A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2013 ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์โชติช่วงดั่งรัตนะ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2013 ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์โชติช่วงดั่งรัตนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะนี้หานลี่กับบรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ กำลังกลายเป็นลำแสงหลีกหนี ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตรงที่ม่านแสงสีดำขนาดใหญ่ขวางทางอยู่

ชายผมยาวตระกูลหลินคว้าไปในที่ว่างด้วยมือข้างหนึ่งอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นกรงเล็บสีครามก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า และเขาก็คว้ามันไว้แน่น

เสียงตู้มดังสนั่นหวั่นไหว!

ม่านแสงที่อยู่ด้านหน้าสว่างวาบสองสามครั้ง ทว่าท้ายที่สุดกลับไร้รอยขีดข่วน

สีหน้าของชายผมยาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ เขาก็ลงมืออีกครั้ง

ทว่าในขณะนั้นเอง ปราชญ์อาวุโสฉางสิงจากเผ่าวิญญาณกลับพูดขึ้นเสียงเย็นชา “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า” เมื่อเขาขยับแขนเสื้อ อักขระยันต์เจ็ดแปดตัวที่มีสีสันแตกต่างกันก็พุ่งออกมาและหายวับเข้าไปในแสงสีดำ

วินาทีต่อมา ม่านแสงที่เดิมทีดูเหมือนมั่นคงมิอาจถูกทำลายได้กลับส่งเสียงดังสนั่น ภายใต้การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ม่านแสงค่อยๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นจึงมีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ชายผมยาวตื่นตระหนก พลางมองไปยังปราชญ์อาวุโสอย่างประหลาดใจ

ดูเหมือนว่าคำแนะนำก่อนหน้านี้ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวไม่ใช่เรื่องโกหก และปราชญ์อาวุโสนามว่าฉางสิงท่านนี้เชี่ยวชาญในการจัดการเขตอาคม มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายม่านแสงได้อย่างง่ายดาย

สาวน้อยในชุดขนนกและผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ทว่าพวกเขาไม่สามารถคิดมากกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้

พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นลำแสงทะลุผ่านรูไป

ในตอนนี้ รูถูกเชื่อมใหม่บนม่านแสงสีดำเช่นดังเดิม

ทว่าหลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ พวกเขาถูกผู้พิทักษ์เผ่ามารที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ ล้อมไว้ด้วยท่าทางดุร้าย

โดยไม่มีผู้ใดสั่งการ ผู้บำเพ็ญระดับผสานอินทรีย์ทั้งสิบคนพลันกระตุ้นพลังอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย ลำแสงที่กระจัดกระจายกลับมารวมกลุ่มกัน กลายเป็นสายรุ้งเจ็ดสีที่มีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง พร้อมทั้งเคลื่อนไปยังกลุ่มของเผ่ามาร

ทำให้ผู้พิทักษ์เผ่ามารฝั่งตรงข้ามตื่นตระหนก ทว่ากลับไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งสถานที่ที่สายรุ้งทอดยาวเคลื่อนไปจะกลายเป็นเถ้าถ่านในแสงที่เปล่งประกาย

เผ่ามารตนอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงที่เดิมทีต่างดาหน้าเข้ามา ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมทั้งหยุดฝีเท้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ตั้งใจ

ภายใต้แสงเจิดจ้าของสายรุ้งเจ็ดสีที่ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้ พวกเขาผ่านทะลวงเขตอาคมชั้นอื่นๆ อีกเจ็ดชั้น จนกระทั่งไปถึงเมฆดำที่อยู่เหนือป้อมปราการ และพวกเขาก็กำลังจะทะลุเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ

ทว่าในขณะนั้น เมฆดำกลับร้องคำรามดังกึกก้อง มีเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่นอยู่ในนั้น

ภายใต้แสงสว่างวาบของฟ้าแลบ สายฟ้าสีเงินฟาดของมาจากก้อนเมฆราวกับกำลังร่ายรำ

ตาข่ายสายฟ้าสูงเสียดฟ้าก่อตัวขึ้นในพยับเมฆ จากนั้นพุ่งเข้าหาทุกคนที่อยู่ด้านล่าง ภายใต้แสงสีเงินระยิบระยับ

หากผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ทั่วไปต้องมาเผชิญกับแรงกดดันจากเขตอาคมที่น่าตกใจเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องล่าถอยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย

ทว่าหานลี่และคนอื่นๆ เป็นระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย อีกทั้งมีมากถึงสี่คน และแต่ละคนก็มีอิทธิฤทธิ์ที่ทรงพลัง แล้วพวกเขาจะหวาดกลัวตาข่ายสายฟ้าที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างไร

บรรพชนตระกูลหล่งสูดลมหายใจพร้อมทั้งพูดว่า

“กล้าอวดฝีมืออันต่ำต้อยต่อหน้าข้าได้อย่างไร!”

ครั้นเมื่อเขายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ทันใดนั้นก็ปรากฏขวดใบเล็กสีเงินออกมาจากมือของเขา สายลมพลันพัดกระพือ ขวดใบเล็กนั้นกลับขยายขนาดขึ้นกว่าหนึ่งฉื่อ

มีเสียงดังหึ่งๆ ดังอยู่ที่ปากขวด ทันใดนั้นควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาและกลายเป็นเส้นใยแสงมากมายนับไม่ถ้วนวิ่งไปมาในอากาศ

และเหตุการณ์แปลกประหลาดจึงได้เกิดขึ้น!

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสายฟ้าฟาดถูกควันสีขาวธรรมดาๆ ม้วนเอาสายฟ้าลงไปในขวดสีเงินใบเล็กที่ละเส้น

ภายในชั่วพริบตา ขวดสีเงินก็เก็บกวาดสายฟ้าที่แน่นขนัดนั่นจนหมดสิ้น เหลือเพียงท้องฟ้าที่ว่างเปล่า

“ขวดชำระอัสนี! เจ้าคือคนตระกูลหล่งเผ่ามนุษย์!”

เผ่ามารที่คำรามในเมฆดำเมื่อสักครู่ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะจำขวดสีเงินในมือบรรพชนตระกูลหล่งได้

“ไม่นึกเลยว่าจะจำสมบัติตระกูลหล่งของข้าได้ ดูท่า มันคงจะเป็นเผ่ามารระดับสูงคนไหนสักคน พวกเราไม่ต้องสนใจเขา บุกเข้าไปต่อได้” บรรพชนตระกูลหล่งพูดอย่างนิ่งเฉยโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย พลางยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกลางอากาศและเก็บขวดเล็กๆ นั้นกลับเข้าแขนเสื้อ

หานลี่ สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและคนอื่นๆ ย่อมไม่มีความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้ เมื่ออิทธิฤทธิ์ของทั้งสิบคนรวมกัน ลำแสงสายรุ้งก็จมดิ่งเข้าไปในเมฆดำ

ในเมฆดำยังมีเขตอาคมอื่นๆ อยู่ แต่เมื่อทั้งสิบคนรวมพลังกันก็กลายเป็นพลังที่มิอาจหยุดยั้งได้ จากนั้นแสงรุ้งเจ็ดสีก็พบช่องทางสีเทาอยู่เบื้องหน้า

ทว่าช่องทางที่อยู่ด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยเผ่ามารหลายร้อยตนยืนเรียงแถวภายใต้เงามารสูงใหญ่

แม้ว่าเงามารจะถูกปกคลุมด้วยพลังปราณสีดำ จึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัด ทว่าเมื่อเห็นหานลี่และคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ดวงตาคู่นั้นจึงเบิกโพลงและเป็นประกาย พร้อมทั้งทั้งแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาในทันที

“ฮึ เผ่ามารระดับสูงดังคาด!”

เมื่อแสงรุ้งแตกกระจาย บรรพชนตระกูลหล่ง สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและคนอื่นๆ จึงค่อยๆ ปรากฏตัวทีละคน เมื่อมองไปยังเงามารที่อยู่ตรงข้าม สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวจึงขมวดคิ้ว พร้อมทั้งพูดว่า “เป็นแค่เผ่ามารระดับสูง จะมาขัดขวางพวกเราได้อย่างไร หากเขากล้าลงมือจริงๆ นั่นแสดงว่าเขารนหาที่ตาย ไม่ต้องสนใจพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องผ่านช่องทางนี้ให้เร็วที่สุด หากใช้เวลายืดยาวจะยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น” วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในแสงสีเงินเหลือบมองไปยังเงามารฝั่งตรงข้ามปราดหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย้ยหยัน

สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย และกลายเป็นแสงวิญญาณพุ่งไปยังฝั่งตรงข้าม

ปราชญ์อาวุโสและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็พุ่งทะยานตามไปโดยไม่พูดสักคำ

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพัวพัน ตราบใดที่มารตนนี้ไม่ลงมือ พวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจเขา”

แสงสว่างวาบเข้าในดวงตาของบรรพชนตระกูลหล่ง จากนั้นเขาจึงเรียกหานลี่และคนอื่นๆ อย่างไม่ลังเล ครั้นเมื่อขยับแขนเสื้อ เขาจึงเปลี่ยนเป็นแสงสีทองแล้วตามไป

หานลี่และคนอื่นๆ ก็ตามไปเช่นกัน

ทุกคนถือว่ากลุ่มของเผ่ามารที่อยู่ตรงข้ามคืออากาศธาตุ

เมื่อเงามารฝั่งตรงข้ามเห็นกลุ่มคนที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์บุกรุกเข้ามาด้วยท่าทางดุร้าย ใบหน้าก็ซีดเผือดลงทันที หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเขาจึงกัดฟันและโบกมือให้ลูกน้องที่อยู่ทั้งสองฝั่งหลีกทาง

วิญญาณศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในแสงสีเงิน และหายวับเข้าไปในจุดเชื่อมต่อพร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้อง

สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว หานลี่และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังตามเข้าไปโดยไม่ลังเลเช่นกัน

หลังจากผ่านช่องทางที่มีความผันผวนรุนแรงมาได้ เสียงอื้ออึงทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย และความสงบก็หวนกลับมาดังเดิมอีกครั้ง

ทว่าเงามารที่เป็นผู้นำนั้นพลันหันกลับไปมองจุดเชื่อมต่อด้านหลังด้วยสีหน้ามืดมน กลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านหลังเขารู้สึกไม่สบายใจจึงรีบเข้าไปใกล้ พลางพูดอย่างระมัดระวัง

“ใต้เท้า ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าบุกรุกเข้ามาในแดนมารของพวกเรา ข้ารู้สึกไม่สบายใจ พวกเราต้องรีบไล่ตามพวกเขาหรือไม่”

“ฮึ ไล่ตามหรือ ถ้าหากพวกเขาดักรออยู่ทางออก จะให้ข้าตามไปรนหาที่ตายหรือ!” เงามารระดับสูงพ่นลมหายใจ พร้อมพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

เมื่อเผ่ามารระดับกลางเห็นสีหน้าเย็นชาของเงามาร หัวใจของพวกเขาพลันสั่นสะท้าน หลังจากที่พูดไปสองสามประโยค พวกเขาจึงเดินกลับไปโดยที่ไม่กล้าพูดอะไรอีก

ทว่าในเวลานี้ กลับมีเสียงหวีดหวิวดังออกมาจากเมฆดำ!

ภายใต้ก้อนเมฆที่หมุนวน ลมมารสีเขียวพลันส่งเสียงลอยมา ทันใดนั้นร่างสูงผอมสีเขียวก็ปรากฏขึ้นและหยุดต่อหน้าเงามารไม่ไกล

ชายวัยกลางคนมีปีกด้านหลัง ยืนขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคือง

“พี่เค่อ ไหนล่ะผู้บำเพ็ญเพียรต่างเผ่า เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเงาของคนต่างเผ่าสักคน” ชายมีปีกกวาดสายตามองไปรอบๆ พลางถามเงามารด้วยสีหน้าร้อนรน

“พี่เฟิง เจ้ามาช้าไป คนพวกนั้นเข้าไปในจุดเชื่อมต่อแล้ว” เงามารมองไปยังชายฉกรรจ์ปราดหนึ่ง พลางตอบด้วยเสียงทุ้ม

“อะไรนะ เหตุใดเจ้าจึงไม่ขัดขวางพวกเขา หากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์รู้เรื่องนี้ ข้ากับเจ้าต้องถูกลงโทษอย่างหนักเป็นแน่” สีหน้าของชายมีปีกเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ขัดขวางอย่างไร ในกลุ่มนั้นมีถึงสิบคน ทั้งหมดต่างอยู่ระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไป และมีอีกหลายคนที่อยู่ขั้นสุดท้าย หากพวกเขาไม่รีบเข้าไปในขุดเชื่อมต่อ เกรงว่าข้าคงถูกฆ่าตายไปแล้ว จะมายืนคุยกับพี่เฟิงที่นี่ได้อย่างไร” หลังจากที่เงามารเงียบไปสักพัก เขาก็ตอบกลับอย่างเย็นชา

“อะไรนะ ล้วนอยู่ระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไป พี่เค่อ เจ้าล้อข้าเล่นใช่หรือไม่!” ชายมีปีกตกตะลึง พลางถามด้วยความงุนงง

“ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่เห็น แต่คนอื่นๆ ก็เห็นกับตา ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่กลัวบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ลงโทษได้อย่างไร” เงามารถอนหายใจอย่างไม่มีทางสู้

ชายมีปีกมองไปยังเผ่ามารตนอื่นที่อยู่ด้านหลังเงามาร เขารู้สึกมึนงงเมื่อเห็นว่าคำพูดของสหายเป็นความจริง

ในเวลาต่อมา เขาจึงบ่นพึมพำกับตัวเอง “นี่คือปัญหาใหญ่ ไม่ว่าอย่างไร ไม่ใช่เรื่องเล็กที่คนต่างเผ่าระดับสูงมากมายจะบุกรุกเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าต้องรายงานบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ตามความจริง”

ดวงตาของเงามารมีแสงแปลกๆ สว่างวาบเข้ามาเมื่อได้ยินเช่นนั้น และเมื่อเขากำลังจะตอบกลับ ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาของหญิงสาวดังก้องอยู่ในความว่างเปล่า

“พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบนได้ ทุกอย่างให้ข้าเก็บไว้ในใจก็พอแล้ว”

“ใคร”

ในขณะนี้ ทั้งเงามารและชายมีปีกต่างสะดุ้งตกใจ ทั้งสองขยับเข้าหากันในทันที แสงมารส่องประกายในมือของทั้งสอง คนหนึ่งมีดาบยาวสีเงินสองเล่ม อีกคนมีหอกสีดำอยู่ในมือ

ทั้งสองดูระแวดระวังผิดปกติ

พวกเขารู้ดีว่า ผู้ที่สามารถซ่อนตัวจากหูตาของตนในระนะใกล้ได้เช่นนี้ ซึ่งอิทธิฤทธิ์ต้องไม่น้อยไปกว่าตนอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

ทว่าในเวลานี้ กลับมีกลิ่นหอมแปลกๆ ล่องลอยมาจากที่ใดสักแห่ง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดการผันผวน ต้นไม้ขนาดใหญ่สูงกว่าสิบจั้งพลันปรากฏขึ้นโดยไม่มีเค้าลางใดบอกมาก่อน

ต้นไม้นี้ใสแวววาวระยิบระยับ กิ่งก้านถูกปกคลุมด้วยดอกไม้สีชมพูแปลกตาขนาดเท่ากำปั้น ดูงดงามอย่างแปลกประหลาด!

“ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์โชติช่วงดั่งรัตนะ คือใต้เท้าเป่าฮวา!”

ครั้นเมื่อชายมีปีกเห็นดอกไม้ ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวราวกับถูกต่อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เขากระโดดไปในความสูงหลายจั้งในทันใด พร้อมทั้งกระพือปีก ก่อนที่จะกลายเป็นลมกระโชกแรงแล้วบินจากไป

ทว่าในเวลานี้ ดอกไม้ประหลาดสีชมพูที่อยู่บนต้นไม้ตั้งตระหง่านกลับลุกเป็นไฟ กลีบของดอกไม้กลายเป็นเปลวไฟสีชมพูและค่อยๆ ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2013 ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์โชติช่วงดั่งรัตนะ

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2013 ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์โชติช่วงดั่งรัตนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขณะนี้หานลี่กับบรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ กำลังกลายเป็นลำแสงหลีกหนี ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตรงที่ม่านแสงสีดำขนาดใหญ่ขวางทางอยู่

ชายผมยาวตระกูลหลินคว้าไปในที่ว่างด้วยมือข้างหนึ่งอย่างไม่ลังเล ทันใดนั้นกรงเล็บสีครามก็โผล่ออกมาจากความว่างเปล่า และเขาก็คว้ามันไว้แน่น

เสียงตู้มดังสนั่นหวั่นไหว!

ม่านแสงที่อยู่ด้านหน้าสว่างวาบสองสามครั้ง ทว่าท้ายที่สุดกลับไร้รอยขีดข่วน

สีหน้าของชายผมยาวเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากสูดลมหายใจลึกๆ เขาก็ลงมืออีกครั้ง

ทว่าในขณะนั้นเอง ปราชญ์อาวุโสฉางสิงจากเผ่าวิญญาณกลับพูดขึ้นเสียงเย็นชา “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้า” เมื่อเขาขยับแขนเสื้อ อักขระยันต์เจ็ดแปดตัวที่มีสีสันแตกต่างกันก็พุ่งออกมาและหายวับเข้าไปในแสงสีดำ

วินาทีต่อมา ม่านแสงที่เดิมทีดูเหมือนมั่นคงมิอาจถูกทำลายได้กลับส่งเสียงดังสนั่น ภายใต้การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ม่านแสงค่อยๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นจึงมีรูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคน

ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ชายผมยาวตื่นตระหนก พลางมองไปยังปราชญ์อาวุโสอย่างประหลาดใจ

ดูเหมือนว่าคำแนะนำก่อนหน้านี้ของสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวไม่ใช่เรื่องโกหก และปราชญ์อาวุโสนามว่าฉางสิงท่านนี้เชี่ยวชาญในการจัดการเขตอาคม มิเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายม่านแสงได้อย่างง่ายดาย

สาวน้อยในชุดขนนกและผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ ก็รู้สึกแปลกใจเช่นกัน ทว่าพวกเขาไม่สามารถคิดมากกับเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าได้

พวกเขาทั้งหมดกลายเป็นลำแสงทะลุผ่านรูไป

ในตอนนี้ รูถูกเชื่อมใหม่บนม่านแสงสีดำเช่นดังเดิม

ทว่าหลังจากผ่านไปเพียงชั่วครู่ พวกเขาถูกผู้พิทักษ์เผ่ามารที่ลาดตระเวนอยู่ใกล้ๆ ล้อมไว้ด้วยท่าทางดุร้าย

โดยไม่มีผู้ใดสั่งการ ผู้บำเพ็ญระดับผสานอินทรีย์ทั้งสิบคนพลันกระตุ้นพลังอย่างพร้อมเพรียงกันโดยมิได้นัดหมาย ลำแสงที่กระจัดกระจายกลับมารวมกลุ่มกัน กลายเป็นสายรุ้งเจ็ดสีที่มีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง พร้อมทั้งเคลื่อนไปยังกลุ่มของเผ่ามาร

ทำให้ผู้พิทักษ์เผ่ามารฝั่งตรงข้ามตื่นตระหนก ทว่ากลับไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ซึ่งสถานที่ที่สายรุ้งทอดยาวเคลื่อนไปจะกลายเป็นเถ้าถ่านในแสงที่เปล่งประกาย

เผ่ามารตนอื่นๆ บริเวณใกล้เคียงที่เดิมทีต่างดาหน้าเข้ามา ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป พร้อมทั้งหยุดฝีเท้าที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่ตั้งใจ

ภายใต้แสงเจิดจ้าของสายรุ้งเจ็ดสีที่ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งได้ พวกเขาผ่านทะลวงเขตอาคมชั้นอื่นๆ อีกเจ็ดชั้น จนกระทั่งไปถึงเมฆดำที่อยู่เหนือป้อมปราการ และพวกเขาก็กำลังจะทะลุเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ

ทว่าในขณะนั้น เมฆดำกลับร้องคำรามดังกึกก้อง มีเสียงสายฟ้าฟาดดังสนั่นอยู่ในนั้น

ภายใต้แสงสว่างวาบของฟ้าแลบ สายฟ้าสีเงินฟาดของมาจากก้อนเมฆราวกับกำลังร่ายรำ

ตาข่ายสายฟ้าสูงเสียดฟ้าก่อตัวขึ้นในพยับเมฆ จากนั้นพุ่งเข้าหาทุกคนที่อยู่ด้านล่าง ภายใต้แสงสีเงินระยิบระยับ

หากผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ทั่วไปต้องมาเผชิญกับแรงกดดันจากเขตอาคมที่น่าตกใจเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องล่าถอยเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสีย

ทว่าหานลี่และคนอื่นๆ เป็นระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลาย อีกทั้งมีมากถึงสี่คน และแต่ละคนก็มีอิทธิฤทธิ์ที่ทรงพลัง แล้วพวกเขาจะหวาดกลัวตาข่ายสายฟ้าที่อยู่ด้านหน้าได้อย่างไร

บรรพชนตระกูลหล่งสูดลมหายใจพร้อมทั้งพูดว่า

“กล้าอวดฝีมืออันต่ำต้อยต่อหน้าข้าได้อย่างไร!”

ครั้นเมื่อเขายกมือขึ้นข้างหนึ่ง ทันใดนั้นก็ปรากฏขวดใบเล็กสีเงินออกมาจากมือของเขา สายลมพลันพัดกระพือ ขวดใบเล็กนั้นกลับขยายขนาดขึ้นกว่าหนึ่งฉื่อ

มีเสียงดังหึ่งๆ ดังอยู่ที่ปากขวด ทันใดนั้นควันสีขาวก็พวยพุ่งออกมาและกลายเป็นเส้นใยแสงมากมายนับไม่ถ้วนวิ่งไปมาในอากาศ

และเหตุการณ์แปลกประหลาดจึงได้เกิดขึ้น!

ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยสายฟ้าฟาดถูกควันสีขาวธรรมดาๆ ม้วนเอาสายฟ้าลงไปในขวดสีเงินใบเล็กที่ละเส้น

ภายในชั่วพริบตา ขวดสีเงินก็เก็บกวาดสายฟ้าที่แน่นขนัดนั่นจนหมดสิ้น เหลือเพียงท้องฟ้าที่ว่างเปล่า

“ขวดชำระอัสนี! เจ้าคือคนตระกูลหล่งเผ่ามนุษย์!”

เผ่ามารที่คำรามในเมฆดำเมื่อสักครู่ น้ำเสียงของเขาแสดงถึงความตกใจอย่างมากเมื่อเห็นเช่นนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะจำขวดสีเงินในมือบรรพชนตระกูลหล่งได้

“ไม่นึกเลยว่าจะจำสมบัติตระกูลหล่งของข้าได้ ดูท่า มันคงจะเป็นเผ่ามารระดับสูงคนไหนสักคน พวกเราไม่ต้องสนใจเขา บุกเข้าไปต่อได้” บรรพชนตระกูลหล่งพูดอย่างนิ่งเฉยโดยไม่สนใจแม้แต่น้อย พลางยื่นมือข้างหนึ่งออกไปกลางอากาศและเก็บขวดเล็กๆ นั้นกลับเข้าแขนเสื้อ

หานลี่ สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและคนอื่นๆ ย่อมไม่มีความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องนี้ เมื่ออิทธิฤทธิ์ของทั้งสิบคนรวมกัน ลำแสงสายรุ้งก็จมดิ่งเข้าไปในเมฆดำ

ในเมฆดำยังมีเขตอาคมอื่นๆ อยู่ แต่เมื่อทั้งสิบคนรวมพลังกันก็กลายเป็นพลังที่มิอาจหยุดยั้งได้ จากนั้นแสงรุ้งเจ็ดสีก็พบช่องทางสีเทาอยู่เบื้องหน้า

ทว่าช่องทางที่อยู่ด้านหน้านั้นเต็มไปด้วยเผ่ามารหลายร้อยตนยืนเรียงแถวภายใต้เงามารสูงใหญ่

แม้ว่าเงามารจะถูกปกคลุมด้วยพลังปราณสีดำ จึงมองเห็นใบหน้าไม่ชัด ทว่าเมื่อเห็นหานลี่และคนอื่นๆ ที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ดวงตาคู่นั้นจึงเบิกโพลงและเป็นประกาย พร้อมทั้งทั้งแสดงสีหน้าเหลือเชื่อออกมาในทันที

“ฮึ เผ่ามารระดับสูงดังคาด!”

เมื่อแสงรุ้งแตกกระจาย บรรพชนตระกูลหล่ง สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและคนอื่นๆ จึงค่อยๆ ปรากฏตัวทีละคน เมื่อมองไปยังเงามารที่อยู่ตรงข้าม สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวจึงขมวดคิ้ว พร้อมทั้งพูดว่า “เป็นแค่เผ่ามารระดับสูง จะมาขัดขวางพวกเราได้อย่างไร หากเขากล้าลงมือจริงๆ นั่นแสดงว่าเขารนหาที่ตาย ไม่ต้องสนใจพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องผ่านช่องทางนี้ให้เร็วที่สุด หากใช้เวลายืดยาวจะยิ่งมีอุปสรรคมากขึ้น” วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในแสงสีเงินเหลือบมองไปยังเงามารฝั่งตรงข้ามปราดหนึ่ง แล้วพูดอย่างเย้ยหยัน

สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย และกลายเป็นแสงวิญญาณพุ่งไปยังฝั่งตรงข้าม

ปราชญ์อาวุโสและวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็พุ่งทะยานตามไปโดยไม่พูดสักคำ

“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพัวพัน ตราบใดที่มารตนนี้ไม่ลงมือ พวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจเขา”

แสงสว่างวาบเข้าในดวงตาของบรรพชนตระกูลหล่ง จากนั้นเขาจึงเรียกหานลี่และคนอื่นๆ อย่างไม่ลังเล ครั้นเมื่อขยับแขนเสื้อ เขาจึงเปลี่ยนเป็นแสงสีทองแล้วตามไป

หานลี่และคนอื่นๆ ก็ตามไปเช่นกัน

ทุกคนถือว่ากลุ่มของเผ่ามารที่อยู่ตรงข้ามคืออากาศธาตุ

เมื่อเงามารฝั่งตรงข้ามเห็นกลุ่มคนที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์บุกรุกเข้ามาด้วยท่าทางดุร้าย ใบหน้าก็ซีดเผือดลงทันที หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเขาจึงกัดฟันและโบกมือให้ลูกน้องที่อยู่ทั้งสองฝั่งหลีกทาง

วิญญาณศักดิ์สิทธิ์หัวเราะอย่างบ้าคลั่งในแสงสีเงิน และหายวับเข้าไปในจุดเชื่อมต่อพร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้อง

สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิว หานลี่และคนอื่นๆ ที่อยู่ด้านหลังตามเข้าไปโดยไม่ลังเลเช่นกัน

หลังจากผ่านช่องทางที่มีความผันผวนรุนแรงมาได้ เสียงอื้ออึงทั้งหมดพลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย และความสงบก็หวนกลับมาดังเดิมอีกครั้ง

ทว่าเงามารที่เป็นผู้นำนั้นพลันหันกลับไปมองจุดเชื่อมต่อด้านหลังด้วยสีหน้ามืดมน กลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ด้านหลังเขารู้สึกไม่สบายใจจึงรีบเข้าไปใกล้ พลางพูดอย่างระมัดระวัง

“ใต้เท้า ตอนนี้มีผู้แข็งแกร่งต่างเผ่าบุกรุกเข้ามาในแดนมารของพวกเรา ข้ารู้สึกไม่สบายใจ พวกเราต้องรีบไล่ตามพวกเขาหรือไม่”

“ฮึ ไล่ตามหรือ ถ้าหากพวกเขาดักรออยู่ทางออก จะให้ข้าตามไปรนหาที่ตายหรือ!” เงามารระดับสูงพ่นลมหายใจ พร้อมพูดอย่างโกรธเกรี้ยว

เมื่อเผ่ามารระดับกลางเห็นสีหน้าเย็นชาของเงามาร หัวใจของพวกเขาพลันสั่นสะท้าน หลังจากที่พูดไปสองสามประโยค พวกเขาจึงเดินกลับไปโดยที่ไม่กล้าพูดอะไรอีก

ทว่าในเวลานี้ กลับมีเสียงหวีดหวิวดังออกมาจากเมฆดำ!

ภายใต้ก้อนเมฆที่หมุนวน ลมมารสีเขียวพลันส่งเสียงลอยมา ทันใดนั้นร่างสูงผอมสีเขียวก็ปรากฏขึ้นและหยุดต่อหน้าเงามารไม่ไกล

ชายวัยกลางคนมีปีกด้านหลัง ยืนขมวดคิ้วด้วยความขุ่นเคือง

“พี่เค่อ ไหนล่ะผู้บำเพ็ญเพียรต่างเผ่า เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเงาของคนต่างเผ่าสักคน” ชายมีปีกกวาดสายตามองไปรอบๆ พลางถามเงามารด้วยสีหน้าร้อนรน

“พี่เฟิง เจ้ามาช้าไป คนพวกนั้นเข้าไปในจุดเชื่อมต่อแล้ว” เงามารมองไปยังชายฉกรรจ์ปราดหนึ่ง พลางตอบด้วยเสียงทุ้ม

“อะไรนะ เหตุใดเจ้าจึงไม่ขัดขวางพวกเขา หากบรรพชนศักดิ์สิทธิ์รู้เรื่องนี้ ข้ากับเจ้าต้องถูกลงโทษอย่างหนักเป็นแน่” สีหน้าของชายมีปีกเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“ขัดขวางอย่างไร ในกลุ่มนั้นมีถึงสิบคน ทั้งหมดต่างอยู่ระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไป และมีอีกหลายคนที่อยู่ขั้นสุดท้าย หากพวกเขาไม่รีบเข้าไปในขุดเชื่อมต่อ เกรงว่าข้าคงถูกฆ่าตายไปแล้ว จะมายืนคุยกับพี่เฟิงที่นี่ได้อย่างไร” หลังจากที่เงามารเงียบไปสักพัก เขาก็ตอบกลับอย่างเย็นชา

“อะไรนะ ล้วนอยู่ระดับผสานอินทรีย์ขึ้นไป พี่เค่อ เจ้าล้อข้าเล่นใช่หรือไม่!” ชายมีปีกตกตะลึง พลางถามด้วยความงุนงง

“ไม่ใช่แค่ข้าคนเดียวที่เห็น แต่คนอื่นๆ ก็เห็นกับตา ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่กลัวบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ลงโทษได้อย่างไร” เงามารถอนหายใจอย่างไม่มีทางสู้

ชายมีปีกมองไปยังเผ่ามารตนอื่นที่อยู่ด้านหลังเงามาร เขารู้สึกมึนงงเมื่อเห็นว่าคำพูดของสหายเป็นความจริง

ในเวลาต่อมา เขาจึงบ่นพึมพำกับตัวเอง “นี่คือปัญหาใหญ่ ไม่ว่าอย่างไร ไม่ใช่เรื่องเล็กที่คนต่างเผ่าระดับสูงมากมายจะบุกรุกเข้ามาในแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้าต้องรายงานบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ตามความจริง”

ดวงตาของเงามารมีแสงแปลกๆ สว่างวาบเข้ามาเมื่อได้ยินเช่นนั้น และเมื่อเขากำลังจะตอบกลับ ทันใดนั้นก็มีเสียงแผ่วเบาของหญิงสาวดังก้องอยู่ในความว่างเปล่า

“พวกเจ้าไม่ว่าใครก็ไม่สามารถรายงานเรื่องนี้ต่อเบื้องบนได้ ทุกอย่างให้ข้าเก็บไว้ในใจก็พอแล้ว”

“ใคร”

ในขณะนี้ ทั้งเงามารและชายมีปีกต่างสะดุ้งตกใจ ทั้งสองขยับเข้าหากันในทันที แสงมารส่องประกายในมือของทั้งสอง คนหนึ่งมีดาบยาวสีเงินสองเล่ม อีกคนมีหอกสีดำอยู่ในมือ

ทั้งสองดูระแวดระวังผิดปกติ

พวกเขารู้ดีว่า ผู้ที่สามารถซ่อนตัวจากหูตาของตนในระนะใกล้ได้เช่นนี้ ซึ่งอิทธิฤทธิ์ต้องไม่น้อยไปกว่าตนอย่างแน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษ

ทว่าในเวลานี้ กลับมีกลิ่นหอมแปลกๆ ล่องลอยมาจากที่ใดสักแห่ง ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เกิดการผันผวน ต้นไม้ขนาดใหญ่สูงกว่าสิบจั้งพลันปรากฏขึ้นโดยไม่มีเค้าลางใดบอกมาก่อน

ต้นไม้นี้ใสแวววาวระยิบระยับ กิ่งก้านถูกปกคลุมด้วยดอกไม้สีชมพูแปลกตาขนาดเท่ากำปั้น ดูงดงามอย่างแปลกประหลาด!

“ดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์โชติช่วงดั่งรัตนะ คือใต้เท้าเป่าฮวา!”

ครั้นเมื่อชายมีปีกเห็นดอกไม้ ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวราวกับถูกต่อย แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวสุดขีด เขากระโดดไปในความสูงหลายจั้งในทันใด พร้อมทั้งกระพือปีก ก่อนที่จะกลายเป็นลมกระโชกแรงแล้วบินจากไป

ทว่าในเวลานี้ ดอกไม้ประหลาดสีชมพูที่อยู่บนต้นไม้ตั้งตระหง่านกลับลุกเป็นไฟ กลีบของดอกไม้กลายเป็นเปลวไฟสีชมพูและค่อยๆ ร่วงโรยลงมาจากท้องฟ้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+