A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2044 เจดีย์หมื่นทาส

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2044 เจดีย์หมื่นทาส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านบนเขียนอักขระอาคมขนาดใหญ่ว่า ‘เจดีย์หมื่นทาส’ นี่เป็นครั้งแรกที่หานลี่เห็นสถานที่ดังกล่าว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ประตูเจดีย์ยักษ์ด้วยท่าทางสนใจ ทันทีที่เข้าสู่ประตูของเจดีย์ยักษ์ ห้องโถงอันงดงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ทั้งสองข้างมารสาวมากกว่าสิบคนสวมชุดชาววังสีเงินต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม ตรงกลางห้องโถง มีโต๊ะและเก้าอี้ใสแวววาวที่ทำจากหยกวางเรียงแถวอยู่ มีชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งและสาวใช้อีกหลายคนกำลังให้ปรนนิบัติกับมารอีกสามตัวที่ดูเหมือนแขก ก่อนที่หานลี่จะมองเข้าไปใกล้ๆ ชายวัยกลางคนก็เหลือบไปที่หานลี่ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษแขกที่อยู่ด้านหน้า และเดินตรงมาหาหานลี่ในทันที “คารวะผู้อาวุโส มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือไม่” ชายวัยกลางคนเดินไปด้านหน้าและถามด้วยความเคารพ มารชายผู้นี้ดูเหมือนเป็นหลงจู๊ของที่นี่ เขาอยู่ในระดับเทพแปลง ย่อมสัมผัสได้ถึงพลังปราณหลอมสุญตาอันแข็งแกร่งของหานลี่ จึงไม่กล้าละเลยหานลี่ “เจดีย์หมื่นทาสทำการค้าสิ่งใด ข้าไม่เคยเห็นสถานที่เช่นนี้ในเมืองอื่นมาก่อน!” หานลี่เหลือบมองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชา “ท่านผู้อาวุโสมายังเมืองฮ่วนเย่ครั้งแรกใช่หรือไม่ เจดีย์หมื่นทาสนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นในเมืองทั่วไปเพราะเจดีย์นี้ใช้เพื่อการค้าทาสและอสูรมารโดยเฉพาะ” ชายวัยกลางคนตอบ “ทาส อสูรมาร?” การแสดงออกของหานลี่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ถูกต้อง แขกเหล่านี้มาที่นี่เพื่อซื้อทาส หากท่านสนใจก็ไปดูกับพวกเขาได้เลย ส่วนอสูรมารในเจดีย์นี้มีเพียงอสูรธรรมดาเท่านั้น ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็ขอเข้าไปดูสักหน่อย” หานลี่หรี่ตาลง พลางครุ่นคิด จากนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ “ขอรับ ผู้อาวุโสโปรดตามข้ามา” ชายวัยกลางคนโบกมือให้สาวใช้ข้างๆ เขาทันที และขอให้นางพามารอีกสามตนตามมา จากนั้นเขาจึงพาหานลี่และคนอื่นๆ ไปยังเขตอาคมส่งตัวตรงมุมหนึ่งของเจดีย์ แขกทั้งสามคนเป็นชายสองคน หญิงหนึ่งคน อายุยี่สิบปี ผู้ชายหล่อและสูง ส่วนผู้หญิงก็สง่างดงาม พวกเขาล้วนแต่อยู่ในระดับก่อกำเนิด แต่เมื่อพวกเขามองไปยังหานลี่กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นบาง ไม่มีความเกรงใจในการแสดงออกมากนัก เมื่อหานลี่เห็นเช่นนี้จึงเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา และพบตัวอักษร ‘หนิง’ สีเงินที่ไม่โดดเด่นอยู่ที่มุมแขนเสื้อของพวกเขา ‘หรือว่าเป็นคนตระกูลหนิง!’ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่มีอะไรผิดปกติ ในเวลานี้ ทุกคนอยู่ในเขตอาคมส่งตัว ชายวัยกลางคนใช้พลังยุทธ์กระตุ้นเขตอาคม แสงสีขาวกะพริบวาบ คนหลายคนพลันถูกส่งตัวไปโดยเขตอาคมส่งตัว วินาทีต่อมา เขตอาคมส่งตัวในชั้นหนึ่งของเจดีย์ยักษ์ ก็ปรากฏเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งขึ้นเลือนราง หานลี่และคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นในพริบตา หานลี่เงยหน้าและกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่นี่ต่างจากชั้นแรกมาก ตอนนี้ด้านหน้าเขตอาคมส่งตัวมีเพียงทางเดินแผ่นหินชนวนแคบๆ กำแพงหินทั้งสองด้านถูกจารึกด้วยอักขระอาคมหนาแน่น เห็นได้ชัดว่ามีพลังจำกัดอย่างมาก เมื่อมองไปยังปลายอีกด้านของทางเดิน จะมีประตูสีทองหลายบานที่ทั้งสองข้างของทางเดิน ข้างนอกมีทหารยามร่างสูงใหญ่สองคนสวมเกราะ ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว หลังจากที่จิตสัมผัสของหานลี่กวาดสำรวจไปยังทหารยามเหล่านี้ สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา ทหารยามเหล่านี้ไม่มีชีวิต พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด ชายวัยกลางคนไม่ลังเล ทันทีที่เขาเดินออกจากเขตอาคมส่งตัว ก็พาหานลี่และคนอื่นๆ เข้าไปในทางเดิน จากนั้นก็มาถึงประตูสีทองที่ใกล้ที่สุด ในขณะนี้ หุ่นเชิดสองตัวที่อยู่หน้าประตูก็หันศีรษะราวกับว่าพวกมันสัมผัสได้ และมองไปยังกลุ่มคนด้วยสายตาที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันกริชขวานยาวซึ่งเดิมอยู่ในมือก็เคลื่อนผ่านหน้าอก ราวกับว่าพร้อมโจมตีทันทีเมื่อมีใครเข้าใกล้ ชายวัยกลางคนไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาพลิกฝ่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นมีแผ่นเหล็กที่ห่อด้วยปราณสีดำจางๆ ปรากฏขึ้น เขาแกว่งมันไปมาข้างหน้าเล็กน้อย และในขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาสั้นๆ แสงเย็นเยียบวาบประกายในดวงตาของหุ่นเชิดทั้งสอง ในขณะเดียวกันกริชขวานยาวในมือของพวกมันก็ลดระดับลง และมันกลายเป็นเหมือนสิ่งไม่มีชีวิตอีกครั้ง ชายและมารหญิงอีกสามคนไม่ได้แสดงความสงสัยแต่อย่างใด ดวงตาของหานลี่กลับเป็นประกายด้วยแสงสีน้ำเงิน จากนั้นเขาก็มองไปที่ทหารยามหุ่นเชิดทั้งสองอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสนใจ “หุ่นเชิดทั้งสองตัวนี้ดูเหมือนจะไม่อยู่ในระดับต่ำ ระดับก่อกำเนิดธรรมดาเกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้ ทว่าการหลอมสร้างพวกมันขึ้นมานั้นแปลกมาก ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากการหลอมทั่วไป ไม่ทราบว่าเป็นของที่เจดีย์ท่านสร้างด้วยตนเอง หรือว่าซื้อมาจากที่อื่น” จากข้อมูลที่เขาได้รวบรวมในแดนวิญญาณ หุ่นเชิดทั้งสองนี้ไม่ได้ใช้หนึ่งในวิธีการหลอมหุ่นเชิดที่เขารู้จักในแดนวิญญาณ ไม่ว่าวิธีการหลอมหรือวัสดุที่ใช้จะเป็นแบบใด พวกมันค่อนข้างหยาบและเรียบง่าย แต่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง สิ่งนี้ทำให้หานลี่รู้สึกสนใจ! “ฮ่าๆ ผู้อาวุโสก็สนใจหุ่นเชิดผลึกมารสองตัวนี้ด้วยหรือ! วิธีการหลอมพวกมันแตกต่างอย่างมากจากหุ่นเชิดทั่วไป และไม่สามารถถูกกระตุ้นด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ ทว่าหุ่นเชิดผลึกมารนี้เป็นเคล็ดวิชาลับเฉพาะของเจดีย์แห่งนี้ และไม่มีขายที่อื่น แต่ถ้าหากท่านต้องการก็ใช่ว่าจะเจรจาไม่ได้” ชายวัยกลางคนกลอกตาไปมา พลางแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “โอ้ หุ่นเชิดผลึกมาร ข้าสนใจจริงๆ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง” หานลี่เหลือบมองดูหุ่นเชิดทั้งสองอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดเบาๆ โดยไม่เปิดเผยว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอจะเปิดประตูก่อน” ชายวัยกลางคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาจึงเดินไม่กี่ก้าวไปยังประตูทอง แล้วเอามือติดแผ่นเหล็กที่ประตู ประตูสีทองเปิดออกด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’ โดยมีแสงสีขาวน้ำนมส่องประกายอยู่ภายใน ชายวัยกลางคนก้าวออกไปด้านข้าง พร้อมกับแสดงความเคารพต่อหานลี่ แม้ว่ามารอีกสามตนจะมาจากตระกูลหนิง แต่พวกเขากลับไม่กล้ากระทำการดูหมิ่นหานลี่ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าพวกเขามาก หานลี่พยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปในประตูสีทองอย่างไม่เกรงใจ ภายในประตูมีเขตอาคมหลายขนาดแตกต่างกัน ก่อตัวเป็นม่านแสงสีขาวนวลคล้ายน้ำนมทรงกระบอก มีมารชายหญิงในชุดต่างๆ หลายสิบตนถูกขังอยู่ข้างใน ชายหญิงเหล่านี้ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ต่างก็มีแสงระยิบระยับของอักขระอาคมอยู่บนผิวหนังและใบหน้าของพวกเขา และเห็นได้ชัดว่ามีอาคมต้องห้ามควบคุมอยู่อีกชั้นหนึ่งบนร่างกาย แต่พลังยุทธ์ชายและหญิงในม่านแสงเหล่านี้ไม่สูงนัก ระดับสูงสุดเป็นเพียงระดับหลอมรวม และระดับต่ำสุดคือระดับฝึกปราณเท่านั้น “เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าเถิด ข้าขอดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังจะแนะนำบางสิ่งให้เขา หานลี่จึงโบกมือและออกคำสั่งว่าเขาจะดูทาสอสูรด้วยตัวเขาเอง “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปแนะนำแขกท่านอื่นก่อน” เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น ย่อมไม่กล้าพูดสิ่งใดอีกและแสดงความเห็นด้วยในทันที “สหายทั้งหลาย หากท่านต้องการซื้อผู้ติดตาม คนเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับท่าน พวกเขาเป็นคนเผ่าปฐพีในส่วนลึกของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว พวกเขาไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในพลังยุทธ์ธาตุดิน แต่เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย และสำคัญกว่านั้น ศักยภาพทั้งหมดของพวกเขาล้วนไม่เลว ตราบใดที่ท่านใส่ใจฝึกฝน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะก้าวไปสู่ระดับก่อกำเนิดในอนาคต และยังมีความเป็นไปได้ที่สามารถไปสู่ระดับเทพแปลงได้” ชายวัยกลางคนเดินไปที่ม่านแสง ชี้นิ้วเข้าไปข้างใน และพูดกับคนตระกูลหนิงทั้งสามด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่หานลี่ได้ยินคำว่า ‘ทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว’ เขาจึงเหลือบมองมารเผ่าปฐพีในม่านแสงโดยไม่รู้ตัว มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสวมชุดคลุมหนังสีเขียวอ่อนแปดคน แม้ว่าผมของพวกเขาจะยุ่งเหยิง แต่ก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขามีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่เท่านั้น พลังยุทธ์น่าจะอยู่ระดับสร้างรากฐาน แต่การแสดงออกค่อนข้างเฉื่อยชา “คนเผ่าปฐพี! หาได้ยากจริงๆ แต่คนเหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามที่พูดจริงหรือ” ชายหนุ่มตระกูลหนิงที่มีเกล็ดสีแดงบนแก้มมองดูเด็กชายและเด็กหญิงในม่านแสง และถามด้วยความสงสัย “ฮ่าๆ ถ้าท่านไม่เชื่อก็พินิจอายุกระดูกของพวกเขาได้ อายุเท่านี้ บรรลุระดับสร้างฐานรากสำเร็จแล้ว ยังไม่ถือว่าพวกเขาเก่งอีกหรือ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างมั่นใจ “นั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป บางทีเจ้าอาจจะให้ยาเพื่อกระตุ้นศักยภาพของพวกเขา!” หญิงงามจากตระกูลหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยาที่สามารถกระตุ้นศักยภาพนั้นมีค่ามาก ข้าจะให้ทาสตนหนึ่งไปรับพวกมันได้โดยง่ายได้อย่างไร นอกจากนี้ แม้ว่ายาดังกล่าวจะถูกกินไปแล้ว ก็ต้องมีร่องรอยของมันในภายหลัง เหตุใดข้าจะต้องทำให้ตระกูลหนิงขุ่นเคืองด้วยผลกำไรเพียงเล็กน้อยนี้! หากมีผู้สนใจ ตราบใดที่มีการส่งมอบศิลามาร คนเผ่าปฐพีเหล่านี้ก็สามารถถูกนำตัวไปได้ทันที” ชายวัยกลางคนกลับตอบคำถามด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หลังจากได้ยินดังนั้น ชายหญิงสามคนของตระกูลหนิงก็ดูเหมือนจะคิดว่ามันสมเหตุสมผล พวกเขามองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณสมบัติของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ เพียงแต่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาราคากับชายวัยกลางคน เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุด พวกเขาก็ต่อรองราคากันได้ และในทันใดหญิงสาวตระกูลหนิงก็ส่งศิลามารจำนวนมากให้ชายวัยกลางคน และนำทาสเผ่าปฐพีเหล่านี้ออกจากม่านแสง จากนั้นก็นำออกจากประตูภายใต้การแนะนำของสาวใช้ “ผู้อาวุโสสนใจทาสเหล่านี้บ้างหรือไม่ หากท่านไม่พอใจ ข้าสามารถพาท่านไปดูที่อื่นได้ บางทีอาจจะมีสิ่งที่ผู้อาวุโสพอใจ” เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าหานลี่ยังคงมองไปที่ทาสคนอื่นในม่านแสงโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามด้วยความเคารพ “ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอยู่คนเดียว ข้าไม่ต้องการทาส พาข้าไปดูหุ่นเชิดผลึกมารดีกว่า!” หานลี่มองออกไปข้างนอก พร้อมทั้งตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านบนเขียนอักขระอาคมขนาดใหญ่ว่า ‘เจดีย์หมื่นทาส’

นี่เป็นครั้งแรกที่หานลี่เห็นสถานที่ดังกล่าว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ประตูเจดีย์ยักษ์ด้วยท่าทางสนใจ

ทันทีที่เข้าสู่ประตูของเจดีย์ยักษ์ ห้องโถงอันงดงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ทั้งสองข้างมารสาวมากกว่าสิบคนสวมชุดชาววังสีเงินต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม

ตรงกลางห้องโถง มีโต๊ะและเก้าอี้ใสแวววาวที่ทำจากหยกวางเรียงแถวอยู่

มีชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งและสาวใช้อีกหลายคนกำลังให้ปรนนิบัติกับมารอีกสามตัวที่ดูเหมือนแขก

ก่อนที่หานลี่จะมองเข้าไปใกล้ๆ ชายวัยกลางคนก็เหลือบไปที่หานลี่ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษแขกที่อยู่ด้านหน้า และเดินตรงมาหาหานลี่ในทันที

“คารวะผู้อาวุโส มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือไม่” ชายวัยกลางคนเดินไปด้านหน้าและถามด้วยความเคารพ

มารชายผู้นี้ดูเหมือนเป็นหลงจู๊ของที่นี่ เขาอยู่ในระดับเทพแปลง ย่อมสัมผัสได้ถึงพลังปราณหลอมสุญตาอันแข็งแกร่งของหานลี่ จึงไม่กล้าละเลยหานลี่

“เจดีย์หมื่นทาสทำการค้าสิ่งใด ข้าไม่เคยเห็นสถานที่เช่นนี้ในเมืองอื่นมาก่อน!” หานลี่เหลือบมองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชา

“ท่านผู้อาวุโสมายังเมืองฮ่วนเย่ครั้งแรกใช่หรือไม่ เจดีย์หมื่นทาสนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นในเมืองทั่วไปเพราะเจดีย์นี้ใช้เพื่อการค้าทาสและอสูรมารโดยเฉพาะ” ชายวัยกลางคนตอบ

“ทาส อสูรมาร?” การแสดงออกของหานลี่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“ถูกต้อง แขกเหล่านี้มาที่นี่เพื่อซื้อทาส หากท่านสนใจก็ไปดูกับพวกเขาได้เลย ส่วนอสูรมารในเจดีย์นี้มีเพียงอสูรธรรมดาเท่านั้น ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็ขอเข้าไปดูสักหน่อย” หานลี่หรี่ตาลง พลางครุ่นคิด จากนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ

“ขอรับ ผู้อาวุโสโปรดตามข้ามา” ชายวัยกลางคนโบกมือให้สาวใช้ข้างๆ เขาทันที และขอให้นางพามารอีกสามตนตามมา จากนั้นเขาจึงพาหานลี่และคนอื่นๆ ไปยังเขตอาคมส่งตัวตรงมุมหนึ่งของเจดีย์

แขกทั้งสามคนเป็นชายสองคน หญิงหนึ่งคน อายุยี่สิบปี ผู้ชายหล่อและสูง ส่วนผู้หญิงก็สง่างดงาม พวกเขาล้วนแต่อยู่ในระดับก่อกำเนิด แต่เมื่อพวกเขามองไปยังหานลี่กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นบาง ไม่มีความเกรงใจในการแสดงออกมากนัก

เมื่อหานลี่เห็นเช่นนี้จึงเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา และพบตัวอักษร ‘หนิง’ สีเงินที่ไม่โดดเด่นอยู่ที่มุมแขนเสื้อของพวกเขา

‘หรือว่าเป็นคนตระกูลหนิง!’ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่มีอะไรผิดปกติ

ในเวลานี้ ทุกคนอยู่ในเขตอาคมส่งตัว ชายวัยกลางคนใช้พลังยุทธ์กระตุ้นเขตอาคม แสงสีขาวกะพริบวาบ คนหลายคนพลันถูกส่งตัวไปโดยเขตอาคมส่งตัว

วินาทีต่อมา เขตอาคมส่งตัวในชั้นหนึ่งของเจดีย์ยักษ์ ก็ปรากฏเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งขึ้นเลือนราง

หานลี่และคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นในพริบตา

หานลี่เงยหน้าและกวาดสายตามองไปรอบๆ

ที่นี่ต่างจากชั้นแรกมาก

ตอนนี้ด้านหน้าเขตอาคมส่งตัวมีเพียงทางเดินแผ่นหินชนวนแคบๆ กำแพงหินทั้งสองด้านถูกจารึกด้วยอักขระอาคมหนาแน่น เห็นได้ชัดว่ามีพลังจำกัดอย่างมาก

เมื่อมองไปยังปลายอีกด้านของทางเดิน จะมีประตูสีทองหลายบานที่ทั้งสองข้างของทางเดิน ข้างนอกมีทหารยามร่างสูงใหญ่สองคนสวมเกราะ ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว

หลังจากที่จิตสัมผัสของหานลี่กวาดสำรวจไปยังทหารยามเหล่านี้ สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา

ทหารยามเหล่านี้ไม่มีชีวิต พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด

ชายวัยกลางคนไม่ลังเล ทันทีที่เขาเดินออกจากเขตอาคมส่งตัว ก็พาหานลี่และคนอื่นๆ เข้าไปในทางเดิน จากนั้นก็มาถึงประตูสีทองที่ใกล้ที่สุด

ในขณะนี้ หุ่นเชิดสองตัวที่อยู่หน้าประตูก็หันศีรษะราวกับว่าพวกมันสัมผัสได้ และมองไปยังกลุ่มคนด้วยสายตาที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันกริชขวานยาวซึ่งเดิมอยู่ในมือก็เคลื่อนผ่านหน้าอก ราวกับว่าพร้อมโจมตีทันทีเมื่อมีใครเข้าใกล้

ชายวัยกลางคนไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาพลิกฝ่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นมีแผ่นเหล็กที่ห่อด้วยปราณสีดำจางๆ ปรากฏขึ้น เขาแกว่งมันไปมาข้างหน้าเล็กน้อย และในขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาสั้นๆ

แสงเย็นเยียบวาบประกายในดวงตาของหุ่นเชิดทั้งสอง ในขณะเดียวกันกริชขวานยาวในมือของพวกมันก็ลดระดับลง และมันกลายเป็นเหมือนสิ่งไม่มีชีวิตอีกครั้ง

ชายและมารหญิงอีกสามคนไม่ได้แสดงความสงสัยแต่อย่างใด ดวงตาของหานลี่กลับเป็นประกายด้วยแสงสีน้ำเงิน จากนั้นเขาก็มองไปที่ทหารยามหุ่นเชิดทั้งสองอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสนใจ “หุ่นเชิดทั้งสองตัวนี้ดูเหมือนจะไม่อยู่ในระดับต่ำ ระดับก่อกำเนิดธรรมดาเกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้ ทว่าการหลอมสร้างพวกมันขึ้นมานั้นแปลกมาก ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากการหลอมทั่วไป ไม่ทราบว่าเป็นของที่เจดีย์ท่านสร้างด้วยตนเอง หรือว่าซื้อมาจากที่อื่น”

จากข้อมูลที่เขาได้รวบรวมในแดนวิญญาณ หุ่นเชิดทั้งสองนี้ไม่ได้ใช้หนึ่งในวิธีการหลอมหุ่นเชิดที่เขารู้จักในแดนวิญญาณ ไม่ว่าวิธีการหลอมหรือวัสดุที่ใช้จะเป็นแบบใด พวกมันค่อนข้างหยาบและเรียบง่าย แต่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง

สิ่งนี้ทำให้หานลี่รู้สึกสนใจ!

“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสก็สนใจหุ่นเชิดผลึกมารสองตัวนี้ด้วยหรือ! วิธีการหลอมพวกมันแตกต่างอย่างมากจากหุ่นเชิดทั่วไป และไม่สามารถถูกกระตุ้นด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ ทว่าหุ่นเชิดผลึกมารนี้เป็นเคล็ดวิชาลับเฉพาะของเจดีย์แห่งนี้ และไม่มีขายที่อื่น แต่ถ้าหากท่านต้องการก็ใช่ว่าจะเจรจาไม่ได้” ชายวัยกลางคนกลอกตาไปมา พลางแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ หุ่นเชิดผลึกมาร ข้าสนใจจริงๆ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง” หานลี่เหลือบมองดูหุ่นเชิดทั้งสองอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดเบาๆ โดยไม่เปิดเผยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอจะเปิดประตูก่อน” ชายวัยกลางคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาจึงเดินไม่กี่ก้าวไปยังประตูทอง แล้วเอามือติดแผ่นเหล็กที่ประตู

ประตูสีทองเปิดออกด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’ โดยมีแสงสีขาวน้ำนมส่องประกายอยู่ภายใน

ชายวัยกลางคนก้าวออกไปด้านข้าง พร้อมกับแสดงความเคารพต่อหานลี่

แม้ว่ามารอีกสามตนจะมาจากตระกูลหนิง แต่พวกเขากลับไม่กล้ากระทำการดูหมิ่นหานลี่ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าพวกเขามาก

หานลี่พยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปในประตูสีทองอย่างไม่เกรงใจ

ภายในประตูมีเขตอาคมหลายขนาดแตกต่างกัน ก่อตัวเป็นม่านแสงสีขาวนวลคล้ายน้ำนมทรงกระบอก มีมารชายหญิงในชุดต่างๆ หลายสิบตนถูกขังอยู่ข้างใน

ชายหญิงเหล่านี้ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ต่างก็มีแสงระยิบระยับของอักขระอาคมอยู่บนผิวหนังและใบหน้าของพวกเขา และเห็นได้ชัดว่ามีอาคมต้องห้ามควบคุมอยู่อีกชั้นหนึ่งบนร่างกาย

แต่พลังยุทธ์ชายและหญิงในม่านแสงเหล่านี้ไม่สูงนัก ระดับสูงสุดเป็นเพียงระดับหลอมรวม และระดับต่ำสุดคือระดับฝึกปราณเท่านั้น

“เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าเถิด ข้าขอดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังจะแนะนำบางสิ่งให้เขา หานลี่จึงโบกมือและออกคำสั่งว่าเขาจะดูทาสอสูรด้วยตัวเขาเอง

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปแนะนำแขกท่านอื่นก่อน” เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น ย่อมไม่กล้าพูดสิ่งใดอีกและแสดงความเห็นด้วยในทันที

“สหายทั้งหลาย หากท่านต้องการซื้อผู้ติดตาม คนเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับท่าน พวกเขาเป็นคนเผ่าปฐพีในส่วนลึกของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว พวกเขาไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในพลังยุทธ์ธาตุดิน แต่เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย และสำคัญกว่านั้น ศักยภาพทั้งหมดของพวกเขาล้วนไม่เลว ตราบใดที่ท่านใส่ใจฝึกฝน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะก้าวไปสู่ระดับก่อกำเนิดในอนาคต และยังมีความเป็นไปได้ที่สามารถไปสู่ระดับเทพแปลงได้” ชายวัยกลางคนเดินไปที่ม่านแสง ชี้นิ้วเข้าไปข้างใน และพูดกับคนตระกูลหนิงทั้งสามด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่หานลี่ได้ยินคำว่า ‘ทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว’ เขาจึงเหลือบมองมารเผ่าปฐพีในม่านแสงโดยไม่รู้ตัว

มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสวมชุดคลุมหนังสีเขียวอ่อนแปดคน แม้ว่าผมของพวกเขาจะยุ่งเหยิง แต่ก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขามีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่เท่านั้น พลังยุทธ์น่าจะอยู่ระดับสร้างรากฐาน แต่การแสดงออกค่อนข้างเฉื่อยชา

“คนเผ่าปฐพี! หาได้ยากจริงๆ แต่คนเหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามที่พูดจริงหรือ” ชายหนุ่มตระกูลหนิงที่มีเกล็ดสีแดงบนแก้มมองดูเด็กชายและเด็กหญิงในม่านแสง และถามด้วยความสงสัย

“ฮ่าๆ ถ้าท่านไม่เชื่อก็พินิจอายุกระดูกของพวกเขาได้ อายุเท่านี้ บรรลุระดับสร้างฐานรากสำเร็จแล้ว ยังไม่ถือว่าพวกเขาเก่งอีกหรือ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างมั่นใจ

“นั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป บางทีเจ้าอาจจะให้ยาเพื่อกระตุ้นศักยภาพของพวกเขา!” หญิงงามจากตระกูลหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ยาที่สามารถกระตุ้นศักยภาพนั้นมีค่ามาก ข้าจะให้ทาสตนหนึ่งไปรับพวกมันได้โดยง่ายได้อย่างไร นอกจากนี้ แม้ว่ายาดังกล่าวจะถูกกินไปแล้ว ก็ต้องมีร่องรอยของมันในภายหลัง เหตุใดข้าจะต้องทำให้ตระกูลหนิงขุ่นเคืองด้วยผลกำไรเพียงเล็กน้อยนี้! หากมีผู้สนใจ ตราบใดที่มีการส่งมอบศิลามาร คนเผ่าปฐพีเหล่านี้ก็สามารถถูกนำตัวไปได้ทันที” ชายวัยกลางคนกลับตอบคำถามด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ

หลังจากได้ยินดังนั้น ชายหญิงสามคนของตระกูลหนิงก็ดูเหมือนจะคิดว่ามันสมเหตุสมผล พวกเขามองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณสมบัติของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ เพียงแต่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาราคากับชายวัยกลางคน

เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุด พวกเขาก็ต่อรองราคากันได้ และในทันใดหญิงสาวตระกูลหนิงก็ส่งศิลามารจำนวนมากให้ชายวัยกลางคน และนำทาสเผ่าปฐพีเหล่านี้ออกจากม่านแสง จากนั้นก็นำออกจากประตูภายใต้การแนะนำของสาวใช้

“ผู้อาวุโสสนใจทาสเหล่านี้บ้างหรือไม่ หากท่านไม่พอใจ ข้าสามารถพาท่านไปดูที่อื่นได้ บางทีอาจจะมีสิ่งที่ผู้อาวุโสพอใจ” เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าหานลี่ยังคงมองไปที่ทาสคนอื่นในม่านแสงโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามด้วยความเคารพ

“ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอยู่คนเดียว ข้าไม่ต้องการทาส พาข้าไปดูหุ่นเชิดผลึกมารดีกว่า!” หานลี่มองออกไปข้างนอก พร้อมทั้งตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2044 เจดีย์หมื่นทาส

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2044 เจดีย์หมื่นทาส at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้านบนเขียนอักขระอาคมขนาดใหญ่ว่า ‘เจดีย์หมื่นทาส’ นี่เป็นครั้งแรกที่หานลี่เห็นสถานที่ดังกล่าว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ประตูเจดีย์ยักษ์ด้วยท่าทางสนใจ ทันทีที่เข้าสู่ประตูของเจดีย์ยักษ์ ห้องโถงอันงดงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ทั้งสองข้างมารสาวมากกว่าสิบคนสวมชุดชาววังสีเงินต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม ตรงกลางห้องโถง มีโต๊ะและเก้าอี้ใสแวววาวที่ทำจากหยกวางเรียงแถวอยู่ มีชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งและสาวใช้อีกหลายคนกำลังให้ปรนนิบัติกับมารอีกสามตัวที่ดูเหมือนแขก ก่อนที่หานลี่จะมองเข้าไปใกล้ๆ ชายวัยกลางคนก็เหลือบไปที่หานลี่ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษแขกที่อยู่ด้านหน้า และเดินตรงมาหาหานลี่ในทันที “คารวะผู้อาวุโส มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือไม่” ชายวัยกลางคนเดินไปด้านหน้าและถามด้วยความเคารพ มารชายผู้นี้ดูเหมือนเป็นหลงจู๊ของที่นี่ เขาอยู่ในระดับเทพแปลง ย่อมสัมผัสได้ถึงพลังปราณหลอมสุญตาอันแข็งแกร่งของหานลี่ จึงไม่กล้าละเลยหานลี่ “เจดีย์หมื่นทาสทำการค้าสิ่งใด ข้าไม่เคยเห็นสถานที่เช่นนี้ในเมืองอื่นมาก่อน!” หานลี่เหลือบมองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชา “ท่านผู้อาวุโสมายังเมืองฮ่วนเย่ครั้งแรกใช่หรือไม่ เจดีย์หมื่นทาสนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นในเมืองทั่วไปเพราะเจดีย์นี้ใช้เพื่อการค้าทาสและอสูรมารโดยเฉพาะ” ชายวัยกลางคนตอบ “ทาส อสูรมาร?” การแสดงออกของหานลี่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ถูกต้อง แขกเหล่านี้มาที่นี่เพื่อซื้อทาส หากท่านสนใจก็ไปดูกับพวกเขาได้เลย ส่วนอสูรมารในเจดีย์นี้มีเพียงอสูรธรรมดาเท่านั้น ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้ม “ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็ขอเข้าไปดูสักหน่อย” หานลี่หรี่ตาลง พลางครุ่นคิด จากนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ “ขอรับ ผู้อาวุโสโปรดตามข้ามา” ชายวัยกลางคนโบกมือให้สาวใช้ข้างๆ เขาทันที และขอให้นางพามารอีกสามตนตามมา จากนั้นเขาจึงพาหานลี่และคนอื่นๆ ไปยังเขตอาคมส่งตัวตรงมุมหนึ่งของเจดีย์ แขกทั้งสามคนเป็นชายสองคน หญิงหนึ่งคน อายุยี่สิบปี ผู้ชายหล่อและสูง ส่วนผู้หญิงก็สง่างดงาม พวกเขาล้วนแต่อยู่ในระดับก่อกำเนิด แต่เมื่อพวกเขามองไปยังหานลี่กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นบาง ไม่มีความเกรงใจในการแสดงออกมากนัก เมื่อหานลี่เห็นเช่นนี้จึงเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา และพบตัวอักษร ‘หนิง’ สีเงินที่ไม่โดดเด่นอยู่ที่มุมแขนเสื้อของพวกเขา ‘หรือว่าเป็นคนตระกูลหนิง!’ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่มีอะไรผิดปกติ ในเวลานี้ ทุกคนอยู่ในเขตอาคมส่งตัว ชายวัยกลางคนใช้พลังยุทธ์กระตุ้นเขตอาคม แสงสีขาวกะพริบวาบ คนหลายคนพลันถูกส่งตัวไปโดยเขตอาคมส่งตัว วินาทีต่อมา เขตอาคมส่งตัวในชั้นหนึ่งของเจดีย์ยักษ์ ก็ปรากฏเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งขึ้นเลือนราง หานลี่และคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นในพริบตา หานลี่เงยหน้าและกวาดสายตามองไปรอบๆ ที่นี่ต่างจากชั้นแรกมาก ตอนนี้ด้านหน้าเขตอาคมส่งตัวมีเพียงทางเดินแผ่นหินชนวนแคบๆ กำแพงหินทั้งสองด้านถูกจารึกด้วยอักขระอาคมหนาแน่น เห็นได้ชัดว่ามีพลังจำกัดอย่างมาก เมื่อมองไปยังปลายอีกด้านของทางเดิน จะมีประตูสีทองหลายบานที่ทั้งสองข้างของทางเดิน ข้างนอกมีทหารยามร่างสูงใหญ่สองคนสวมเกราะ ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว หลังจากที่จิตสัมผัสของหานลี่กวาดสำรวจไปยังทหารยามเหล่านี้ สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา ทหารยามเหล่านี้ไม่มีชีวิต พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด ชายวัยกลางคนไม่ลังเล ทันทีที่เขาเดินออกจากเขตอาคมส่งตัว ก็พาหานลี่และคนอื่นๆ เข้าไปในทางเดิน จากนั้นก็มาถึงประตูสีทองที่ใกล้ที่สุด ในขณะนี้ หุ่นเชิดสองตัวที่อยู่หน้าประตูก็หันศีรษะราวกับว่าพวกมันสัมผัสได้ และมองไปยังกลุ่มคนด้วยสายตาที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันกริชขวานยาวซึ่งเดิมอยู่ในมือก็เคลื่อนผ่านหน้าอก ราวกับว่าพร้อมโจมตีทันทีเมื่อมีใครเข้าใกล้ ชายวัยกลางคนไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาพลิกฝ่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นมีแผ่นเหล็กที่ห่อด้วยปราณสีดำจางๆ ปรากฏขึ้น เขาแกว่งมันไปมาข้างหน้าเล็กน้อย และในขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาสั้นๆ แสงเย็นเยียบวาบประกายในดวงตาของหุ่นเชิดทั้งสอง ในขณะเดียวกันกริชขวานยาวในมือของพวกมันก็ลดระดับลง และมันกลายเป็นเหมือนสิ่งไม่มีชีวิตอีกครั้ง ชายและมารหญิงอีกสามคนไม่ได้แสดงความสงสัยแต่อย่างใด ดวงตาของหานลี่กลับเป็นประกายด้วยแสงสีน้ำเงิน จากนั้นเขาก็มองไปที่ทหารยามหุ่นเชิดทั้งสองอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสนใจ “หุ่นเชิดทั้งสองตัวนี้ดูเหมือนจะไม่อยู่ในระดับต่ำ ระดับก่อกำเนิดธรรมดาเกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้ ทว่าการหลอมสร้างพวกมันขึ้นมานั้นแปลกมาก ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากการหลอมทั่วไป ไม่ทราบว่าเป็นของที่เจดีย์ท่านสร้างด้วยตนเอง หรือว่าซื้อมาจากที่อื่น” จากข้อมูลที่เขาได้รวบรวมในแดนวิญญาณ หุ่นเชิดทั้งสองนี้ไม่ได้ใช้หนึ่งในวิธีการหลอมหุ่นเชิดที่เขารู้จักในแดนวิญญาณ ไม่ว่าวิธีการหลอมหรือวัสดุที่ใช้จะเป็นแบบใด พวกมันค่อนข้างหยาบและเรียบง่าย แต่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง สิ่งนี้ทำให้หานลี่รู้สึกสนใจ! “ฮ่าๆ ผู้อาวุโสก็สนใจหุ่นเชิดผลึกมารสองตัวนี้ด้วยหรือ! วิธีการหลอมพวกมันแตกต่างอย่างมากจากหุ่นเชิดทั่วไป และไม่สามารถถูกกระตุ้นด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ ทว่าหุ่นเชิดผลึกมารนี้เป็นเคล็ดวิชาลับเฉพาะของเจดีย์แห่งนี้ และไม่มีขายที่อื่น แต่ถ้าหากท่านต้องการก็ใช่ว่าจะเจรจาไม่ได้” ชายวัยกลางคนกลอกตาไปมา พลางแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม “โอ้ หุ่นเชิดผลึกมาร ข้าสนใจจริงๆ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง” หานลี่เหลือบมองดูหุ่นเชิดทั้งสองอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดเบาๆ โดยไม่เปิดเผยว่าเขาคิดอะไรอยู่ “ขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอจะเปิดประตูก่อน” ชายวัยกลางคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม จากนั้นเขาจึงเดินไม่กี่ก้าวไปยังประตูทอง แล้วเอามือติดแผ่นเหล็กที่ประตู ประตูสีทองเปิดออกด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’ โดยมีแสงสีขาวน้ำนมส่องประกายอยู่ภายใน ชายวัยกลางคนก้าวออกไปด้านข้าง พร้อมกับแสดงความเคารพต่อหานลี่ แม้ว่ามารอีกสามตนจะมาจากตระกูลหนิง แต่พวกเขากลับไม่กล้ากระทำการดูหมิ่นหานลี่ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าพวกเขามาก หานลี่พยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปในประตูสีทองอย่างไม่เกรงใจ ภายในประตูมีเขตอาคมหลายขนาดแตกต่างกัน ก่อตัวเป็นม่านแสงสีขาวนวลคล้ายน้ำนมทรงกระบอก มีมารชายหญิงในชุดต่างๆ หลายสิบตนถูกขังอยู่ข้างใน ชายหญิงเหล่านี้ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ต่างก็มีแสงระยิบระยับของอักขระอาคมอยู่บนผิวหนังและใบหน้าของพวกเขา และเห็นได้ชัดว่ามีอาคมต้องห้ามควบคุมอยู่อีกชั้นหนึ่งบนร่างกาย แต่พลังยุทธ์ชายและหญิงในม่านแสงเหล่านี้ไม่สูงนัก ระดับสูงสุดเป็นเพียงระดับหลอมรวม และระดับต่ำสุดคือระดับฝึกปราณเท่านั้น “เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าเถิด ข้าขอดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังจะแนะนำบางสิ่งให้เขา หานลี่จึงโบกมือและออกคำสั่งว่าเขาจะดูทาสอสูรด้วยตัวเขาเอง “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปแนะนำแขกท่านอื่นก่อน” เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น ย่อมไม่กล้าพูดสิ่งใดอีกและแสดงความเห็นด้วยในทันที “สหายทั้งหลาย หากท่านต้องการซื้อผู้ติดตาม คนเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับท่าน พวกเขาเป็นคนเผ่าปฐพีในส่วนลึกของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว พวกเขาไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในพลังยุทธ์ธาตุดิน แต่เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย และสำคัญกว่านั้น ศักยภาพทั้งหมดของพวกเขาล้วนไม่เลว ตราบใดที่ท่านใส่ใจฝึกฝน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะก้าวไปสู่ระดับก่อกำเนิดในอนาคต และยังมีความเป็นไปได้ที่สามารถไปสู่ระดับเทพแปลงได้” ชายวัยกลางคนเดินไปที่ม่านแสง ชี้นิ้วเข้าไปข้างใน และพูดกับคนตระกูลหนิงทั้งสามด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่หานลี่ได้ยินคำว่า ‘ทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว’ เขาจึงเหลือบมองมารเผ่าปฐพีในม่านแสงโดยไม่รู้ตัว มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสวมชุดคลุมหนังสีเขียวอ่อนแปดคน แม้ว่าผมของพวกเขาจะยุ่งเหยิง แต่ก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขามีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่เท่านั้น พลังยุทธ์น่าจะอยู่ระดับสร้างรากฐาน แต่การแสดงออกค่อนข้างเฉื่อยชา “คนเผ่าปฐพี! หาได้ยากจริงๆ แต่คนเหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามที่พูดจริงหรือ” ชายหนุ่มตระกูลหนิงที่มีเกล็ดสีแดงบนแก้มมองดูเด็กชายและเด็กหญิงในม่านแสง และถามด้วยความสงสัย “ฮ่าๆ ถ้าท่านไม่เชื่อก็พินิจอายุกระดูกของพวกเขาได้ อายุเท่านี้ บรรลุระดับสร้างฐานรากสำเร็จแล้ว ยังไม่ถือว่าพวกเขาเก่งอีกหรือ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างมั่นใจ “นั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป บางทีเจ้าอาจจะให้ยาเพื่อกระตุ้นศักยภาพของพวกเขา!” หญิงงามจากตระกูลหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยาที่สามารถกระตุ้นศักยภาพนั้นมีค่ามาก ข้าจะให้ทาสตนหนึ่งไปรับพวกมันได้โดยง่ายได้อย่างไร นอกจากนี้ แม้ว่ายาดังกล่าวจะถูกกินไปแล้ว ก็ต้องมีร่องรอยของมันในภายหลัง เหตุใดข้าจะต้องทำให้ตระกูลหนิงขุ่นเคืองด้วยผลกำไรเพียงเล็กน้อยนี้! หากมีผู้สนใจ ตราบใดที่มีการส่งมอบศิลามาร คนเผ่าปฐพีเหล่านี้ก็สามารถถูกนำตัวไปได้ทันที” ชายวัยกลางคนกลับตอบคำถามด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ หลังจากได้ยินดังนั้น ชายหญิงสามคนของตระกูลหนิงก็ดูเหมือนจะคิดว่ามันสมเหตุสมผล พวกเขามองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณสมบัติของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ เพียงแต่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาราคากับชายวัยกลางคน เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุด พวกเขาก็ต่อรองราคากันได้ และในทันใดหญิงสาวตระกูลหนิงก็ส่งศิลามารจำนวนมากให้ชายวัยกลางคน และนำทาสเผ่าปฐพีเหล่านี้ออกจากม่านแสง จากนั้นก็นำออกจากประตูภายใต้การแนะนำของสาวใช้ “ผู้อาวุโสสนใจทาสเหล่านี้บ้างหรือไม่ หากท่านไม่พอใจ ข้าสามารถพาท่านไปดูที่อื่นได้ บางทีอาจจะมีสิ่งที่ผู้อาวุโสพอใจ” เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าหานลี่ยังคงมองไปที่ทาสคนอื่นในม่านแสงโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามด้วยความเคารพ “ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอยู่คนเดียว ข้าไม่ต้องการทาส พาข้าไปดูหุ่นเชิดผลึกมารดีกว่า!” หานลี่มองออกไปข้างนอก พร้อมทั้งตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

ด้านบนเขียนอักขระอาคมขนาดใหญ่ว่า ‘เจดีย์หมื่นทาส’

นี่เป็นครั้งแรกที่หานลี่เห็นสถานที่ดังกล่าว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเดินไปที่ประตูเจดีย์ยักษ์ด้วยท่าทางสนใจ

ทันทีที่เข้าสู่ประตูของเจดีย์ยักษ์ ห้องโถงอันงดงามก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเขา ทั้งสองข้างมารสาวมากกว่าสิบคนสวมชุดชาววังสีเงินต้อนรับเขาด้วยรอยยิ้ม

ตรงกลางห้องโถง มีโต๊ะและเก้าอี้ใสแวววาวที่ทำจากหยกวางเรียงแถวอยู่

มีชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งและสาวใช้อีกหลายคนกำลังให้ปรนนิบัติกับมารอีกสามตัวที่ดูเหมือนแขก

ก่อนที่หานลี่จะมองเข้าไปใกล้ๆ ชายวัยกลางคนก็เหลือบไปที่หานลี่ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษแขกที่อยู่ด้านหน้า และเดินตรงมาหาหานลี่ในทันที

“คารวะผู้อาวุโส มีสิ่งใดให้ข้ารับใช้หรือไม่” ชายวัยกลางคนเดินไปด้านหน้าและถามด้วยความเคารพ

มารชายผู้นี้ดูเหมือนเป็นหลงจู๊ของที่นี่ เขาอยู่ในระดับเทพแปลง ย่อมสัมผัสได้ถึงพลังปราณหลอมสุญตาอันแข็งแกร่งของหานลี่ จึงไม่กล้าละเลยหานลี่

“เจดีย์หมื่นทาสทำการค้าสิ่งใด ข้าไม่เคยเห็นสถานที่เช่นนี้ในเมืองอื่นมาก่อน!” หานลี่เหลือบมองชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างหน้าและพูดอย่างเย็นชา

“ท่านผู้อาวุโสมายังเมืองฮ่วนเย่ครั้งแรกใช่หรือไม่ เจดีย์หมื่นทาสนี้ไม่ค่อยมีใครเห็นในเมืองทั่วไปเพราะเจดีย์นี้ใช้เพื่อการค้าทาสและอสูรมารโดยเฉพาะ” ชายวัยกลางคนตอบ

“ทาส อสูรมาร?” การแสดงออกของหานลี่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนั้น

“ถูกต้อง แขกเหล่านี้มาที่นี่เพื่อซื้อทาส หากท่านสนใจก็ไปดูกับพวกเขาได้เลย ส่วนอสูรมารในเจดีย์นี้มีเพียงอสูรธรรมดาเท่านั้น ผู้อาวุโสส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบ” ชายวัยกลางคนพูดด้วยรอยยิ้ม

“ในเมื่อข้าอยู่ที่นี่แล้ว ก็ขอเข้าไปดูสักหน่อย” หานลี่หรี่ตาลง พลางครุ่นคิด จากนั้นเขาจึงพยักหน้าเบาๆ

“ขอรับ ผู้อาวุโสโปรดตามข้ามา” ชายวัยกลางคนโบกมือให้สาวใช้ข้างๆ เขาทันที และขอให้นางพามารอีกสามตนตามมา จากนั้นเขาจึงพาหานลี่และคนอื่นๆ ไปยังเขตอาคมส่งตัวตรงมุมหนึ่งของเจดีย์

แขกทั้งสามคนเป็นชายสองคน หญิงหนึ่งคน อายุยี่สิบปี ผู้ชายหล่อและสูง ส่วนผู้หญิงก็สง่างดงาม พวกเขาล้วนแต่อยู่ในระดับก่อกำเนิด แต่เมื่อพวกเขามองไปยังหานลี่กลับเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นบาง ไม่มีความเกรงใจในการแสดงออกมากนัก

เมื่อหานลี่เห็นเช่นนี้จึงเหลือบมองพวกเขาอย่างเย็นชา และพบตัวอักษร ‘หนิง’ สีเงินที่ไม่โดดเด่นอยู่ที่มุมแขนเสื้อของพวกเขา

‘หรือว่าเป็นคนตระกูลหนิง!’ เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าใบหน้าของเขากลับไม่มีอะไรผิดปกติ

ในเวลานี้ ทุกคนอยู่ในเขตอาคมส่งตัว ชายวัยกลางคนใช้พลังยุทธ์กระตุ้นเขตอาคม แสงสีขาวกะพริบวาบ คนหลายคนพลันถูกส่งตัวไปโดยเขตอาคมส่งตัว

วินาทีต่อมา เขตอาคมส่งตัวในชั้นหนึ่งของเจดีย์ยักษ์ ก็ปรากฏเงาร่างคนกลุ่มหนึ่งขึ้นเลือนราง

หานลี่และคนอื่นๆ ปรากฏตัวขึ้นในพริบตา

หานลี่เงยหน้าและกวาดสายตามองไปรอบๆ

ที่นี่ต่างจากชั้นแรกมาก

ตอนนี้ด้านหน้าเขตอาคมส่งตัวมีเพียงทางเดินแผ่นหินชนวนแคบๆ กำแพงหินทั้งสองด้านถูกจารึกด้วยอักขระอาคมหนาแน่น เห็นได้ชัดว่ามีพลังจำกัดอย่างมาก

เมื่อมองไปยังปลายอีกด้านของทางเดิน จะมีประตูสีทองหลายบานที่ทั้งสองข้างของทางเดิน ข้างนอกมีทหารยามร่างสูงใหญ่สองคนสวมเกราะ ยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว

หลังจากที่จิตสัมผัสของหานลี่กวาดสำรวจไปยังทหารยามเหล่านี้ สีหน้าประหลาดใจก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา

ทหารยามเหล่านี้ไม่มีชีวิต พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิด

ชายวัยกลางคนไม่ลังเล ทันทีที่เขาเดินออกจากเขตอาคมส่งตัว ก็พาหานลี่และคนอื่นๆ เข้าไปในทางเดิน จากนั้นก็มาถึงประตูสีทองที่ใกล้ที่สุด

ในขณะนี้ หุ่นเชิดสองตัวที่อยู่หน้าประตูก็หันศีรษะราวกับว่าพวกมันสัมผัสได้ และมองไปยังกลุ่มคนด้วยสายตาที่เย็นชา ในเวลาเดียวกันกริชขวานยาวซึ่งเดิมอยู่ในมือก็เคลื่อนผ่านหน้าอก ราวกับว่าพร้อมโจมตีทันทีเมื่อมีใครเข้าใกล้

ชายวัยกลางคนไม่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาพลิกฝ่ามือด้วยมือข้างหนึ่ง ทันใดนั้นมีแผ่นเหล็กที่ห่อด้วยปราณสีดำจางๆ ปรากฏขึ้น เขาแกว่งมันไปมาข้างหน้าเล็กน้อย และในขณะเดียวกันก็ร่ายคาถาสั้นๆ

แสงเย็นเยียบวาบประกายในดวงตาของหุ่นเชิดทั้งสอง ในขณะเดียวกันกริชขวานยาวในมือของพวกมันก็ลดระดับลง และมันกลายเป็นเหมือนสิ่งไม่มีชีวิตอีกครั้ง

ชายและมารหญิงอีกสามคนไม่ได้แสดงความสงสัยแต่อย่างใด ดวงตาของหานลี่กลับเป็นประกายด้วยแสงสีน้ำเงิน จากนั้นเขาก็มองไปที่ทหารยามหุ่นเชิดทั้งสองอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้นจึงถามขึ้นด้วยความสนใจ “หุ่นเชิดทั้งสองตัวนี้ดูเหมือนจะไม่อยู่ในระดับต่ำ ระดับก่อกำเนิดธรรมดาเกรงว่าจะไม่สามารถต่อกรกับพวกมันได้ ทว่าการหลอมสร้างพวกมันขึ้นมานั้นแปลกมาก ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากการหลอมทั่วไป ไม่ทราบว่าเป็นของที่เจดีย์ท่านสร้างด้วยตนเอง หรือว่าซื้อมาจากที่อื่น”

จากข้อมูลที่เขาได้รวบรวมในแดนวิญญาณ หุ่นเชิดทั้งสองนี้ไม่ได้ใช้หนึ่งในวิธีการหลอมหุ่นเชิดที่เขารู้จักในแดนวิญญาณ ไม่ว่าวิธีการหลอมหรือวัสดุที่ใช้จะเป็นแบบใด พวกมันค่อนข้างหยาบและเรียบง่าย แต่ดูเหมือนว่าจะค่อนข้างแข็งแกร่ง

สิ่งนี้ทำให้หานลี่รู้สึกสนใจ!

“ฮ่าๆ ผู้อาวุโสก็สนใจหุ่นเชิดผลึกมารสองตัวนี้ด้วยหรือ! วิธีการหลอมพวกมันแตกต่างอย่างมากจากหุ่นเชิดทั่วไป และไม่สามารถถูกกระตุ้นด้วยจิตวิญญาณดั้งเดิมได้ ทว่าหุ่นเชิดผลึกมารนี้เป็นเคล็ดวิชาลับเฉพาะของเจดีย์แห่งนี้ และไม่มีขายที่อื่น แต่ถ้าหากท่านต้องการก็ใช่ว่าจะเจรจาไม่ได้” ชายวัยกลางคนกลอกตาไปมา พลางแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม

“โอ้ หุ่นเชิดผลึกมาร ข้าสนใจจริงๆ แต่เดี๋ยวค่อยว่ากันทีหลัง” หานลี่เหลือบมองดูหุ่นเชิดทั้งสองอีกครั้ง พร้อมทั้งพูดเบาๆ โดยไม่เปิดเผยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“ขอรับ ถ้าเช่นนั้นข้าขอจะเปิดประตูก่อน” ชายวัยกลางคนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังตอบด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาจึงเดินไม่กี่ก้าวไปยังประตูทอง แล้วเอามือติดแผ่นเหล็กที่ประตู

ประตูสีทองเปิดออกด้วยเสียง ‘เอี๊ยด’ โดยมีแสงสีขาวน้ำนมส่องประกายอยู่ภายใน

ชายวัยกลางคนก้าวออกไปด้านข้าง พร้อมกับแสดงความเคารพต่อหานลี่

แม้ว่ามารอีกสามตนจะมาจากตระกูลหนิง แต่พวกเขากลับไม่กล้ากระทำการดูหมิ่นหานลี่ที่มีพลังยุทธ์สูงกว่าพวกเขามาก

หานลี่พยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปในประตูสีทองอย่างไม่เกรงใจ

ภายในประตูมีเขตอาคมหลายขนาดแตกต่างกัน ก่อตัวเป็นม่านแสงสีขาวนวลคล้ายน้ำนมทรงกระบอก มีมารชายหญิงในชุดต่างๆ หลายสิบตนถูกขังอยู่ข้างใน

ชายหญิงเหล่านี้ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่ ต่างก็มีแสงระยิบระยับของอักขระอาคมอยู่บนผิวหนังและใบหน้าของพวกเขา และเห็นได้ชัดว่ามีอาคมต้องห้ามควบคุมอยู่อีกชั้นหนึ่งบนร่างกาย

แต่พลังยุทธ์ชายและหญิงในม่านแสงเหล่านี้ไม่สูงนัก ระดับสูงสุดเป็นเพียงระดับหลอมรวม และระดับต่ำสุดคือระดับฝึกปราณเท่านั้น

“เจ้าไปจัดการเรื่องของเจ้าเถิด ข้าขอดูก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เมื่อเห็นว่าชายวัยกลางคนกำลังจะแนะนำบางสิ่งให้เขา หานลี่จึงโบกมือและออกคำสั่งว่าเขาจะดูทาสอสูรด้วยตัวเขาเอง

“ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปแนะนำแขกท่านอื่นก่อน” เมื่อชายวัยกลางคนได้ยินเช่นนั้น ย่อมไม่กล้าพูดสิ่งใดอีกและแสดงความเห็นด้วยในทันที

“สหายทั้งหลาย หากท่านต้องการซื้อผู้ติดตาม คนเหล่านี้ล้วนเหมาะสมกับท่าน พวกเขาเป็นคนเผ่าปฐพีในส่วนลึกของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว พวกเขาไม่เพียงแต่มีพรสวรรค์ในพลังยุทธ์ธาตุดิน แต่เมื่อพวกเขาโตเป็นผู้ใหญ่ ผู้ชายก็หล่อ ผู้หญิงก็สวย และสำคัญกว่านั้น ศักยภาพทั้งหมดของพวกเขาล้วนไม่เลว ตราบใดที่ท่านใส่ใจฝึกฝน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะก้าวไปสู่ระดับก่อกำเนิดในอนาคต และยังมีความเป็นไปได้ที่สามารถไปสู่ระดับเทพแปลงได้” ชายวัยกลางคนเดินไปที่ม่านแสง ชี้นิ้วเข้าไปข้างใน และพูดกับคนตระกูลหนิงทั้งสามด้วยรอยยิ้ม

หลังจากที่หานลี่ได้ยินคำว่า ‘ทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว’ เขาจึงเหลือบมองมารเผ่าปฐพีในม่านแสงโดยไม่รู้ตัว

มีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงสวมชุดคลุมหนังสีเขียวอ่อนแปดคน แม้ว่าผมของพวกเขาจะยุ่งเหยิง แต่ก็ยังเห็นได้ว่าพวกเขามีอายุเพียงสิบสามหรือสิบสี่เท่านั้น พลังยุทธ์น่าจะอยู่ระดับสร้างรากฐาน แต่การแสดงออกค่อนข้างเฉื่อยชา

“คนเผ่าปฐพี! หาได้ยากจริงๆ แต่คนเหล่านี้มีคุณสมบัติตรงตามที่พูดจริงหรือ” ชายหนุ่มตระกูลหนิงที่มีเกล็ดสีแดงบนแก้มมองดูเด็กชายและเด็กหญิงในม่านแสง และถามด้วยความสงสัย

“ฮ่าๆ ถ้าท่านไม่เชื่อก็พินิจอายุกระดูกของพวกเขาได้ อายุเท่านี้ บรรลุระดับสร้างฐานรากสำเร็จแล้ว ยังไม่ถือว่าพวกเขาเก่งอีกหรือ” ชายวัยกลางคนตอบอย่างมั่นใจ

“นั่นไม่ใช่ความจริงเสมอไป บางทีเจ้าอาจจะให้ยาเพื่อกระตุ้นศักยภาพของพวกเขา!” หญิงงามจากตระกูลหนิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ยาที่สามารถกระตุ้นศักยภาพนั้นมีค่ามาก ข้าจะให้ทาสตนหนึ่งไปรับพวกมันได้โดยง่ายได้อย่างไร นอกจากนี้ แม้ว่ายาดังกล่าวจะถูกกินไปแล้ว ก็ต้องมีร่องรอยของมันในภายหลัง เหตุใดข้าจะต้องทำให้ตระกูลหนิงขุ่นเคืองด้วยผลกำไรเพียงเล็กน้อยนี้! หากมีผู้สนใจ ตราบใดที่มีการส่งมอบศิลามาร คนเผ่าปฐพีเหล่านี้ก็สามารถถูกนำตัวไปได้ทันที” ชายวัยกลางคนกลับตอบคำถามด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ

หลังจากได้ยินดังนั้น ชายหญิงสามคนของตระกูลหนิงก็ดูเหมือนจะคิดว่ามันสมเหตุสมผล พวกเขามองหน้ากัน ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับคุณสมบัติของชายหนุ่มและหญิงสาวเหล่านี้ เพียงแต่พูดคุยเกี่ยวกับปัญหาราคากับชายวัยกลางคน

เวลาผ่านไปหนึ่งกาน้ำชา ในที่สุด พวกเขาก็ต่อรองราคากันได้ และในทันใดหญิงสาวตระกูลหนิงก็ส่งศิลามารจำนวนมากให้ชายวัยกลางคน และนำทาสเผ่าปฐพีเหล่านี้ออกจากม่านแสง จากนั้นก็นำออกจากประตูภายใต้การแนะนำของสาวใช้

“ผู้อาวุโสสนใจทาสเหล่านี้บ้างหรือไม่ หากท่านไม่พอใจ ข้าสามารถพาท่านไปดูที่อื่นได้ บางทีอาจจะมีสิ่งที่ผู้อาวุโสพอใจ” เมื่อชายวัยกลางคนเห็นว่าหานลี่ยังคงมองไปที่ทาสคนอื่นในม่านแสงโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขาจึงก้าวไปข้างหน้าทันทีและถามด้วยความเคารพ

“ไม่จำเป็น ข้าเคยชินกับการอยู่คนเดียว ข้าไม่ต้องการทาส พาข้าไปดูหุ่นเชิดผลึกมารดีกว่า!” หานลี่มองออกไปข้างนอก พร้อมทั้งตอบด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยนแปลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+