Alchemy Emperor of the Divine Dao 1157

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1157 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ!

ทุกการโจมตีของหลิงฮันเต็มไปด้วยความโกรธ เขาต้องการให้อู๋เจ๋อยอมรับความพ่ายแพ้ นี่คือสิ่งที่เขาต้องชดใช้ที่ใช้วิธีการสกปรกกับจักรพรรดิพิรุณ

แต่อย่างน้อยอู๋เจ๋อเองก็เป็นอัจฉริยะคนหนึ่งเหมือนกัน ถ้าหลิงฮันสร้างภูผาวารีสายที่ห้าไม่สำเร็จ เขาก็คงไม่สามารถเอาชนะอู๋เจ๋อได้

ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด

“พระเจ้า จอมยุทธระดับภูผาวารีแข็งแกร่งขนาดนี้เลยรึ!”

“ในทางกลับกัน ข้ายังเป็นแค่จอมยุทธตัวน้อยที่ยังไม่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารี”

“ข้าต้องสร้างภูผาวารีสายที่ห้าให้จงได้!”

ทุกคนอุทาน และมีหลายคนตัดสินใจอนาคตของตัวเอง พวกเขาจะไม่ทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราจนกว่าจะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้สำเร็จ สิ่งนี้มีผลกระทบอย่างมากต่อนิกายสวรรค์เยือกแข็ง เนื่องจากกลุ่มคนพวกนนี้มีบางคนที่ตัดสินใจจะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าให้สำเร็จ ซึ่งนั่นอาจทำให้พวกเขาติดอยู่ระดับภูผาวารีตลอดชีวิตที่เหลือ และพลาดการทะลวงผ่านสุริยันจันทรา

ท้ายที่สุด แม้ว่าศิษย์เมล็ดพันธุ์จะมีพรสวรรค์มากแค่ไหน แต่คนที่จะสามารถสร้างภูผาวารีสายที่ห้าได้นั้นมีเพียงแค่หยิบมือ

หลิงฮันส่งเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง แล้วโจมตีออกไปด้วยเจตจำนงแห่งดาบผสานกับทักษะบัญญัติดาบเร็ว ทำให้การโจมตีของเขาทั้งรวดเร็วและมีพลังทำลายล้างที่น่าสะพรึงกลัว

นี่คือทักษะที่หลิงฮันคิดค้นขึ้น และเขาเรียกมันว่า “ทักษะดาบฟ้าคำราม”

ที่เขาใช้ชื่อทักษะดาบฟ้าคำรามนั่นเป็นเพราะแสงเคลื่อนที่ได้เร็วที่สุดในโลก และยิ่งเขาแข็งแกร่งขึ้น พลังของทักษะดาบฟ้าคำรามก็จะเพิ่มขึ้นเช่นกัน

เพราะนี่ไม่ใช่การโจมตีตายตัว แต่เป็นการโจมตีที่เกี่ยวข้องกับความเข้าใจในพลังเต๋า

เปรี๊ยง เปรี๊ยง หลิงฮันจับดาบอสูรนิรันดร์ การรวมกันของดาบและผู้ใช้ ทำให้ทักษะดาบฟ้าคำรามอยู่ในระดับที่สูงขึ้น

หลังจากผ่านไปอีกสิบกระบวนท่า ถึงแม้อู๋เจ๋อจะยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ในความเป็นจริงเขาก็ได้พ่ายแพ้ไปแล้ว

ไม่มีข้อแก้ตัวสำหรับการพ่ายแพ้

แม้จะอยู่ในระดับเดียวกัน แต่ใช่ว่าจะแข็งแกร่งเท่ากัน!

ทุกคนหุบปากเงียบ แต่ก็มีหลายคนแสดงสีหน้าตื่นเต้น อู๋เจ๋อที่เป็นหนึ่งในหกราชามาเป็นเวลานาน ถึงเวลาแล้วที่เขาจะร่วงหล่นและส่งผลกระทบต่อตำแหน่งของพวกเขา

และผู้ที่ทำเช่นนั้นคือหลิงฮัน!

ศิษย์ใหม่ที่มีความทะเยอทะยาน ในตอนนี้พวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจากหลิงฮัน มันทำให้พวกเขามีกำลังใจมากยิ่งขึ้นที่จะสร้างภูผาวารีสายที่ห้าให้สำเร็จ เพราะตราบใดที่พวกเขาทะลวงผ่านจุดนี้ได้ พวกเขาก็จะกลายเป็นเหมือนหลิงฮันและเข้ามาแทนที่หกราชาคนเก่า

การต่อสู้ของหลิงฮันนั้นเปิดโหมโรงเพื่อล้มราชา

หลังจากต่อสู้มาหลายกระบวนท่า ในที่สุดอู๋เจ๋อก็พ่ายแพ้ให้กับหลิงฮันและถูกดาบของหลิงฮันทิ้งรอยแผลลึกไว้ที่อกด้านซ้าย นี่คือความเมตตาของหลิงฮํน มิฉะนั้นร่างของอู๋เจ๋อคงถูกแยกออกเป็นสองส่วนไปแล้ว

นอกจากนี้การต่อสู้ครั้งนี้เป็นเพียงแค่การแลกเปลี่ยนวรยุทธ และหลิงฮันทำไปเพื่อทวงความยุติธรรมให้กับจักรพรรดิพิรุณ แต่เดิมพวกเขาทั้งสองคนไม่ได้เป็นศัตรูอาฆาตแค้นอะไรกัน

อย่างไรก็ตาม การที่อู๋เจ๋อพ่ายแพ้ต่อหน้าทุกคน ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปเขาจะต้องเกลียดชังหลิงฮันอย่างแน่นอน

อู๋เจ๋อจ้องมองหลิงฮันด้วยความเกลียดชัง จากนั้นเขาก็หันหลังและเดินจากไป โดยไม่สนใจว่างานเลี้ยงน้ำชาครั้งนี้จะจบลงแล้วหรือไม่

“ศิษย์น้องอู๋ แล้วเรื่องงานเลี้ยงน้ำชาล่ะ?” หลิงฮันถามพรางหัวเราะ

อู๋เจ๋อนิ่งเงียบไม่หันหน้ากลับมา เขาเพียงแค่ยกมือขึ้นและโยนใบชาหยางสิบใบที่สัญญาเอาไว้ก่อนหน้านี้ แต่เขาไม่ได้โยนมันให้กับหลิงฮัน แต่เป็นเหอเต๋า

จากนั้นอู๋เจ๋อก็รีบเดินลงไปจากเทือกเขา และร่างของเขาก็หายเข้าไปในก้อนเมฆ

หลิงฮันปรบมืออย่างไม่แยแส จากนั้นเขาก็กลับไปยังตำแหน่งเดิมและแสร้งทำเป็นหลับ

ใบหน้าของเขาดูนิ่งมาก ทั้งที่เขาแข็งแกร่งพอที่จะท้าทายหกราชาอย่างเหอเต๋อต่อก็ยังได้

ในแง่ของพลังต่อสู้ เขาไม่ได้แข็งแกร่งกว่าอู๋เจ๋อมากนัก แต่เป็นเพราะเขามีดาบอสูรนิรันดร์ ซึ่งเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ทรงพลังมาก แม้มันจะยังไม่บรรลุขั้นที่สี่ก็ตาม

อย่างที่สองเป็นเพราะกายหยาบ มันทำให้เขาสามารถเพิกเฉยต่อการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะชนะหนึ่งในหกราชา แต่ถ้าเป็นการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิต ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะมีไพ่ลับอะไรและจำนวนเท่าไหร่และจะเทหน้าตักขนาดไหน

แน่นอนว่าหลิงฮันก็แค่ระมัดระวังตัวมากขึ้นและห้ามประมาท แต่ยังไงเขาก็ยังเชื่อว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายชนะ

ติงผิงจ้องมองดูอาจารย์ของตัวเองด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้น

แข็งแกร่งมาก!

อาจารย์ของเขามักจะเป็นแบบนี้ตลอด และชอบทำให้ทุกคนประหลาดใจอยู่เสมอ เขาจะต้องนำหลิงฮันมาเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่เพื่อก้าวข้ามอาจารย์ แต่เขาจะไม่ทำให้อาจารย์ต้องเสียงหน้าและทำให้ชื่อเสียงต้องมัวหมอง

การแลกเปลี่ยนวรยุทธยังคงดำเนินต่อไป

แต่ทว่าหลัจากที่ทุกคนเห็นการต่อสู้ระหว่างหลิงฮันและราชาอย่างอู๋เจ๋อ การต่อสู้ที่เหลือดูน่าเบื่อขึ้นมาทันที แล้วในไม่ช้าก็ไม่มีใครท้าผู้อื่นสู้อีก ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มถกเถียงเรื่องการฝึกฝนวรยุทธแทน

คนที่อยู่ที่นี่ต่างก็เป็นอัจฉริยะแนวหน้า แต่พวกเขาทุกคนไม่มีใครเก่งรอบด้าน แต่ละคนนั้นมีจุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเอง ดังนั้นแม้จะเป็นปัญหาเล็กๆ ทุกคนก็พยักหน้ารับฟัง

บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนไม่มีความลับและพูดประสบการณ์ของตัวเองแลกเปลี่ยนกับของคนอื่น แน่นอนว่าพวกเขาแค่พูดถึงประสบการณ์ คงไม่มีใครถ่ายทอดทักษะลับและเทคนิคให้แก่คนอื่น หากทำเช่นนั้นมันไม่ได้เรียกว่าใจกว้าง แต่เรียกว่าโง่

แม้แต่หลิงฮันก็ยังได้รับประโยชน์มากมายจากการพูดคุยครั้งนี้

“โอ้ว ในที่สุดน้ำก็เดือดซักที เช่นนั้นพวกเรามาดื่มชากันเถอะ” เหอเต๋าหัวเราะ ในที่สุดก็มีไอร้อนลอยออกมาจากกาน้ำ แต่ที่แปลกคือไอร้อนไม่กระจายตัวออกไป แต่มันกลับก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างที่งดงาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด