Alchemy Emperor of the Divine Dao 1238

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1238 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากพาหลิงฮันมายังหน้าลานที่พักในสวนแล้ว สาวใช้ก็กล่าว “แม่นางหานฝึกฝนอยู่ด้านในนี้ สาวใช้เช่นข้าไม่อาจรบกวนนางได้ เกรงว่านายท่านหลิงคงต้องเคาะประตูเรียกนางเอง”

กล่าวเสร็จนางก็เดินจากไป

หลิงฮันเคาะประตูที่พัก ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพร้อมกับประตูได้ถูกเปิดออก สตรีที่สวมใส่เพียงชุดบางๆเดินมาต้อนรับเขา

นางคือหานซินเหยียน

อะไรกัน… แม้แต่นางก็ยังพยายามยั่วยวนเขาด้วย?

“กรี๊ดดด!” หานซินเหยียนกรีดร้องและปิดประตูทันที

ผ่านไปสักพักประตูถึงจะเปิดอีกครั้ง คราวนี้นางปรากฏตัวด้วยสภาพที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วพร้อมกับถือดาบเอาไว้ในมือ นางจ้องหลิงฮันเขม็งและคำราม “เจ้าช่างกล้านัก!”

หลิงฮันหลบอย่างรวดเร็ว สตรีผู้นี้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศในศาสตร์แห่งการปรุงยาแต่ด้อยศักยภาพในด้านวรยุทธ เพียงแค่เขาปล่อยอำนาจสวรรค์ออกไป ร่างของอีกฝ่ายก็อ่อนแรงจนไร้แรงสู้

*อำนาจสวรรค์ = พลังที่ได้จากเข้าใจพลังสายฟ้าของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์*

“อย่าเข้าใจข้าผิด ข้าแค่มาเพื่อมอบตำราเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งให้เจ้า” หลิงฮันยิ้ม

หานซินเหยียนชะงักไปครู่หนึ่งแต่ก็ยังพยายามแกว่งดาบต่อ “เจ้าอันธพาล!”

หลิงฮันถอนหายใจ “ข้ายังไม่ได้ทำอะไรกับเจ้าเสียหน่อย? ข้าแค่เคาะประตูปรกติ เป็นเจ้าเองที่โผล่ออกมาสภาพนั้น”

ใบหน้าของหานซินเหยียนเปลี่ยนเป็นสีแดง นางมีนิสัยชอบใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นเวลาศึกษาเม็ดยา เมื่อทำเช่นนั้นนางจะรู้สึกสมองปลอดโปร่ง แถมที่นี่ก็ยังเป็นสวนภายในของหลินอวีฉีที่ไม่มีบุรุษคนใดเดินเผ่นผ่านนางจึงไม่กลัวว่าจะถูกเห็น

แต่ใครจะไปรู้ว่าจู่ๆจะมีบุรุษปรากฎตัวขึ้นที่นี่!

นางจ้องหลิงฮันและกล่าว “เรื่องนี้… ห้ามพูดถึงมันอีกเป็นอันขาด!”

นางไม่ใช่คนไร้เหตุผล แม้จะรู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของหลิงฮันนางก็ยังรู้สึกไม่ยินยอมอยู่ดี

“ตกลง!” หลิงฮันกล่าวตามน้ำไป อีกใจหนึ่งก็กลัวว่านางจะใช้เรื่องที่เขาเห็นนางในชุดน้อยชิ้นมาเป็นข้ออ้างที่จะบังคับเขาแต่งงาน

เขาโยนตำราให้นางและกล่าว “นี่คือตำราเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง เจ้านำไปฝึกฝนด้วยตัวเองก่อน ข้าคงจากเมืองต้าหยิงไปสักพัก หากไม่เข้าใจส่วนไหนเจ้าจดบันทึกเอาไว้แล้วค่อยถามข้าทีหลังเมื่อข้ากลับมา”

หานซินเหยียนไม่สบอารมณ์ นางกับเขาเป็นนักปรุงยาระดับแปดเหมือนกัน เหตุใดเจ้าถึงปฏิบัติกับข้าราวกับเจ้าเป็นผู้อาวุโส?

หลิงฮันโบกมือลาและออกจากจำหนักเป่าหลิน เขาเดินทางออกจากชายแดนของจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าไปยังตำแหน่งของสนามรบสองดินแดน ที่นั่นเป็นสถานที่ที่มีจุดเชื่อมต่อระหว่างดินแดนพิภพกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ณ ที่แห่งนั้นดินแดนใต้พิภพสามารถรุกรานดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ ในยทางกลับกันดินแดนศักดิ์สิทธิ์ได้ก็สามารถรุกรานดินแดนใต้พิภพเช่นกัน

อุปกรณ์บินแหวกเมฆาถูกปรับแต่งแล้วทำให้ไม่เหมาะสมที่จะใช้เดินจากภายในดวงดาว แต่โชคดีที่หลิงฮันเชี่ยวชาญทักษะย่างก้าวไล่ตามดาราแล้ว เมื่อผสานกับความเข้าในใจอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แล้ว การเคลื่อนไหวของเขาจึงรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ

ผ่านไปเพียงสิบสองวันเขาก็มาถึงสนามรบสองดินแดน โดยก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่เขาได้กินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่ง

หลิงฮันใช้เวลาสามวันในการดูดซับเม็ดยาและทะลวงผ่านเข้าสู้ระดับสุริยันจันทราขั้นต้นชั้นกลาง

เหตุผลที่ทำไมเม็ดยาชนิดนี้ถึงถูกเรียกว่าเม็ดยาปราณโลหิต ‘คลั่ง’ ก็เพราะฤทธิ์ที่รุนแรงของเม็ดยา แม้แต่กายหยาบของหลิงฮันที่เทียบกับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับหกก็ยังได้รับบาดเจ็บจนกระดูกร้าวเล็กน้อย

ไม่น่าแปลกใจที่นอกจากจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นอื่นต้องกินเม็ดยาภายใต้การคุ้มกันของปรมาจารย์ ไม่เช่นนั้นร่างของพวกเขาจะระเบิดเนื่องจากพลังงานอันรุนแรงของเม็ดยา

เม็ดยาปราณโลหิตคลั่งมีฤทธิ์รุนแรงขนาดไหน? มันสามารถช่วยยกระดับให้จอมยุทธระดับสุริยันจันทราได้หนึ่งขั้นย่อย หากกินเข้าไปและดูดซับไม่ไหว ความรุนแรงของระเบิดที่จะเกิดขึ้นนั้นสามารถบดขยี้ได้แม้แต่จอมยุทธระดับดาราขั้นต้น!

หลังจากดูดซับเม็ดยาเรียบร้อยแล้วเขาพบว่าในร่างของเขามีสิ่งสกปรกตกค้างเอาไว้จากเม็ดยา หากเขากินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งติดต่อกัน ไม่เพียงพลังบ่มเพาะจะไม่เพิ่มขึ้นแต่ยังจะเป็นการวางยาพิษฆ่าตัวตาย

หลิงฮันตรวจสอบร่างกายและพบว่าหากย่อยสลายพิษในร่างทุกๆวันจำเป็นต้องใช้เวลาสามปีถึงจะสลายได้หมด

หรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือเขาต้องรออีกสามปีถึงจะกินเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งเม็ดที่สองได้ เมื่อคิดต่อไปอีกคือเขาจะบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ในอีกห้าสิบปี

ความเร็วในการบ่มเพาะเช่นนี้ถือว่าน่ากลัวรึเปล่า?

จอมยุทธระดับสุริยันจันทราทั่วไปต้องใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะบรรลุขั้นสูงสุด? สี่ล้านปี!

คนอื่นใช้เวลาสี่ล้านปีในขณะที่เขาใช้เวลาห้าสิบปี นี่ยังไม่พอจะเรียกว่ารวดเร็วรึยังไง?

แน่นอนหากเทียบกับฮูหนิวแล้ว นางนั้นอยู่ในขุมกำลังของดินแดนแห่งเซียน สำหรับพวกเขาการสร้างจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งก็เหมือนกับขุมกำลังของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างจอมยุทธระดับทลายมิติ

ที่มั่นของสนามรบสองดินแดนฝั่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีชื่อว่าเมืองเขี้ยวหมาป่า

จุดประสงค์ในการสร้างเมืองเขี้ยวหมาป่าขึ้นมาก็เพื่อเป็นที่พักให้กับจอมยุทธที่สู้รบกับสิ่งมีชีวิตจากดินแดนใต้พิภพ เมื่อใดที่เมืองเขี้ยวหมาป่าล่มสลาย กองทัพจากดินแดนใต้พิภพจะรุกรานไปทั่วดาวหยุนติ่งทันที

ดาวหยุนติ่งมีจักรวรรดิราชวงศ์เพียงสองจักรวรรดิคือจักรวรรดิราชวงศ์เพลิงศักดิ์สิทธิ์และจักรวรรดิราชวงศ์เมฆาคราม กองกำลังหลักที่จะปกป้องดาวดวงนี้จึงมีเพียงสองจักรวรรดิราชวงศ์นี้เท่านั้น ที่สนามรบสองดินแดนแห่งนี้ ไม่ว่าจะจอมยุทธมนุษย์หรือสัตว์อสูรที่บรรลุระดับพระเจ้าก็ล้วนแต่ร่วมมือกัน

ที่สนามรบสองดินแดนแห่งนี้มีกองทัพที่โด่งดังอยู่คือ กองทัพจันทราม่วงที่อยู่ภายใต้การควบคุมของธิดาซื่อเยว่ กองทัพเวหาแหวกว่ายภายใต้ราชันสวรรค์เฉินเฟิง กองทัพกองทัพบัญญัตินิพพานภายใต้นักพรตกว่างฉิง พวกเขาสร้างกองกำลังขึ้นมาเพื่อรวมใจไล่ล่าสิ่งมีชีวิตใต้พิภพ

เมื่อมาถึงสนามรบสองดินแดน ทุกคนสามารถเลือกได้อย่างอิสระว่าจะเข้าร่วมกับกองกำลังใดและสามารถสะสมแต้มสังหารได้

แต่หากจอมยุทธคนใดต้องการไล่ล่าสิ่งมีชีวิตใต้พิภพเพียงลำพังก็ไม่ใช่ปัญหา แม้จะไล่ล่าคนเดียวก็สามารถสะสมแต้มสังหารได้เช่นกัน

นอกจากนี้ในสนามรบสองดินแดนแต้มสังหารก็ยังถูกใช้เป็นค่าเงินสำหรับแลกเปลี่ยนเม็ดยาต่างๆ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์และทักษะบ่มเพาะ

หากแต้มสังหารถูกสะสมจนถึงจำนวนที่กำหนดไว้ถึงจะสามารถถอนตัวจากสนามรบสองดินแดนได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด