Alchemy Emperor of the Divine Dao 1099

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1099 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่มันไม่ใช่แค่คนกลุ่มสองเท่านั้นที่ลดลง คนกลุ่มสามเองก็ลดลงเช่นเดียวกัน

หลิงฮันเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่

นี่ทำให้ทุกคนรู้สึกตลก เขาเป็นตัวซวยหรือไม่? ถ้าเขาอยู่กลุ่มไหนคนกลุ่มนั้นก็จะหายไป?

ไม่ ไม่ ไม่ เขาแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก คนอื่นไม่สามารถยืนหยัดได้ แต่เขาสามารถทำได้

ในตอนแรกเหลือคนมากกว่าหนึ่งร้อยคน แต่จำนวนคนที่เหลือรอดก็ลงลงอย่างรวดเร็วจนน้อยกว่าห้าสิบคน และมีแนวโน้มสูงมากว่าจะลดลงไปอีก

อัจฉริยะทั้งสี่คนที่นำอยู่ในกลุ่มแรกเริ่มนำอาวุธออกมาใช้ นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่กล้าต่อสู้กับรูปปั้นหินด้วยมือเปล่าอีกต่อไป มิฉะนั้นอาจเป็นพวกเขาที่ถูกกำจัด และนั่นจะนำความอับอายมาให้

เจ็บ!

หลิงฮันพูดในใจ ก่อนหน้านี้รูปปั้นหินโจมตีเขา ทำให้เขารู้สึกเจ็บเล็กน้อย แต่ตอนนี้เขาเริ่มเจ็บปวดมาก เหมือนกับเด็กที่ถูกผู้ใหญ่ตี

แต่โชคดีที่ความเจ็บปวดและบาดแผลนั้นแตกต่างกัน และเขายังคงไร้ซึ่งความหวาดกลัว

แต่นี่เป็นเพียงแค่ด่านที่สี่ หากเป็นด่านที่ห้า หลิงฮันจะต้องรู้สึกกดดันอย่างแน่อน และการโจมตีของรูปปั้นหินก็จะเป็นภัยคุกคามให้กับเขาหรืออย่างน้อยมันก็สามารถทำให้เขาได้รับบาดเจ็บได้

มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมาก ทั้งที่้รูปปั้นหินพวกนี้มีพลังระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นเท่านั้น

คนที่ยังยืนหยัดไว้อยู่ความเร็วของพวกเขาเริ่มลดลง มีแค่หลิงฮันเท่านั้นที่ความเร็วยังเท่าเดิม เขาดูนิ่งมาก กลุ่มที่สามในตอนนี้เหลือแค่เขาคนเดียว และเริ่มเข้าใกล้กลุ่มที่สองขึ้นเรื่อยๆ และกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มสอง

จนถึงตอนนี้เหลือแค่สองกลุ่มเท่านั้น

ด่านที่ห้า!

อักขระศักดิ์สิทธิ์บนหมัดของรูปปั้นหินกลายเป็นสี่แถว และผู้คนที่อยู่กลุ่มที่สองมากกว่าสิบคนถูกโจมตีถึงขั้นกระอักโลหิต

โชคดีผู้ที่มาถึงจุดนี้ได้ต่างก็เป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ พวกเขาทุกคนมีวิธีการรักษาชีวิตของตัวเอง แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่มีใครถูกฆ่าตาย

หลิงฮันเองก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันเช่นเดียวกัน เมื่อหมัดของพวกมันต่อยมาที่ร่างกายของเขา ราวกับว่ากายหยาบของเขาไม่สามารถต้านทานได้และเริ่มมีโลหิตไหลออกมา

มันเจ็บปวดมาก!

หลิงฮันไม่ออมมืออีกต่อไป และเริ่มใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเพื่อทำลายรูปปั้นหินในระยะไกล และใช้ทักษะบัญญัติดาบเร็วทำลายรูปปั้นหินบริเวณใกล้เคียง

ท้ายที่สุดมีเพียงแค่ความแข็งแกร่งของรูปปั้่นหินเท่านั้นที่เพิ่มขึ้น แต่พลังป้องกันของพวกมันยังคงเท่าเดิม

ภายใต้การโจมตีที่รุนแรง ความเร็วของเขาเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรก

เขาแซงหน้าคนที่อยู่กลุ่มสอง และเกาะกลุ่มคนที่อยู่กลุ่มหนึ่ง

ชายหนุ่มที่ใช้หอกและคนอื่นๆออกจากค่ายอาคมรูปปั้นหินนานแล้ว พวกเขามองดูหลิงฮันด้วยใบหน้าที่กระตุกไม่หยุด

พรสวรรค์ของเขานี่ไม่ธรรมดา!

เมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนที่ห้าเข้ามาใกล้ เซี่ยอู๋เฉียนและอีกสามคนก็หันหลังกลับไปมองด้วยความแปลกใจ

พวกเขาคิดว่ามีเพียงแค่คนในกลุ่มหนึ่งสามคนเท่านั้นที่เป็นคู่แข่ง คนที่อยู่กลุ่มสองไม่เคยอยู่ในสายตาของพวกเขาเลย

คนจากกลุ่มสองเริ่มตามพวกเขาทัน?

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ประเด็นหลักคืออีกฝ่ายเป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นต้นเท่านั้น

ถ้าพวกเขาถูกตามทันจริง มันจะเป็นเช่นไร!

เซี่ยอู๋เฉียนไม่ต้องพูดถึง ใบหน้าของเขากลายเป็นสีเขียวเรียบร้อยแล้ว เขาไม่เคยเห็นหลิงฮันอยู่ในสายตามาก่อน แต่ตอนนี้หลิงฮันกำลังตามเขาทัน มันเหมือนกับว่าเขาถูกตบหน้า!

เขาคิดว่าตัวเองเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ เขาเป็นคนเดียวที่สามารถฉีกหน้าคนอื่นได้ แต่นี่เขากลับถูกฝ่ายตรงข้ามตบหน้างั้นรึ?

เขากัดฟันแน่นและเร่งความเร็ว

นี่ทำให้ร่างกายของเขาต้องแบกรับภาระมากยิ่งขึ้น

ถ้านี่คือด่านที่สิบ เขาคงระเบิดพลังทั้งหมดออกมาและผ่านไปในทีเดียว แต่นี่เป็นแค่ด่านที่ห้าเท่านั้น ถ้าเขาระเบิดพลังทั้งหมดออกมาตั้งแต่ตอนนี้ มันจะทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอในตอนท้ายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และคงเป็นเรื่องยากที่จะบอกว่าเขาจะสามารถออกไปจากค่ายอาคมรูปปั้นหินนี้ได้หรือไม่

แต่เขาจะไม่ยอมทนให้หลิงฮันตามทัน เขารู้ว่าสุ่ยเยี่ยนยวี่จะต้องจับตาดูอยู่แน่นอน แล้วเขาจะทำให้ตัวเองเสียหน้าต่อหน้าสุ่ยเยี่ยนยวี่ได้อย่างไร?

แสงสีทองเริ่มกระจายออกมาจากร่างกายของเขา และแขนของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยแสงสีทอง ราวกับสร้างขึ้นมาจากแร่เหล็กศักดิ์สิทธิ์ และการโจมตีของรูปปั้นหินก็ไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆให้กับเขาได้อีกต่อไป

สถานะดังกล่าวไม่สามารถคงอยู่ได้ตลอดไป ดังนั้นเซี่ยอู่เฉียนจึงรีบเร่งความเร็วขึ้นเพื่อทิ้งระยะห่างจากหลิงฮันให้ได้มากที่สุด แม้จะออกจากสถานะดังกล่าว เขาก็ยังพอมีเวลาฟื้นฟูพลังอยู่บ้าง

“เจ้าโง่!” หลิงฮันพูดในใจ ตอนนี้อีกฝ่ายคงคิดว่าเขาเป็นศัตรูที่ไม่อาจยอมเสียหน้าได้ แต่หลิงฮันก็ไม่ได้สนใจอะไร

ถ้าอีกฝ่ายไม่สามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้ก็จะไม่มีทางได้เป็นอัจฉริยะระดับสิบดาว แล้วเขาจะมองอีกฝ่ายเป็นคู่แข่งได้อย่างไร?

แม้ว่าหลิงฮันเองก็ยังไม่สามารถทำได้ แต่เขาเชื่อว่าจะต้องทำได้อย่างแน่นอน

เขาพอมีความเข้าใจค่ายอาคมรูปปั้นหินอยู่บ้าง ค่ายอาคมนี้น่าจะเตรียมไว้สำหรับอัจฉริยะสิบดาว หลังจากที่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสมบูรณ์แบบ พลังต่อสู้แต่ละดาวจะสามารถผ่านได้หนึ่งด่าน และถ้ามีพลังต่อสู้สิบดาวก็จะผ่านได้สิบด่าน

ดังนั้นจะไม่มีใครที่จะผ่านการทดสอบนี้ไปได้ – ยกเว้นเขา

แต่แน่นอนว่าเขายังไม่ใช่อัจฉริยะระดับสิบดาว และยังห่างจากระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นปลายอีกด้วย แต่เขามีกายหยาบที่แข็งแกร่งและยืดหยุ่นมิใช่หรือ?

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่จะผ่าน!

แล้วหลิงฮันยังสงสัยว่าจะได้รับรางวัลตอบแทนอะไร หากผ่านค่ายอาคมรูปปั้นหินนี้ไปได้

ด่านที่หก!

เมื่อมาถึงจุดนี้ไม่มีการแบ่งกลุ่มอีกต่อไป เพราะคนที่เหลือรอดอยู่นั้นมีเพียงแค่ห้าคนเท่านั้น

อัจฉริยะห้าคนที่เหลือรอดอยู่คือ หลิงฮัน เซี่ยอู๋เฉียน เส้าซือซือ ซูจิง และตูอัน

ใครจะถอนตัวคนแรก? ใครจะเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย? แล้วใครจะถูกรูปปั้นหินฆ่า?

ผู้คนที่เฝ้าดูจากด้านนอกเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ทั้งที่พวกเขาจะออกไปสำรวจที่อื่นต่อก็ได้ แต่ไม่มีพวกเขาคนใดที่ออกไปจากที่นี่ เพราะพวกเขาต้องการเป็นสักขีพยานจนถึงช่วงเวลาสุดท้าย

แรงกดดันของด่านที่หกเหมือนกับถูกภูเขากดทับ!

หลิงฮันยังรู้สึกกดดัน ดังนั้นสี่คนที่เหลือไม่จำเป็นต้องพูดถึง สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มให้เห็นความตึงเครียดที่เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม พวกเขาทั้งสี่คนมีข้อได้เปรียบของระดับพลังและพลังต่อสู้ที่เหนือกว่าหลิงฮัน ดังนั้นแม้จะไม่ได้มีพลังป้องกันที่ดีเหมือนกับหลิงฮัน แต่พวกเขาก็ชดเชยได้ด้วยการโจมตีที่ทรงพลังและไม่ปล่อยโอกาสให้รูปปั้นหินเข้าถึงตัว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด