Alchemy Emperor of the Divine Dao 1329

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1329 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในระดับสุริยันจันทรา หลิงฮันไม่จำเป็นต้องสะสมพลังปราณด้วยตัวเอง แค่กินยาเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งก็เพียงพอแล้ว

ดังนั้นสิ่งที่หลิงฮันทำมีเพียงการหลอมเม็ดยา ดูดซับเม็ดทรายสีทองและศึกษาสัญลักษณ์บนโลงศพโบราณ

เขานำเม็ดทรายมากมายเข้ามาในหอคอยทมิฬ ภายในหอคอยทมิฬนี้เขาสามารถดูดซับเม็ดทราบสีทองได้ง่ายขึ้น

“อะไรกัน?” หอคอยน้อยปรากฏตัวและอุทาน “ในเม็ดทรายเหล่านี้มีเจตจำนงยุทธของจอมยุทธระดับนิรันดร์แฝงเอาไว้”

“บางทีอาจจะเป็นเพราะตัวตนระดับนิรันดร์ได้ตกตายที่นี่ เลือดเนื้อของเขาจึงส่งผลกระทบบางอย่างต่อผืนดิน” หลิงฮันพยักหน้า

หอคอยน้อยส่ายไปส่ายมาเบาๆโดยไม่กล่าวอะไรต่อราวกับมันกำลังจ้องมองดูเม็ดทราย “ถ้าเจ้านำเม็ดทรายเหล่านี้เข้ามาในคอยทมิฬได้ในจำนวนมาก ข้าสามารถคัดแยกทักษะระดับนิรันดร์ที่อยู่ในทรายเหล่านี้ออกมาได้”

ร่างของหลิงฮันสั่นสะท้านก่อนจะกล่าว “ทักษะระดับนิรันดร์ที่ว่าคืออะไร?”

“ทักษะบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมเวลา ต้องลองคัดแยกออกมาก่อนถึงจะรู้” หอคอยน้อยกล่าว

หรือจะเป็นทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีของตระกูลติง?

หลิงฮันตื่นเต้นขึ้นมาทันที ทักษะลับนี้คือทักษะคู่สายเลือดของตระกูลติง สมาชิกทุกคนของตระกูลต่างฝึกฝนทักษะนี้ เป็นไปได้ว่าติงจื่อเฉินคงฝึกฝนทักษะนี้จนทักษะได้ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับร่างของเขา ต่อให้วิญญาณจะสลายไปอำนาจของทักษะก็ยังคงเหลืออยู่ในเลือดเนื้อ เมื่อเขาตกตายอำนาจของทักษะจึงผสมเข้ากับแผ่นดินของที่นี่

แม้จะมีคนรู้เรื่องนี้ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะคัดแยกทักษะออกมาจากเม็ดทราย ต่อให้เป็นเซียนก็ตามที

มีเพียงหอคอยทมิฬที่สามารถทำได้เนื่องจากมันคืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงของดินแดนแห่งเซียน

หลิงฮันถูกกระตุ้นทันที ในขณะที่คนส่วนใหญ่บ่มเพาะพลังกันอยู่รอบๆโลงศพโบราณ ตัวเขาได้ทำการขุดดินนำเม็ดทรายเข้ามาในหอคอยทมิฬ ตอนนี้ภายในหอคอยทมิฬได้มีกองทรายสีทองสูงเท่าภูเขากองรวมกันอยู่

“เท่านี้พอรึยัง?” หลิงฮันถาม

“ยัง” หอคอยน้อยกล่าว

……

“นี่ล่ะพอรึยัง?”

“ยัง”

……

หลิงฮันขุดดินต่อไปเรื่อยๆจนผ่านไปสามเดือนหอคอยน้อยถึงพยักหน้าบอกว่าน่าจะเพียงพอแล้ว ที่ต้องใช้เม็ดทรายจำนวนมากเป็นเพราะเม็ดทรายสีทองเหล่านี้เพียงแค่ปนเปื้อนไปด้วยเลือดเนื้อบางส่วนเท่านั้น ยิ่งเวลาผ่านมาไม่รู้กี่แสนกี่ล้านปี เจตจำนงยุทธที่อยู่ภายในเม็ดทรายย่อมเริ่มเสื่อมสลายไปแล้ว

หากทักษะนิรันดร์ทักษะนี้ไม่ใช่ทักษะควบคุมกาลเวลา เกรงว่าเจตจำนงที่อยู่ภายในคงไม่สามารถคงสภาพมาได้ถึงทุกวันนี้

หลิงฮันขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์อีกครั้งในระหว่างที่หอคอยทมิฬทำการคัดแยกทักษะออกมาจากกองทรายสีทอง

สามวันต่อมา รูปลักษณ์ของหลิงฮันกลับไปเป็นร่างของเด็กหนุ่มอายุสิบปี เขาในตอนนี้ใกล้จะเข้าใจเคล็ดลับของกำเนิดใหม่จากเถ้าถ่านช่วงต้นแล้ว หลังจากขัดเกลากายหยาบเสร็จหลิงฮันนำเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมากินและบ่มเพาะพลังต่อ

ขั้นสมบูรณ์ชั้นปลาย!

“รับไป!” หอคอยน้อยกล่าวพร้อมกับมีก้อนแสงขนาดเล็กเท่าจุดลอยเข้ามาหาเขา แม้จะเล็กแต่ก้อนแสงนี้กลับส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าดวงตะวัน

“คัดแยกสำเร็จแล้ว?” หลิงฮันถาม

“เนื่องจากเจตจำนงยุทธภายในเม็ดทรายมีน้อยเกินไป ข้าจึงคัดแยกออกมาได้เพียงขนาดเท่าจุด ถ้าเจ้าไม่สามารถทำความเข้าใจได้สำเร็จในครั้งนี้ก็ต้องไปหาเม็ดทรายจำนวนมากมาอีกครั้ง” หอคอยน้อยกล่าว

ก้อนแสงขนาดเท่าจุดนี้คือความพยายามตลอดสามเดือนของเขา…

หลิงฮันพนักหน้าและคิดจะทำความเข้าใจทักษะในทันที

หลิงฮันมายังใต้ต้นสังสารวัฏพร้อมกับก้อนแสง จากนั้นเขาได้ปล่อยสัมผัสสวรรค์ออกไปโอบล้อมก้อนแสงและเริ่มทำความเข้าใจ

ครืนนน!

ภายในห้วงจิตใจของเขาสั่นสะท้านทันทีราวกับถูกคลื่นยักษ์ถาโถมทะลวงเข้ามาในหัว

ก้อนแสงค่อยๆปรากฏขึ้นในห้วงจิตใจของเขา หลิงฮันพยายามเอื้อมไปสัมผัสมัน ทันใดนั้นเองก่อนแสงได้แตกสลาย กระจัดกระจายแยกออกไปทั่วห้วงจิตใจ

หลิงฮันรีบทำความเข้าใจทักษะที่อยู่ในก้อนแสงทันที ใต้ต้นสังสารวัฏต้นนี้ กล่าวได้ว่าเขามีเวลามากกว่าคนอื่นๆถึงสี่ร้อยเท่า

เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะไม่สามารถเข้าใจทักษะนี้ได้ด้วยเวลาที่มากกว่าปกติถึงสี่ร้อยเท่า ต่อให้เขาล้มเหลวเขาก็ต้องจับเคล็ดบางอย่างได้บ้างและค่อยๆศึกษาเคล็ดที่ว่าให้เกิดเป็นรูปเป็นร่าง

เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ หนึ่งเดือนต่อมาหลิงฮันก็ลืมตาขึ้น

“กาลเวลาแปรผัน” เขาพึมพำก่อนจะเคลื่อนย้ายตัวเองไปยังมุมหนึ่งของหอคอยทมิฬและดีดนิ้วใส่ต้นไม้ใหญ่ ภายในชั่วพริบตาใบไม้บนต้นไม้ก็เปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองและร่วงลงพื้น เวลาของต้นไม้ต้นนี้ถูกเร่งจนสิ้นอายุขัย

“ข้าเข้าใจได้แค่เบื้องต้นของทักษะ ด้วยการดีดนิ้วเมื่อครู่ข้าสามารถทำให้สิ่งมีชีวิตสูญเสียอายุขัยไปหนึ่งพันปี”

“ที่ข้าทำได้คือการลดทอนอายุขัย ไม่ใช่เร่งเวลา ไม่งั้นต้นไม้สมควรจะเบ่งบานไม่ใช่ตายไปดื้อๆแบบนี้”

“แม้จะสามารถใช้ทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีได้ แต่พลังของมันยังอ่อนแอเกินไป หากต้องการจะลดอายุขัยของจอมยุทธระดับภูผาวารีให้ตาย ข้าต้องใช้เวลาถึงหนึ่งวันเต็มๆ ด้วยพลังบ่มเพาะของข้าไม่จำเป็นต้องใช้วิธีสังหารที่ยุ่งยากเช่นนั้น”

“น่าเสียดาย หากข้าหยุดเวลาได้เหมือนฉื้อหวงจี่่คงจะดี”

หลิงฮันถอนหายใจ แม้จะเป็นการควบคุมเวลาเหมือนกันแต่หลักการนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ถ้าเขาหยุดเวลาได้แม้เสี้ยววินาทีจะมีประโยชน์ในการต่อสู้อย่างมหาศาล

ในทางกลับกัน หากทักษะกาลเวลาแปรผันพันปีถูกใช้ออกอย่างเต็มประสิทธิภาพ การดีดนิ้วของเขาสมควรลดทอนอายุขัยได้อย่างน้อยล้านปี ด้วยการลดทอนอายุขัยเพียงหนึ่งพันปีในตอนนี้คงไม่สามารถทำให้จอมยุทธระดับวารีนิรันดร์หรือระดับสร้างสรรพสิ่งเจ็บปวดได้

“หลิงฮัน!” จู่ๆสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ก็เรียกเขา “ข้าต้องการทะลวงระดับ!”

หลิงฮันรีบนำนางออกจากหอคอยทมิฬ ‘ครืนนนน’ เมฆสายฟ้าก่อตัวขึ้นพร้อมกับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่เตรียมพร้อมจะผ่าลงมา

“มาพยายามไปด้วยกัน” หลิงฮันยิ้มก่อนจะนั่งลง เขาตั้งใจจะดูดซับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์เพื่อยกระดับอำนาจสวรรค์

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ชะงักก่อนจะกล่าว “ไม่จำเป็น ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์น่าสะพรึงกลัวก็จริงแต่ข้ามั่นใจว่าจะผ่านมันไปได้ เจ้าไม่จำเป็นต้องช่วยข้า” นางกลัวว่าหลิงฮันจะได้รับบาดเจ็บไปด้วย

“ฮะๆ!” หลิงฮันไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เขาไม่ได้หวาดกลัวทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แม้แต่น้อย กลับกันเขาต้องการจะใช้ประโยชน์จากมันให้กลายมาเป็นพลังของตัวเขาเอง หลิงฮันเดินเข้าไปใกล้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์และจูบเข้าที่ริมฝีปากของนาง

“เจ้า!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ถลึงตามองแรง ในเวลาแบบนี้หลิงฮันยังจะทำเรื่องไร้สาระอยู่อีก

‘ครืนน’ ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กระหน่ำลงมาราวกับว่าพระเจ้าทนดูไม่ไหวอีกต่อไปและต้องการสังหารหลิงฮัน

หลิงฮันชูมือขึ้นท้องฟ้า เมื่อทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สัมผัสกับร่างของเขา แม้แต่ขนเส้นเดียวก็ไม่หลุดร่วง…

สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ตกตะลึงจนพูดไม่ออกทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด