A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1939 ล้อมโจมตีศิลาวิญญาณ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1939 ล้อมโจมตีศิลาวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อรหันต์เฮยอวี่และภิกษุย่อมไม่มีทางปล่อยให้สัตว์วิญญาณหนีไปง่ายๆ เช่นนั้น!

ทันใดนั้นชายชราพลันกระตุ้นสมบัติ ชั่วขณะนั้นระฆังยักษ์พลันพลิ้วไหว ระลอกคลื่นเสียงสีเงินม้วนวนออกมาอย่างดุดัน

ภิกษุพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีจานอาคมสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกเพิ่มขึ้นมา ใช้นิ้วชี้ไปสองสามครั้งอย่างรวดเร็ว  รอบๆ หลุมยักษ์เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น เขตอาคมลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นเขตอาคมก็ทะลักออกมาราวกับคลื่นน้ำ ชั่วพริบตาก็ตัดสลับไปมากลายเป็นตาข่ายยักษ์ ขวางทางหนีของสัตว์วิญญาณเอาไว้

และยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่นี้ กลางอากาศเหนือเขตอาคมยังมีเสียงเพรียกของหงส์ดังขึ้น เปลวเพลิงสีแดงสดสามลูกเปล่งแสงสว่างวาบ วิหคเพลิงสีแดงสดสามตัวปรากฏออกมา และอ้าปากแหงนหน้าขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เสาเพลิงสีแดงสดสามต้นม้วนวนออกมา ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเมฆเพลิงห่อหุ้มไปทางศิลาวิญญาณ

ส่วนทางด้านสัตว์วิญญาณ แมงป่องบินตัวสีฟ้าครามก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นเช่นกัน หางตะขอสีฟ้าขยับ ลำแสงพิษสีฟ้าครามดีดออกมา

ชั่วพริบตานั้นศิลาวิญญาณหวงเหลียนพลันตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง!

แต่เช่นนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้สัตว์วิญญาณโกรธขึ้งแล้ว ผิวของมันมีลำแสงสีทองหมุนวนโคจร เสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น จากนั้นดวงตาโลหิตที่สามบนหน้าผากพลันลืมตากลมโตขึ้น ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ เปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา ทำให้ผู้คนไม่อาจสบตาตรงๆ ได้!

ในยามนี้กำลังสำแดงการโจมตีใส่อรหันต์เฮยอวี่และภิกษุนั้น ผู้ที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็อดที่จะหลับตาลงตามจิตสำนึกไม่ได้ แต่หลังจากลืมตาขึ้น ก็หน้าเปลี่ยนสี

อรหันต์เฮยอวี่พบว่าตนอยู่ในทะเลเพลิงสีเหลือง ทั้งด้านบนด้านล่าง และด้านซ้ายด้านขวา ท้องฟ้าและพื้นดินล้วนมีเปลวเพลิงหมุนวน เปลวเพลิงเหล่านี้ดูเหมือนจะลุกโชน แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นเยียบจนเข้ากระดูกกับชายชรา

“เพลิงธรณีน้ำพุเหลือง! ไม่ถูก นี่คือเคล็ดวิชาลวงตา!”

อรหันต์เฮยอวี่หน้าเปลี่ยนสี อดที่จะร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้งไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนธรรมดา ครู่ต่อมาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที แต่สีหน้ากลับไม่ได้ดีเท่าใดนัก

แม้ว่าก่อนออกเดินทางเขาจะได้ยินคนกล่าวว่าศิลาวิญญาณหวงเหลียนมีเคล็ดวิชาลวงตาที่น่าตกตะลึง แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ก็ยังกักได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถึงขั้นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาตกอยู่ในภาพลวงตาโดยไม่มีเค้าลางมาก่อน

และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สร้างขึ้นก็คือเพลิงธรณีน้ำพุเหลืองที่ยุ่งยากที่สุด!

สัตว์วิญญาณนี้อยู่ในเพลิงธรณีมาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว แน่นอนว่าทักษะภาพลวงตาย่อมถึงจุดสุดยอดแล้ว คิดจะอาศัยเคล็ดวิชาลวงตานี้ทลายพันธนาการ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ดูแล้วหากอยากสลัดภาพลวงตาออกไปให้ทันเวลา ก็มีเพียงต้องใช้พังมหาศาลทลายออกไปแล้ว

ชายชราปล่อยโล่สีดำออกมาปกป้องร่างอย่างรวดเร็วไปพลาง ขบคิดด้วยความเคร่งขรึมไปพลาง

อีกด้านภิกษุที่ลืมตาขึ้น กลับมองเห็นตนอยู่ในห้วงเวลาสีเทา อรหันต์เฮยอวี่และอสูรวิญญาณตนอื่นๆ ล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงสิ่งมหึมาสูงพันจั้งที่ลอยห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง

สิ่งมหึมานี้มีสีทองเรืองรองเช่นกัน รูปร่างคล้ายคางคก แต่ตั้งแต่หัวจรดแผ่นหลังมีดวงตาสีเหลืองทองเจ็ดดวงเรียงแถวอยู่ กำลังใช้สายตาไร้ซึ่งความรู้สึกจ้องเขม็งภิกษุ จากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างอันใหญ่โต ก็ยิ่งน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกแทบจะหยุดหายใจ

“คางคกทองเจ็ดตา”

ภิกษุเอ่ยพึมพำ หน้าเปลี่ยนสี แต่หลังจากที่เอ่ยภาษาสันสกฤตออกมา ใบหน้าก็เผยสีหน้าหนักแน่นออกมา สองมือตะปบออกไปกลางอากาศ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นไม้เท้าหัวมังกรวารีสีทองและบาตรสีเงินใบหนึ่งก็ปรากฏออกมา

ไม่ใช่แค่ชายชราและภิกษุที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ แม้แต่วิหคเพลิงสามตัวก็ส่งเสียงเพรียกก้องกังวาน ปากหยุดพ่นเปลวเพลิง ดวงตาทั้งสองเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาแล้วกระพือปีกอยู่ที่เดิมไม่หยุด ตกอยู่ในเคล็ดวิชาลวงตาเช่นกัน

มีเพียงแมงป่องผลึกวารีสีฟ้าครามตัวนั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นแมลงวิญญาณชนิดใด หลังจากที่ดวงตาที่สามของศิลาวิญญาณเปล่งแสงสีขาวแล้วกวาดผ่านไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลกระทบเลยสักนิด ตะขอพิษที่แผ่นหลังยังคงมีลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาไม่หยุด

แต่เมื่อไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ ศิลาวิญญาณหวงเหลียนที่พ่นเพลิงปีศาจออกมารับมือกับการโจมตีก่อนหน้า ย่อมทำให้ลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบได้อย่างง่ายดาย และถลึงตาใส่แมงป่องตัวนั้น ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีทองปะทะเข้ากับเขตอาคมด้านล่าง

สัตว์วิญญาณตัวนี้กลับมีสติปัญญาไม่ต่ำต้อย รู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพัวพันกับคนเหล่านี้ ควรจะรีบกลับไปก่อนถึงจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด

แต่ไม่รอให้ปะทะเข้ากับเขตอาคมในรวดเดียว ก็อ้าปากออก พ่นดวงแสงสีเหลืองขนาดเท่าศีรษะออกมาอย่างต่อเนื่อง

ดวงแสงเหล่านี้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป โจมตีไปที่เขตอาคมอย่างแรง

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีเหลืองเจิดจ้าจนแสบตาระเบิดออก เขตอาคมนี้พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเผยท่าทีจะพังทลายออกมา

ศิลาวิญญาณเห็นเช่นนี้พลันดีใจ แล้วอ้าปากออก พ่นดวงแสงสิบกว่าลูกออกมา โจมตีเขตอาคมนี้จนสลายหายไป

แต่ในยามนี้เองฉับพลันนั้นเหนือเขตอาคมพลันมีเงาร่างคนปรากฏขึ้น ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง

ชายหนุ่มคนนี้เงยหน้าขึ้นมองศิลาวิญญาณหวงเหลียนแล้วหัวเราะหึๆ ออกมา เผยไรฟันขาวจั๊วะ จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ไม้บรรทัดสีเงินเล่มหนึ่งพุ่งออกมาแล้วรางเลือน ชั่วขณะนั้นก็กลายเป็นไม้บรรทัดเงาเรียงตัวหนาแน่นไปหมด แล้วโจมตีไปกลางอากาศสูง สับดวงแสงทั้งหมดจนแหลกสลายไป

คนผู้นี้ย่อมเป็นหานลี่ที่เมื่อครู่เอาแต่ซ่อนตัวไม่ยอมออกมา

เคล็ดวิชาลวงตาที่ศิลาวิญญาณหวงเหลียนสำแดงออกมาเมื่อครู่เป้าหมายก็คืออรหันต์เฮยอวี่และภิกษุ ดังนั้นแม้ว่าหานลี่จะได้รับผลกระทบอยู่ไกลๆ แต่อาศัยจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของเขากลับหลุดออกจากเคล็ดวิชาลวงตาได้อย่างง่ายดาย และเคลื่อนย้ายกายออกจากเขตอาคมได้อย่างสบายๆ

ศิลาวิญญาณนั้นเห็นว่าจะทลายเขตอาคมกลับไปใต้ดิน กลับถูกศัตรูคนใหม่เข้ามาขัดขวาง ในใจจะโกรธเกรี้ยวแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น

ผิวของสัตว์วิญญาณมีเปลวเพลิงสีเหลืองม้วนวนออกมา ขยายใหญ่ขึ้นแล้วม้วนไปทางหานลี่อย่างดุดัน

เปลวเพลิงเหล่านี้คือเปลวเพลิงปีศาจหยินเย็นเยียบที่มันฝึกฝนอยู่ใต้ดินมาหลายหมื่นปีถึงจะผนึกขึ้นได้

“มาแล้วก็ดี!”

หานลี่เห็นเพลิงนี้เข้ามา ใบหน้ากลับไม่ตกตะลึงแต่ฉีกยิ้ม พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ภูเขาสีดำปรากฏออกมา

ใช้มือตบไปที่ภูเขาลูกนั้น ชั่วขณะนั้นภูเขาลูกนั้นพลันพลิ้วไหวขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสิบจั้งเศษ!

หานลี่พลันร่ายอาคมกระตุ้น อักขระยันต์สีเงินแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนยอดเขา จากนั้นหมอกสีเทาก็ม้วนวนออกมา และหมุนวนกลายเป็นระลอกคลื่นสีเทา ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ

เปลวเพลิงปีศาจสีเหลืองม้วนวน เมื่อสัมผัสกับระลอกคลื่นสีเทาก็ส่งเสียงอัสนีฟ้าฟาดดังออกมา ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในระลอกคลื่น

นอกจากระลอกคลื่นสีเทาจะขยายใหญ่ขึ้นแล้ว ก็ไม่มีท่าทีอันใด

ศิลาวิญญาณหวงเหลียนเห็นสถานการณ์เช่นนั้นดวงตาทั้งสองก็เปล่งแสงสว่างวาบ ปากก็ร้องเสียงแหลมๆ ออกมา

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

ในระลอกคลื่นสีเทามีเสียงดังสนั่นดังมา ในระลอกคลื่นสั่นเทาอย่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเปลวเพลิงปีศาจสีเหลืองก็ทะลักออกมาจากด้านใน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคางคกเพลิงสีเหลืองตัวหนึ่ง กำลังกระโจนเข้ามาหาหานลี่

ยังไม่ทันได้กระโจนมาอยู่ตรงหน้า พลังเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งก็หมุนวน ให้ความรู้สึกเหมือนแม้แต่วิญญาณก็ถูกแช่แข็ง

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

เพลิงปีศาจนี้รับมือยากจริงๆ แต่เขาย่อมไม่ได้หวาดกลัวอันใด ทันใดนั้นพลันเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น มือยักษ์ข้างหนึ่งตะปบไปทางคางคกเพลิง

เสียงอึกทึกดังขึ้น!

หมอกลำแสงห้าสีม้วนวนกลางอากาศ ฝ่ามือยักษ์สีขาวที่มีเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีทะลักออกมาปรากฏขึ้น และตะปบไปยังคางคกเพลิงที่อยู่ด้านล่างอย่างแรง

การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็ไม่ปาน!

ไม่รู้ว่าคางคกเพลิงตัวนั้นหลบไม่ได้ หรือว่าไม่คิดจะหลบ ยามนั้นพลันถูกนิ้วทั้งห้ากำเอาไว้ จากนั้นเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีพลันขยายใหญ่ขึ้น นิ้วทั้งห้าออกแรงบีบพร้อมกัน

เสียง “ตูม” ดังขึ้น!

คางคกเพลิงที่อยู่ในเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีระเบิดออกในพริบตา กลายเป็นเปลวเพลิงหมุนวนไปห่อหุ้มมือยักษ์

แต่เปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีก็เป็นเพลิงเย็นเยียบชนิดหนึ่ง จะปล่อยให้เปลวเพลิงปีศาจทำแผนชั่วได้สำเร็จง่ายๆ ได้อย่างไร ทันใดนั้นหมอกลำแสงห้าสีก็ขยายใหญ่ขึ้น ต้านทานเปลวเพลิงปีศาจสีเหลืองเอาไว้อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด

และในชั่วพริบตานั้นหานลี่ก็ใช้นิ้วชี้ไปที่ยอดเขาสีดำที่อยู่ตรงหน้า

ชั่วขณะนั้นภูเขาลูกนี้พลันพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาเหนือศิลาวิญญาณหวงเหลียนก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขาสีดำรางเลือนและเปล่งแสงสว่างวาบ กดลงมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ในเวลาเดียวกันหมอกลำแสงสีเทาก็ม้วนวนลงมาอีกครั้ง

ศิลาวิญญาณรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักอึ้ง พลังมหาศาลไร้รูปร่างมากระทบกับร่างของเขา ทำให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าอย่างหาที่เปรียบมิได้

ศิลาวิญญาณหวงเหลียนย่อมโกรธเกรี้ยว หลังจากดิ้นรนสองสามครั้ง เห็นว่าไร้ประโยชน์ ก็อ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด พ่นไข่มุกกลมสีเหลืองออกมาเม็ดหนึ่ง

ไข่มุกกลมมีขนาดแค่เท่าหัวแม่มือ ตัวเป็นสีเหลืองนวล ดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่กลับแก่นปีศาจที่เริ่มตั้งครรภ์ตั้งแต่วันที่สัตว์วิญญาณชนิดนี้ถือกำเนิด

แก่นปีศาจนี้เป็นหมุนวนอยู่เหนือหัวศิลาวิญญาณด้วยความดีใจ พลังมหาศาลไร้รูปร่างถูกกีดกันออกไป ในเวลาเดียวกันเสียงพรึ่บก็ดังขึ้น อสรพิษเพลิงสีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากแก่นปีศาจ พลิ้วไหวกลางสายลมจนมีความยาวสองสามจั้ง จากนั้นก็แยกเขี้ยวตะปบเล็บกระโจนไปด้านบน

ผลคือเพลิงสีเหลืองและหมอกสีเทาพลันตัดสลับกันไปมา คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานยอดเขาสีดำเอาไว้ จนไม่อาจร่อนลงมาได้เลยสักนิด

แต่ในยามนี้หานลี่ที่เดิมอยู่ด้านล่างแววตาพลันฉายแววโหดเหี้ยม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปีกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นพลันออกแรงกระพือ กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ยามนี้ศิลาวิญญาณที่เพิ่งเคลื่อนกายหลบหลีกการโจมตีของลำแสงสีฟ้าของแมงป่องสีครามพลันเผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา ดูเหมือนคิดจะทำการโจมตีกลับ แต่ด้านหลังพลันมีสายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่พลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏออกมาพร้อมกับสายฟ้าที่พันรัดรอบเรือนร่าง

ศิลาวิญญาณหวงเหลียนพลันตกตะลึง ดวงตาปีศาจที่สามเปล่งประกายอย่างไม่ต้องขบคิด แล้วเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าออกมาอีกครั้ง

หานลี่กลับดูเหมือนจะเตรียมการเอาไว้แล้ว ปากพลันแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาออกมา หลับตาทั้งสองข้างลง หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำสว่างวาบ เนตรทำลายลายล้างลืมตาขึ้น

ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ!

เส้นสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเนตรทำลายล้าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป โจมตีไปที่ดวงตาปีศาจที่สามของสัตว์วิญญาณ ทำให้มันที่เพิ่งเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบถูกทำลาย

และพริบตาที่ศิลาวิญญาณแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ก็รู้สึกเพียงว่าในหัวมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ความเจ็บปวดรุนแรงจนเข้าไปในจิตวิญญาณทำให้มันร่างกายสั่นเทา ร่วงลงมาจากกลางอากาศอย่างไม่รู้ตัว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 1939 ล้อมโจมตีศิลาวิญญาณ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 1939 ล้อมโจมตีศิลาวิญญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อรหันต์เฮยอวี่และภิกษุย่อมไม่มีทางปล่อยให้สัตว์วิญญาณหนีไปง่ายๆ เช่นนั้น!

ทันใดนั้นชายชราพลันกระตุ้นสมบัติ ชั่วขณะนั้นระฆังยักษ์พลันพลิ้วไหว ระลอกคลื่นเสียงสีเงินม้วนวนออกมาอย่างดุดัน

ภิกษุพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ในมือเปล่งแสงสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีจานอาคมสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหยกเพิ่มขึ้นมา ใช้นิ้วชี้ไปสองสามครั้งอย่างรวดเร็ว  รอบๆ หลุมยักษ์เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น เขตอาคมลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมา ในเวลาเดียวกันระลอกคลื่นเขตอาคมก็ทะลักออกมาราวกับคลื่นน้ำ ชั่วพริบตาก็ตัดสลับไปมากลายเป็นตาข่ายยักษ์ ขวางทางหนีของสัตว์วิญญาณเอาไว้

และยิ่งไปกว่านั้นไม่ใช่แค่นี้ กลางอากาศเหนือเขตอาคมยังมีเสียงเพรียกของหงส์ดังขึ้น เปลวเพลิงสีแดงสดสามลูกเปล่งแสงสว่างวาบ วิหคเพลิงสีแดงสดสามตัวปรากฏออกมา และอ้าปากแหงนหน้าขึ้นไปกลางอากาศอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด เสาเพลิงสีแดงสดสามต้นม้วนวนออกมา ชั่วพริบตาก็กลายเป็นเมฆเพลิงห่อหุ้มไปทางศิลาวิญญาณ

ส่วนทางด้านสัตว์วิญญาณ แมงป่องบินตัวสีฟ้าครามก็เปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นเช่นกัน หางตะขอสีฟ้าขยับ ลำแสงพิษสีฟ้าครามดีดออกมา

ชั่วพริบตานั้นศิลาวิญญาณหวงเหลียนพลันตกอยู่ในอันตรายอีกครั้ง!

แต่เช่นนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้สัตว์วิญญาณโกรธขึ้งแล้ว ผิวของมันมีลำแสงสีทองหมุนวนโคจร เสียงร้องประหลาดๆ ดังขึ้น จากนั้นดวงตาโลหิตที่สามบนหน้าผากพลันลืมตากลมโตขึ้น ลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นราวกับดวงอาทิตย์ เปล่งแสงเจิดจ้าจนแสบตา ทำให้ผู้คนไม่อาจสบตาตรงๆ ได้!

ในยามนี้กำลังสำแดงการโจมตีใส่อรหันต์เฮยอวี่และภิกษุนั้น ผู้ที่เผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ก็อดที่จะหลับตาลงตามจิตสำนึกไม่ได้ แต่หลังจากลืมตาขึ้น ก็หน้าเปลี่ยนสี

อรหันต์เฮยอวี่พบว่าตนอยู่ในทะเลเพลิงสีเหลือง ทั้งด้านบนด้านล่าง และด้านซ้ายด้านขวา ท้องฟ้าและพื้นดินล้วนมีเปลวเพลิงหมุนวน เปลวเพลิงเหล่านี้ดูเหมือนจะลุกโชน แต่กลับให้ความรู้สึกเย็นเยียบจนเข้ากระดูกกับชายชรา

“เพลิงธรณีน้ำพุเหลือง! ไม่ถูก นี่คือเคล็ดวิชาลวงตา!”

อรหันต์เฮยอวี่หน้าเปลี่ยนสี อดที่จะร้องอุทานด้วยเสียงแหบแห้งไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรเสียก็ไม่ใช่คนธรรมดา ครู่ต่อมาก็มีปฏิกิริยาตอบสนองทันที แต่สีหน้ากลับไม่ได้ดีเท่าใดนัก

แม้ว่าก่อนออกเดินทางเขาจะได้ยินคนกล่าวว่าศิลาวิญญาณหวงเหลียนมีเคล็ดวิชาลวงตาที่น่าตกตะลึง แม้แต่สิ่งมีชีวิตระดับผสานอินทรีย์ก็ยังกักได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะถึงขั้นนี้ คาดไม่ถึงว่าจะทำให้เขาตกอยู่ในภาพลวงตาโดยไม่มีเค้าลางมาก่อน

และยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่สร้างขึ้นก็คือเพลิงธรณีน้ำพุเหลืองที่ยุ่งยากที่สุด!

สัตว์วิญญาณนี้อยู่ในเพลิงธรณีมาไม่รู้กี่หมื่นปีแล้ว แน่นอนว่าทักษะภาพลวงตาย่อมถึงจุดสุดยอดแล้ว คิดจะอาศัยเคล็ดวิชาลวงตานี้ทลายพันธนาการ ย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย ดูแล้วหากอยากสลัดภาพลวงตาออกไปให้ทันเวลา ก็มีเพียงต้องใช้พังมหาศาลทลายออกไปแล้ว

ชายชราปล่อยโล่สีดำออกมาปกป้องร่างอย่างรวดเร็วไปพลาง ขบคิดด้วยความเคร่งขรึมไปพลาง

อีกด้านภิกษุที่ลืมตาขึ้น กลับมองเห็นตนอยู่ในห้วงเวลาสีเทา อรหันต์เฮยอวี่และอสูรวิญญาณตนอื่นๆ ล้วนหายไปอย่างไร้ร่องรอย มีเพียงสิ่งมหึมาสูงพันจั้งที่ลอยห่างออกไปสองสามร้อยจั้ง

สิ่งมหึมานี้มีสีทองเรืองรองเช่นกัน รูปร่างคล้ายคางคก แต่ตั้งแต่หัวจรดแผ่นหลังมีดวงตาสีเหลืองทองเจ็ดดวงเรียงแถวอยู่ กำลังใช้สายตาไร้ซึ่งความรู้สึกจ้องเขม็งภิกษุ จากกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากเรือนร่างอันใหญ่โต ก็ยิ่งน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกแทบจะหยุดหายใจ

“คางคกทองเจ็ดตา”

ภิกษุเอ่ยพึมพำ หน้าเปลี่ยนสี แต่หลังจากที่เอ่ยภาษาสันสกฤตออกมา ใบหน้าก็เผยสีหน้าหนักแน่นออกมา สองมือตะปบออกไปกลางอากาศ ลำแสงวิญญาณเปล่งแสงสว่างวาบ ชั่วขณะนั้นไม้เท้าหัวมังกรวารีสีทองและบาตรสีเงินใบหนึ่งก็ปรากฏออกมา

ไม่ใช่แค่ชายชราและภิกษุที่ไม่เคลื่อนไหวอยู่กลางอากาศ แม้แต่วิหคเพลิงสามตัวก็ส่งเสียงเพรียกก้องกังวาน ปากหยุดพ่นเปลวเพลิง ดวงตาทั้งสองเผยสีหน้าตกตะลึงออกมาแล้วกระพือปีกอยู่ที่เดิมไม่หยุด ตกอยู่ในเคล็ดวิชาลวงตาเช่นกัน

มีเพียงแมงป่องผลึกวารีสีฟ้าครามตัวนั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นแมลงวิญญาณชนิดใด หลังจากที่ดวงตาที่สามของศิลาวิญญาณเปล่งแสงสีขาวแล้วกวาดผ่านไป คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีผลกระทบเลยสักนิด ตะขอพิษที่แผ่นหลังยังคงมีลำแสงสีฟ้าพุ่งออกมาไม่หยุด

แต่เมื่อไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ ศิลาวิญญาณหวงเหลียนที่พ่นเพลิงปีศาจออกมารับมือกับการโจมตีก่อนหน้า ย่อมทำให้ลำแสงสีฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบได้อย่างง่ายดาย และถลึงตาใส่แมงป่องตัวนั้น ฉับพลันนั้นก็กลายเป็นลำแสงสีทองปะทะเข้ากับเขตอาคมด้านล่าง

สัตว์วิญญาณตัวนี้กลับมีสติปัญญาไม่ต่ำต้อย รู้ว่ายามนี้ไม่ใช่เวลาจะมาพัวพันกับคนเหล่านี้ ควรจะรีบกลับไปก่อนถึงจะเป็นเรื่องที่ปลอดภัยที่สุด

แต่ไม่รอให้ปะทะเข้ากับเขตอาคมในรวดเดียว ก็อ้าปากออก พ่นดวงแสงสีเหลืองขนาดเท่าศีรษะออกมาอย่างต่อเนื่อง

ดวงแสงเหล่านี้เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป โจมตีไปที่เขตอาคมอย่างแรง

เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลำแสงสีเหลืองเจิดจ้าจนแสบตาระเบิดออก เขตอาคมนี้พลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเผยท่าทีจะพังทลายออกมา

ศิลาวิญญาณเห็นเช่นนี้พลันดีใจ แล้วอ้าปากออก พ่นดวงแสงสิบกว่าลูกออกมา โจมตีเขตอาคมนี้จนสลายหายไป

แต่ในยามนี้เองฉับพลันนั้นเหนือเขตอาคมพลันมีเงาร่างคนปรากฏขึ้น ลำแสงสีเขียวกลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ พลิ้วไหวแล้วกลายเป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่ง

ชายหนุ่มคนนี้เงยหน้าขึ้นมองศิลาวิญญาณหวงเหลียนแล้วหัวเราะหึๆ ออกมา เผยไรฟันขาวจั๊วะ จากนั้นพลันสะบัดแขนเสื้อ ไม้บรรทัดสีเงินเล่มหนึ่งพุ่งออกมาแล้วรางเลือน ชั่วขณะนั้นก็กลายเป็นไม้บรรทัดเงาเรียงตัวหนาแน่นไปหมด แล้วโจมตีไปกลางอากาศสูง สับดวงแสงทั้งหมดจนแหลกสลายไป

คนผู้นี้ย่อมเป็นหานลี่ที่เมื่อครู่เอาแต่ซ่อนตัวไม่ยอมออกมา

เคล็ดวิชาลวงตาที่ศิลาวิญญาณหวงเหลียนสำแดงออกมาเมื่อครู่เป้าหมายก็คืออรหันต์เฮยอวี่และภิกษุ ดังนั้นแม้ว่าหานลี่จะได้รับผลกระทบอยู่ไกลๆ แต่อาศัยจิตสัมผัสที่แข็งแกร่งของเขากลับหลุดออกจากเคล็ดวิชาลวงตาได้อย่างง่ายดาย และเคลื่อนย้ายกายออกจากเขตอาคมได้อย่างสบายๆ

ศิลาวิญญาณนั้นเห็นว่าจะทลายเขตอาคมกลับไปใต้ดิน กลับถูกศัตรูคนใหม่เข้ามาขัดขวาง ในใจจะโกรธเกรี้ยวแค่ไหนแค่คิดก็รู้แล้ว

เสียง “พรึ่บๆ” ดังขึ้น

ผิวของสัตว์วิญญาณมีเปลวเพลิงสีเหลืองม้วนวนออกมา ขยายใหญ่ขึ้นแล้วม้วนไปทางหานลี่อย่างดุดัน

เปลวเพลิงเหล่านี้คือเปลวเพลิงปีศาจหยินเย็นเยียบที่มันฝึกฝนอยู่ใต้ดินมาหลายหมื่นปีถึงจะผนึกขึ้นได้

“มาแล้วก็ดี!”

หานลี่เห็นเพลิงนี้เข้ามา ใบหน้ากลับไม่ตกตะลึงแต่ฉีกยิ้ม พลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง ภูเขาสีดำปรากฏออกมา

ใช้มือตบไปที่ภูเขาลูกนั้น ชั่วขณะนั้นภูเขาลูกนั้นพลันพลิ้วไหวขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดสิบจั้งเศษ!

หานลี่พลันร่ายอาคมกระตุ้น อักขระยันต์สีเงินแถวหนึ่งปรากฏขึ้นบนยอดเขา จากนั้นหมอกสีเทาก็ม้วนวนออกมา และหมุนวนกลายเป็นระลอกคลื่นสีเทา ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ

เปลวเพลิงปีศาจสีเหลืองม้วนวน เมื่อสัมผัสกับระลอกคลื่นสีเทาก็ส่งเสียงอัสนีฟ้าฟาดดังออกมา ทยอยกันเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายเข้าไปในระลอกคลื่น

นอกจากระลอกคลื่นสีเทาจะขยายใหญ่ขึ้นแล้ว ก็ไม่มีท่าทีอันใด

ศิลาวิญญาณหวงเหลียนเห็นสถานการณ์เช่นนั้นดวงตาทั้งสองก็เปล่งแสงสว่างวาบ ปากก็ร้องเสียงแหลมๆ ออกมา

เสียง “ปัง” ดังขึ้น

ในระลอกคลื่นสีเทามีเสียงดังสนั่นดังมา ในระลอกคลื่นสั่นเทาอย่างรุนแรง คาดไม่ถึงว่าจะปริแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเปลวเพลิงปีศาจสีเหลืองก็ทะลักออกมาจากด้านใน คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นคางคกเพลิงสีเหลืองตัวหนึ่ง กำลังกระโจนเข้ามาหาหานลี่

ยังไม่ทันได้กระโจนมาอยู่ตรงหน้า พลังเย็นเยียบกลุ่มหนึ่งก็หมุนวน ให้ความรู้สึกเหมือนแม้แต่วิญญาณก็ถูกแช่แข็ง

หานลี่เห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

เพลิงปีศาจนี้รับมือยากจริงๆ แต่เขาย่อมไม่ได้หวาดกลัวอันใด ทันใดนั้นพลันเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น มือยักษ์ข้างหนึ่งตะปบไปทางคางคกเพลิง

เสียงอึกทึกดังขึ้น!

หมอกลำแสงห้าสีม้วนวนกลางอากาศ ฝ่ามือยักษ์สีขาวที่มีเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีทะลักออกมาปรากฏขึ้น และตะปบไปยังคางคกเพลิงที่อยู่ด้านล่างอย่างแรง

การเคลื่อนไหวรวดเร็วราวกับสายฟ้าก็ไม่ปาน!

ไม่รู้ว่าคางคกเพลิงตัวนั้นหลบไม่ได้ หรือว่าไม่คิดจะหลบ ยามนั้นพลันถูกนิ้วทั้งห้ากำเอาไว้ จากนั้นเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีพลันขยายใหญ่ขึ้น นิ้วทั้งห้าออกแรงบีบพร้อมกัน

เสียง “ตูม” ดังขึ้น!

คางคกเพลิงที่อยู่ในเปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีระเบิดออกในพริบตา กลายเป็นเปลวเพลิงหมุนวนไปห่อหุ้มมือยักษ์

แต่เปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีก็เป็นเพลิงเย็นเยียบชนิดหนึ่ง จะปล่อยให้เปลวเพลิงปีศาจทำแผนชั่วได้สำเร็จง่ายๆ ได้อย่างไร ทันใดนั้นหมอกลำแสงห้าสีก็ขยายใหญ่ขึ้น ต้านทานเปลวเพลิงปีศาจสีเหลืองเอาไว้อย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด

และในชั่วพริบตานั้นหานลี่ก็ใช้นิ้วชี้ไปที่ยอดเขาสีดำที่อยู่ตรงหน้า

ชั่วขณะนั้นภูเขาลูกนี้พลันพลิ้วไหว คาดไม่ถึงว่าจะเปล่งแสงสว่างวาบแล้วจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย

ครู่ต่อมาเหนือศิลาวิญญาณหวงเหลียนก็มีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ยอดเขาสีดำรางเลือนและเปล่งแสงสว่างวาบ กดลงมาอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด ในเวลาเดียวกันหมอกลำแสงสีเทาก็ม้วนวนลงมาอีกครั้ง

ศิลาวิญญาณรู้สึกเพียงว่าร่างกายหนักอึ้ง พลังมหาศาลไร้รูปร่างมากระทบกับร่างของเขา ทำให้ร่างกายเปลี่ยนเป็นเชื่องช้าอย่างหาที่เปรียบมิได้

ศิลาวิญญาณหวงเหลียนย่อมโกรธเกรี้ยว หลังจากดิ้นรนสองสามครั้ง เห็นว่าไร้ประโยชน์ ก็อ้าปากออกอย่างไม่ต้องขบคิด พ่นไข่มุกกลมสีเหลืองออกมาเม็ดหนึ่ง

ไข่มุกกลมมีขนาดแค่เท่าหัวแม่มือ ตัวเป็นสีเหลืองนวล ดูเหมือนไม่สะดุดตา แต่กลับแก่นปีศาจที่เริ่มตั้งครรภ์ตั้งแต่วันที่สัตว์วิญญาณชนิดนี้ถือกำเนิด

แก่นปีศาจนี้เป็นหมุนวนอยู่เหนือหัวศิลาวิญญาณด้วยความดีใจ พลังมหาศาลไร้รูปร่างถูกกีดกันออกไป ในเวลาเดียวกันเสียงพรึ่บก็ดังขึ้น อสรพิษเพลิงสีเหลืองจำนวนนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากแก่นปีศาจ พลิ้วไหวกลางสายลมจนมีความยาวสองสามจั้ง จากนั้นก็แยกเขี้ยวตะปบเล็บกระโจนไปด้านบน

ผลคือเพลิงสีเหลืองและหมอกสีเทาพลันตัดสลับกันไปมา คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานยอดเขาสีดำเอาไว้ จนไม่อาจร่อนลงมาได้เลยสักนิด

แต่ในยามนี้หานลี่ที่เดิมอยู่ด้านล่างแววตาพลันฉายแววโหดเหี้ยม มือหนึ่งพลันร่ายอาคม แผ่นหลังมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ปีกแวววาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นพลันออกแรงกระพือ กลายเป็นประจุไฟฟ้าสีเงินสายหนึ่งหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

ยามนี้ศิลาวิญญาณที่เพิ่งเคลื่อนกายหลบหลีกการโจมตีของลำแสงสีฟ้าของแมงป่องสีครามพลันเผยแววตาโหดเหี้ยมออกมา ดูเหมือนคิดจะทำการโจมตีกลับ แต่ด้านหลังพลันมีสายฟ้าเปล่งแสงสว่างวาบ หานลี่พลันเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏออกมาพร้อมกับสายฟ้าที่พันรัดรอบเรือนร่าง

ศิลาวิญญาณหวงเหลียนพลันตกตะลึง ดวงตาปีศาจที่สามเปล่งประกายอย่างไม่ต้องขบคิด แล้วเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าออกมาอีกครั้ง

หานลี่กลับดูเหมือนจะเตรียมการเอาไว้แล้ว ปากพลันแค่นเสียงหึอย่างเย็นชาออกมา หลับตาทั้งสองข้างลง หว่างคิ้วมีลำแสงสีดำสว่างวาบ เนตรทำลายลายล้างลืมตาขึ้น

ลำแสงสีดำเปล่งแสงสว่างวาบ!

เส้นสีดำสายหนึ่งพุ่งออกมาจากเนตรทำลายล้าง เปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไป โจมตีไปที่ดวงตาปีศาจที่สามของสัตว์วิญญาณ ทำให้มันที่เพิ่งเปล่งแสงสีขาวสว่างวาบถูกทำลาย

และพริบตาที่ศิลาวิญญาณแค่นเสียงด้วยความเย็นชา ก็รู้สึกเพียงว่าในหัวมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้น ความเจ็บปวดรุนแรงจนเข้าไปในจิตวิญญาณทำให้มันร่างกายสั่นเทา ร่วงลงมาจากกลางอากาศอย่างไม่รู้ตัว

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+