Alchemy Emperor of the Divine Dao 1173

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1173 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่เพียงแค่ฟันของพวกมันจะแหลมเหมือนใบมีด แต่น้ำลายของพวกมันมีสารบางอย่างที่ทำให้เหยื่อรู้สึกเจ็บปวดอีกด้วย ที่จริงเหยื่อจะเจ็บปวดจนเป็นอัมพาตเลยด้วยซ้ำ

หลิงฮันพบว่าร่างของคนเองเคลื่อนไหวได้ไม่คล่อง สารแปลกประหลาดจากน้ำลายของพวกมันไหลเข้าไปในโลหิตและแพร่กระจายทั่วร่างกายทำให้เส้นประสาทของเขาเป็นอัมพาต

ผลลัพธ์เช่นนั้นส่งผลกระทบให้พลังของเปลวเพลิงรอบกายเขาลดฮวบ เหล่า‘อสรพิษสีดำ’ที่เคยถูกทำให้ไร้จุดหมายคืนสติกลับมาและพุ่งเข้าหาเขาอีกครั้ง

หลิงฮันโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ความรู้สึกอัมพาตหายไปจากร่างของเขาทันที เขาหัวเราะและควบแน่นพลังของเปลวเพลิงกลับมาดังเดิม

เขานำดาบอสูรนิรันร์ออกมาและกล่าว “มาดูกันว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน”

ตูม!

ดาบอสูรนิรันดร์ปลดปล่อยเปลวเพลิงอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา การโจมตีธาตุไฟได้ผลกับแมลงเหล่านี้มาก

เขาโคจรทักษะจิตเจ็ดสังหารต่อเนื่อง หลังจากจู่โจมหลายต่อหลายครั้ง แมลงจำนวนมากก็ร่วงลงไปกองเรียงอยู่ที่พื้น หลิงฮันเก็บพวกมันเข้าไปในหอคอยทมิฬเผื่อว่าพวกมันจะกลายเป็นอาวุธลับของเขาได้

บาดแผลของหลิงฮันฟื้นฟูอย่างรวดเร็วในขณะโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ แม้จะมีแมลงตัวหรือสองตัวที่หลุดมากัดเนื้อของเขาได้ แต่จำนวนเพียงเท่านั้นย่อมไม่ก่อปัญหาให้เขาแม้แต่น้อย

ซึ่งนั่นก็เพราะแมลงแต่ละตัวมีขนาดเล็กเกินไป พวกมันจะน่าสะพรึงกลัวก็ต่อเมื่อบุกจู๋โจมเป็นฝูงหลายพันหลายล้านตัว ด้วยจำนวนมากมายเช่นนั้นพวกมันจึงสามารถกลืนกินเนื้อของจอมยุทธได้ในพริบตา

“นายท่าน จักรพรรดิน้อยนับถือท่านมาก!” จักรพรรดิจอมอสูรกล่าวด้วยท่าทีประจบ เขาอยู่ในร่างของหุ่นเชิดระดับสุริยันจันทราแต่ก็ยังพ่ายแพ้ย่อยยับต่อฝูงแมลงเหล่านั้น

นี่ไม่ได้หมายถึงหลิงฮันมีพลังแข็งแกร่งกว่าระดับสุริยันจันทรา แต่ความสามารถของเขานั้นได้ผลต่อแมลงเหล่านั้นมากกว่า กายหยาบของเขาไร้เทียมทานและมีพลังฟื้นฟูที่น่าอัศจรรย์จากคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์

เมฆสีดำลอยปรากฏตัวเพิ่มขึ้นกลางอากาศ พวกมันบุกเข้าใส่หลิงฮันจนมองไม่เห็นร่างของหลิงฮัน คนอื่นๆยังสามารถมอบเห็นสะเก็ดเปลวเพลิงที่ปะทุออกมาอยู่ทำให้พวกเขารู้ว่าการต่อสู้อันดุเดือดยังคงดำเนินต่อไป

เพียงแต่ว่าเหล่าเมฆสีดำค่อยๆจางหายไปเมื่อการต่อสู้ดำเนินไปอย่างยาวนาน นั่นเป็นเพราะแมลงจำนวนมากถูกสังหารหรือไม่ก็มีบางส่วนที่ถูกหลิงฮันนำเข้าไปในหอคอยทมิฬ ทั้งโครงกระดูดและซากของแมลงที่ตายแล้วกองอยู่ด้านใต้เท้าของเขา

ในที่สุดก็ไม่มีฝูงแมลงโจมตีใส่หลิงฮันอีก แมลงที่เหลือรอดบินกลับไปยังภูเขาลูกเล็ก ทันใดนั้นบริเวณแห่งนี้ก็กลับสู่สภาพเงียบสนิท

หลิงฮันมองไปยังดอกไม้ประหลาด เขาหยุดหายใจและปิดรูขุมขนทั่วร่างกายพร้อมกับใช้คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ป้องกันสัมผัสสวรรค์เอาไว้ ร่างของเขาส่องแสงสลัวสีทองในขณะที่เดินไปยังดอกไม้

เขาไม่ได้เด็ดดอกไม้ดอกนั้นแต่เลือกขุดดินรอบๆแดน

หลิงฮันขุดดอกไม้ขึ้นมาทั้งรากและนำเข้าปลูกไปในหอคอยทมิฬ เมื่อปลูกเสร็จเขาถึงได้กลับออกมา

“ไปกันเถอะ!” เขาไม่ได้เก็บเนินเขาเข้าไปในหอคอยทมิฬและมอบโอกาสรอดชีวิตให้แมลงเหล่านั้น

สามคนหนึ่งหุ่นเชิดมุ่งหน้าเดินทางต่อ พวกเขาไม่กลับไปยังแม่น้ำเหลือง พวกเขาสามารถเดินทางต่อจากจุดนี้ได้เลยโดยไม่ต้องเดินเลียบแม่น้ำ หลังจากการสำรวจเขตแดนลี้ลับแห่งนี้หลายหมื่นปี สิ่งหนึ่งที่ถูกกำชับเอาไว้คือห้ามสัมผัสกับน้ำในแม่น้ำเหลือง

แม่น้ำแห่งนั้นเป็นแม่น้ำมรณะอย่างแท้จริง ถ้ามีใครไปสัมผัสโดนแม่น้ำ พวกเขาจะตายทันทีโดยไม่มีข้อยกเว้น ในขณะเดียวกันจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะถูกแม่น้ำดูดเข้าไปและล่องลอยไปถามคลื่นน้ำตลอดชั่วชีวิต

ใครบางคนเคยพยายามรวบรวมน้ำจากแม่น้ำเหลือง แต่พวกเขาก็กลายเป็นศพไร้วิญญาณทันทีที่เข้าใกล้แม่น้ำ

ดังนั้นแม่น้ำแห่งนี้คือเป็นเขตหวงห้ามและเป็นที่จดจำในฐานะจุดสังเกตที่ห้ามเข้าใกล้เด็ดขาด

หลิงฮันสื่อสารผ่านหอคอยทมิฬในขณะที่เดินทาง เขาถามเซียนหวู่เซียงเกี่ยวกับแมลงและดอกไม้ประหลาด

“บุปผาหมอกครอบงำจิต?” เซียนหวู่เซียงพึมพำออกมาก่อนจะกล่าว “ดอกไม้ประหลาดชนิดนี้ไม่มีประโยชน์ต่อมนุษย์ แต่มันมีผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัว มันสามารถส่งผลได้แม้แต่กับจอมยุทธรับวารีนิรันดร์”

หลิงฮันพยักหน้า “บุปผาหมอกครอบงำจิตดอกนี้ไม่สามารถทำอะไรข้าได้ นั่นหมายความว่ามันยังไม่เติบโตเต็มที่งั้นสิ?”

“ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้น” เซียนหวู่เซียงกล่าวตอบ

บุปผาหมอกครอบงำจิตมีผลลัพธ์ที่น่าสะพรึงกลัวมากหากใช้ให้ดี หลิงฮันมีหอคอยทมิฬ ดังนั้นเขาจึงสามารถนำมันออกมาใช้และกลับเข้าไปปลูกใหม่ หากทำเช่นนี้เขาสามารถคาดเดาสีหน้าหวาดหวั่นของศัตรูได้เลย

เพียงแต่ว่าบุปผาหมอกครอบงำจิตยังคงไม่เติบโตเต็มที่ อันที่จริงมันสามารถคุกคามเขาได้เล็กน้อยเท่านั้น หากเป็นต่อหน้าจอมยุทธระดับสุริยันจันทรามันคงไร้ประโยชน์ ต่อให้มันจะมีอำนาจที่น่ากลัวก็ตามแต่ก็ต้องใช้เวลานานในการฟูมฟัก

“แล้วแมลงเหล่านั้นล่ะ?” หลิงฮันถาม

“พวกคือแมลงศักดิ์สิทธิ์!” น้ำเสียงของเซียนหวู่เซียงแฝงไว้ด้วยความตกตะลึง

หลิงฮันมึนงงและถามออกไป “แมลงกินเนื้อเช่นนั้นน่ะรึถูกเรียกว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ?”

เซียนหวู่เซียงนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะกล่าว “นั่นเป็นเพราะพวกมันเกิดมาจากซากศพของเซียน”

“หืม?” หลิงฮันประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ แมลงประหลาดเหล่านั้นเกิดมาจากซากศพของเซียน?

“เหตุการณ์ที่ว่าไม่ได้เกิดขึ้นกับเซียนทุกคน” เซียนหวู่เซียงกล่าวต่อ “มันขึ้นอยู่กับกฎแห่งเต๋าที่พวกเขาฝึกฝน เซียนบางคนอาจจะมีแมลงศักดิ์สิทธิ์เปลวเพลิงเกิดขึ้นมาจากซากศพ บางคนก็อาจจะเป็นหนอนแมลงศักดิ์สิทธิ์น้ำแข็ง ยิ่งกว่านั้นไม่ใช่ว่าแมลงทุกชนิดจะมีชนาดเล็กเช่นนี้ ข้าเคยเห็นแมลงศักดิ์สิทธิ์ที่มีขนาดยาวถึงหมื่นเมตร พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก ต่อให้เป็นข้าก็ไม่กล้าต่อกรกับมัน”

‘ยาวหนึ่งหมื่นเมตร? สิ่งมีชีวิตแบบนั้นยังเรียกว่าแมลงได้อีกรึ?’

“เช่นนั้นแล้วหรือว่าเขตแดนลี้ลับแห่งนี้จะเป็นสถานที่ของเซียน?” หลิงฮันถาม

“เป็นไปไม่ได้!” เซียนหวู่เซียงปัดข้อสันนิฐานของหลิงฮันทิ้งทันที “ถ้าที่นี่เป็นสถานที่ของเซียน แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์จะสามารถเปิดทางผ่านได้อย่างไร? แน่นอนว่าถ้าหากเซียนยอมให้คนอื่นเข้ามาก็เป็นอีกเรื่อง”

“ดูเหมือนว่าจะมีเจ้าคนที่เป็นเจ้าของที่นี่จะพบแมลงศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนสักแห่งจึงคอยเลี้ยงอย่างช้าๆจนมีจำนวนมากมายเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นถ้าหากเป็นแมลงศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงล่ะก็ พวกมันสามารถสังหารได้แม้แต่จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ เป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะจับพวกมันได้”

หลิงฮันพยักหน้าเข้าใจ ตอนนี้เขาได้รับแมลงศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เขาสามารถค่อยๆเพาะเลี้ยงมันต่อได้ เพียงแต่ว่าเขาต้องระวังตัวให้มาก ถ้าเขาสูญเสียการควบคุมแมลงเหล่านี้ พวกมันจะก่อหายนะต่อเขาเอง

เซียนเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานเมื่อยังมีชีวิต ต่อให้พวกเขาตายก็ยังคงสร้างความโกลาหลได้

เพียงแต่ว่าเหรียญมีสองด้าน แมลงศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้มีประโยชน์ต่อเขาหากใช้ให้ถูกวิธี

พวกเขาหยุดตั้งค่ายพักผ่อนหลังจากที่เดินมาทั้งวัน

สถานที่แห่งนี้มีเวลากลางวันและกลางคืน สิ่งที่สามารถใช้บ่งอกได้ก็คือความสว่างและวคามมืดจากบรรยากาศโดยรอบ ที่นี่ไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือดวงดาว สิ่งนี้เป็นหลักฐานว่าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ไม่แข็งแกร่งพอที่จะหยิบจับนำดวงดาวมาไว้ในเขตแดนลี้ลับ

พวกเขามีเวลาครึ่งปีเท่านั้น ผนึกของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้จะค่อยๆกลับมาแข็งแกร่งเหมือนเดิมหากเลยเวลานี้ไป เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้เป็นปรมาจารย์สามวิถีก็ไม่สามารถเปิดทางเข้าได้

เพราะงั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องย้อนกลับไปยังทางเข้าก่อนเวลาครึ่งปี เมื่อถึงเวลาที่กำหนกปรมาจารย์สามวิถีจะเปิดประตูให้ทุกคนออกไป

พวกเขาต้องวางแผนเวลาให้ดี ถ้าพวกเขาพลาดโอกาสกลับออกไป พวกเขาจะตกตายเนื่องจากผลึกของเขตแดนลี้ลับที่ค่อยๆฟื้นพลังกลับมา ไม่มีใครเคยได้ยินว่ามีคนรอดตายจนถึงหนึ่งร้อยปีข้างหน้าในการเปิดเขตแดนอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด