A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2071 ยับยั้ง

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2071 ยับยั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สหายลั่วไม่ต้องใจร้อน ในเมื่อพบเป้าหมายแล้ว ภารกิจย่อมสำเร็จ แต่หากจะลงมือในเมืองย่อมไม่สะดวก รอให้พวกเขาจากไป ค่อยลงมือก็ไม่สาย ช่วงเวลานี้จับตามองพวกเขาไปก่อนแล้วกัน” นักพรตวัยกลางคนกลับเอ่ยปากห้ามปราม จากนั้นก็ดีดนิ้วเล็กน้อย

เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น!

ลำแสงสีเขียวดีดออกมาจากปลายนิ้ว พลิ้วไหวแล้วสลายหายไปจากกลางอากาศ

“ได้ ฟังจากคำพูดของพี่เหลิ่ง ไม่รู้ว่าเป้าหมายในครั้งนี้มีพลังยุทธ์ระดับจอมมารจริงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ลองอิทธิฤทธิ์ใหม่ที่ข้าเพิ่งเรียนรู้มาได้พอดี” ชายร่างใหญ่ส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดออกมา นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งตามคำพูด

“สหายลั่วอย่าดูถูกเป้าหมายในครั้งนี้เลย ในเมื่อมีคนจ่ายค่าตอบแทนสูงเช่นนี้ เชิญให้อาวุโสตำหนักจอมอสูรอย่างพวกเราลงมือ เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายในครั้งนี้ไม่ธรรมดา อย่าประมาทจนหน้าเทา จะดูไม่ได้เอา” นักพรตวัยกลางคนเอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา

ชายร่างใหญ่ได้ยินคำนี้ก็หัวเราะหึๆ ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าไม่สนใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ฟังคำพูดของสหายร่วมวิถี

นักพรตวัยกลางคนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำได้เพียงหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วสั่นศีรษะ เลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่สำเภาเหาะสีดำบนจัตุรัสอีกครั้ง

เห็นเพียงสำเภาเหาะระเบิดลำแสงสีดำเจิดจ้าออกมา หลังจากรางเลือนแล้วก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

กลางอากาศต่ำๆ ที่เดิมมีบุรุษและสตรีปรากฏขึ้น ทั้งสองดูเหมือนจะเป็นบุรุษและสตรีที่อ่อนวัยมาก

นักพรตวัยกลางคนแววตาเปล่งประกายสีม่วง พิจารณาสองคนอย่างละเอียดสองสามแวบ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเผยสีหน้าลังเลออกมา

“น่าสนใจ สองคนนี้จงใจปิดบังพลังยุทธ์ คนหนึ่งไม่อาจมองระดับพลังยุทธ์ได้ คุ้มค่าให้พวกเราลงมือเองสักตั้ง!” ชายร่างใหญ่เองมองเห็นทั้งสองที่ลงมาจากสำเภาเหาะ ก็เอ่ยพึมพำอย่างประหลาดใจ สีหน้าผ่อนคลายหายวับไปในทันที

“สองคนนี้ไม่ธรรมดา ดูแล้วคงทำได้เพียงต้องใช้แผนสองแล้ว” นักพรตวัยกลางคนครุ่นคิดขณะเอ่ย

“สตรีผู้นั้นก็ช่างเถิด แม้ว่าจะใช้เคล็ดวิชาอำพรางพลังยุทธ์ แต่ในสายตาของเจ้ากับข้าก็ยังดูออกว่าเป็นแค่จอมมารธรรมดาๆ แต่บุรุษผู้นั้นกลับลึกล้ำยากจะคาดเดา ให้ข้าทดสอบพลังยุทธ์ที่แท้จริงของเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” ชายร่างใหญ่ติ้วหนากลอกตาไปมา ยังคงมีท่าทีคันไม้คันมือ

“อืม เช่นนั้นก็ดี สตรีผู้นั้นก็มอบให้ข้าก็แล้วกัน ทว่าระวังหน่อยนะ อย่าจุดไฟล่ะ” นักพรตวัยกลางคนเงียบขรึมไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะไม่คัดค้าน

ชายร่างใหญ่พยักหน้า ใบหน้าฉายแววโหดเหี้ยม

บุรุษและสตรีบนจัตุรัสคู่นั้นย่อมคือหานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกที่แยกกับพวกบรรพชนตระกูลหล่งที่ขอบของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว

ยามนี้หานลี่ดูเหมือนจะสัมผัสอันใดจึงกวาดตามองมาที่หอสุราแวบหนึ่ง และเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

ชั้นอื่นๆ ยังพอว่า สามารถมองเห็นมารสิบกว่าคนที่กำลังกินดื่มกันได้อย่างชัดเจน แต่ชั้นที่นักพรตชราและพวกทั้งสองอยู่นั้นกลับถูกวางเขตอาคมพิเศษเอาไว้ เนตรวิญญาณของหานลี่ไม่อาจแทรกเข้าไปได้

หานลี่แววตาเปล่งประกาย หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

“ทำไม พี่หานพบอันใดหรือ” หญิงสาวสวมชุดขนนกพบท่าทางผิดปกติของหานลี่ ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ดูเหมือนจะมีคนจับจ้องมองพวกเราอยู่ และยังมีพลังยุทธ์ไม่ต่ำต้อย” หานลี่ชักสายตากลับมาแล้วตอบกลับอย่างแช่มช้า

“อ๋อ หรือว่าในเมืองมีตัวตนระดับจอมมาร!” หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยินพลันตกตะลึง

นั่นก็ไม่แปลก จากขนาดของเมืองขนาดเล็ก โอกาสที่จอมมารเผ่ามารจะปรากฏตัวนั้นย่อมไม่สูงนัก

“ก็อาจจะกระมัง หากพุ่งเป้ามาที่พวกเราจริงๆ ย่อมหาร่องรอยได้” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าที่ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

“พี่หานกล่าวเช่นนี้ น้องรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยนัก หรือว่ามีคนจับตามองเราอยู่จริงๆ” หญิงสาวสวมชุดขนนกครุ่นคิดเล็กน้อย มองตามสายตาเมื่อครู่ของหานลี่ แล้วกวาดตามองหอสุราสองแวบ

รอจนนางพบว่าจิตสัมผัสถูกเขตอาคมในหอสุราขวางกั้นเอาไว้ แววตาก็เย็นชาขึ้นหลายส่วนเช่นกัน

“ช่างเถิด พุ่งเป้ามาที่พวกเราจริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่ รีบไปหาผลึกมารมรกตในเมืองเถิด แม้ว่าสำเภาเหาะจะรวดเร็ว แต่ก็ต้องใช้ผลึกศิลาชนิดนี้จำนวนมาก” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

“ก็ได้ รอให้รวบรวมผลึกศิลาครบแล้ว พวกเราก็จะไปจากที่นี่ทันที จะว่าไปแล้วก็น่าละอายใจน้องเองเพิ่งเคยใช้อาวุธมารชนิดนี้เป็นครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าจะต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมากขนาดนี้ มิน่าล่ะเผ่ามารที่เอามาขายให้ข้าถึงได้เสนอราคาไม่สูงนัก ที่แท้อาวุธมารนี่ก็ใช้ประโยชน์จริงมิค่อยได้!” หญิงสาวสวมชุดขนนกขมวดคิ้วดำขลับขณะตอบกลับ

หานลี่สั่นศีรษะไม่ได้เอ่ยอันใดอีก ในมือของเขาไม่มีอาวุธมารเหาะเหินที่เหมาะสมมากกว่าของหญิงสาว มิเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหยุดที่เมืองแห่งนี้

จากนี้หานลี่และพวกทั้งสองก็ไม่ได้ลังเลอันใดอีก พลางเดินไปที่ถนนที่เต็มไปย่านร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง

หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ทั้งสองก็ซื้อผลึกศิลามารมรกตในจำนวนที่เพียงพอมาจากร้านค้าที่ค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากออกจากประตูร้านทันใดนั้นก็ปล่อยสำเภาเหาะออกมา แล้วกระตุ้นมันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศทันที

ในเวลาเดียวกันภายในหอสุราที่ถูกอาคมต้องห้ามบดบังอยู่ โต๊ะที่อยู่ชิดริมหน้าต่าง จอกสุราสองจอกและไหสุรายังคงอยู่ แต่ชายร่างใหญ่และนักพรตที่นั่งอยู่แต่เดิมกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

……

สองสามชั่วยามต่อมาบนยอดเขาห่างจากเมืองไปล้านลี้ สำเภาเหาะสีดำหยุดลงลอยอยู่กลางอากาศ

ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ชายร่างใหญ่คิ้วหนาและนักพรตวัยกลางคนพลันเข้ามาขวางไว้ด้วยท่าทียิ่งใหญ่ คนหนึ่งเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา คนหนึ่งมีสีหน้าราบเรียบ

และส่วนหน้าของสำเภาเหาะสีดำความยาวสิบจั้งเศษ หานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกมาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ และกำลังพิจารณาเผ่ามารฝั่งตรงข้ามทั้งสองคนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ทั้งสองมาขวางทางมีเหตุใดอันหรือ” แววตาของหานลี่เปล่งประกายขณะชิงเอ่ยถามก่อน

“ไม่มีอันใด เราสองคนเห็นสหายไม่ธรรมดา จึงคันไม้คืนมืออยากประลองกับสหายทั้งสอง หวังว่าจะยอมชี้แนะ!” นักพรตวัยกลางคนเอ่ยสิ่งที่ทำให้ผู้คนหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ออกมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

“นายท่านมั่นใจหรือว่าไม่ได้พูดผิด ที่มาขวางเพราะแค่อยากมาประลองกับพวกเราหรือ” แววตาคู่งามของหญิงสาวสวมชุดขนนกเบิกตากลมโต ใบหน้างดงามเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา

“ไม่ผิด แม้ว่าท่านเซียนจะกดกลิ่นอายของตนเองเอาไว้ แต่ระดับเดิมก็น่าจะไม่ด้อยไปกว่าระดับหลอมสุญตาสินะ อาตมาโง่เขลา พัฒนาระดับขั้นจอมมารมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เราสองคนประลองกันไม่แน่ว่าอาจจะได้อันใดบ้าง ส่วนสหายที่อยู่ด้านข้างท่านเซียน สหายร่วมวิถีของข้าก็สนใจเขาพอดี” นักพรตวัยกลางคนตอบกลับอย่างเกียจคร้าน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมบอกเหตุผล ท่าทางอย่างไรก็ต้องสู้ หญิงสาวสวมชุดขนนกพลันมีสีหน้าเย็นชา และมองหานลี่แวบหนึ่งตามจิตสำนึก

“ผู้ที่จับตามองเราที่เมืองตั้งแต่แรกก็คือสหายทั้งสองสินะ” หานลี่เอ่ยถามอย่างราบเรียบ และขยับแขนข้างหนึ่ง ตะปบมือไปทางด้านล่างราวกับสายฟ้า จากนั้นก็กางนิ้วทั้งห้าออกเบื้องหน้า

กลางฝ่ามือมีแมลงวิญญาณสีเขียวขนาดเท่าเมล็ดถั่วปรากฏขึ้น ตัวกะพริบวาบๆ เผยรูปร่างกึ่งโปร่งแสงออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่แล้วเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นักพรตวัยกลางคนก็แววตาเปล่งประกาย แล้วหาววอดพลางเอ่ย

“ดูแล้วสหายผู้นี้คงมีอิทธิฤทธิ์จริงๆ สาเหตุที่นักพรตน้อยทำเช่นนี้ ก็เพราะกลัวว่าจะเสียสหายทั้งสองไปเท่านั้น”

“หึ นายท่านอาศัยแค่คำพูดไม่จริงใจ อยากให้เราสองคนลงมือกับเจ้า ไม่คิดว่าน่าขันหรือ” ใบหน้าของหานลี่ฉายแววโหดเหี้ยม ในมือมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ เปลวเพลิงสีแดงสดทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็เผาแมลงวิญญาณตัวนั้นจนเป็นจุณ

“เรื่องนี้เกรงว่าพวกเจ้าจะตัดสินใจไม่ได้” ชายร่างใหญ่คิ้วหน้าจ้องเขม็งไปที่หานลี่ ปากกลับเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างแปลกประหลาดออกมา

หญิงสาวสวมชุดขนนกหน้าเปลี่ยนสี แล้วเอ่ยอันใดด้วยเสียงไพเราะ แต่หานลี่กลับโบกมือหยุดคำพูดของหญิงสาวผู้นี้ กลับเอ่ยต่อด้วยความเย็นชา

“ลงมือประลองย่อมไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่หากพวกเจ้าแพ้ ก็บอกเหตุผลที่แท้จริงมา มิเช่นนั้นหากพวกเจ้าบีบให้เราสองคนลงมือ เช่นนั้นก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตายกันไปข้างหนึ่ง”

เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ไม่ใช่แค่นักพรตวัยกลางคนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ชายร่างใหญ่ที่ดูหยาบกระด้างก็หน้าเปลี่ยนสี

จากจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของหานลี่ เขาสองคนย่อมแยกแยะได้ว่าคำพูดเมื่อครู่เป็นความจริงหรือเท็จ

“ได้ หากสหายทั้งสองมีฝีมือเอาชนะพวกเรา อาตมาก็จะบอกเหตุผลที่แท้จริง!” นักพรตวัยกลางคนกลับตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากตอบรับทันที

“เยี่ยม เช่นนั้นข้าน้อยก็จะชี้แนะสหายทั้งสองสักหน่อย ท่านเซียนเยี่ยเจ้าช่วยข้าควบคุมเขตอาคมอยู่ด้านข้างก็แล้วกัน” หานลี่ได้ยินพลันมีสีหน้าผ่อนคลายลง แล้วหันหน้าไปเอ่ยกับหญิงสาวสวมชุดขนนก

“พี่หาน เจ้า…” หญิงสาวได้ยินพลันตกตะลึง คิดจะเอ่ยปากอันใดด้วยความประหลาดใจ แต่ยามนั้นในโสตประสาทกลับมีเสียงราบเรียบของหานลี่ดังขึ้น

“ท่านเซียนเยี่ยเคล็ดวิชาหลักที่เจ้าฝึกฝนไม่มีอิทธิฤทธิ์สายมาร สองคนนี้มีประวัติความเป็นมา อีกเดี๋ยวหากต้องลงมือ อาจจะเปิดฐานะของเจ้า สองคนนี้ให้จัดการเถิด”

“ได้ เช่นนั้นก็รบกวนพี่หานแล้ว!” หลังจากที่หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยิน ก็หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามคราสุดท้ายก็พยักหน้าอย่างลังเล และถอยหลังออกไปสองสามก้าว

ถึงอย่างไรเสียหานลี่ก็เคยมีประวัติการสังหารร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นยังเคยสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่น่าตกตะลึงมากในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว

นี่จึงทำให้หญิงสาวจากตระกูลเยี่ยมั่นใจในหานลี่เป็นอย่างมาก!

หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ สำแดงเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ออกมา ชั่วขณะนั้นไอมารบริสุทธิ์พลันทะลักออกมาจากปลายเท้า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเมฆสีดำกลุ่มหนึ่ง รองร่างของเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

ชายร่างใหญ่คิ้วหน้าเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะร่า ร่างกายกลายเป็นลำแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ชั่วพริบตาทั้งสองคนก็อยู่ห่างจากพื้นดินไปสองสามพันจั้ง และมองสบตาอีกฝ่ายอยู่ไกลๆ

หานลี่ใช้มือหนึ่งลูบท้ายทอย ชั่วพริบตาลำแสงสีทองก็สลายออก แล้วรวมตัวกันอีกครั้งกลายเป็นเทวรูปสีทองเรืองรอยสามเศียรหกกร สูงประมาณสิบจั้งเศษ ผิวมีลวดลายมารสีดำ เผยความโหดเหี้ยมออกมา

“เจ้าคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ให้สหายร่วมวิถีของเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถิด” หานลี่หรี่ตาลงพลางเอ่ยอย่างราบเรียบ แล้วกระตุ้นอาคมในใจ

ชั่วพริบตาไอมารในรัศมีวงกลมสองสามลี้ก็สั่นเทา!

เทวรูปสามเศียรหกกรโบกสะบัดมือไปกลางอากาศ เสียงระเบิดแหลมสูงจนเสียดแก้วหูดังขึ้น ในมือเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีสมบัติสีทองที่หนักอึ้งอย่าง ‘ค้อน’ ‘ไม้เท้า’ ‘เหล็กท่อน’ และอื่นๆ ปรากฏขึ้นหกชิ้น ในเวลาเดียวกันหว่างคิ้วของเศียรทั้งสามก็มีไอสีดำทะลักออกมา เผยหน้าตาของมารสีดำสนิทสามตนออกมา ด้านในพลันเปล่งแสงสีดำประหลาดๆ ดัง ‘สวบๆ’ ออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน 2071 ยับยั้ง

Now you are reading A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน Chapter 2071 ยับยั้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“สหายลั่วไม่ต้องใจร้อน ในเมื่อพบเป้าหมายแล้ว ภารกิจย่อมสำเร็จ แต่หากจะลงมือในเมืองย่อมไม่สะดวก รอให้พวกเขาจากไป ค่อยลงมือก็ไม่สาย ช่วงเวลานี้จับตามองพวกเขาไปก่อนแล้วกัน” นักพรตวัยกลางคนกลับเอ่ยปากห้ามปราม จากนั้นก็ดีดนิ้วเล็กน้อย

เสียง ‘สวบ’ ดังขึ้น!

ลำแสงสีเขียวดีดออกมาจากปลายนิ้ว พลิ้วไหวแล้วสลายหายไปจากกลางอากาศ

“ได้ ฟังจากคำพูดของพี่เหลิ่ง ไม่รู้ว่าเป้าหมายในครั้งนี้มีพลังยุทธ์ระดับจอมมารจริงหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นก็ลองอิทธิฤทธิ์ใหม่ที่ข้าเพิ่งเรียนรู้มาได้พอดี” ชายร่างใหญ่ส่งเสียงหัวเราะแปลกประหลาดออกมา นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งตามคำพูด

“สหายลั่วอย่าดูถูกเป้าหมายในครั้งนี้เลย ในเมื่อมีคนจ่ายค่าตอบแทนสูงเช่นนี้ เชิญให้อาวุโสตำหนักจอมอสูรอย่างพวกเราลงมือ เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายในครั้งนี้ไม่ธรรมดา อย่าประมาทจนหน้าเทา จะดูไม่ได้เอา” นักพรตวัยกลางคนเอ่ยพร้อมกับหัวเราะน้อยๆ ออกมา

ชายร่างใหญ่ได้ยินคำนี้ก็หัวเราะหึๆ ออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยสีหน้าไม่สนใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ฟังคำพูดของสหายร่วมวิถี

นักพรตวัยกลางคนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ก็ทำได้เพียงหัวเราะอย่างขมขื่นแล้วสั่นศีรษะ เลื่อนสายตาไปหยุดอยู่ที่สำเภาเหาะสีดำบนจัตุรัสอีกครั้ง

เห็นเพียงสำเภาเหาะระเบิดลำแสงสีดำเจิดจ้าออกมา หลังจากรางเลือนแล้วก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

กลางอากาศต่ำๆ ที่เดิมมีบุรุษและสตรีปรากฏขึ้น ทั้งสองดูเหมือนจะเป็นบุรุษและสตรีที่อ่อนวัยมาก

นักพรตวัยกลางคนแววตาเปล่งประกายสีม่วง พิจารณาสองคนอย่างละเอียดสองสามแวบ ขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วเผยสีหน้าลังเลออกมา

“น่าสนใจ สองคนนี้จงใจปิดบังพลังยุทธ์ คนหนึ่งไม่อาจมองระดับพลังยุทธ์ได้ คุ้มค่าให้พวกเราลงมือเองสักตั้ง!” ชายร่างใหญ่เองมองเห็นทั้งสองที่ลงมาจากสำเภาเหาะ ก็เอ่ยพึมพำอย่างประหลาดใจ สีหน้าผ่อนคลายหายวับไปในทันที

“สองคนนี้ไม่ธรรมดา ดูแล้วคงทำได้เพียงต้องใช้แผนสองแล้ว” นักพรตวัยกลางคนครุ่นคิดขณะเอ่ย

“สตรีผู้นั้นก็ช่างเถิด แม้ว่าจะใช้เคล็ดวิชาอำพรางพลังยุทธ์ แต่ในสายตาของเจ้ากับข้าก็ยังดูออกว่าเป็นแค่จอมมารธรรมดาๆ แต่บุรุษผู้นั้นกลับลึกล้ำยากจะคาดเดา ให้ข้าทดสอบพลังยุทธ์ที่แท้จริงของเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” ชายร่างใหญ่ติ้วหนากลอกตาไปมา ยังคงมีท่าทีคันไม้คันมือ

“อืม เช่นนั้นก็ดี สตรีผู้นั้นก็มอบให้ข้าก็แล้วกัน ทว่าระวังหน่อยนะ อย่าจุดไฟล่ะ” นักพรตวัยกลางคนเงียบขรึมไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าจะไม่คัดค้าน

ชายร่างใหญ่พยักหน้า ใบหน้าฉายแววโหดเหี้ยม

บุรุษและสตรีบนจัตุรัสคู่นั้นย่อมคือหานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกที่แยกกับพวกบรรพชนตระกูลหล่งที่ขอบของทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว

ยามนี้หานลี่ดูเหมือนจะสัมผัสอันใดจึงกวาดตามองมาที่หอสุราแวบหนึ่ง และเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา

ชั้นอื่นๆ ยังพอว่า สามารถมองเห็นมารสิบกว่าคนที่กำลังกินดื่มกันได้อย่างชัดเจน แต่ชั้นที่นักพรตชราและพวกทั้งสองอยู่นั้นกลับถูกวางเขตอาคมพิเศษเอาไว้ เนตรวิญญาณของหานลี่ไม่อาจแทรกเข้าไปได้

หานลี่แววตาเปล่งประกาย หน้าเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย

“ทำไม พี่หานพบอันใดหรือ” หญิงสาวสวมชุดขนนกพบท่าทางผิดปกติของหานลี่ ก็เอ่ยถามอย่างแปลกใจ

“ดูเหมือนจะมีคนจับจ้องมองพวกเราอยู่ และยังมีพลังยุทธ์ไม่ต่ำต้อย” หานลี่ชักสายตากลับมาแล้วตอบกลับอย่างแช่มช้า

“อ๋อ หรือว่าในเมืองมีตัวตนระดับจอมมาร!” หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยินพลันตกตะลึง

นั่นก็ไม่แปลก จากขนาดของเมืองขนาดเล็ก โอกาสที่จอมมารเผ่ามารจะปรากฏตัวนั้นย่อมไม่สูงนัก

“ก็อาจจะกระมัง หากพุ่งเป้ามาที่พวกเราจริงๆ ย่อมหาร่องรอยได้” หานลี่ตอบกลับด้วยสีหน้าที่ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ

“พี่หานกล่าวเช่นนี้ น้องรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัยนัก หรือว่ามีคนจับตามองเราอยู่จริงๆ” หญิงสาวสวมชุดขนนกครุ่นคิดเล็กน้อย มองตามสายตาเมื่อครู่ของหานลี่ แล้วกวาดตามองหอสุราสองแวบ

รอจนนางพบว่าจิตสัมผัสถูกเขตอาคมในหอสุราขวางกั้นเอาไว้ แววตาก็เย็นชาขึ้นหลายส่วนเช่นกัน

“ช่างเถิด พุ่งเป้ามาที่พวกเราจริงหรือไม่ก็ยังไม่แน่ รีบไปหาผลึกมารมรกตในเมืองเถิด แม้ว่าสำเภาเหาะจะรวดเร็ว แต่ก็ต้องใช้ผลึกศิลาชนิดนี้จำนวนมาก” หานลี่เอ่ยอย่างราบเรียบ

“ก็ได้ รอให้รวบรวมผลึกศิลาครบแล้ว พวกเราก็จะไปจากที่นี่ทันที จะว่าไปแล้วก็น่าละอายใจน้องเองเพิ่งเคยใช้อาวุธมารชนิดนี้เป็นครั้งแรก คิดไม่ถึงว่าจะต้องใช้วัตถุดิบจำนวนมากขนาดนี้ มิน่าล่ะเผ่ามารที่เอามาขายให้ข้าถึงได้เสนอราคาไม่สูงนัก ที่แท้อาวุธมารนี่ก็ใช้ประโยชน์จริงมิค่อยได้!” หญิงสาวสวมชุดขนนกขมวดคิ้วดำขลับขณะตอบกลับ

หานลี่สั่นศีรษะไม่ได้เอ่ยอันใดอีก ในมือของเขาไม่มีอาวุธมารเหาะเหินที่เหมาะสมมากกว่าของหญิงสาว มิเช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องหยุดที่เมืองแห่งนี้

จากนี้หานลี่และพวกทั้งสองก็ไม่ได้ลังเลอันใดอีก พลางเดินไปที่ถนนที่เต็มไปย่านร้านค้าในบริเวณใกล้เคียง

หลังจากผ่านไปเป็นเวลาหนึ่งมื้ออาหาร ทั้งสองก็ซื้อผลึกศิลามารมรกตในจำนวนที่เพียงพอมาจากร้านค้าที่ค่อนข้างใหญ่แห่งหนึ่ง หลังจากออกจากประตูร้านทันใดนั้นก็ปล่อยสำเภาเหาะออกมา แล้วกระตุ้นมันพวยพุ่งขึ้นไปกลางอากาศทันที

ในเวลาเดียวกันภายในหอสุราที่ถูกอาคมต้องห้ามบดบังอยู่ โต๊ะที่อยู่ชิดริมหน้าต่าง จอกสุราสองจอกและไหสุรายังคงอยู่ แต่ชายร่างใหญ่และนักพรตที่นั่งอยู่แต่เดิมกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเสียแล้ว

……

สองสามชั่วยามต่อมาบนยอดเขาห่างจากเมืองไปล้านลี้ สำเภาเหาะสีดำหยุดลงลอยอยู่กลางอากาศ

ห่างออกไปยี่สิบสามสิบจั้ง ชายร่างใหญ่คิ้วหนาและนักพรตวัยกลางคนพลันเข้ามาขวางไว้ด้วยท่าทียิ่งใหญ่ คนหนึ่งเผยสีหน้าตื่นเต้นออกมา คนหนึ่งมีสีหน้าราบเรียบ

และส่วนหน้าของสำเภาเหาะสีดำความยาวสิบจั้งเศษ หานลี่และหญิงสาวสวมชุดขนนกมาปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ และกำลังพิจารณาเผ่ามารฝั่งตรงข้ามทั้งสองคนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

“ทั้งสองมาขวางทางมีเหตุใดอันหรือ” แววตาของหานลี่เปล่งประกายขณะชิงเอ่ยถามก่อน

“ไม่มีอันใด เราสองคนเห็นสหายไม่ธรรมดา จึงคันไม้คืนมืออยากประลองกับสหายทั้งสอง หวังว่าจะยอมชี้แนะ!” นักพรตวัยกลางคนเอ่ยสิ่งที่ทำให้ผู้คนหัวเราะก็ไม่ออกร้องไห้ก็ไม่ได้ออกมาด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง

“นายท่านมั่นใจหรือว่าไม่ได้พูดผิด ที่มาขวางเพราะแค่อยากมาประลองกับพวกเราหรือ” แววตาคู่งามของหญิงสาวสวมชุดขนนกเบิกตากลมโต ใบหน้างดงามเผยสีหน้าโกรธเกรี้ยวออกมา

“ไม่ผิด แม้ว่าท่านเซียนจะกดกลิ่นอายของตนเองเอาไว้ แต่ระดับเดิมก็น่าจะไม่ด้อยไปกว่าระดับหลอมสุญตาสินะ อาตมาโง่เขลา พัฒนาระดับขั้นจอมมารมาได้ระยะหนึ่งแล้ว เราสองคนประลองกันไม่แน่ว่าอาจจะได้อันใดบ้าง ส่วนสหายที่อยู่ด้านข้างท่านเซียน สหายร่วมวิถีของข้าก็สนใจเขาพอดี” นักพรตวัยกลางคนตอบกลับอย่างเกียจคร้าน

เมื่อเห็นอีกฝ่ายปฏิเสธไม่ยอมบอกเหตุผล ท่าทางอย่างไรก็ต้องสู้ หญิงสาวสวมชุดขนนกพลันมีสีหน้าเย็นชา และมองหานลี่แวบหนึ่งตามจิตสำนึก

“ผู้ที่จับตามองเราที่เมืองตั้งแต่แรกก็คือสหายทั้งสองสินะ” หานลี่เอ่ยถามอย่างราบเรียบ และขยับแขนข้างหนึ่ง ตะปบมือไปทางด้านล่างราวกับสายฟ้า จากนั้นก็กางนิ้วทั้งห้าออกเบื้องหน้า

กลางฝ่ามือมีแมลงวิญญาณสีเขียวขนาดเท่าเมล็ดถั่วปรากฏขึ้น ตัวกะพริบวาบๆ เผยรูปร่างกึ่งโปร่งแสงออกมา

เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่แล้วเห็นสถานการณ์เช่นนี้ นักพรตวัยกลางคนก็แววตาเปล่งประกาย แล้วหาววอดพลางเอ่ย

“ดูแล้วสหายผู้นี้คงมีอิทธิฤทธิ์จริงๆ สาเหตุที่นักพรตน้อยทำเช่นนี้ ก็เพราะกลัวว่าจะเสียสหายทั้งสองไปเท่านั้น”

“หึ นายท่านอาศัยแค่คำพูดไม่จริงใจ อยากให้เราสองคนลงมือกับเจ้า ไม่คิดว่าน่าขันหรือ” ใบหน้าของหานลี่ฉายแววโหดเหี้ยม ในมือมีลำแสงสีแดงสว่างวาบ เปลวเพลิงสีแดงสดทะลักออกมา ชั่วพริบตาก็เผาแมลงวิญญาณตัวนั้นจนเป็นจุณ

“เรื่องนี้เกรงว่าพวกเจ้าจะตัดสินใจไม่ได้” ชายร่างใหญ่คิ้วหน้าจ้องเขม็งไปที่หานลี่ ปากกลับเอ่ยพร้อมกับหัวเราะอย่างแปลกประหลาดออกมา

หญิงสาวสวมชุดขนนกหน้าเปลี่ยนสี แล้วเอ่ยอันใดด้วยเสียงไพเราะ แต่หานลี่กลับโบกมือหยุดคำพูดของหญิงสาวผู้นี้ กลับเอ่ยต่อด้วยความเย็นชา

“ลงมือประลองย่อมไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่หากพวกเจ้าแพ้ ก็บอกเหตุผลที่แท้จริงมา มิเช่นนั้นหากพวกเจ้าบีบให้เราสองคนลงมือ เช่นนั้นก็ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตายกันไปข้างหนึ่ง”

เมื่อได้ยินคำพูดของหานลี่ ไม่ใช่แค่นักพรตวัยกลางคนที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ชายร่างใหญ่ที่ดูหยาบกระด้างก็หน้าเปลี่ยนสี

จากจิตสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างของหานลี่ เขาสองคนย่อมแยกแยะได้ว่าคำพูดเมื่อครู่เป็นความจริงหรือเท็จ

“ได้ หากสหายทั้งสองมีฝีมือเอาชนะพวกเรา อาตมาก็จะบอกเหตุผลที่แท้จริง!” นักพรตวัยกลางคนกลับตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ยปากตอบรับทันที

“เยี่ยม เช่นนั้นข้าน้อยก็จะชี้แนะสหายทั้งสองสักหน่อย ท่านเซียนเยี่ยเจ้าช่วยข้าควบคุมเขตอาคมอยู่ด้านข้างก็แล้วกัน” หานลี่ได้ยินพลันมีสีหน้าผ่อนคลายลง แล้วหันหน้าไปเอ่ยกับหญิงสาวสวมชุดขนนก

“พี่หาน เจ้า…” หญิงสาวได้ยินพลันตกตะลึง คิดจะเอ่ยปากอันใดด้วยความประหลาดใจ แต่ยามนั้นในโสตประสาทกลับมีเสียงราบเรียบของหานลี่ดังขึ้น

“ท่านเซียนเยี่ยเคล็ดวิชาหลักที่เจ้าฝึกฝนไม่มีอิทธิฤทธิ์สายมาร สองคนนี้มีประวัติความเป็นมา อีกเดี๋ยวหากต้องลงมือ อาจจะเปิดฐานะของเจ้า สองคนนี้ให้จัดการเถิด”

“ได้ เช่นนั้นก็รบกวนพี่หานแล้ว!” หลังจากที่หญิงสาวสวมชุดขนนกได้ยิน ก็หน้าเปลี่ยนสีไปสองสามคราสุดท้ายก็พยักหน้าอย่างลังเล และถอยหลังออกไปสองสามก้าว

ถึงอย่างไรเสียหานลี่ก็เคยมีประวัติการสังหารร่างแยกบรรพชนศักดิ์สิทธิ์ และยิ่งไปกว่านั้นยังเคยสำแดงอิทธิฤทธิ์ที่น่าตกตะลึงมากในทะเลทรายฮ่วนเซี่ยว

นี่จึงทำให้หญิงสาวจากตระกูลเยี่ยมั่นใจในหานลี่เป็นอย่างมาก!

หานลี่พ่นลมหายใจออกมาเบาๆ สำแดงเคล็ดวิชาพราหมณ์ศักดิ์สิทธิ์มารเที่ยงแท้ออกมา ชั่วขณะนั้นไอมารบริสุทธิ์พลันทะลักออกมาจากปลายเท้า คาดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นเมฆสีดำกลุ่มหนึ่ง รองร่างของเขาลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

ชายร่างใหญ่คิ้วหน้าเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะร่า ร่างกายกลายเป็นลำแสงสีเหลืองกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า

ชั่วพริบตาทั้งสองคนก็อยู่ห่างจากพื้นดินไปสองสามพันจั้ง และมองสบตาอีกฝ่ายอยู่ไกลๆ

หานลี่ใช้มือหนึ่งลูบท้ายทอย ชั่วพริบตาลำแสงสีทองก็สลายออก แล้วรวมตัวกันอีกครั้งกลายเป็นเทวรูปสีทองเรืองรอยสามเศียรหกกร สูงประมาณสิบจั้งเศษ ผิวมีลวดลายมารสีดำ เผยความโหดเหี้ยมออกมา

“เจ้าคนเดียวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า ให้สหายร่วมวิถีของเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถิด” หานลี่หรี่ตาลงพลางเอ่ยอย่างราบเรียบ แล้วกระตุ้นอาคมในใจ

ชั่วพริบตาไอมารในรัศมีวงกลมสองสามลี้ก็สั่นเทา!

เทวรูปสามเศียรหกกรโบกสะบัดมือไปกลางอากาศ เสียงระเบิดแหลมสูงจนเสียดแก้วหูดังขึ้น ในมือเปล่งแสงสีทองสว่างวาบ คาดไม่ถึงว่าจะมีสมบัติสีทองที่หนักอึ้งอย่าง ‘ค้อน’ ‘ไม้เท้า’ ‘เหล็กท่อน’ และอื่นๆ ปรากฏขึ้นหกชิ้น ในเวลาเดียวกันหว่างคิ้วของเศียรทั้งสามก็มีไอสีดำทะลักออกมา เผยหน้าตาของมารสีดำสนิทสามตนออกมา ด้านในพลันเปล่งแสงสีดำประหลาดๆ ดัง ‘สวบๆ’ ออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+