Alchemy Emperor of the Divine Dao 1151

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1151 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อู๋เจ๋อปล่อยฝ่ามือออกไปอย่างรุนแรงราวกับท้องฟ้าแหลกสลายดวงดาวร่วงหล่น

ปัง!

ร่างของซูจิงลอยกระเด็นทันที แม้เขาจะถูกชื่นชมว่าเป็นราชาในหมู่รุ่นเยาว์ทำให้เขามีท่าทีเหยียดหยามต่อผู้อื่น เขาแม้กระทั่งเคยโค่นล้มจอมยุทธหัวกะทิระดับภูผาวารีที่อาวุโสกว่า แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าราชาที่แท้จริง เขากลับทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้

ซึ่งนั่นก็เพราะอู๋เจ๋อสร้างภูผาวารีสายที่ห้าสำเร็จ พลังของเขาแข็งแกร่งมาก

แต่ก็ใช่ว่าซูจิงจะไม่มีโอกาสก้าวข้ามหรือตามคู่ต่อสู้ได้ทัน ตราบใดที่เขาสามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าสำเร็จเหมือนกัน ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ แต่ก่อนหน้านั้นหนทางตอนนี้ของเขาคือแค่ยอมรับความพ่ายแพ้อย่างเดียว

“ศิษย์พี่อู๋ ข้าต้องการคำชี้แนะเช่นกัน” เส้าซือซือเดินเข้ามายังลานประลอง

ใบหน้าของหลิงฮันกลายเป็นมืดมน ทำไมทุกคนต้องมาแย่งเขาสู้กับหมอนั่นด้วย?

‘เอาเถอะ เชิญพวกเจ้าก่อน’

เมื่อไม่มีใครท้าทายอู๋เจ๋อแล้วเขาค่อยลงมือ

อู๋เจ๋อมองไปยังเส้าซือซือ แววตาของเขาชะงักไปเล็กน้อย

สาวงามถือว่าเป็นของล้ำค่า แต่พวกนางส่วนใหญ่เป็นเพียงจอมยุทธธรรมดาเนื่องจากระดับพลังของพระเจ้านั้นกว้างใหญ่เกินไป มีเพียงจอมยุทธสาวงามไม่กี่คนที่จะสามารถพบเจอได้บ้างครั้งคราว เพียงแต่ว่า จอมยุทธสตรีที่ทั้งงดงาม มีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ และมีพื้นเพที่ทรงอำนาจนั้น เป็นสิ่งที่โลกวรยุทธขาดแคลนอย่างแท้จริง

“เชิญศิษย์น้องได้เลย!” น้ำเสียงของอู๋เจ๋อเปลี่ยนเป็นนุ่มนวลแสดงออกถึงความเป็นศิษย์พี่ทีอ่อนโยน

เหอเต๋ายิ้มอย่าเยือกเย็น เขารู้นิสัยที่แท้จริงของอู๋เจ๋อดี เพียงแต่ว่าเขาไม่คิดว่าเส้าซือซือจะหลงกลเพียงเพราะคำพูดไม่กี่คนของอีกฝ่าย สตรีที่ถูกฟูมฟักโดยตระกูลที่ทรงอำนาจจะถูกหลอกล่อให้รักได้ง่ายๆ?

“ศิษย์พี่ได้โปรดอย่าเข้มงวดกับข้าเกินไป!” เส้าซือซือโค้งอย่างงดงาม คำพูดและการกระทำเช่นนี้ของนางไม่เพียงแต่จะไม่ทำให้ศัตรูเหยียดหยาม แต่ยังทำให้ศัตรูอ่อนโยนลงด้วย

สีหน้าของอู๋เจ๋อเริ่มคล้อยตาม รอยยิ้มของเขากว้างขึ้นพร้อมกับกล่าว “เชิญศิษย์น้องลงมือ”

เส้าซือซือสะบัดมือนำหอกที่ยาวถึงเก้าเมตรออกมา เมื่อนางกวัดแกว่งมันความงดงามของนางก็ถูกทำให้น่าเกรงขามยิ่งขึ้น แม้แต่จิตใจของจอมยุทธอย่างอู๋เจ๋อก็ยังสั่นไหว

“ลุย!” เส้าซือซือควงหอกบุกโจมตีใส่อู๋เจ๋อ ตัวหอกปลดปล่อยสายฟ้าออกมาทำให้หอกดูราวกับเป็นมังกรอัสนี พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก

“หืม?” อู๋เจ๋อชะงักเล็กน้อย ความสามารถของนางไม่อาจดูแคลนได้เลย

ปลายหอกทะลวงเข้าหาตัวเขา เส้นสายฟ้าถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวหอกทีละเส้นทีละเส้นจนก่อตัวกันเป็นอสรพิษนับไม่ถ้วนที่พุ่งเข้าใส่อู๋เจ๋อ

“น่าสนใจไม่น้อย” อู๋เจ๋อแสดงความคิดเห็นและยิ้ม

ถ้าเขาไม่ได้สร้างภูผาวารีสายที่ห้าเขาคงหวั่นเกรงต่อการโจมตีตรงหน้าไม่น้อย สตรีงดงามผู้นี้จะกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกับเขาแน่นอน เพียงแต่ว่าความสามารถของเขาในตอนนี้เหนือกว่านางหลายขุม

จอมยุทธที่ไม่ได้สร้างภูผาวารีสายที่ห้าไม่มีทางเข้าใจแน่ว่าขั้นสมบูรณ์นี้ทรงพลังขนาดไหน!

เขาเพียงแค่พลักฝ่ามือขวาไปด้านหน้า ‘พรึบ’ ปราณรูปร่างมือสีฟ้าเข้มปรากฏขึ้นมาและคว้าไปยังหอก ออร่าของอู๋เจ๋อปะทุออกมากลบออร่าของเส้าซือซือในทันที

เมื่อเส้าซือซือใช้กระบวนท่าหอกเมื่อครู่ ใครบ้างจะกล้าดูถูกสตรีผู้นี้? แต่ถึงอย่างนั้นเพียงแค่อู๋เจ๋อลงมือนิดหน่อย ออร่าของเขาก็สยบเส้าซือซือได้แล้ว

ความต่างของทั้งคู๋ไม่ใช่แค่เล็กน้อยแน่นอน

ตูม!

ฝ่ามือขนาดใหญ่ร่วงลงมาขวางปลายหอกเอาไว้ทันที ด้ามของหอกโค้งงอราวกับว่ามันไม่สามารถต้านทานคลื่นสะท้อนที่รุนแรงเอาไว้ได้และพร้อมจะหักตลอดเวลา

เส้าซือซือส่งเสียงร้องเบาๆ เส้นสายฟ้านับไม่ถ้วนกระเพื่อมไปมารอบตัวนางส่งผลให้พลังของนางลดลงหวบ

“ความสามารถและพรสวรรค์ของศิษย์น้องนั้นน่าประใจอย่างมาก โชคร้ายที่ช่องว่างระหว่างเจ้ากับข้าดันมีมากเกินไป หากไม่สร้างภูผาวารีสายที่ห้าขึ้นมา เจ้าก็ยังถือว่าเป็นจอมยุทธทั่วไป” อู๋เจ๋อยื่นมือออกไปและผลักไปยังอากาศที่ว่างป่าว จากนั้นอำนาจของฝ่ามือยักษ์ก็เพิ่มสูงขึ้นและพลักร่างของเส้าซือซือให้ล่าถอย

เมื่อการโมตีน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้ามา เส้าซือซือก็รีบสะบัดมือขวาทำลายหอกด้วยตัวเอง เพียงแต่ว่าหอกไม่ได้หักจนใช้งานไม่ได้แต่มันถูกหักและเปลี่ยนรูปร่างเป็นโล่เพื่อป้องกันการโจมตีของอู๋เจ๋อ

ดูเหมือนว่าหอกของนางจะไม่ได้ถูกสร้างให้เป็นโลหะศักดิ์สิทธิ์ชิ้นเดียว แต่สร้างเป็นโลหะชิ้นเล็กนับไม่ถ้วนและเชื่อมติดกันด้วยโซ่ขนาดเล็ก มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้ดั่งที่ใจของนางปรารถนา

‘ฉึบ’ เส้าซือซือสะบัดมืออีกครั้ง โล่ของนางถูกเปลี่ยนกลับเป็นหอกพร้อมกับพุ่งเข้าใส่อู๋เจ๋อ

“ฮ่าๆๆ!” อู๋เจ๋อหัวเราะลั่น เขาไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย เขาใช้มือขนาดใหญ่ลงมือโจมตีอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็สามารถทำให้เส้าซือซือยอมรับความพ่ายแพ้อย่างไม่มีทางเลือก

ตูอัน หลิวจิงเหริน เซี่ยอู๋เฉียนและคนอื่นๆเดินมายังลานประลองเพื่อท้าทายอู๋เจ๋อ แต่พวกเขาก็ถูกโค่นลงอย่างง่ายดาย อู๋เซียแสดงอำนาจของราชาออกมาอย่างไม่ปกปิด

“สมกับเป็นศิษย์พี่อู๋ แข็งแกร่งอะไรเช่นนี้!”

“มีคนสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จจริงๆด้วย ข้านึกว่าเป็นเพียงตำนานเสียอีก”

“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ศิษย์พี่อู๋สามารถกลายเป็นราชาของหมู่ศิษย์ได้ หลังจากสร้างภูผาวารีสายที่ห้าแล้ว พลังของเขาก็เรียกได้ว่าเทียบเคียงกับระดับสุริยันจันทรา เมื่อต่อสู้กับจอมยุทธระดับภูผาวารี มีแต่จะกลายเป็นการเหยียบย่ำอยู่ฝ่ายเดียว”

“ไม่รู้ว่าจะมีใครที่สามารถรับการโจมตีของศิษย์พี่อู๋ได้ถึงสิบกระบวนท่ารึไม่”

“น่าขัน! เจ้าเคยเห็นจอมยุทธระดับภูผาวารีที่สามารถรับสิบกระบวนท่าจากจอมยุทธระดับภูผาวารีได้รึไง? เรื่องเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”

คำพูดทุกคนเต็มไปด้วยคำสรรเสริญ พวกเขาไม่ซ่อนความเลื่อมใสที่มีต่ออู๋เจ๋อแม้แต่น้อย แต่ก็ไม่น่าแปลกใจ การจะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าเป็นสิ่งที่ยากลำบากจริงๆ

แต่กลับกัน ซูจิงพึมพำออกมาด้วยเสียงเบา “ถ้าจะเพียงแค่รับสิบกระบวนท่าล่ะก็ ข้ารู้สึกว่ามีคนนึงที่มีความสามารถพอจะทำเช่นนั้นได้!”

ดวงตาของเส้าซือซือส่องประกายทันที “ใช่แล้ว!”

ตูอันเองก็พยักหน้า “ถ้าคนคนนั้นมาที่นี่ละก็ มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถรรับกระบวนท่าของศิษย์พี่อู๋ได้มากกว่าร้อยกระบวนท่า”

ทุกคนตกตะลึง พวกเขาพูดถึงใครกัน เหตุใดเขาถึงได้รับการยกย่องจากศิษย์เมล็ดพันธุ์ขนาดนั้น?

“โอ้ คนคนนั้นเป็นใครกันล่ะ?” อู๋เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม แต่ในแววตาของเขาปรากฏร่องรอยเหยียดหยาม พวกเจ้าบ้าบอกันจริง หากไม่ได้สร้างภูผาวารีสายที่ห้า ใครจะสามารถต้านกระบวนท่าของเขาได้?

“หลิงฮัน!” เส้าซือซือ ตูอัน ซูจิง และคนอื่นๆกล่าวพร้อมกัน

“บางทีการต่อสู้อาจจะไม่ถูกตัดสินที่ร้อยกระบวนท่าแต่ลากยาวไปถึงหนึ่งพันกระบวนท่า” แม้แต่เซี่ยอู๋เฉียนก็ยังพูดเช่นนี้ ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะมองหลิงฮันไว้สูงขนาดนั้น

อู๋เสียกลายเป็นเดือดดาล การต่อสู้อาจจะไม่จบแม้แต่หนึ่งพันกระบวนท่า? นี่พวกเจ้ากำลังพล่ามเรื่องไร้สาระอะไรกันอยู่?!

จักรพรรดิพิรุณกับติงผิงมองหน้ากัน คนหนึ่งเผยรอยยิ้มเล็กน้อยในขณะที่อีกคนมีท่าทีภาคภูมิใจ

“โอ้ แล้วหลิงฮันที่ว่าเป็นใครกัน เหตุใดเหล่าศิษย์น้องถึงได้กล่าวถึงเขาเสียดูน่าอัศจรรย์ขนาดนั้น? แล้วก็ทำไมข้าถึงไม่เห็นเขามาเข้าร่วมนิกายพวกเราเลย?” อู๋เจ๋อถาม

เส้าซือซือส่ายหัวและตอบ “เมื่อตอนที่ดาวสุสานปรากฏขึ้น เขาเข้าไปที่นั่นกับพวกเราและตกลงกันว่าจะมาพบกันที่นิกายสวรรค์เยือกแข็ง แต่ข้าไม่นึกเลยว่าจะไม่พบแม้แต่ร่องรอยของเขาหลังจากที่พบกันครั้งสุดท้าย น่าแปลกจริงๆ”

“ฮ่าๆๆๆ!” ทันใดนั้นเสียงหัวเราะของศิษย์เมล็ดพันธุ์หลายคนก็ดังขึ้น พวกเจ้าเล่ามาเสียยาวขนาดนี้ สุดท้ายคนที่ว่าก็ทำไม่ได้แม้แต่เข้าร่วมนิกายเลยไม่ใช่รึไง? แบบนี้เขาจะยังมีคุณสมบัติพอจะถูกเรียกว่าอัจฉริยะอีกรึ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด