Alchemy Emperor of the Divine Dao 1392

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1392 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฮ่าๆ ถ้าเจ้าไม่เข้าใจก็ไม่เป็นอะไร ข้าจะค่อยๆอธิบายให้เอง เพราะอย่างไรก่อนข้าจะถือกำเนิดก็ยังเหลือเวลาอยู่ ยิ่งกว่านั้นข้าก็ไม่ได้คุยกับใครมาเป็นเวลากว่าร้อยล้านปีแล้ว ช่างน่าเบื่อจริงๆ” เสียงของเด็กน้อยดังขึ้นอีกครั้ง

“ข้ามาจากดินแดนอันลึกลับที่เจ้าไม่อาจจินตนาการถึง ที่นั่นทุกคนมีชีวิตเป็นนิรันดร์!”

“แต่วันครึ่งข้าได้ถูกขับไล่ออกมา!”

“ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด เพียงแต่เพราะบิดาข้าเลือกยืนผิดฝั่งข้าถึงได้ถูกขับไล่ออกมา”

“ข้าขอสัตย์สาบานว่าจะต้องกลับไปที่นั่นให้ได้!”

“หลังจากออกมาจากดินแดนแห่งนั้น ต่อให้ข้าจะมีพลังอันไร้ขีดจำกัดก็ไม่สามารถหลบหนีความแก่เฒ่า ดังนั้นข้าจึงลองเสี่ยงบ่มเพาะพลังด้วยทักษะบ่มเพาะเร้นลับที่ถูกเรียกว่าเก้าสวรรค์พินาศ!”

“ร่างกายของทั้งเก้าชาติภพจะถูกฝังและก่อเกิดเป็นชีวิตอันไร้เทียมทานในชาติภพที่สิบ”

“ทุกๆชาติภพข้ามีอายุเพียงหนึ่งล้านปี เมื่อสิ้นอายุขัยครบเก้าครั้ง ข้าก็ได้ปลูกฝังตัวอ่อนแห่งนิรันดร์ในชาติภพนี้”

“เจ้าคงจะสังเกตเห็นแล้วว่าที่นี่มีผลต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ในวิหารทุกชั้น แต่เจ้าคงไม่รู้ว่าผลต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ทุกผลมีวิญญาณของข้าฝังเอาไว้ เมื่อผ่านไปเก้าร้อยล้าปี วิญญาณทุกดวงของข้าจะถูกเสริมให้มีพลังแข็งแกร่งอย่างมหาศาล”

“เมื่อวิญญาณทั้งเก้าดวงผสานรวมเป็นหนึ่ง วิญญาณในชาติภพนี้ของข้าจะแข็งแกร่งเหนือกว่าจอมยุทธทุกคนไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหน!”

“และแล้ววันนี้ซึ่งเป็นวันที่ข้าจะลืมตาตื่นก็มาถึง ข้ากู่ต้าวอี้ สุดยอดอัจฉริยะแห่งอดีตกาลที่ไม่มีวันตาย แบละในชาติภพนี้ความรุ่งโรจน์ของข้าจะเจิดจรัสยิ่งกว่าครั้งก่อน”

เสียงของเด็กน้อยดังก้องเข้ามาในหูของหลิงฮัน

หลิงฮันส่งเสียง ‘โอ้’ ตอนนี้เขาเข้าใจเรื่องราวของถ้ำจ้าวสมุนไพรทั้งหมดแล้ว

“เจ้ามาจากดินแดนแห่งเซียน?”

พรวด!

หากกู่ต้าวอี้ยืนอยู่ด้านหน้าหลิงฮัน เขาจะต้องตกตะลึงจนอ้าปากลิ้นห้อยแน่นอนเนื่องจากเขาคิดมาตลอดว่าดินแดนแห่งเซียนคือความลับอันยิ่งใหญ่ แต่ยังไม่ทันที่เขาจะถือกำเนิด คนคนแรกที่เขาพบเจอกลับรับรู้ถึงดินแดนต้นกำเนิดของเขา

“เจ้ารู้จักดินแดนแห่งเซียนได้อย่างไร?” กู่ต้าวอี้กล่าวถามด้วยความสงสัย ผู้คนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่สมควรรู้เรื่องราวของดินแดนแห่งเซียนเพราะดินแดนแห่งเซียนถูกผนึกมาเป็นเวลานานแสนนานแล้ว

“มีคนบอกข้ามา” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส แน่นอนว่าเขาไม่มีทางบอกอีกฝ่ายว่าเขารู้จักคนที่อยู่ในดินแดนแห่งเซียนอย่างเช่นตำหนักมัจฉาวายุภักษ์

กู่ต้าวอี้กลายเป็นไร้คำพูด คนที่รู้เรื่องดินแดนแห่งเซียนมีมากกว่าหนึ่งคน?

“จริงสิ สุนัขตนนี้มีที่มาที่ไปยังไง?” หลิงฮันถาม

เนื่องจากชายชราที่มีเพียงผิวหนังเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับสุนัขตนนี้ เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย

“ในตอนแรกข้าได้ค้นพบไข่ลึกลับบางอย่างในโบราณสถานของดินแดนแห่งเซียน แต่ไม่คาดคิดว่าสุดท้ายมันจะฟักออกมาเป็นสุนัขสีดำไร้ประโยชน์” กู่ต้าวอี้กล่าวเหยียดหยาม

“โฮ่ง! เจ้านั่นแหละไร้ประโยชน์ ตระกูลเจ้าทั้งตระกูลไร้ประโยชน์!” สุนัขตัวดำไม่นิ่งเฉยและโต้ตอบทันที

กู่ต้าวอี้กล่าวอย่างไม่แยแส “แม้ข้าจะยังไม่ถือกำเนิดและต้องเริ่มต้นใหม่จากพลังบ่มเพาะระดับมนุษย์ แต่เขตแดนลี้ลับแห่งนี้ถูกควบคุมด้วยสัมผัสสวรรค์ของข้า จากที่ดูเหล่าจอมยุทธที่เข้ามาในนี้แล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์คงไม่มีผู้ใดทัดเทียมข้าได้”

สุนัขตัวดำเลิกตะโกนตอบและบ่นพึมพำ “เอาไว้ออกจากที่นี่ก่อนแล้วข้าจะสังสอนเจ้าเอง”

ส่วนตัวแล้วหลิงฮันคิดว่าสุนัขตัวดำตนนี้น่าอัศจรรย์มากทีเดียว อย่างน้อยมันก็สามารถกัดเขาจนรู้สึกเจ็บปวดซึ่งเกรงว่าต่อให้เป็นจอมยุทธระดับดาราก็ไม่สามารถทำได้

เมื่อคิดเช่นนี้หลิงฮันรู้สึกว่าสุนัขตัวดำสมควรแล้วที่จะมีต้นกำเนิดมาจากโบราณสถานในดินแดนแห่งเซียน

เพียงแต่ว่าสุนัขฟักออกมาจากไข่งั้นรึ… เรื่องนี้ค่อนข้างแปลกประหลาดเล็กน้อย

“สุนัขตัวนั้นแปลกประหลาดมาก มันมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่ามันเป็นเพียงสัตว์อสูรระดับดาราแต่กลับมีชีวิตอยู่ได้นานมาจนถึงตอนนี้ แต่ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ผสานร่างทั้งเก้าเป็นหนึ่งได้แล้ว สุนัขนั่นข้ายกให้เจ้าแล้วกัน” กู่ต้าวอี้กล่าว “ไว้เมื่อข้าส่งเจ้าไปลงนรก เจ้าจะได้มีสหายร่วมทางไปด้วย”

“ร่วมทางน้องสาวเจ้าน่ะสิ!” สุนัขตัวดำรีบสบถด่าและหันไปหาหลิงฮัน “เจ้าหนูมัวทำอะไรอยู่ อีกฝ่ายเห็นได้ชัดว่าเป็นตัวตนที่ชั่วร้าย รีบๆจัดการทำลายมันเร็วเข้า”

สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นมืดมน จากที่ฟังจากกู่ต้าวอี้ อีกฝ่ายจะถือกำเนิดใหม่ตั้งแต่ศูนย์ ดังนั้นไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีพรสวรรค์ขนาดไหนก็ต้องใช้เวลาในการบ่มเพาะพลังจนแข็งแกร่ง เพียงแต่ต้าวอี้นั้นสามารถควบคุมรูปแบบอาคมสังหารใต้หล้าได้อย่างสมบูรณ์

หากต้าวอี้ต้องการสังหารพวกเขาคงไม่ใช่เรื่องยากเย็น

“ในเมื่อเจ้าคิดว่าตนเองไร้เทียมทาน เหตุใดต้องมาสนใจข้าด้วย?” หลิงฮันกล่าว เขาไม่อยากใช้หอคอยทมิฬ โดยเฉพาะต่อหน้าตัวตนจากดินแดนแห่งเซียน

“ข้าไม่น่าเป็นภัยคุกคามอะไรไม่ใช่รึไง?”

กู่ต้าวอี้แน่นิ่ง ถึงแม้เขาจะถือกำเนิดใหม่เริ่มต้นจากมนุษย์ธรรมดา แต่ด้วยรากฐานจากชีวิตทั้งเก้าภพ พรสวรรค์ของข้าจะแข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่มีมาในยุคบรรพกาล ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ปีเขาก็จะบรรลุสู่จุดสูงสุดของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ อีกอย่างคนของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จะก้าวเท้าไปยังดินแดนแห่งเซียนได้รึ?

ไม่มีทาง!

ประตูสู่ดินแดนแห่งเซียนถูกปิดมาเป็นเวลานานแล้ว มีเพียงการเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์การสร้างสรรพสิ่งและการทำลายล้างพร้อมกันสองอย่างเท่านั้นถึงจะเปิดทางเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกังวลว่าหลิงฮันจะเข้าไปยังดินแดนศักดิ์สิทธิ์และแพร่งพรายความลับของตัวเขา

“งั้นข้าจะไว้ชีวิตมดปลวกเช่นเจ้าเพื่อเป็นสักขีพยานในความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของข้า”

และแล้วกู่ต้าวอี้ก็ตัดสินใจได้

หลิงฮันกล่าวพึมพำ “อีกหนึ่งร้อยปี สำนักละอองดาราแห่งเขตดวงดาวสี่ทิศจะเปิดรับสมัครสิทธิ์ รุ่นเยาว์ระดับดาราจากเขตดวงดาวใกล้เคียงนับร้อยจะมารวมตัวกัน แต่การจะเข้าร่วมสำนักได้ต้องบรรลุระดับดาราเป็นอย่างน้อย”

กู่ต้าวอี้รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที แม้ชาติภพนี้จะเป็นชีวิตที่สิบของเขา แต่อายุขัยและวิญญาณของเขาจะเริ่มนับใหม่ตั้งแต่หนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ต่างอะไรกับรุ่นเยาว์ทั่วไป หากเขาสามารถโค่นล้มอัจฉริยะระดับราชาในรุ่นเยาว์ได้ มันจะน่าพึงพอใจขนาดไหน?

หลิงฮันหัวเราะในใจ เขารู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฟังอยู่ เมื่อถึงเวลาเขาจะเป็นคนจัดการเจ้าหมอนี่เอง

“ดีล่ะ หลังจากนี้อีกหนึ่งร้อยปี ด้วยความเร็วในการบ่มเพาะพลังของข้าคงเพียงพอที่จะบรรลุระดับดารา เมื่อเวลานั้นมาถึงข้าจะได้ทุกคนใต้ท้องฟ้านี้รับรู้ถึงพลังของข้า!” กู่ต้าวอี้หัวเราะ

“เจ้าไปได้แล้ว จงจำไว้ว่าอีกหนึ่งร้อยปีเจ้าต้องไปยังสำนักละอองดาราเพื่อเป็นสักขีพยานในการกำเนิดตำนานของข้า!”

‘พรึบ’ หลิงฮันรู้สึกเพียงว่าจู่ๆร่างกายก็หนักหน่วง พอรู้ตัวอีกทีเขาก็ออกมานอกถ้ำจ้าวสมุนไพรแล้ว พริบตานั้นเองสัมผัสสวรรค์อันแข็งแกร่งมากมายก็กวาดผ่านมายังตัวเขา สัมผัสสวรรค์เหล่านี้เป็นของปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ซึ่งทำให้เขารู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบซ่อนความลับใดๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด