลำแสงสีดำสายหนึ่งพุ่งหนีไปที่ประตู

ส่วนผู้บำเพ็ญเพียรชุดเกราะเผ่ามารตนอื่นๆ ย่อมสำแดงเคล็ดวิชาหลีกหนีออกมาด้วยความตกตะลึงเช่นกัน

แต่หานลี่จะปล่อยให้พวกเขาสมปรารถนาได้อย่างไร ใบหน้าเผยจิตสังหารออกมา หมอกลำแสงสีเทาขยายใหญ่แล้วหดเล็กลง ลูกศรสีดำที่แต่เดิมชะงักอยู่กลางอากาศ พลันหันหัว คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งไปฝั่งตรงข้าม

ยิ่งไปกว่านั้นความเร็วของมันจะเหนือกว่าลูกธนูทั้งห้าสีเหล่านี้เป็นสิบเท่า!

เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป ผู้พิทักษ์ชุดเกราะเผ่ามารรอบด้านกรีดร้อง แล้วทยอยกันล้มลงไปกับพื้น

จากนั้นหมอกลำแสงสีเทาในห้องโถงก็หมุนวน เส้นไหมสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น แค่วนเข้าหาให้กัน ร่างของผู้พิทักษ์ชุดเกราะเผ่ามารก็กระจายออกเป็นชิ้นๆ ทันที

ภายใต้ลำแสงสีเทาจำนวนนับไม่ถ้วนนั้น แม้แต่ทารกวิญญาณก็ไม่อาจหลบหนีได้เลยสักนิด

แต่ทุกอย่างยังไม่จบ หานลี่เหลือบมองแวบหนึ่งด้วยความเย็นชา ถือโอกาสนี้กวาดสายตามาที่ผู้นำเผ่ามารที่อยู่ที่ประตู ฝ่ามือหนึ่งยื่นออกมาตะปบไปกลางอากาศ

เสียง “พรึ่บ” ดังขึ้น ชั่วขณะนั้นฝ่ามือสีเขียวข้างหนึ่งพลันปรากฏขึ้นเหนือเผ่ามาร และตบลงไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้น!

เผ่ามารระดับเทพแปลงผู้นั้นไม่อาจต้านทานอานุภาพของฝ่ามือยักษ์ได้ แม้แต่สมบัติอาคมคุ้มครองร่างก็ยังไม่ทันได้สำแดงออกมา ก็ถูกตบจนเป็นน้ำจิ้มเนื้อ

หานลี่ถึงได้สะบัดแขนเสื้อไปกลางอากาศ หมอกลำแสงเปล่งแสงสว่างวาบ เส้นไหมสีเทาทั่วท้องฟ้าและฝ่ามือสีเขียวหายวับไปราวกับภาพลวงตา

จากนั้นเขาถึงได้หันหน้ามาเอ่ยกับเซียนหยินกวงที่ส่งตัวมาพร้อมกันด้วยรอยยิ้มบางๆ

“สหายหยิน ดูแล้วที่นี่คงถูกเผ่ามารพบแล้ว ทว่าดูเหมือนว่าจะไม่ได้ให้ความสำคัญนัก จึงส่งแค่ลูกน้องมาตรวจตราเท่านั้น”

“ไม่ใช่ว่าเผ่ามารไม่ให้ความสำคัญ แต่ในย่านร้านค้าเผ่ามนุษย์ของพวกเรามีเขตอาคมส่งตัวลับที่ส่งออกไปภายนอกมากมาย เผ่ามารเหล่านี้จึงไม่อาจส่งผู้ยิ่งใหญ่มาตรวจตราทุกเขตอาคมส่งตัวได้ เขตอาคมส่งตัวนี้มีเผ่ามารระดับเทพแปลงปรากฏตัวก็นับว่าให้ความสำคัญแล้ว” เซียนหยินกวงกลับดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง คำพูดของเซียนมีเหตุผลจริงๆ” หานลี่ครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วหัวเราะด้วยเสียงแหบแห้งออกมา

จากนั้นก็ดีดนิ้ว ดวงเพลิงลูกหนึ่งบินออกมา เปล่งแสงสว่างวาบแล้วกลายเป็นวิหคเพลิงสีแดงสดกระโจนลงไปบนพื้น

หลังจากที่วิหคเพลิงเหล่านั้นบินผ่านศพของเผ่ามาร ก็ทยอยกันกลายเป็นเถ้าถ่าน เหลือไว้แค่ย่ามเก็บของขนาดน้อยใหญ่

ย่ามเก็บของของเผ่ามารแตกต่างจากกำไลเก็บของของเผ่าวิญญาณ แต่กลับดูเหมือนจะเก็บไว้ที่เอวเช่นกัน

หานลี่สะบัดแขนเสื้อ ดูดย่ามเหล่านั้นเข้ามา ใช้จิตสัมผัสกวาดเข้าไปแวบหนึ่ง

ผลคือพลันขมวดคิ้วเล็กน้อย!

ย่ามเก็บของของผู้พิทักษ์ชุดเกราะเผ่ามารเหล่านี้มีสิ่งของอยู่น้อยมาก นอกจากผลึกศิลาที่เปล่งแสงสีดำแล้ว ส่วนใหญ่ก็เป็นของประเภทจานอาคมและธงอาคม

ผลึกศิลาสีดำเหล่านั้น น่าจะเป็นผลึกศิลามารที่มีเฉพาะแดนมารในตำนาน

ผลึกศิลานี้ไม่แตกต่างจากผลึกวิญญาณของแดนวิญญาณนัก แค่เต็มไปด้วยไอมารที่บริสุทธิ์เท่านั้น

หานลี่สั่นศีรษะ ในมือเปล่งแสงสว่างวาบ ย่ามเก็บของเหล่านั้นถูกดูดเข้าไป จากนั้นก็สาวเท้ายาวๆ เดินออกไปจากห้องโถง

เมื่อครู่เขาแผ่จิตสัมผัสไปในบริเวณรอบแล้ว และรู้ว่าที่นี่นอกจากเผ่ามารยี่สิบสามสิบตนแล้ว ก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ อีก ถึงได้เดินออกมาอย่างไม่ใส่ใจเช่นนี้

เซียนหยินกวงมีสีหน้าราบเรียบเป็นอย่างยิ่ง ยามนี้ก็ติดตามมาเช่นกัน

เมื่อเดินออกมาจากประตูใหญ่ก็จะพบว่า เขตอาคมส่งตัวนี้ตั้งอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งหนึ่ง นอกจากทางเดินคดเคี้ยวไปมาที่ยิ่งสูงขึ้นก็ยิ่งแคบลงแล้ว ก็ไม่มีเส้นทางใดๆ อีก

สถานที่ลึกลับเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเผ่ามารเหล่านั้นหาพบได้อย่างไร นี่กลับทำให้หานลี่ส่งเสียงจุ๊ๆ ชื่นชมออกมา

หลังจากผ่านไปชั่วครู่สายรุ้งสองสายก็บินออกมาจากตีนภูเขา หลังจากหมุนวนกลางอากาศรอบหนึ่ง ยืนยันตำแหน่งแล้วก็พุ่งออกไป

ลำแสงหลีกหนีสองสายบินออกมาได้ไม่ถึงร้อยจั้ง สายรุ้งสีเขียวหนึ่งในนั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบถี่ๆ แล้วค่อยๆ โปร่งแสง กระทั่งสุดท้ายก็หายวับไป

ส่วนสายรุ้งสีขาวอีกสาย หลังจากส่งเสียง “ปัง” ออกมา คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเมฆสีขาวไม่สะดุดตาก้อนหนึ่ง ลอยพลิ้วไหวอยู่กลางอากาศ แต่ความจริงแล้วความเร็วไม่ด้อยไปกว่าลำแสงหลีกหนีอีกสายเลยสักนิด

ทั้งสองไล่ตามกันไป ชั่วพริบตาก็หายวับไปจากขอบฟ้า

แต่ในยามที่หานลี่และพวกทั้งสองออกจากเขตอาคมไปไม่ถึงครึ่งวัน ท้องฟ้าอีกด้านหนึ่งก็มืดมัว ไอมารกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันกลายเป็นหมอกแล้วหมุนวนมา

ความเร็วของเขานั้น เพียงแค่หมุนวนก็มาอยู่เหนือยอดเขาที่หานลี่และพวกบินออกมา

จากนั้นก็ไอมารก็ผนึกเข้าด้วยกัน กลายเป็นชายชราชุดเกราะสีขาวตนหนึ่ง

ศีรษะของชายชราผู้นี้มีเขาสั้นๆ ใบหน้าละม้ายคล้ายคลึงกับเผ่ามารที่ถูกหานลี่สังหารไป คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเผ่ามารระดับสูงระดับผสานอินทรีย์ตนหนึ่ง

เขาในยามนี้มีสีหน้าร้อนใจ ชั่วพริบตาที่ปรากฏตัว ก็กลายเป็นลำแสงสีขาวพุ่งไปแอบอยู่ในทางเดิน

แต่แทบจะในชั่วสองสามลมหายใจ เสียงคำรามด้วยความเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่งก็ดังออกมาจากใต้ดิน จากนั้นลำแสงสีขาวก็เปล่งแสงสว่างวาบ ชายชราพุ่งออกมาจากใต้ดินอีกครั้ง เปล่งแสงสว่างวาบ แล้วมาปรากฏตรงยอดเขาเล็กๆ สองตาเต็มไปด้วยลูกไฟพลางกวาดตามองไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว

“คาดไม่ถึงว่าจะกล้าสังหารหลานรักของข้า ต่อให้เจ้าจะหนีไปถึงขอบฟ้า ข้าก็จะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ พบแล้ว! น่าจะไปทางนี้!” คาดไม่ถึงว่าชายชราชุดเกราะสีขาวจะหาทิศทางที่หานลี่และพวกจากไปพบทันที ปากก็ร้องคำรามต่ำๆ ออกมา ผิวมีไอมารทะลักออกมา แล้วกลายเป็นเมฆสีดำรวมตัวกันอีกครั้ง

ชายชราตบไปที่เอว มีเสียงไพเราะดังขึ้น พร้อมร่างบินออกมาจากลำแสงสีดำ สั่นเทาแล้วกลายเป็นอีกายักษ์สีดำสนิทความยาวสิบจั้ง

ร่างกายขยับ ชายชรากลายเป็นพายุน่าเกลียดน่ากลัวอยู่บนแผ่นหลังของอีกายักษ์ จากนั้นก็ร่ายอาคมด้วยสีหน้าเขียวคล้ำ

อีกายักษ์สีดำมีลำแสงสีดำไหลวนในดวงตา หลังจากเลือนรางเล็กน้อย ก็กลายเป็นปีกสีดำสี่ข้าง แล้วกระพือเบาๆ พร้อมกัน

เสียงแหวกอากาศดังขึ้น อีกายักษ์สีดำพุ่งออกไปราวกับลูกธนู ในเวลาเดียวกันชายชราก็แผ่ไอมารออกมา ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น ห่อหุ้มอีกายักษ์เอาไว้ข้างใน

ความเร็วเพิ่มขึ้นหลายเท่า!

แต่ในยามนั้นเองฉับพลันนั้นกระบองยักษ์ค้ำฟ้าสีดำสนิทก็ยื่นออกมาจากเมฆสีดำ พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะทุบลงไปที่ภูเขาเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไปพันจั้ง

หลังจากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้น ก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ กระเด็นกระจัดกระจาย

กระบองยักษ์เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปราวกับภาพลวงตา

ภูเขาขนาดย่อมสูงประมาณพันจั้งกลับเตี้ยลงกว่าครึ่ง

คาดไม่ถึงว่าเผ่ามารระดับสูงผู้นี้จะใช้กระบองนี้ทุบภูเขาครึ่งหนึ่งจนแตกเป็นเสี่ยงๆ!

ส่วนอีกายักษ์กลับกลายเป็นลำแสงสีดำ ชั่วพริบตานั้นก็เปล่งแสงสว่างวาบหายวับไปจากกลางอากาศในรัศมีพันลี้

สองชั่วยามต่อมา เหนือยอดเขายักษ์อีกแห่งหนึ่งที่ห่างออกไปล้านลี้ เผ่ามารระดับสูงอีกสองตนก็กำลังปรึกษาอันใดกันอยู่

“พี่หมี่ ตัวประหลาดเฒ่าลี่ไปตั้งนานแล้ว ไม่ได้บอกว่าแค่ถือโอกาสมอบสมบัติอาคมป้องกันตัวให้หลานรักสักสองชิ้นหรือ น่าจะกลับมาแล้วสิ! หรือว่าคิดจะแสดงความรักระหว่างปู่กับหลาน? พวกเรามีภารกิจสำคัญอยู่กับตัว หากเสียเวลาเพราะเรื่องนี้ ก็ไม่อาจรายงานกับใต้เท้าเซวี่ยกวงได้” เผ่ามารระดับสูงที่ใบหน้ามีริ้วรอยสีฟ้า เอ่ยอย่างติดรำคาญสหายร่วมวิถี

“เหตุใดท่านหลันต้องร้อนใจด้วย ตัวประหลาดเฒ่าลี่ไม่ใช่คนไม่มีตา กว่าครึ่งคงอยู่ระหว่างทางกลับ อีกอย่างเขารับหน้าที่ดูแลเขตของหลานชาย เป็นหลานชายสายตรงของเขา ยามนี้ให้ความสำคัญมากหน่อยก็เป็นเรื่องปกติ” เผ่ามารหัวโล้นมุมปากมีหนวดยาวสองสามฉื่อออกมาสองสามเส้นอีกคนหนึ่ง กลับมีท่าทีไม่ใส่ใจเลยสักนิด

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+