Alchemy Emperor of the Divine Dao 1581

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1581 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ยังจะสู้ต่อรึไม่?”

“แน่นอน!” เจิ้งมั่วกัดฟัน แขนขวาที่หักแม้จะส่งผลต่อพลังต่อสู้ของเขา แต่หากเว้นระห่างได้และไม่สู้ระยะประชิดมีรึที่เขาจะแพ้หลิงฮัน?

“เข้ามา!” หลิงฮันกวักนิ้ว

“ฮึ่ม!” เจิ้งมั่วยกมือซ้ายขึ้น ‘พรึบ’ มือของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยคลื่นแสง ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นขึงขังพร้อมกับผลักหมัดเข้าหาหลิงฮัน “เมฆาสวรรค์บดขยี้ภูผา!”

ครืน!

ฝ่ามือขนาดใหญ่ประทับลงมาจากท้องฟ้า อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อันทรงพลังระเบิดอำนาจออกมาราวกับสวรรค์กำลังเกรี้ยวกราดจึงได้ลงทัณฑ์โลกนี้ด้วยหัตถ์แห่งทวยเทพ

หลิงฮันพยักหน้าในใจ พลังของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาแต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์นั้นทรงพลังกว่า เมื่อใช้ทักษะยุทธ์เสริมเข้ามาด้วยพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายจึงทะยานสูงขึ้นไปอยู่ในระดับที่น่าสะพรึงกลัว

แต่คิดว่าตัวเองก็ไม่มีทักษะยุทธที่ทรงพลังรึ?

หลิงฮันยกนิ้วมือปลดปล่อยคลื่นดาบนับไม่ถ้วนเข้าปะทะกับฝ่ามือขนาดใหญ่

ทักษะดาบฟ้าคำราม!

เมื่อผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองให้เป็นหนึ่งได้ อำนาจของทักษะดาบฟ้าคำรามก็ทรงพลังยิ่งขึ้นไปอีก

‘ฉัวะ ฉัวะ ฉัวะ’ ปราณดาบมากมายพุ่งทะยานขึ้นสู่เก้าชั้นฟ้า!

อำนาจของทักษะดาบฟ้าคำรามในตอนนี้ทรงพลังมากจริงๆ พื้นฐานของทักษะนี้มาจากทักษะบัญญัติดาบไว ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์และกาลเวลาแปรผันพันปี รวมถึงมันเป็นทักษะที่หลิงฮันคิดค้นขึ้นเองเขาจึงสามารถปลดปล่อยอำนาจของมันได้ถึงขีดสุด

ฝ่ามือขนาดใหญ่ของเจิ้งมั่วพังทลายในพริบตา อำนาจของฝ่ามือสลายหายไปจนแม้แต่ชุดคลุมของหลิงฮันก็ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

แข็งแกร่ง!

เหล่าราชารุ่นเยาว์ขมวดคิ้ว ไม่ว่าพวกเขาจะไม่พอใจหลิงฮันขนาดไหนแต่ก็ต้องยอมรับในพลังของหลิงฮัน

ในการต่อสู้ระดับเดียวกันที่จริงเจิ้งมั่วสมควรเป็นฝ่ายได้เปรียบด้วยซ้ำเนื่องจากเขามีความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สูงกว่า แต่ความจริงกลับไม่เป็นแบบนั้น ก่อนหน้าแขนของเขาแตกหักไปแล้ว แถมตอนนี้การโจมตีของก็ยังถูกสลายด้วยพลังที่ทัดเทียมกันอีก

ใบหน้าของเจิ้งมั่วก็เปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง ในการต่อสู้ระดับเดียวกันเขาควรกำราบคู่ต่อสู้ได้อย่างราบคาบแท้ๆ

เขาไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ในฐานะสุดยอดราชาและอัจฉริยะไร้ที่เปรียบเขาไม่อาจยอมให้แพ้ใครอื่นในระดับพลังที่เท่ากัน ดวงตาของเขาส่องประกาย ทันใดนั้นรอบกายของเขาก็มีควันล่องลอยออกมาราวกับหมู่เมฆ

‘ครืน’ ออร่าของเขาทรงพลังขึ้นในพริบตา

วิถีโคจรดาราจักรของเขายังมีเพียงดวงดาวหมื่นดวงที่ส่องประกายเหมือนเดิม แต่ถึงอย่างนั้นพลังต่อสู้ของเขากลับเพิ่มสูงขึ้น

“ทักษะระดับนิรันดร์ของตระกูงเจิ้ง… ทักษะเมฆหมอกแปรผัน!”

“ทักษะนั้นไม่เพียงทำให้พลังต่อสู้ทะยานสูงขึ้นแต่ร่างกายยังไม่ได้รับความเสียหายจากการโจมตีต่างๆด้วย”

“ไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกต้อนให้ใช้ทักษะนี้ออกมาเร็วขนาดนี้”

เจิ้งมั่วคำรามและลงมือจู่โจม มือทั้งสองของเขาสั่นไหวพร้อมกับปลดปล่อยคลื่นแสงออกมาและแปรเปลี่ยนเป็นหอกสองเล่มโจมตีเข้าใส่หลิงฮัน หอกทั้งสองถูกปกคลุมไว้ด้วยรูปแบบอาคมอสูรที่ส่องประกายเจิดจ้า

การโจมตีนี้ทรงพลังกว่ามาฝ่ามือก่อนหน้านี้มาก

หลิงฮันพยักหน้าในใจ เขาไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย มาดูกันมาใครจะมีทักษะระดับนิรันดร์มากกว่ากัน

‘พรึบ’ ความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างของหลิงฮันและโอบล้อมไปทั่วพื้นที่

ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ทักษะนิรันดร์ที่เขาใช้เวลาบ่มเพาะเกือบจะสามพันปี

ภายในความมืดมิดอันเป็นอนันต์ ทุกสรรพสิ่งได้หายไปอย่างไรร่องรอย

ไม่สามารถมองเห็น ไม่สามารถได้ยิน ไม่สามารถสัมผัส ราวกับว่าโลกใบนี้ไม่หลงเหลืออะไรอยู่เลย

“อะไรกัน เหตุใดข้าถึงมองผ่านความมืดนั่นเข้าไปไม่ได้?” ใครบางคนอุทาน เขาคือจอมยุทธที่บ่มเพาะพลังบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ แม้จะเพิ่มขัดเกลาดวงดาวได้เพียงหนึ่งล้านดวงแต่เขาก็แข็งแกร่งกว่าหลิงฮันมา เหตุใดกันเขาถึงไม่สามารถมองทะลุความมืดมิดนั่นได้?

จอมยุทธรุ่นเยาว์ทุกคนหันไปมอง จางถิง เย่เฉวียนและหลิวตังเนื่องจากทั้งสามเป็นอัจฉริยะที่ขัดเกลาดวงดาวได้เกินสามล้านดวง เพียงแต่ว่าสิ่งที่ทั้งสามคนตอบกลับพวกเขามาคือการส่ายหัว

เหลือเชื่อ แม้แต่ทั้งสามก็มองผ่านเข้าไปไม่ได้!

ทุกคนเปลี่ยนไปจ้องมองจ้าวอสูรรุ่นเยาว์ทั้งสามอย่างโอวหยางเหอ เหลิงเซี่ยวเหรินและโก้วไห ส่วนกู่เฟิงนั้นพวกเขาไม่คุ้นเคยจึงไม่คิดจะถาม

โอวหยางเหอคือคนที่เป็นมิตรมากที่สุด เขากล่าว “ความมืดนั่นสมควรเป็นทักษะระดับนิรันดร์ที่ผลึกประสาทมสัมผัสรับรู้ทั้งห้า หากอยู่ในระดับพลังเดียวจะได้รับผลกระทบจากทักษะอย่างเลี่ยงไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าจะมากหรือน้อย มีเพียงจอมยุทธที่ระดับพลังสูงกว่าเขาหนึ่งระดับใหญ่เท่านั้นถึงจะไม่ได้รับผลกระทบ”

กล่าวคือมีเพียงจ้าวอสูรเท่านั้นที่จะได้ไม่รับผลกระทบจากทักษะของหลิงฮัน แต่หากหลิงฮันบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่ง ต่อให้เป็นจ้าวอสูรสวรรค์ก็ต้องได้รับผลกระทบแต่ผลลัพธ์คงจะไม่มากเท่าไหร่

คนนอกแบบหลิงฮันมีทักษะระดับนิรันดร์ด้วย?

ร่างของเจิ้งมั่วหยุดชะงักแน่นิ่ง ท่ามกลางความมืดมิดร่างของเขาพบว่าการมอง การได้ยินและการรับรู้อื่นๆของเขาถูกบีบจนเหลือเพียงระยะที่แคบมาก เนื่องจากเจิ้งมั่วเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์ การจะผลึกประสาทสัมผัสทั้งหมดของเขาอย่างสมบูรณ์คงเป็นไปไม่ได้

เพียงแต่ว่าตอนนี้เขาไม่รู้ว่าแต่ว่าหลิงฮันอยู่ที่ไหน แล้วเขาจะเอาชนะได้อย่างไร?

หลิงฮันยิ้มและกวัดแกว่งมือขวาเข้าใส่เจิ้งมั่ว

ร่างเงามังกรทะยาน… ทักษะระดับนิรันดร์!

‘ครืนน’ มือขวาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกงเล็บมังกรทองคำและกวัดแกว่งอย่างรวดเร็วจนทิ้งเงาเอาไว้ตามชื่อทักษะ ความเร็วของทักษะนี้มากจนจอมยุทธระดับเดียวกันสามารถมองเห็นแต่ภาพติดตา

สีหน้าของเจิ้งมั่วหยุดแน่นิ่งเปลี่ยนไป ท่ามกลางความมืดมิดนี้ปฏิกิริยาตอบโต้ของเขาถูกลดลงกว่าปกติมากแถมหลิงฮันยังจู่โจมด้วยทักษะที่รวดเร็วอีก

“และก็นี่!” หลิงฮันหัวเราะ ในขณะที่มือขวาของเขาปลดปล่อยทักษะร่างเงามังกรทะยานอยู่ มือซ้ายของเขาก็โคจรใช้ทักษะดาบฟ้าคำรามพร้อมกัน

อย่างที่รู้ว่าทักษะดาบฟ้าคำรามคือการผสานรวมกับกาลเวลาแปรผันพันปี นั่นหมายความว่าตอนนี้หลิงฮันใช้ทักษะนิรันดร์ออกมาถึงสี่ทักษะ

ในดินแดนใต้พิภพนี้จะมีใครอื่นรึไม่ที่สามารถใช้ฝึกฝนและใช้งานทักษะระดับนิรันดร์ได้สี่ทักษะพร้อมกัน?

มีเพียงแค่หลิงฮันคนเดียว!

แต่หากเป็นในอนาคตบางทีจักรพรรดินีอาจจะน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเขาเนื่องจากนางมีร่างแยกทั้งเก้า ตามหลักแล้วสมควรเป็นไปได้ที่นางจะปลดปล่อยทักษะนิรันดร์พร้อมกับจากร่างทั้งสิบ

เจิ้งมั่วพยายามตอบโต้แต่ก็ทำได้เพียงลาถอยและมีรอยแผลแห่งเต๋าปรากฏตามร่างกาย หากไม่ใช่เพราะเกราะดำทมิฬที่สวมใส่อยู่ไร้เทียมทานบาดแผลที่เขาได้รับคงไม่ใช่เพียงเท่านี้

“อ้ากกก!” เขาคำรามลั่นและระเบิดพลังปัดเป่าความมืดมิดรอบข้างจนหายไปไม่เหลือ

ในขณะเดียวกันดวงดาราเกินกว่าสองล้านดวงได้ส่องประกายขึ้นในวิถีดาราจักร สุดท้ายเขาก็คืนคำพูดโดยการปลดปล่อยพลังของดวงดาราทั้งหมดออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด