Alchemy Emperor of the Divine Dao 1179

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1179 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ว่าไงนะ!

ทุกคนที่วิ่งเข้ามา ในตอนแรกเห็นได้ชัดเจนว่าเม็ดยานั้นใส่อยู่ในขวด แต่ตอนนี้สิ่งที่เหลืออยู่คือเศษฝุ่นเท่านั้น

“ไม่จริง!”

“เม็ดยาขวดอื่นก็ด้วย!”

พวกเขานำขวดเม็ดยาลงมาจากตู้และเปิดดูทีละขวดจนครบ เนื่องจากเวลาที่ผ่านมานานเกินไป เม็ดยาที่อยู่ในขวดจึงไม่สามารถคงสภาพเอาไว้ได้ เมื่อมองไปที่ขวดเม็ดยาที่เต็มไปด้วยเศษผง จิตใจของพวกเขาก็รู้สึกเจ็บปวด

เม็ดยาแต่ละขวดเป็นเม็ดยาระดับห้าเป็นอย่างน้อยทั้งนั้น พวกเขาสามารถขายเป็นเงินได้จำนวนมหาศาล พวกเขาถูกตบหน้าให้ตื่นาจกฝันที่จะกลายเป็นเศรษฐีเสียแล้ว

จบสิ้นแล้ว!

ทางด้านหลิงฮันเขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เวลาคือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ของทุกสรรพสิ่ง ต่อให้เป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ก็ต้องมีวันเสื่อมโทรม แต่แน่นอนว่าหากเป็นเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบหรือสูงกว่า เม็ดยาอาจจะคงสภาพอยู่เหนือการเวลาได้ พวกมันจะกำเนิดความคิดและชีวิตของตัวเอง!

เม็ดยาที่ว่าเป็นสมบัติล้ำค่า เนื่องจากเมื่อใดที่เม็ดยาสร้างชีวิตของมันเองขึ้นมาแล้ว นอกจากประสิทธิภาพของพวกมันจะไม่ลดลง พวกมันยังจะสามารถดูดซับพลังจากสวรรค์และปฐพีมาเพิ่มประสิทธิ์ภาพของตัวเองให้มากขึ้นได้ด้วย

แต่เม็ดยาที่ว่าจำเป็นต้องมีระดับสูงว่าระดับสิบซึ่งต่อให้ใช้เวลานานแสนนานก็ใช่ว่าจะหลอมได้สำเร็จ

“จากที่ตรวจสอบเม็ดยาที่หลอมแล้ว นักปรุงยาเจ้าของห้องนี้สมควรเป็นนักปรุงยาที่ต่ำกว่าระดับเก้าเนื่องจากเม็ดยาที่เขาหลอมขึ้นมาเป็นเม็ดยาศักดิ์ศิทธิ์ระดับห้าถึงแปดทั้งสิ้น” หลิงฮันกล่าวกับตัวเอง “แต่สำหรับข้า เม็ดยาระดับประมาณนี้ล่ะกำลังพอดี”

“ตอนนี้จิตวิญญาณของข้าแข็งแกร่งพอให้หลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้แล้ว และเมื่อข้าทะลวงผ่านไปยังระดับสุริยันจันทราการหลอมเม็ดยาไปจนถึงเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดก็ไม่ใช่เรื่องยาก”

“นั่น… ตรงนั้นมีตำราเม็ดยา”

หลังจากค้นไปสักพักในที่สุดเขาก็เจอตำราเม็ดยา!

สูตรเม็ดยาที่ละเอียดจนต้องบันทึกเอาไว้ในตำราเล่มหนา ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมานาน ตำราจึงเปราะบางมาก แค่สัมผัสเปิดตำราก็แทบจะสลายเป็นฝุ่นผง ดังนั้นหลิงฮันจึงนำตำราเข้าไปในหอคอยทมิฬก่อนเพื่อที่ตำราจะได้ไม่สลาย

หลิงฮันบันทึกตำราฉบับคัดลอกออกมาสองฉบับ เขาได้เก็บตำราต้นแบบกับฉบับคัดลอกฉลับหนึ่งไว้ที่ตนเองและกล่าว “หัวหน้าเมิ่ง จากข้อตกลงก่อนหน้านี้ตำราจะแบ่งกันโดยการคัดลอก ข้าได้คัดลอกมันเอาไว้แล้ว ท่านรับไปหนึ่งฉบับสิ”

“เจ้าคัดลอกมันตอนไหน?” เมิ่งเหว่ยยังคงกวาดตามองเม็ดยา นางไม่ยินยอมที่จะเชื่อว่าไม่มีเม็ดยาขวดใดเลยที่เหลือรอด

“อย่าไปใส่ใจแล้วรับไปเถอะ” หลิงฮันไม่สามารถบอกได้ว่าเขาแอบเข้าไปในหอคอยทมิฬและคัดลอกตำราเสร็จในพริบตาถึงสองฉบับ

เมิ่งเหว่ยเปรียบเทียบตำราฉบับคัดลอกสองฉบับอย่างละเอียดถี่ถ้วนและพบว่าไม่มีอักษรตัวใดเลยที่แตกต่างกัน นางพยักหน้าและกล่าว  “การที่ร่วมมือกับพ่อรูปหล่อเป็นความคิดที่ถูกจริงๆ! ไหนๆการร่วมมือของพวกเราก็สิ้นสุดแล้ว พวกเรามาทำเรื่องสนุกกันสักคืนดีกว่า ข้าอดทนมานานจนคันจะแย่แล้ว!”

“ขอปฏิเสธ!” หลิงฮันหยิบตำราฉบับคัดลอกกลับมาหนึ่งฉลับโดยทิ้งตำราต้นฉบับกับฉบับคัดลอกอีกอันไว้ให้นาง เพราะอย่างไรตำราต้นฉบับก็จะสลายเป็นฝุ่นอยู่ดี

“อย่าบอกนะว่าเสน่ห์ของข้าจะลดลง?” ใบหน้าของเมิ่งเหว่ยประหลาดใจ “เป็นไปไม่ได้ หน้าอกของข้าไม่ใช่เล็กๆ เอวของข้าก็ไม่หนา ก้นของข้าก็ยังอวบแน่นเหมือนเดิม เหตุใดข้าถึงยั่วยวนพ่อรูปหล่อไม่ได้… หรือว่าที่จริงแล้วเขาจะไม่ชอบสตรี”

“ข้าได้ยินนะ!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“หัวหน้า! หัวหน้า!” จู่ๆใครบางคนก็อุทานขึ้นมาด้วยท่าทีตื่นเต้นอย่างมาก

“เจ้าจะตะโกนเสียงดังไปทำไม ท้องฟ้าไม่ได้ถล่มเสียหน่อย ต่อให้มันถล่มจริงๆ พวกเราก็ยังมีพ่อรูปหล่อคอยค้ำจุนไว้ให้อยู่ไม่ใช่รึไง?” เมิ่งเหว่ยกล่าว

“มีเม็ดยาขวดหนึ่งที่ไม่เสื่อสลาย!” ชายคนนั้นกล่าว

“ว่าไงนะ!”

เมิ่งเหว่ยรีบกระโดดลกเต้นพุ่งไปดู

หลิงฮันเองก็รู้สึกสนใจและเดินตามไป

เม็ดยาทั้งหมดเสื่อมสลายกลายเป็นผงหมดแล้ว แต่ยังมีเม็ดยาขวดหนึ่งที่ไม่เป็นเช่นนั้น สามารถคาดเดาได้ว่าเม็ดยาขวดนี้จะต้องยอดเยี่ยมมากถึงสามารถคงสภาพอยู่ได้เป็นเวลานานขนาดนี้

“เม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง?” เมิ่งเหว่ยยกขวดเม็ดยาขึ้นมาอ่านฉลาก “มันเป็นเม็ดยาแบบใดกัน?”

ทุกคนส่ายหัวตามๆกัน ไม่มีใครเลยได้ยินชื่อเม็ดยาชนิดนี้มาก่อน

“โอ้ มันคือเม็ดยาที่แสนอัศจรรย์สำหรับจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา มันสามารถช่วยย่นระยะเวลาการบ่มเพาะพลังขั้นย่อยของระดับสุริยันจันทราได้หลายหมื่นปี” เสียงหนึ่งดังขึ้นกล่าวอธิบาย

“ใครกัน!” ทุกคนรีบหันไปมองประตูทางเข้า

“จี้เจิ่งผิง” มีคนคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตู แต่เนื่องจากความมืดของห้องและแสงที่ส่องมาจากด้านหลังของเขา ทำให้มองเห็นเป็นเพียงร่างเงาและรู้แต่ว่าเขาเป็นคนร่างผอม

คนคนนั้นหยุดนิ่งไปครู๋หนึ่งก่อนจะกล่าว “ส่งเม็ดยานั่นมาแล้วพวกเจ้าจะได้รับการไว้ชีวิต”

“แล้วถ้าไม่ล่ะ?” เมิ่งเหว่ยถาม

“ถ้าไม่งั้นรึ?” จี้เจิ่งผิงยิ้ม มือขวาของเขาถือบางอย่างขนาดเท่าไข่ไก่เอาไว้ “สิ่งนี้คือระเบิดพิษ เมื่อถูกโยนออกไปมันจะระเบิดทันทีและปลดปล่อยพิษที่รุนแรงออกมา ต่อให้เป็นมนุษย์หรือสัตวอสูรระดับสุริยันจันทราก็ตาม หากสูดดมเข้าไปเล็กน้อยเพียงครึ่งลมหายใจก็จะถูกพิษกัดกร่อนจนตาย”

เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆตะลึง พวกเขาไม่สงสัยว่าอีกฝ่ายจะโกหกเรื่องประสิทธิภาพของระเบิดพิษ แต่ปัญหาก็คือสิ่งที่อยู่ในมืออีกฝ่ายคือระเบิดพิษจริงรึเปล่า

“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าคิดเล็กน้อย ถ้ายังไม่ยอมส่งเม็ดยานั่นมาข้าจะโยนระเบิดพิษเข้าไป” จี้เจิ่งผิงหัวเราะ “ข้าเกลียดการสังหารคนที่สุดเพราะงั้นอย่าให้ยังคับให้ข้าทำ!”

เมิ่งเหว่ยและคนอื่นๆไม่กล้าลงมือ พวกเขาเป็นคนที่ประสบอันตรายมามากมาย แต่ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ยังปรารถนาที่จะมีชีวิต

หลิงฮันขมวดคิ้ว เขาบอกไม่ได้เหมือนกันว่าจี้เจิ่งผิงโกหกหรือว่าสิ่งนั่นเป็นระเบิดพิษจริงๆ ตัวเขาเองนั้นไม่หวาดกลัว แต่เมิ่งเหว่ยกับคนอื่นๆล่ะ?

ถ้าหากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ล่ะก็… เขาแอบเคลื่อนไหวท่ามกลางความมืดและควบแน่นทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดารา

ไม่จำเป็นต้องใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราเต็มกำลัง ด้วยพลังของเขาในตอนนี้แค่ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราธรรมดาก็สามารถสังหารจอมยุทธณะดับภูผาวารีขั้นสูงสุดได้

จี้เจิ่งผิงยิ้มอย่างพึงพอใจ การที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างสมบูรณ์ทำให้เขารู้สึกดีเป็นอย่างยิ่ง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็รับรู้ถึงภัยอันตราย หัวใจของเขาสั่นไหว รูขุมขนทั่วร่างปิดสนิม

ไม่ปลอดภัย!

ในตอนนี้เขาเลือกที่จะเลิกสนใจคนอื่นและกระโดดถอยหลังอย่างรวดเร็ว

‘ฉัวะ’ แสงอันเย็นยะเยือกพุ่งตรงออกไปอย่างรวดเร็ว ไหลซ้ายของเขาถูกยิงทะลุ แรงกระแทกที่รุนแรงส่งร่างของเขากระเด็นออกไป

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด