A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2057 การต่อสู้อันดุเดือดที่สายแร่ (ตอนต้น)

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2057 การต่อสู้อันดุเดือดที่สายแร่ (ตอนต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุปผาหิมะดูเหมือนจะไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อลูกเพลิงสีแดงสดเหล่านั้นสัมผัสกับบุปผาหิมะ คาดไม่ถึงว่าจะเสียง “พรึ่บๆ” แล้วสลายหายไปในพริบตา ไอเย็นเยียบตลบอบอวลทั่วทะเลสาบหินหลอมเหลว ชั่วครู่ไอเพลิงก่อนหน้าก็แทบจะสลายหายไปจนหมด

แทบจะในเวลาเดียวกันแววตาของหานลี่พลันเปล่งประกาย นิ้วทั้งสิบร่ายไปทางอสูรมาร

หลังจากเสียงแหวกอากาศดัง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงสีเขียวสิบสายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป ม้วนไปทางอสูรมาร

ส่วนหันฉีจื่อก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา ผลึกลำแสงบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้น ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ข้างหนึ่งวาดไปกลางอากาศตรงหน้า ชั่วขณะนั้นภูเขาน้ำแข็งสีสันแวววาวพลันปรากฏออกมา ยามแรกมีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่ครู่ต่อมาพลันมีขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง ภายใต้การกระตุ้นด้วยเคล็ดวิชามารก็ทุบลงมาที่อสูรมารดังสนั่น

ชั่วพริบตานั้นหานลี่และพวกทั้งสามก็ทำการโจมตีอสูรมารตนนั้นพร้อมกัน

ทว่าการลงมือครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าทั้งสามล้วนใช้อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริง

อสูรมารที่อยู่ในเปลวเพลิงสีเขียวดูเหมือนว่าจะรู้ว่สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ปากพลันร้องคำรามต่ำๆ ออกมา เปลวเพลิงสีเขียวบนเรือนร่างขยายใหญ่ขึ้นหมุนวนพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ส่วนร่างเดิมกลับร่อนลงมาที่ทะเลสาบหินหลอมเหลวด้านล่าง คิดจะหลีกหนีกลับไปอีกครั้ง

แต่ยามนี้ไป๋อวิ๋นซินและพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในไอมารรอบๆ กลับร่ายอาคมกระตุ้นเขตอาคมยักษ์

ชั่วขณะนั้นเห็นเพียงไอสีดำขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางเสียงสงคราม จากนั้นกระบี่ลำแสงสีขาวหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก่อตัวกันเป็นมีดตาข่ายอันแน่นหนาเหนือทะเลสาบหินหลอมเหลว ขวางทางกลับของอสูรมารเอาไว้

ดาบลำแสงเหล่านี้เปล่งแสงเย็นเยียบออกมา และส่งเสียงกรีดร้อง แค่ดูก็รู้ว่าแหลมคมอย่างหาที่เปรียบมิได้

แม้ว่าอสูรมารตัวนั้นจะบังคับใจตนเองว่ากายเนื้อแข็งแกร่งเพียงพอ แต่ก็มิกล้าบุกเข้าไปง่ายๆ ทันใดนั้นร่างกายก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

อานุภาพของบุปผาหิมะ ภูเขาน้ำแข็ง กระบี่ลำแสงผสานกัน ต้านทานเปลวเพลิงสีเขียวเอาไว้ จนเกิดเสียงดังสนั่นอยู่เหนือศีรษะของอสูรมาร

อสูรมารตัวนี้คู่ควรกับที่เป็นจอมมารระดับสูง เมื่อตกอยู่ในอันตรายไม่เพียงไม่ร้อนรน กลับดูเหมือนจะถูกกระตุ้นสัญชาตญาณ ทันใดนั้นก็อ้าปากออก เปลวเพลิงสีเขียวที่ห่อหุ้มร่างม้วนวนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะถูกดูดเข้าไปในปากจนเกลี้ยงราวกับกลับคืนสู่มหาสมุทร แล้วเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาโหดเหี้ยมหัวเป็นกวาง ตัวเป็นโค กรงเล็บดั่งพยัคฆ์

หลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูดซับเปลวเพลิงสีเขียวไปจนหมด ก็ส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา ชูคอขึ้นเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะพ่นอิฐสีเขียวออกมา ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นกำแพงหินยักษ์ที่มีเปลวเพลิงสีเขียวม้วนวนอยู่ ขวางกั้นท้องฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง

ครู่ต่อมาบุปผาหิมะ กระบี่ลำแสง ภูเขาน้ำแข็งก็โจมตีไปที่กำแพงหิน

หลังจากระเบิดลำแสงเจิดจ้าจนแสบตาและเสียงอึกทึกดังอย่างต่อเนื่องแล้ว นอกจากเปลวเพลิงบนกำแพงที่มีไอสีดำหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะไม่ทำให้กำแพงหินสั่นเทาเลยสักนิด

ฉากนี้ทำให้จอมมารสองสามคนหน้าเปลี่ยนสี

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา

ไอกระบี่ที่พุ่งออกไปเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่สะดุดตานัก แต่ระดับความแหลมคมไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาเลย หากพบกับสมบัติอาคมระดับต่ำหน่อยก็สามารถสับออกเป็นสองส่วน แม้จะไม่หวังว่ากระบี่ลำแสงสิบกว่าสายนี้จะสังหารอสูรมารได้ แต่ถูกกำแพงหินตรงหน้าต้านทานไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

ยามนี้หญิงสาวผมสีม่วงพลันมีไอสีดำปรากฏขึ้นบนใบหน้า ปากก็เปล่งเสียงร้องไพเราะออกมา สะบัดง้าวยาวในมือ คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งลงไปด้านล่างอย่างแรง

เสียงระเบิดอันเสียดแก้วหูดังขึ้น!

 ง้าวยาวสีดำพลิ้วไหวมีขนาดใหญ่ขึ้นสองสามเท่า กลายเป็นสายรุ้งสีดำความยาวสิบจั้งเศษ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วอยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง พลางทะลวงเข้ามาที่กำแพงหิน

ชั่วพริบตาเสียงดังสนั่นราวกับพื้นดินแตกแยกออกจากกันก็ดังขึ้น!

บรรยากาศสั่นสะเทือน จากนั้นดวงอาทิตย์สีดำก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ กำแพงหินที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ พลันส่งเสียงร้องแล้วปริแตกเป็นสายๆ ราวกับกำลังจะปริแตกเป็นเสี่ยงๆ ในครู่ต่อมา

หญิงสาวผมสีม่วงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แววตาคู่งามพลันฉายแววดีใจ อสูรมารหัวกวางกลับอ้าปากออกอีกครั้ง เปลวเพลิงลำแสงสีเขียวม้วนวนออกมา จมหายเข้าไปในกำแพงหิน

ชั่วขณะนั้นกำแพงหินพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวแผ่ออกมา รอยแยกบนผิวผสานเข้าหากันดังเดิมอย่างรวดเร็ว กลับมาแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้อีกครั้ง

หญิงสาวผมสีม่วงมีสีหน้าเคร่งขรึม กระตุ้นเคล็ดวิชามาร ง้าวยาวกลับคืนรู้อีกครั้งด้านนอกกำแพงหิน และพลิ้วไหวกลายเป็นเงาง้าวขนาดยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งลงมาหากำแพงหิวราวกับพายุฝนกระหน่ำ

ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองที่อยู่อีกด้านเห็นทุกอย่างนี้ อาคมที่ร่ายอยู่ในมือก็เปลี่ยนแปลงไป เงาลวงตากระจกโบราณร้อยด้ามส่งเสียงฟ้าร้องออกมา พ่นสายฟ้าสีดำนับร้อยสายออกมาอีกครั้ง ตัดสลับกันมาคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่สายฟ้าสีดำที่มีสายฟ้าปรากฏทั่วตัวกระบี่ ความยาวสิบจั้งเศษ พลางสับลงมาที่กลางอากาศด้านล่าง

ประจุไฟฟ้าสีดำทยอยกันสับลงมาที่กำแพงหินราวกับอสรพิษสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้เปลวเพลิงสีเขียวสลายหายไปกว่าครึ่ง

หันฉีจื่อเองก็ชี้ไปที่ภูเขาน้ำแข็งด้านล่าง ภูเขาลูกนี้พลิ้วไหวแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

จากนั้นแผ่นหลังของอสูรมารตนนี้พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ภูเขาน้ำแข็งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางอากาศ ไอเย็นเยียบม้วนวนแล้วทุบลงไปที่แผ่นหลังของอสูรมาร

ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ยังไม่ทันได้ร่อนลงมาจริงๆ พลังมหาศาลไร้รูปร่างและลำแสงเย็นเยียบแวววาวก็ม้วนวนมาถึงก่อน

แต่ชั่วพริบตานั้นอสูรมารตัวนั้นกลับยกกรงเล็บอสูรขึ้นตะปบไปตรงหน้า

ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!

กรงเล็บอสูรมารจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย ส่วนด้านหลังของอสูรมาร กรงเล็บยักษ์ที่มีเปลวเพลิงสีเขียวขนาดสองสามจั้งห่อหุ้มอยู่พลันยื่นออกมา คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานภูเขาน้ำแข็งเอาไว้

เสียงอึกทึกดังขึ้น ลำแสงเย็นเยียบแวววาวและเปลวเพลิงมารสีเขียวขยายใหญ่และระเบิดออกพร้อมกัน ภูเขาน้ำแข็งพุ่งออกไป

กรงเล็บอสูรเปลวเพลิงสีเขียวข้างหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอีกครั้ง

หันฉีจื่อมีแววตาเคร่งขรึม ชี้มือไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นภูเขาน้ำแข็งก็หยุดชะงัก ทุบลงไปที่อสูรมารอีกครั้งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

แทบจะในเวลาเดียวกันองค์เทพมังกรไม้ที่กำลังควบคุมกลองใบเล็กสีโลหิตอยู่ก็เริ่มส่งเสียงคำรามต่ำๆ เกล็ดหิมะสีโลหิตร่อนลงมาจากกลางอากาศ หลังจากผนึกรวมตัวกันก็กลายเป็นกรวยน้ำแข็งสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งไปที่อสูรมารราวกับห่าฝน

กรวยโลหิตเหล่านี้โจมตีไปที่กำแพงหิน ระเบิดลำแสงโลหิตออกมา และมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยมา

ครู่ต่อมาผิวของกำแพงหินก็มีหลุมขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น กรวยโลหิตดูเหมือนจะมีพิษอย่างหาที่เปรียบมิได้

แม้ว่ากำแพงหินจะแปลกประหลาดยิ่ง แต่ภายใต้การโจมตีจำนวนมาก ก็เผยท่าทีรับไม่ไหวออกมา

อสูรมารหัวกวางพ่นหมอกสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงไม่อาจผสานรอยแยกบนกำแพงหินได้ แล้วส่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมา ผิวที่มีเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนห่อหุ้มอยู่มีลวดลายมารปรากฏออกมา และหมุนวนโคจรอยู่บนผิวอย่างรวดเร็ว

กำแพงหินยักษ์ที่เดิมขวางอยู่กลางอากาศ มีลวดลายมารสีเขียวที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียว และร่อนลงมาอย่างแรง คาดไม่ถึงว่าจะติดกับร่างของอสูรมารหัวกวางกลายเป็นลูกศิลายักษ์ลูกหนึ่ง

ยามนี้สายฟ้า ง้าวยาว กรวยโลหิตและการโจมตีต่างๆ ล้อมรอบลูกศิลายักษ์เอาไว้แล้วทำการโจมตีไม่หยุด!

หานลี่ยื่นกระบี่ลำแสงสีเขียวออก เมื่อเขากระตุ้นก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวร้อยสายที่แข็งแกร่ง ทิ่มแทงลูกศิลายักษ์ไม่หยุด และทิ้งรูกระบี่เล็กๆ จำนวนมากเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจทะลวงผ่านไป

ทว่าเช่นนี้ลูกศิลายักษ์ถูกโจมตีอย่างรุนแรงย่อมไม่อาจยืนหยัดได้นานนัก เปลวเพลิงสีเขียวค่อยๆ หม่นหมองสลายหายไปเป็นชั้นๆ ในเวลาเดียวกันเศษศิลาจำนวนนับไม่ถ้วนก็ร่อนลงมาจากลูกศิลาไม่หยุด

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าหันฉีจื่อหรือว่าหญิงสาวผมสีม่วงก็มีสีหน้ายินดี หลังจากที่ร่ายอาคมก็ทำให้การโจมตีลูกศิลารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่แค่นี้ใบมีดตาข่ายยักษ์ที่ผนึกผิวทะเลสาบเอาไว้ ถูกศิษย์ตระกูลไป๋หกคนกระตุ้นก็ลอยขึ้นไปด้านบน กลายเป็นใบมีดแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าร่วมการโจมตี!

แค่สองสามชั่วลมหายใจลูกศิลาก็เล็กลงอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงแล้ว

หานลี่กลับขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่เชื่อว่าจะจัดการอสูรมารตนนี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

แม้ว่าอสูรตัวนี้จะถูกพวกเขาขวางเอาไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สำแดงพละกำลังน่ากลัวของอสูรมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายใดๆ ออกมา ในฐานะมารอสูรเดิมก็แข็งแกร่งกว่าตัวตนระดับเดียวกันหลายส่วนแล้ว

เมื่อความคิดของหานลี่เคลื่อนไหวแล้วคิดเช่นนี้ได้ อสูรมารหัวกวางที่อยู่ในลูกศิลาก็ส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา ผิวทะเลสาบที่แต่เดิมเงียบสงบพลันมีเพลิงลำแสงเจิดจ้า หินหลอมเหลวสีแดงสดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับระลอกคลื่น คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นลูกเพลิงหินหลอมเหลวก้อนใหญ่ ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มลูกศิลาเอาไว้ข้างใน

จากนั้นก็เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า ผิวของลูกเพลิงหินหลอมเหลวมีลายมารสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น หลังจากรางเลือนก็กลายเป็นมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวสูงสิบจั้งเศษ

มนุษย์ยักษ์ที่มีเปลวเพลิงหมุนวนรอบกาย แววตาเปล่งประกายสีเขียวสว่างวาบ แขนสองข้างชูขึ้นกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลันระเบิดเสียง “ปังๆ” ดังออกมา คลื่นเพลิงแผ่ออกมาจากร่างของเขา

เปลวเพลิงสีแดงสดในร่างของมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวราวกับมีอยู่ไม่จำกัด แค่พริบตาก็ทำให้กลางอากาศกลายเป็นทะเลสีแดงสด

จากนั้นมนุษย์ยักษ์ก็อ้าปากออก พ่นเปลวเพลิงมารสีเขียวออกมา จมหายเข้าไปในเปลวเพลิงสีแดง กลายเป็นงูเหลือมเพลิงสีเขียวความยาวสิบจั้งเศษสิบกว่าตัวกระโจนไปหาชายร่างใหญ่และพวกจอมมาร

หานลี่รู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างทั้งร่างอยู่ในทะเลเพลิง แล้วพลันรู้สึกตกตะลึง!

ไอมารที่แผดเผาม้วนวนไปรอบด้านราวกับระลอกคลื่น ร่างของเขาตึงแน่น คาดไม่ถึงว่าจะถูกพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในทะเลเพลิงกักเอาไว้ที่เดิม

และกระบี่ลำแสงสีเขียวสิบกว่าสายที่แต่เดิมควบคุมได้สมประสงค์ก็ถูกพลังของทะเลเพลิงบีบทำให้เชื่องช้าลง

ไม่ใช่แค่เขาการโจมตีของจอมมารคนอื่นๆ ก็ถูกทะเลเพลิงโผลงก็เกลื่อนกลาดมา ก็อานุภาพหนึ่งในสิบส่วน ไม่อาจสร้างความคุกคามอสูรมารได้อีก

หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แค่งอนิ้วสองสามนิ้ว กระบี่ลำแสงสิบกว่าสายและพลังปราณก็ปริแตก

เสียงระเบิด “ปังๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กระบี่ลำแสงเหล่านั้นระเบิดออกท่ามกลางทะเลเพลิง กลายเป็นลำแสงสีเขียวโจมตีเปลวเพลิงสีแดงในบริเวณรอบจนสลายหายไปส่วนหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็ถูกเปลวเพลิงสีแดงจำนวนมากกว่าเดิมกลืนกินไปจนเกลี้ยง

หานลี่ร่ายอาคมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีรอบเรือนร่างขยายออกไปบีบเปลวเพลิงรอบด้านไปกว่าครึ่ง หมายจะให้หลุดจากพันธนาการของทะเลเพลิง

และในยามนั้นนี้เองกลางเขตอาคมที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบหินหลอมเหลวก็มีเสียงกรีดร้องอันน่าอนาถดังขึ้น แต่ทันใดนั้นก็หยุดลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2057 การต่อสู้อันดุเดือดที่สายแร่ (ตอนต้น)

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2057 การต่อสู้อันดุเดือดที่สายแร่ (ตอนต้น) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุปผาหิมะดูเหมือนจะไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อลูกเพลิงสีแดงสดเหล่านั้นสัมผัสกับบุปผาหิมะ คาดไม่ถึงว่าจะเสียง “พรึ่บๆ” แล้วสลายหายไปในพริบตา ไอเย็นเยียบตลบอบอวลทั่วทะเลสาบหินหลอมเหลว ชั่วครู่ไอเพลิงก่อนหน้าก็แทบจะสลายหายไปจนหมด

แทบจะในเวลาเดียวกันแววตาของหานลี่พลันเปล่งประกาย นิ้วทั้งสิบร่ายไปทางอสูรมาร

หลังจากเสียงแหวกอากาศดัง “ฟู่ๆ” ดังขึ้น กระบี่ลำแสงสีเขียวสิบสายก็เปล่งแสงสว่างวาบแล้วพุ่งออกไป ม้วนไปทางอสูรมาร

ส่วนหันฉีจื่อก็แค่นเสียงด้วยความเย็นชา ผลึกลำแสงบนร่างเปล่งแสงเจิดจ้าขึ้น ฝ่ามือสีขาวบริสุทธิ์ข้างหนึ่งวาดไปกลางอากาศตรงหน้า ชั่วขณะนั้นภูเขาน้ำแข็งสีสันแวววาวพลันปรากฏออกมา ยามแรกมีขนาดแค่สองสามจั้ง แต่ครู่ต่อมาพลันมีขนาดยี่สิบสามสิบจั้ง ภายใต้การกระตุ้นด้วยเคล็ดวิชามารก็ทุบลงมาที่อสูรมารดังสนั่น

ชั่วพริบตานั้นหานลี่และพวกทั้งสามก็ทำการโจมตีอสูรมารตนนั้นพร้อมกัน

ทว่าการลงมือครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าทั้งสามล้วนใช้อิทธิฤทธิ์ที่แท้จริง

อสูรมารที่อยู่ในเปลวเพลิงสีเขียวดูเหมือนว่าจะรู้ว่สถานการณ์ไม่ดีแล้ว ปากพลันร้องคำรามต่ำๆ ออกมา เปลวเพลิงสีเขียวบนเรือนร่างขยายใหญ่ขึ้นหมุนวนพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ ส่วนร่างเดิมกลับร่อนลงมาที่ทะเลสาบหินหลอมเหลวด้านล่าง คิดจะหลีกหนีกลับไปอีกครั้ง

แต่ยามนี้ไป๋อวิ๋นซินและพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในไอมารรอบๆ กลับร่ายอาคมกระตุ้นเขตอาคมยักษ์

ชั่วขณะนั้นเห็นเพียงไอสีดำขยายใหญ่ขึ้นท่ามกลางเสียงสงคราม จากนั้นกระบี่ลำแสงสีขาวหิมะจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ก่อตัวกันเป็นมีดตาข่ายอันแน่นหนาเหนือทะเลสาบหินหลอมเหลว ขวางทางกลับของอสูรมารเอาไว้

ดาบลำแสงเหล่านี้เปล่งแสงเย็นเยียบออกมา และส่งเสียงกรีดร้อง แค่ดูก็รู้ว่าแหลมคมอย่างหาที่เปรียบมิได้

แม้ว่าอสูรมารตัวนั้นจะบังคับใจตนเองว่ากายเนื้อแข็งแกร่งเพียงพอ แต่ก็มิกล้าบุกเข้าไปง่ายๆ ทันใดนั้นร่างกายก็หยุดชะงักอยู่กลางอากาศ

อานุภาพของบุปผาหิมะ ภูเขาน้ำแข็ง กระบี่ลำแสงผสานกัน ต้านทานเปลวเพลิงสีเขียวเอาไว้ จนเกิดเสียงดังสนั่นอยู่เหนือศีรษะของอสูรมาร

อสูรมารตัวนี้คู่ควรกับที่เป็นจอมมารระดับสูง เมื่อตกอยู่ในอันตรายไม่เพียงไม่ร้อนรน กลับดูเหมือนจะถูกกระตุ้นสัญชาตญาณ ทันใดนั้นก็อ้าปากออก เปลวเพลิงสีเขียวที่ห่อหุ้มร่างม้วนวนออกมา คาดไม่ถึงว่าจะถูกดูดเข้าไปในปากจนเกลี้ยงราวกับกลับคืนสู่มหาสมุทร แล้วเผยใบหน้าที่แท้จริงออกมา

คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาโหดเหี้ยมหัวเป็นกวาง ตัวเป็นโค กรงเล็บดั่งพยัคฆ์

หลังจากที่สัตว์ประหลาดตัวนี้ดูดซับเปลวเพลิงสีเขียวไปจนหมด ก็ส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา ชูคอขึ้นเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะพ่นอิฐสีเขียวออกมา ขยายใหญ่ขึ้นกลางอากาศ กลายเป็นกำแพงหินยักษ์ที่มีเปลวเพลิงสีเขียวม้วนวนอยู่ ขวางกั้นท้องฟ้าไว้ครึ่งหนึ่ง

ครู่ต่อมาบุปผาหิมะ กระบี่ลำแสง ภูเขาน้ำแข็งก็โจมตีไปที่กำแพงหิน

หลังจากระเบิดลำแสงเจิดจ้าจนแสบตาและเสียงอึกทึกดังอย่างต่อเนื่องแล้ว นอกจากเปลวเพลิงบนกำแพงที่มีไอสีดำหมุนวน คาดไม่ถึงว่าจะไม่ทำให้กำแพงหินสั่นเทาเลยสักนิด

ฉากนี้ทำให้จอมมารสองสามคนหน้าเปลี่ยนสี

หานลี่หรี่ตาทั้งสองข้างลง ใบหน้าเผยสีหน้าแปลกประหลาดใจออกมา

ไอกระบี่ที่พุ่งออกไปเมื่อครู่ดูเหมือนจะไม่สะดุดตานัก แต่ระดับความแหลมคมไม่ด้อยไปกว่ากระบี่ไผ่เขียวตัวต่อเมฆาเลย หากพบกับสมบัติอาคมระดับต่ำหน่อยก็สามารถสับออกเป็นสองส่วน แม้จะไม่หวังว่ากระบี่ลำแสงสิบกว่าสายนี้จะสังหารอสูรมารได้ แต่ถูกกำแพงหินตรงหน้าต้านทานไว้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ก็อยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขา

ยามนี้หญิงสาวผมสีม่วงพลันมีไอสีดำปรากฏขึ้นบนใบหน้า ปากก็เปล่งเสียงร้องไพเราะออกมา สะบัดง้าวยาวในมือ คาดไม่ถึงว่าจะพุ่งลงไปด้านล่างอย่างแรง

เสียงระเบิดอันเสียดแก้วหูดังขึ้น!

 ง้าวยาวสีดำพลิ้วไหวมีขนาดใหญ่ขึ้นสองสามเท่า กลายเป็นสายรุ้งสีดำความยาวสิบจั้งเศษ เปล่งแสงสว่างวาบแล้วอยู่ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง พลางทะลวงเข้ามาที่กำแพงหิน

ชั่วพริบตาเสียงดังสนั่นราวกับพื้นดินแตกแยกออกจากกันก็ดังขึ้น!

บรรยากาศสั่นสะเทือน จากนั้นดวงอาทิตย์สีดำก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ กำแพงหินที่ดูเหมือนจะแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้ พลันส่งเสียงร้องแล้วปริแตกเป็นสายๆ ราวกับกำลังจะปริแตกเป็นเสี่ยงๆ ในครู่ต่อมา

หญิงสาวผมสีม่วงเห็นสถานการณ์เช่นนี้ แววตาคู่งามพลันฉายแววดีใจ อสูรมารหัวกวางกลับอ้าปากออกอีกครั้ง เปลวเพลิงลำแสงสีเขียวม้วนวนออกมา จมหายเข้าไปในกำแพงหิน

ชั่วขณะนั้นกำแพงหินพลันมีเปลวเพลิงสีเขียวแผ่ออกมา รอยแยกบนผิวผสานเข้าหากันดังเดิมอย่างรวดเร็ว กลับมาแข็งแกร่งไม่อาจทำลายได้อีกครั้ง

หญิงสาวผมสีม่วงมีสีหน้าเคร่งขรึม กระตุ้นเคล็ดวิชามาร ง้าวยาวกลับคืนรู้อีกครั้งด้านนอกกำแพงหิน และพลิ้วไหวกลายเป็นเงาง้าวขนาดยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งลงมาหากำแพงหิวราวกับพายุฝนกระหน่ำ

ชายร่างใหญ่ผมสีเหลืองที่อยู่อีกด้านเห็นทุกอย่างนี้ อาคมที่ร่ายอยู่ในมือก็เปลี่ยนแปลงไป เงาลวงตากระจกโบราณร้อยด้ามส่งเสียงฟ้าร้องออกมา พ่นสายฟ้าสีดำนับร้อยสายออกมาอีกครั้ง ตัดสลับกันมาคาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นกระบี่สายฟ้าสีดำที่มีสายฟ้าปรากฏทั่วตัวกระบี่ ความยาวสิบจั้งเศษ พลางสับลงมาที่กลางอากาศด้านล่าง

ประจุไฟฟ้าสีดำทยอยกันสับลงมาที่กำแพงหินราวกับอสรพิษสีดำจำนวนนับไม่ถ้วน ทำให้เปลวเพลิงสีเขียวสลายหายไปกว่าครึ่ง

หันฉีจื่อเองก็ชี้ไปที่ภูเขาน้ำแข็งด้านล่าง ภูเขาลูกนี้พลิ้วไหวแล้วหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

จากนั้นแผ่นหลังของอสูรมารตนนี้พลันมีระลอกคลื่นปรากฏขึ้น ภูเขาน้ำแข็งเปล่งแสงสว่างวาบปรากฏขึ้นกลางอากาศ ไอเย็นเยียบม้วนวนแล้วทุบลงไปที่แผ่นหลังของอสูรมาร

ภูเขาน้ำแข็งยักษ์ยังไม่ทันได้ร่อนลงมาจริงๆ พลังมหาศาลไร้รูปร่างและลำแสงเย็นเยียบแวววาวก็ม้วนวนมาถึงก่อน

แต่ชั่วพริบตานั้นอสูรมารตัวนั้นกลับยกกรงเล็บอสูรขึ้นตะปบไปตรงหน้า

ฉากที่แปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้น!

กรงเล็บอสูรมารจมหายไปกลางอากาศอย่างไร้ร่องรอย ส่วนด้านหลังของอสูรมาร กรงเล็บยักษ์ที่มีเปลวเพลิงสีเขียวขนาดสองสามจั้งห่อหุ้มอยู่พลันยื่นออกมา คาดไม่ถึงว่าจะต้านทานภูเขาน้ำแข็งเอาไว้

เสียงอึกทึกดังขึ้น ลำแสงเย็นเยียบแวววาวและเปลวเพลิงมารสีเขียวขยายใหญ่และระเบิดออกพร้อมกัน ภูเขาน้ำแข็งพุ่งออกไป

กรงเล็บอสูรเปลวเพลิงสีเขียวข้างหนึ่งเปล่งแสงสว่างวาบแล้วหายวับไปอีกครั้ง

หันฉีจื่อมีแววตาเคร่งขรึม ชี้มือไปด้านล่างอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นภูเขาน้ำแข็งก็หยุดชะงัก ทุบลงไปที่อสูรมารอีกครั้งอย่างไม่ลังเลเลยสักนิด

แทบจะในเวลาเดียวกันองค์เทพมังกรไม้ที่กำลังควบคุมกลองใบเล็กสีโลหิตอยู่ก็เริ่มส่งเสียงคำรามต่ำๆ เกล็ดหิมะสีโลหิตร่อนลงมาจากกลางอากาศ หลังจากผนึกรวมตัวกันก็กลายเป็นกรวยน้ำแข็งสีโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วพุ่งไปที่อสูรมารราวกับห่าฝน

กรวยโลหิตเหล่านี้โจมตีไปที่กำแพงหิน ระเบิดลำแสงโลหิตออกมา และมีกลิ่นเน่าเหม็นโชยมา

ครู่ต่อมาผิวของกำแพงหินก็มีหลุมขนาดน้อยใหญ่ไม่เท่ากันปรากฏขึ้น กรวยโลหิตดูเหมือนจะมีพิษอย่างหาที่เปรียบมิได้

แม้ว่ากำแพงหินจะแปลกประหลาดยิ่ง แต่ภายใต้การโจมตีจำนวนมาก ก็เผยท่าทีรับไม่ไหวออกมา

อสูรมารหัวกวางพ่นหมอกสีเขียวออกมาอย่างต่อเนื่อง ยังคงไม่อาจผสานรอยแยกบนกำแพงหินได้ แล้วส่งเสียงร้องต่ำๆ ออกมา ผิวที่มีเปลวเพลิงจำนวนนับไม่ถ้วนห่อหุ้มอยู่มีลวดลายมารปรากฏออกมา และหมุนวนโคจรอยู่บนผิวอย่างรวดเร็ว

กำแพงหินยักษ์ที่เดิมขวางอยู่กลางอากาศ มีลวดลายมารสีเขียวที่เหมือนกันทุกระเบียบนิ้วปรากฏขึ้นท่ามกลางเปลวเพลิงสีเขียว และร่อนลงมาอย่างแรง คาดไม่ถึงว่าจะติดกับร่างของอสูรมารหัวกวางกลายเป็นลูกศิลายักษ์ลูกหนึ่ง

ยามนี้สายฟ้า ง้าวยาว กรวยโลหิตและการโจมตีต่างๆ ล้อมรอบลูกศิลายักษ์เอาไว้แล้วทำการโจมตีไม่หยุด!

หานลี่ยื่นกระบี่ลำแสงสีเขียวออก เมื่อเขากระตุ้นก็กลายเป็นลำแสงสีเขียวร้อยสายที่แข็งแกร่ง ทิ่มแทงลูกศิลายักษ์ไม่หยุด และทิ้งรูกระบี่เล็กๆ จำนวนมากเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจทะลวงผ่านไป

ทว่าเช่นนี้ลูกศิลายักษ์ถูกโจมตีอย่างรุนแรงย่อมไม่อาจยืนหยัดได้นานนัก เปลวเพลิงสีเขียวค่อยๆ หม่นหมองสลายหายไปเป็นชั้นๆ ในเวลาเดียวกันเศษศิลาจำนวนนับไม่ถ้วนก็ร่อนลงมาจากลูกศิลาไม่หยุด

เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ไม่ว่าหันฉีจื่อหรือว่าหญิงสาวผมสีม่วงก็มีสีหน้ายินดี หลังจากที่ร่ายอาคมก็ทำให้การโจมตีลูกศิลารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

ไม่ใช่แค่นี้ใบมีดตาข่ายยักษ์ที่ผนึกผิวทะเลสาบเอาไว้ ถูกศิษย์ตระกูลไป๋หกคนกระตุ้นก็ลอยขึ้นไปด้านบน กลายเป็นใบมีดแหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนเข้าร่วมการโจมตี!

แค่สองสามชั่วลมหายใจลูกศิลาก็เล็กลงอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะจบลงแล้ว

หานลี่กลับขมวดคิ้ว ในใจรู้สึกไม่เชื่อว่าจะจัดการอสูรมารตนนี้ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

แม้ว่าอสูรตัวนี้จะถูกพวกเขาขวางเอาไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าไม่ได้สำแดงพละกำลังน่ากลัวของอสูรมารระดับผสานอินทรีย์ขั้นปลายใดๆ ออกมา ในฐานะมารอสูรเดิมก็แข็งแกร่งกว่าตัวตนระดับเดียวกันหลายส่วนแล้ว

เมื่อความคิดของหานลี่เคลื่อนไหวแล้วคิดเช่นนี้ได้ อสูรมารหัวกวางที่อยู่ในลูกศิลาก็ส่งเสียงร้องประหลาดๆ ออกมา ผิวทะเลสาบที่แต่เดิมเงียบสงบพลันมีเพลิงลำแสงเจิดจ้า หินหลอมเหลวสีแดงสดพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าราวกับระลอกคลื่น คาดไม่ถึงว่าจะรวมตัวกันกลายเป็นลูกเพลิงหินหลอมเหลวก้อนใหญ่ ชั่วครู่ก็ห่อหุ้มลูกศิลาเอาไว้ข้างใน

จากนั้นก็เปล่งแสงสีแดงเจิดจ้า ผิวของลูกเพลิงหินหลอมเหลวมีลายมารสีเขียวจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น หลังจากรางเลือนก็กลายเป็นมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวสูงสิบจั้งเศษ

มนุษย์ยักษ์ที่มีเปลวเพลิงหมุนวนรอบกาย แววตาเปล่งประกายสีเขียวสว่างวาบ แขนสองข้างชูขึ้นกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลันระเบิดเสียง “ปังๆ” ดังออกมา คลื่นเพลิงแผ่ออกมาจากร่างของเขา

เปลวเพลิงสีแดงสดในร่างของมนุษย์ยักษ์หินหลอมเหลวราวกับมีอยู่ไม่จำกัด แค่พริบตาก็ทำให้กลางอากาศกลายเป็นทะเลสีแดงสด

จากนั้นมนุษย์ยักษ์ก็อ้าปากออก พ่นเปลวเพลิงมารสีเขียวออกมา จมหายเข้าไปในเปลวเพลิงสีแดง กลายเป็นงูเหลือมเพลิงสีเขียวความยาวสิบจั้งเศษสิบกว่าตัวกระโจนไปหาชายร่างใหญ่และพวกจอมมาร

หานลี่รู้สึกเพียงว่าตรงหน้ามีลำแสงสีแดงเปล่งแสงสว่างวาบ ร่างทั้งร่างอยู่ในทะเลเพลิง แล้วพลันรู้สึกตกตะลึง!

ไอมารที่แผดเผาม้วนวนไปรอบด้านราวกับระลอกคลื่น ร่างของเขาตึงแน่น คาดไม่ถึงว่าจะถูกพลังลึกลับที่ซ่อนอยู่ในทะเลเพลิงกักเอาไว้ที่เดิม

และกระบี่ลำแสงสีเขียวสิบกว่าสายที่แต่เดิมควบคุมได้สมประสงค์ก็ถูกพลังของทะเลเพลิงบีบทำให้เชื่องช้าลง

ไม่ใช่แค่เขาการโจมตีของจอมมารคนอื่นๆ ก็ถูกทะเลเพลิงโผลงก็เกลื่อนกลาดมา ก็อานุภาพหนึ่งในสิบส่วน ไม่อาจสร้างความคุกคามอสูรมารได้อีก

หานลี่มีสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง แค่งอนิ้วสองสามนิ้ว กระบี่ลำแสงสิบกว่าสายและพลังปราณก็ปริแตก

เสียงระเบิด “ปังๆ” ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กระบี่ลำแสงเหล่านั้นระเบิดออกท่ามกลางทะเลเพลิง กลายเป็นลำแสงสีเขียวโจมตีเปลวเพลิงสีแดงในบริเวณรอบจนสลายหายไปส่วนหนึ่ง แต่ทันใดนั้นก็ถูกเปลวเพลิงสีแดงจำนวนมากกว่าเดิมกลืนกินไปจนเกลี้ยง

หานลี่ร่ายอาคมด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เปลวเพลิงเย็นเยียบห้าสีรอบเรือนร่างขยายออกไปบีบเปลวเพลิงรอบด้านไปกว่าครึ่ง หมายจะให้หลุดจากพันธนาการของทะเลเพลิง

และในยามนั้นนี้เองกลางเขตอาคมที่อยู่รอบๆ ทะเลสาบหินหลอมเหลวก็มีเสียงกรีดร้องอันน่าอนาถดังขึ้น แต่ทันใดนั้นก็หยุดลง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+