A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2015 ทะเลกำเนิดมาร

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2015 ทะเลกำเนิดมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขอบคุณนายท่านที่เมตตา แม้ว่าแต่นี้ต่อไปเฮยเอ้อจะตายอย่างโหดร้ายทารุณ ข้าก็จะช่วยนายท่านทำความปรารถนานี้ให้สำเร็จ!” ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงรีบตอบกลับด้วยความจงรักภักดี

“ดีมาก เจ้าไม่ต้องถามอะไรมากเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เพียงแค่ทำตามสิ่งที่ข้าสั่งก็พอแล้ว พวกเราล่าช้ามามากแล้ว ตอนนี้รีบตามผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ให้ทันดีกว่า” หญิงสาวในชุดชาววังพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นจึงหันหน้าไปมองภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป พลางพูดในขณะที่แสงเย็นยะเยือกสว่างวาบในดวงตา

“ขอรับ นายท่าน!” ชายฉกรรจ์ในชุดสีดำตอบรับด้วยความเคารพ

พอแขนเสื้อของเป่าฮวาสั่นสะท้าน ต้นไม้สีชมพูก็เปล่งประกายระยิบระยับอีกครั้ง เมื่อปกคลุมทั้งสอง จึงกลายเป็นลำแสงสีชมพูแล้วพุ่งไปข้างหน้า

ในขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ หานลี่ บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ กำลังเหาะเหินอย่างเงียบๆ

แม้ว่าพวกเขาจะพบเรื่องไม่คาดฝันเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าจุดเชื่อมต่อ ทว่าเมื่อออกจากจุดเชื่อมต่อแล้ว ทุกอย่างได้เหมือนกับที่บรรพชนตระกูลหล่งตรวจสอบในตอนแรก

ไม่เพียงแต่ในจุดที่ออกมาจะตรงกับชีพจรภูเขาเซวี่ยฉือของแดนมารพอดับพอดี แต่ภายนอกจุดเชื่อมต่อมีเพียงเผ่ามารธรรมดาเท่านั้นที่ประจำการอยู่

เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจ พวกเขาจึงไม่ได้เปิดฉากสังหารและตั้งใจมุ่งหน้าไปโดยไม่รีรอตั้งแต่ออกจากวงล้อม

ชีพจรภูเขาเซวี่ยฉือถือเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนทรัพยากรปราณมารมากในแดนมาร และมีพื้นที่กว้างใหญ่ ดังนั้นระหว่างทางพวกเขาจึงไม่พบร่องรอยของเผ่ามารอื่นเลย

สิ่งนี้ทำให้บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ รู้โล่งใจกับสิ่งที่กังวล

หลังจากที่เหาะเหินเดินทางนานกว่าครึ่งเดือน และแก้ไขปัญหากลุ่มมารที่ไม่รู้จักระหว่างทาง ในที่สุดหานลี่และคนอื่นๆ ก็ได้เหาะเหินออกจากภูเขาที่มืดมิด และทุ่งหญ้าเขียวขจีที่กว้างใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา

ในท้องทุ่งมีต้นหญ้าเขียวขจีทุกหนทุกแห่ง และมีดอกไม้บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา ทว่าในอากาศกลับเห็นปราณสีเทาดำลอยละล่องอยู่จางๆ เห็นได้ชัดว่ามีปราณมารหนาแน่นกว่าในชีพจรภูเขา

ดังนั้นเมื่อบรรพชนตระกูลหล่งทักท้วง ทุกคนจึงหยุดและรวมตัวกันเพื่อปรึกษาเรื่องการเดินทาง

“ที่ตั้งของบ่อชำระวิญญาณและบัววิญญาณพิสุทธิ์ ตามคำพูดสุดท้ายของราชันวิญญาณรุ่นก่อนเรา ตั้งอยู่ที่เกาะลึกลับในทะเลกำเนิดมารทางตะวันออกสุดของแดนมาร ส่วนตำแหน่งเฉพาะเจาะจง แม้ว่าข้าจะมีเบาะแสบางอย่าง ทว่าจำเป็นที่จะต้องถึงที่นั่นก่อนจึงจะใช้งานได้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำคือการไปถึงทะเลกำเนิดมารโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด ข้าคิดว่าสหายหล่งน่าเตรียมแผนการที่ดีไว้แล้วกระมัง” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวพูดกับผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์อย่างเคร่งขรึม

“อืม หลายปีที่ผ่านมาข้าได้ตั้งใจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เผ่ามารเอาไว้ แม้ข้อมูลจะคลาดเคลื่อนหรือผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็ถือว่าได้ผลไม่น้อย จากตำแหน่งที่พวกเราอยู่ตอนนี้มีสามเส้นทางที่จะเดินทางไปยังทะเลกำเนิดมารได้ แต่ทั้งสามเส้นทางนี้ ข้ามิอาจตัดสินใจเพียงผู้เดียวได้ จึงต้องปรึกษาสหายทั้งหมด บางทีเราอาจจะต้องลองทั้งสามเส้นทาง จึงจะสามารถตัดสินใจได้” บรรพชนตระกูลหล่งพยักหน้า พลางตอบอย่างสุขุม

“ถ้าเช่นนั้นพี่หล่งลองพูดก่อนว่าสามเส้นทางนั้นคือที่ใดบ้าง” ชายตระกูลหลินถามอย่างฉับพลันทันที

ส่วนหานลี่ หญิงสาวในชุดขนนกและคนอื่นๆ ก็รอฟังอย่างตั้งใจ

“เส้นทางแรก เดินไปตามทุ่งหญ้าด้านหน้า สามารถเข้าสู่พื้นที่ที่ราบใหญ่ชงเย่ว์ จากนั้นต้องผ่านพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งมีเผ่ามารปกครองหลายกลุ่ม ด้วยความช่วยเหลือของเขตอาคมส่งตัวในเมืองใหญ่ของเผ่ามาร จะทำให้เข้าถึงทะเลกำเนิดมารได้ง่าย ถ้าหากทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองปี พวกเราก็จะถึงที่หมาย แต่ปัญหาเดียวก็คือเขตอาคมส่งตัวในเมืองเผ่ามารจะต้องมีเผ่ามารระดับสู.หรือบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ดูแลควบคุมอยู่เป็นแน่ ซึ่งจะเต็มไปด้วยเขตอาคมมากมาย แม้ว่าพวกเราจะใช้ไข่มุกมาร แต่มีโอกาสมากที่สุดเพียงสองในสิบส่วนที่จะสามารถหลบหนีไปได้ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเรา” บรรพชนตระกูลหล่งพูดอย่างสงบในเส้นทางแรก

“โอกาสสองในสิบส่วนต่ำเกินไป ไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้!” หญิงสาวในชุดขนนกเลิกคิ้วสูงพลางคัดค้านเมื่อได้ยิน

“อืม สิ่งที่สหายเย่พูดมีเหตุผล แม้ว่าเส้นทางนี้จะใช้เวลาน้อยที่สุด แต่มันเสี่ยงอันตรายเกินไปจริงๆ ข้าก็ไม่เห็นด้วยกับเส้นทางนี้” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวส่ายหน้าช้าๆ

ส่วนหานลี่ เผ่าวิญญาณและคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไร ทว่าสีหน้าที่แสดงออกแสดงว่าพวกเขามีความเห็นที่ตรงกัน

บรรพชนตระกูลหล่งไม่แปลกใจที่เห็นเหตุการณ์นี้ จึงพูดเส้นทางที่สองต่อไป “เส้นทางที่สอง พวกเราเดินไปยังจุดศูนย์กลางของทุ่งหญ้าก่อน จากนั้นเดินไปตามแม่น้ำมารที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับที่ห้าในแดนมาร แล้วเข้าไปในอาณาเขตทะเล หลังจากนั้นก็ผ่านทะเลอีกหลายแห่ง ที่สุดก็จะเข้าสู่ทะเลกำเนิดมาร ด้วยความกว้างใหญ่ของทะเลในแดนมาร พวกเราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจอเผ่ามารระดับสูงและถูกระบุตัวตน แต่สิ่งที่แย่ก็คือมีอสูรมารมากมายในทะเล หากเราเจออสูรมารทะเลกว่าหมื่นตัว พวกเราทำได้แค่หนีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีอสูรทะเลจำนวนมากที่มีระดับสูงในทะเลส่วนลึกของแดนมาร และมีข่าวลือว่ามีแม้กระทั่งอสูรมารทะเลที่อยู่ในระดับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ และหากใช้เส้นทางนี้ พวกเราจะใช้เวลาราวๆ ห้าหกปีจึงจะถึงจุดหมาย”

“การเดินทางทางทะเลยังคงอันตรายเกินไป แม้ว่าข้าจะไม่รู้เกี่ยวกับทะเลของแดนมาร แต่อสูรทะเลในแดนวิญญาณทรงพลังมาก แม้แต่เผ่าที่แข่งแกร่งที่สุดในแผ่นดินของข้ายังต้องหวาดกลัว และยิ่งไปว่านั้นข้าไม่คุ้นเคยกับทะเลกำเนิดมาร หากเจออันตรายในทะเลกำเนิดมาร ก็ยากที่จะรักษาชีวิต พี่หล่ง เส้นทางที่สามคืออะไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งถามต่อ

“เส้นทางสุดท้าย พวกเราจำเป็นต้องเดินไปตามชายขอบของทุ่งหญ้าในทิศตะวันตก และเข้าสู่พื้นที่รกร้างของแดนมารที่แม้แต่เผ่ามารแทบจะไม่ย่างกรายเข้ามา ที่นั่นคล้ายกับพื้นที่รกร้างในแดนวิญญาณของพวกเรา แม้ว่าจะมีอสูรมารมากมายแต่ก็ยังน้อยกว่าในทะเลมาก และด้วยพลังของพวกเราน่าจะไม่ประสบปัญหามากนัก ทว่าจากเส้นทางนี้ไปสู่ทะเลกำเนิดมาร ไม่เพียงแต่ใช้เวลานานเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องผ่านทะเลทรายที่เลื่องชื่อในการปล้นอิทธิฤทธิ์ ทะเลทรายแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้ามในแดนมาร ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรจะฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับใด กว่าเก้าในสิบส่วนอิทธิฤทธิ์จะถูกระงับ และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือในทะเลทรายแห่งนี้ไม่สามารถใช้อาคมหลีกหนีหรือสมบัติใดๆ ได้ พวกเราสามารถเดินผ่านทะเลทรายนี้ทีละก้าวโดยใช้เพียงเท้าของตนเองเท่านั้น” บรรพชนตระกูลหล่งพูดพลางยกมุมปาก

“มีอสูรมารทรงพลังหรือแมลงพิษในทะเลทรายแห่งนี้หรือไม่” หานลี่ถาม ในขณะที่หัวใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน

“ไม่มี แม้ทะเลทรายแห่งนี้จะมีอสูรมารระดับกลาง และถึงแม้ว่าพวกเราจะถูกระงับอิทธิฤทธิ์ถึงเก้าในสิบส่วน ก็ยังสามารถรับมือได้อย่างง่ายได้ สิ่งเดียวที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามคือกระแสลมมารอันโด่งดังในทะเลทรายแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเราเพียงแค่ถูกระงับอิทธิฤทธิ์ ทว่าจิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของพวกเราไม่ได้เสียหายเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าลมมารจะมีปัญหา แต่ถ้าหากพวกเราระมัดระวังมากขึ้นก็สามรถรับมือได้” บรรพชนตระกูลหล่งตอบกลับ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราต้องเดินทางในทะเลทรายสักพักและใช้เวลานานสักหน่อย เหตุใดพี่หล่งจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ ต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นใช่หรือไม่!” หานลี่ถามพลางยิ้มเบาๆ

“พี่หานพูดถูก หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าคงไม่เตรียมเส้นทางอีกสองเส้นทางไว้ และให้มันเป็นทางเลือกเส้นทางสุดท้าย ประเด็นสำคัญก็คือทะเลทรายแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป หากพวกเราไม่สามารถเหาะเหินหรือใช้พลังของสมบัติอาคมได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะเดินทางเส้นทางนี้โดยใช้เวลาไม่ถึงห้าสิบหกสิบปี” บรรพชนตระกูลหล่งหัวเราะแห้งๆ เมื่อได้ยินหานลี่พูด

‘ห้าสิบหกสิบปี’ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงแต่หานลี่ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่สาวน้อยในชุดขนนกยังตกตะลึง

มีเพียงสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ และวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็นิ่งเฉยเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าเผ่าวิญญาณเข้าใจในสถานการณ์บางอย่างในทะเลทรายแห่งนี้

“ห้าสิบหกสิบปี ไม่ได้ นี่มันนานเกินไปแล้ว กว่าพวกเราจะไปถึงทะเลกำเนิดมาร เกรงว่ามารจะปล้นแดนวิญญาณไปจนเสร็จสิ้นแล้ว และหากเวลายืดเยื้อมากเท่าไหร่ ก็จะมีอันตรายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากเท่านั้น” ครั้งนี้ ชายผมยาวพูดคัดค้าน

“ในเมื่อสหายหลินรู้สึกว่าเวลานานเกินไป ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเส้นทางแรกกับเส้นทางที่สอง เส้นทางไหนดีกว่ากัน” บรรพชนตระกูลหล่งถามกลับอย่างเฉยชา

“เส้นทางแรกอันตรายเกินไป แม้ว่าเส้นทางที่สองจะเสี่ยงอันตราย แต่ถ้าหากพวกเราระมัดระวังมากขึ้น ก็ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง หากโชคยังดี พวกเราอาจจะไม่เจออสูรมารทะเลก็เป็นได้ และพวกเราก็จะไปถึงทะเลกำเนิดมารได้สำเร็จ” ชายผมยาวกัดฟันพูดด้วยสีหน้าเอาแน่เอานอนไม่ได้

“โอ้ เส้นทางทะเลเป็นเส้นทางที่พอรับได้อีกเส้นทางหนึ่ง สหายเชียนชิว สหายหาน เจ้าสองคนคิดอย่างไร” บรรพชนตระกูลหล่งไม่ได้แสดงความคิดเห็นมากนัก แต่กลับหันไปถามสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและหานลี่

นอกจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในแสงสีขาวแทบจะไม่พูดอะไร ก็มีพวกเขาทั้งสองเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นสุดท้าย บรรพชนตระกูลหล่งจึงให้ความสำคัญกับความคิดของทั้งสอง

“ดูเหมือนว่าเส้นทางที่สองจะพึ่งพาได้มากกว่าเส้นทางแรกและเส้นทางสุดท้าย แต่ถ้าหากสามารถย่นระยะเวลาในเส้นทางสุดท้ายได้ จริงๆ แล้วเส้นทางนี้ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า” หานลี่ถอนหายใจ พลางตอบอย่างใจเย็น

“ข้าก็คิดว่าสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สามารถเดินทางทางทะเลได้ แต่สหายหายไม่รู้หรือ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาห้าสิบถึงหกสิบปีในการข้ามทะเลทรายแห่งนี้ มีอยู่วิธีหนึ่งที่สามารถย่นระยะเวลาได้เกือบครึ่งหนึ่ง แต่ถึงจะใช้เวลาสามสิบปี สำหรับข้าเกรงว่าเวลาก็ยังนานเกินไปอยู่ดี” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวตอบกลับด้วยรอยยิ้มในทันที

“โอ้ วิธีนั้นคืออะไร สหายลองพูดให้ฟังที ข้าไม่รู้ในเรื่องนี้จริงๆ” บรรพชนตระกูลหล่งรีบถามด้วยความประหลาดใจในทันทีเมื่อได้ยิน

“ข้าเองก็จะตั้งใจฟัง!” หานลี่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แสดงออกถึงความสนใจที่มากขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2015 ทะเลกำเนิดมาร

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2015 ทะเลกำเนิดมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ขอบคุณนายท่านที่เมตตา แม้ว่าแต่นี้ต่อไปเฮยเอ้อจะตายอย่างโหดร้ายทารุณ ข้าก็จะช่วยนายท่านทำความปรารถนานี้ให้สำเร็จ!” ชายฉกรรจ์ในชุดเกราะสีดำรู้สึกดีใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาจึงรีบตอบกลับด้วยความจงรักภักดี

“ดีมาก เจ้าไม่ต้องถามอะไรมากเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า เพียงแค่ทำตามสิ่งที่ข้าสั่งก็พอแล้ว พวกเราล่าช้ามามากแล้ว ตอนนี้รีบตามผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์ให้ทันดีกว่า” หญิงสาวในชุดชาววังพยักหน้าด้วยความพอใจ จากนั้นจึงหันหน้าไปมองภูเขาที่อยู่ห่างไกลออกไป พลางพูดในขณะที่แสงเย็นยะเยือกสว่างวาบในดวงตา

“ขอรับ นายท่าน!” ชายฉกรรจ์ในชุดสีดำตอบรับด้วยความเคารพ

พอแขนเสื้อของเป่าฮวาสั่นสะท้าน ต้นไม้สีชมพูก็เปล่งประกายระยิบระยับอีกครั้ง เมื่อปกคลุมทั้งสอง จึงกลายเป็นลำแสงสีชมพูแล้วพุ่งไปข้างหน้า

ในขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างออกไปหลายหมื่นลี้ หานลี่ บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ กำลังเหาะเหินอย่างเงียบๆ

แม้ว่าพวกเขาจะพบเรื่องไม่คาดฝันเล็กน้อยก่อนที่จะเข้าจุดเชื่อมต่อ ทว่าเมื่อออกจากจุดเชื่อมต่อแล้ว ทุกอย่างได้เหมือนกับที่บรรพชนตระกูลหล่งตรวจสอบในตอนแรก

ไม่เพียงแต่ในจุดที่ออกมาจะตรงกับชีพจรภูเขาเซวี่ยฉือของแดนมารพอดับพอดี แต่ภายนอกจุดเชื่อมต่อมีเพียงเผ่ามารธรรมดาเท่านั้นที่ประจำการอยู่

เพื่อไม่ให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจ พวกเขาจึงไม่ได้เปิดฉากสังหารและตั้งใจมุ่งหน้าไปโดยไม่รีรอตั้งแต่ออกจากวงล้อม

ชีพจรภูเขาเซวี่ยฉือถือเป็นพื้นที่ที่ขาดแคลนทรัพยากรปราณมารมากในแดนมาร และมีพื้นที่กว้างใหญ่ ดังนั้นระหว่างทางพวกเขาจึงไม่พบร่องรอยของเผ่ามารอื่นเลย

สิ่งนี้ทำให้บรรพชนตระกูลหล่งและคนอื่นๆ รู้โล่งใจกับสิ่งที่กังวล

หลังจากที่เหาะเหินเดินทางนานกว่าครึ่งเดือน และแก้ไขปัญหากลุ่มมารที่ไม่รู้จักระหว่างทาง ในที่สุดหานลี่และคนอื่นๆ ก็ได้เหาะเหินออกจากภูเขาที่มืดมิด และทุ่งหญ้าเขียวขจีที่กว้างใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าพวกเขา

ในท้องทุ่งมีต้นหญ้าเขียวขจีทุกหนทุกแห่ง และมีดอกไม้บานสะพรั่งสุดลูกหูลูกตา ทว่าในอากาศกลับเห็นปราณสีเทาดำลอยละล่องอยู่จางๆ เห็นได้ชัดว่ามีปราณมารหนาแน่นกว่าในชีพจรภูเขา

ดังนั้นเมื่อบรรพชนตระกูลหล่งทักท้วง ทุกคนจึงหยุดและรวมตัวกันเพื่อปรึกษาเรื่องการเดินทาง

“ที่ตั้งของบ่อชำระวิญญาณและบัววิญญาณพิสุทธิ์ ตามคำพูดสุดท้ายของราชันวิญญาณรุ่นก่อนเรา ตั้งอยู่ที่เกาะลึกลับในทะเลกำเนิดมารทางตะวันออกสุดของแดนมาร ส่วนตำแหน่งเฉพาะเจาะจง แม้ว่าข้าจะมีเบาะแสบางอย่าง ทว่าจำเป็นที่จะต้องถึงที่นั่นก่อนจึงจะใช้งานได้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราต้องทำคือการไปถึงทะเลกำเนิดมารโดยเร็วและปลอดภัยที่สุด ข้าคิดว่าสหายหล่งน่าเตรียมแผนการที่ดีไว้แล้วกระมัง” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวพูดกับผู้บำเพ็ญเพียรเผ่ามนุษย์อย่างเคร่งขรึม

“อืม หลายปีที่ผ่านมาข้าได้ตั้งใจรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพื้นที่เผ่ามารเอาไว้ แม้ข้อมูลจะคลาดเคลื่อนหรือผิดแปลกไปบ้าง แต่ก็ถือว่าได้ผลไม่น้อย จากตำแหน่งที่พวกเราอยู่ตอนนี้มีสามเส้นทางที่จะเดินทางไปยังทะเลกำเนิดมารได้ แต่ทั้งสามเส้นทางนี้ ข้ามิอาจตัดสินใจเพียงผู้เดียวได้ จึงต้องปรึกษาสหายทั้งหมด บางทีเราอาจจะต้องลองทั้งสามเส้นทาง จึงจะสามารถตัดสินใจได้” บรรพชนตระกูลหล่งพยักหน้า พลางตอบอย่างสุขุม

“ถ้าเช่นนั้นพี่หล่งลองพูดก่อนว่าสามเส้นทางนั้นคือที่ใดบ้าง” ชายตระกูลหลินถามอย่างฉับพลันทันที

ส่วนหานลี่ หญิงสาวในชุดขนนกและคนอื่นๆ ก็รอฟังอย่างตั้งใจ

“เส้นทางแรก เดินไปตามทุ่งหญ้าด้านหน้า สามารถเข้าสู่พื้นที่ที่ราบใหญ่ชงเย่ว์ จากนั้นต้องผ่านพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งมีเผ่ามารปกครองหลายกลุ่ม ด้วยความช่วยเหลือของเขตอาคมส่งตัวในเมืองใหญ่ของเผ่ามาร จะทำให้เข้าถึงทะเลกำเนิดมารได้ง่าย ถ้าหากทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ใช้เวลาเพียงหนึ่งถึงสองปี พวกเราก็จะถึงที่หมาย แต่ปัญหาเดียวก็คือเขตอาคมส่งตัวในเมืองเผ่ามารจะต้องมีเผ่ามารระดับสู.หรือบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ดูแลควบคุมอยู่เป็นแน่ ซึ่งจะเต็มไปด้วยเขตอาคมมากมาย แม้ว่าพวกเราจะใช้ไข่มุกมาร แต่มีโอกาสมากที่สุดเพียงสองในสิบส่วนที่จะสามารถหลบหนีไปได้ ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของพวกเรา” บรรพชนตระกูลหล่งพูดอย่างสงบในเส้นทางแรก

“โอกาสสองในสิบส่วนต่ำเกินไป ไม่สามารถใช้เส้นทางนี้ได้!” หญิงสาวในชุดขนนกเลิกคิ้วสูงพลางคัดค้านเมื่อได้ยิน

“อืม สิ่งที่สหายเย่พูดมีเหตุผล แม้ว่าเส้นทางนี้จะใช้เวลาน้อยที่สุด แต่มันเสี่ยงอันตรายเกินไปจริงๆ ข้าก็ไม่เห็นด้วยกับเส้นทางนี้” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวส่ายหน้าช้าๆ

ส่วนหานลี่ เผ่าวิญญาณและคนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไร ทว่าสีหน้าที่แสดงออกแสดงว่าพวกเขามีความเห็นที่ตรงกัน

บรรพชนตระกูลหล่งไม่แปลกใจที่เห็นเหตุการณ์นี้ จึงพูดเส้นทางที่สองต่อไป “เส้นทางที่สอง พวกเราเดินไปยังจุดศูนย์กลางของทุ่งหญ้าก่อน จากนั้นเดินไปตามแม่น้ำมารที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับที่ห้าในแดนมาร แล้วเข้าไปในอาณาเขตทะเล หลังจากนั้นก็ผ่านทะเลอีกหลายแห่ง ที่สุดก็จะเข้าสู่ทะเลกำเนิดมาร ด้วยความกว้างใหญ่ของทะเลในแดนมาร พวกเราจึงไม่ต้องกังวลว่าจะเจอเผ่ามารระดับสูงและถูกระบุตัวตน แต่สิ่งที่แย่ก็คือมีอสูรมารมากมายในทะเล หากเราเจออสูรมารทะเลกว่าหมื่นตัว พวกเราทำได้แค่หนีเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีอสูรทะเลจำนวนมากที่มีระดับสูงในทะเลส่วนลึกของแดนมาร และมีข่าวลือว่ามีแม้กระทั่งอสูรมารทะเลที่อยู่ในระดับบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ และหากใช้เส้นทางนี้ พวกเราจะใช้เวลาราวๆ ห้าหกปีจึงจะถึงจุดหมาย”

“การเดินทางทางทะเลยังคงอันตรายเกินไป แม้ว่าข้าจะไม่รู้เกี่ยวกับทะเลของแดนมาร แต่อสูรทะเลในแดนวิญญาณทรงพลังมาก แม้แต่เผ่าที่แข่งแกร่งที่สุดในแผ่นดินของข้ายังต้องหวาดกลัว และยิ่งไปว่านั้นข้าไม่คุ้นเคยกับทะเลกำเนิดมาร หากเจออันตรายในทะเลกำเนิดมาร ก็ยากที่จะรักษาชีวิต พี่หล่ง เส้นทางที่สามคืออะไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวขมวดคิ้วอย่างไม่เห็นด้วย พร้อมทั้งถามต่อ

“เส้นทางสุดท้าย พวกเราจำเป็นต้องเดินไปตามชายขอบของทุ่งหญ้าในทิศตะวันตก และเข้าสู่พื้นที่รกร้างของแดนมารที่แม้แต่เผ่ามารแทบจะไม่ย่างกรายเข้ามา ที่นั่นคล้ายกับพื้นที่รกร้างในแดนวิญญาณของพวกเรา แม้ว่าจะมีอสูรมารมากมายแต่ก็ยังน้อยกว่าในทะเลมาก และด้วยพลังของพวกเราน่าจะไม่ประสบปัญหามากนัก ทว่าจากเส้นทางนี้ไปสู่ทะเลกำเนิดมาร ไม่เพียงแต่ใช้เวลานานเท่านั้น แต่ยังจำเป็นต้องผ่านทะเลทรายที่เลื่องชื่อในการปล้นอิทธิฤทธิ์ ทะเลทรายแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิบสถานที่ต้องห้ามในแดนมาร ไม่ว่าผู้บำเพ็ญเพียรจะฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับใด กว่าเก้าในสิบส่วนอิทธิฤทธิ์จะถูกระงับ และสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นคือในทะเลทรายแห่งนี้ไม่สามารถใช้อาคมหลีกหนีหรือสมบัติใดๆ ได้ พวกเราสามารถเดินผ่านทะเลทรายนี้ทีละก้าวโดยใช้เพียงเท้าของตนเองเท่านั้น” บรรพชนตระกูลหล่งพูดพลางยกมุมปาก

“มีอสูรมารทรงพลังหรือแมลงพิษในทะเลทรายแห่งนี้หรือไม่” หานลี่ถาม ในขณะที่หัวใจเต้นรัวเมื่อได้ยิน

“ไม่มี แม้ทะเลทรายแห่งนี้จะมีอสูรมารระดับกลาง และถึงแม้ว่าพวกเราจะถูกระงับอิทธิฤทธิ์ถึงเก้าในสิบส่วน ก็ยังสามารถรับมือได้อย่างง่ายได้ สิ่งเดียวที่ก่อให้เกิดภัยคุกคามคือกระแสลมมารอันโด่งดังในทะเลทรายแห่งนี้ อย่างไรก็ตาม พวกเราเพียงแค่ถูกระงับอิทธิฤทธิ์ ทว่าจิตสัมผัสอันแข็งแกร่งของพวกเราไม่ได้เสียหายเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าลมมารจะมีปัญหา แต่ถ้าหากพวกเราระมัดระวังมากขึ้นก็สามรถรับมือได้” บรรพชนตระกูลหล่งตอบกลับ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พวกเราต้องเดินทางในทะเลทรายสักพักและใช้เวลานานสักหน่อย เหตุใดพี่หล่งจึงไม่พูดถึงเรื่องนี้ ต้องมีอะไรที่มากกว่านั้นใช่หรือไม่!” หานลี่ถามพลางยิ้มเบาๆ

“พี่หานพูดถูก หากไม่เป็นเช่นนั้น ข้าคงไม่เตรียมเส้นทางอีกสองเส้นทางไว้ และให้มันเป็นทางเลือกเส้นทางสุดท้าย ประเด็นสำคัญก็คือทะเลทรายแห่งนี้กว้างใหญ่เกินไป หากพวกเราไม่สามารถเหาะเหินหรือใช้พลังของสมบัติอาคมได้ เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกเราจะเดินทางเส้นทางนี้โดยใช้เวลาไม่ถึงห้าสิบหกสิบปี” บรรพชนตระกูลหล่งหัวเราะแห้งๆ เมื่อได้ยินหานลี่พูด

‘ห้าสิบหกสิบปี’ เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่เพียงแต่หานลี่ที่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แม้แต่สาวน้อยในชุดขนนกยังตกตะลึง

มีเพียงสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวที่ไม่แสดงสีหน้าใดๆ และวิญญาณศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็นิ่งเฉยเช่นกัน

เห็นได้ชัดว่าเผ่าวิญญาณเข้าใจในสถานการณ์บางอย่างในทะเลทรายแห่งนี้

“ห้าสิบหกสิบปี ไม่ได้ นี่มันนานเกินไปแล้ว กว่าพวกเราจะไปถึงทะเลกำเนิดมาร เกรงว่ามารจะปล้นแดนวิญญาณไปจนเสร็จสิ้นแล้ว และหากเวลายืดเยื้อมากเท่าไหร่ ก็จะมีอันตรายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นมากเท่านั้น” ครั้งนี้ ชายผมยาวพูดคัดค้าน

“ในเมื่อสหายหลินรู้สึกว่าเวลานานเกินไป ถ้าเช่นนั้นเจ้าคิดว่าเส้นทางแรกกับเส้นทางที่สอง เส้นทางไหนดีกว่ากัน” บรรพชนตระกูลหล่งถามกลับอย่างเฉยชา

“เส้นทางแรกอันตรายเกินไป แม้ว่าเส้นทางที่สองจะเสี่ยงอันตราย แต่ถ้าหากพวกเราระมัดระวังมากขึ้น ก็ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง หากโชคยังดี พวกเราอาจจะไม่เจออสูรมารทะเลก็เป็นได้ และพวกเราก็จะไปถึงทะเลกำเนิดมารได้สำเร็จ” ชายผมยาวกัดฟันพูดด้วยสีหน้าเอาแน่เอานอนไม่ได้

“โอ้ เส้นทางทะเลเป็นเส้นทางที่พอรับได้อีกเส้นทางหนึ่ง สหายเชียนชิว สหายหาน เจ้าสองคนคิดอย่างไร” บรรพชนตระกูลหล่งไม่ได้แสดงความคิดเห็นมากนัก แต่กลับหันไปถามสตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวและหานลี่

นอกจากวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในแสงสีขาวแทบจะไม่พูดอะไร ก็มีพวกเขาทั้งสองเป็นผู้บำเพ็ญเพียรที่อยู่ในระดับผสานอินทรีย์ขั้นสุดท้าย บรรพชนตระกูลหล่งจึงให้ความสำคัญกับความคิดของทั้งสอง

“ดูเหมือนว่าเส้นทางที่สองจะพึ่งพาได้มากกว่าเส้นทางแรกและเส้นทางสุดท้าย แต่ถ้าหากสามารถย่นระยะเวลาในเส้นทางสุดท้ายได้ จริงๆ แล้วเส้นทางนี้ก็เป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า” หานลี่ถอนหายใจ พลางตอบอย่างใจเย็น

“ข้าก็คิดว่าสถานการณ์เช่นนี้ ไม่สามารถเดินทางทางทะเลได้ แต่สหายหายไม่รู้หรือ อันที่จริงไม่จำเป็นต้องใช้เวลาห้าสิบถึงหกสิบปีในการข้ามทะเลทรายแห่งนี้ มีอยู่วิธีหนึ่งที่สามารถย่นระยะเวลาได้เกือบครึ่งหนึ่ง แต่ถึงจะใช้เวลาสามสิบปี สำหรับข้าเกรงว่าเวลาก็ยังนานเกินไปอยู่ดี” สตรีศักดิ์สิทธิ์เชียนชิวตอบกลับด้วยรอยยิ้มในทันที

“โอ้ วิธีนั้นคืออะไร สหายลองพูดให้ฟังที ข้าไม่รู้ในเรื่องนี้จริงๆ” บรรพชนตระกูลหล่งรีบถามด้วยความประหลาดใจในทันทีเมื่อได้ยิน

“ข้าเองก็จะตั้งใจฟัง!” หานลี่มีสีหน้าเปลี่ยนไป แสดงออกถึงความสนใจที่มากขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+