Alchemy Emperor of the Divine Dao 1606

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1606 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“และแล้วเจ้าก็ปรากฏตัว!” ไช่เหมี่ยวกล่าวด้วยเสียงโหดเหี้ยม

เขาเคยคิดว่าต้องการจะครอบครองจักรพรรดินีด้วยกำลัง ซึ่งตอนนี้เขาก็มีแล้ว!

“จงศิโรราบต่อข้า!” ไช่เหมี่ยวลงมือ ความมืดมิดได้กัดกินหัวใจของเขาไปแล้ว ภาพที่เขาต้องการเห็นคือภาพที่จักรพรรดินีคุกเข่าแทบเท้าตนเอง

จักรพรรดินีคร้านเกินกว่าจะกล่าวอะไร นางปล่อยฝ่ามือเข้าใส่ไช่เหมี่ยวอย่างรวดเร็ว

ตูม!

คราวนี้ไช่เหมี่ยวไม่ถูกซัดจนร่างกระเก็น เขาสามารถปล่อยหมัดต้านฝ่ามือจักรพรรดินีเอาไว้ได้

“ฮ่าๆ ข้าไม่ใช่ตัวข้าคนก่อนแล้ว!” พลังที่ได้รับมาช่างยอดเยี่ยมนัก ไช่เหมี่ยวหัวเราะและเอื้อมมือออกไปหวังจะคว้าข้อมือของจักรพรรดินี

เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า ไม่เพียงแค่เหล่าศิษย์เท่านั้นที่เกรี้ยวกราดแต่เหล่าเซียนของตระกูลฮูก็เช่นกัน ‘มดปลวกไร้ค่า กล้าดีอย่างไรคิดแตะต้องสตรีที่พวกเขาหมายปอง?’

แน่นอนว่าจักรพรรดินีไม่ยอมให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ นิ้วมือทั้งห้าของนางสะบัดพริ้วไหวปลดปล่อยปราณดาบออกไป

ตูม ตูม ตูม ทั้งสองเข้าปะทะกันในระยะปะชิดอย่างต่อเนื่อง พลังของทั้งสองฝ่ายเรียกว่าแทบจะเท่าเทียมกันทำให้ไม่มีใครเป็นฝ่ายได้เปรียบ

“ข้ายังแข็งแกร่งได้อีก!” ไช่เหมี่ยวคำราม เขาสูดหายใจลึกและระเบิดพลังออกมาจากร่างกาย อำนาจของดวงดาวแต่ละดวงถูกรีดเค้นจนถึงขีดจำกัด

“ข้าคือราชาไร้เทียมทาน!” ไช่เหมี่ยวปล่อยหมัดเข้าใส่จักรพรรดินีพร้อมกับกระตุ้นอำนาจของรูปแบบอาคมสังหาร

“พลังของเขาเกือบจะเท่ากับจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่มีดวงดาวสองล้านดวง” หลิงฮันมองและกล่าวในใจ ในดินแดนต้องห้ามอัจฉริยะที่ขัดเกลาพลังจนถึงระดับนี้ได้มีอยู่น้อยนิด แต่คนเหล่านั้นบ่มเพาะพลังด้วยตัวเองไม่เหมือนกับไช่เหมี่ยวในตอนนี้

หลิงฮันมองออกว่าอำนาจที่ทรงพลังขนาดนั้นต้องแลกมาด้วยพลังชีวิตอันมหาศาล หลังจากการประลองนี้ ต่อให้ไม่ตายไช่เหมี่ยวก็ต้องพิการ

และต่อให้ไช่เหมี่ยวจะมีพลังขนาดนั้น จักรพรรดินีก็ยังรับมือไหว

ใบหน้าของจักรพรรดินียังคงแสดงออกถึงความไม่แยแส นางปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬออกไป ความมืดมิดอันเป็นอนันต์โอบล้อมร่างของไช่เหมี่ยวเอาไว้ ประสามสัมผัสที่หายไปทำให้เขาไม่สามารถระบุได้ว่าศัตรูอยู่ตรงไหน

“แค่นี้ยังไม่พอ!” ไช่เหมี่ยวคำรามและโหมกระหน่ำปล่อยหมัดราวกับพายุเพื่อปัดเป่าความมืดมิด

ด้วยพลังอันไร้เทียมทานในตอนนี้ ไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งเขาได้

จักรพรรดินีไม่หวั่นไหวและยกฝ่ามือขึ้นมา ‘ตูม ตูม ตูม ตูม’ ฝ่ามือของนางปลดปล่อยทักษะร่างเงามังกรทะยานออกไปด้วยความเร็วสูงจนไช่เหมี่ยวไม่อาจหลบหลีกได้ทัน

ไช่เหมี่ยวถูกซัดอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ต้องรู้สึกตกตะลึงเมื่อพบว่าพลังฟื้นฟูของตนเองในตอนนี้น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก แม้ฝ่ามือของจักรรพดินีจะสร้างบาดแผลสาหัสให้แก่เขา บาดแผลก็ฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว

หลังจากพบว่าร่างกายของตัวเองไม่มีบาดแผลใดๆเลยแม้แต่น้อย ไช่เหมี่ยวก็หัวเราะลั่น พลังของเขาในตอนนี้ทรงพลังเกินไป แม้จะเป็นตัวเขาเองก็ยากที่จะทำใจเชื่อได้ลง

สมกับเป็นอำนาจที่ได้รับจากราชาเซียน ช่างฝืนสวรรค์ยิ่ง!

“ถึงคราวของข้าบ้าง!” เขาปลดปล่อยการโจมตีตอบโต้

ทั้งสองแลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันอย่างดุเดือด ไช่เหมี่ยวนั้นแม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสอย่างต่อเนื่องแต่ก็ฟื้นฟูตนเองได้แทบจะในพริบตา

จักรพรรดินีไม่แยแส ในที่สุดนางก็โคจรพลังของสายเลือดปลดปล่อยทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญ ร่างแยกของนางค่อยๆเดินออกมาจากร่างหลัก ผ่านไปไม่นานก็มีจักพรรดินีถึงสิบคนยืนเคียงข้างกัน

“ทักษะแยกร่าง?” ไช่เหมี่ยวไม่หวาดกลัว ร่างแยกจะทรงพลังเทียบเท่าร่างหลักได้อย่างไร อย่างมากร่างแยกก็ทำได้เพียงสร้างความสับสนเท่านั้นและมีพลังต่อสู้เพียงน้อยนิด

จักรพรรดินีลงมือ ‘ครืนนน’ ร่างทั้งสิบปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ออกไปพร้อมกัน

ทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ทักษะร่างเงามังกรทะยาน กาลเวลาแปรผันพันปีและทักษะดาบฟ้าคำรามถูกโหมกระหน่ำเข้าใสไช่เหมี่ยว

ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!

ไช่เหมี่ยวถูกกระหน่ำโจมตีไม่ยั้ง แม้พลังฟื้นฟูของเขาจะอัศจรรย์แต่ก็ไม่สามารถรองรับการโหมกระหน่ำโจมตีจากจักพรรดินีสิบคนได้ เขากระอักโลหิต ร่างกายที่รับการโจมตีเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูปจนกระดูกแตกหักและโผล่ออกมาภายนอก

“ข้าไร้เทียมทาน!” ไช่เหมี่ยวคำรามเสียงดังกึกก้อง เขายังอยากสู้ต่อ เพียงแต่ว่าจู่ๆพลังในร่างของเขาก็ลดฮวบลงอย่างรวดเร็วจนพริบตาเดียวก็ไม่มีพลังหลงเหลืออยู่ในร่างกาย

อย่าเพิ่งพูดถึงว่าไร้เทียมทานรึเปล่า ตอนนี้พลังของเขาลดลงไปกว่าพลังในตอนแรกเริ่มด้วยซ้ำ

ร่างกายของเขากลายเป็นแก่ชรา ผิวหนังเหี่ยวย่นและเส้นสมเป็นสีขาวโพลน ทั่วทั้งใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอย ไช่เหมี่ยวในตอนนี้มีสภาพเหมือนกับคนใกล้ตาย

‘ขะ….’ เขายังคงดื้อรั้นจะฝืนลุกขึ้นสู้ เพียงแต่แค่พลังจะลุกขึ้นยืนเขาก็ไม่มีเหลือ

จักรพรรดินีสะบัดแขนสั่งให้ร่างแยกทั้งเก้ากลับสู่ร่างหลัก นางไม่แม้จะเหลียวมองไช่เหมี่ยวและเดินกลับมายืนข้างหลิงฮัน

‘อั่ก! อั่ก!’ กลางลานประลอง ไช่เหมี่ยวยังคงกระอักโลหิตไม่หยุด พลังบ่มเพาะของเขาไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป และด้วยบาดแผลสาหัสตามร่างกายเกรงว่าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

เขามองไปยังทิศทางของฮูลั่วโดยยังคาดฝันว่าฮูลั่วจะยื่นมือมาช่วยเขา แต่นั่นก็เป็นแค่ความคิดเพ้อฝัน คนของตระกูลฮูทุกคนต่างแสยะยิ้ม พวกเขาเห็นไช่เหมี่ยวเป็นเพียงสุนัขรับใช้เท่านั้น และเมื่อสุนัขกำลังใกล้ตายพวกเขาจำเป็นต้องแยแสด้วย?

เซียนซิงฉาพยักหน้าให้กับเซียนหมิงซิน เซียนหมิงซินพยักหน้าตอบรับและไปนำร่างของไช่เหมี่ยวกลับมา เขาส่งผ่านพลังเซียนเข้าไปในร่างอีกฝ่ายเพื่อระงับอาการบาดเจ็บเอาไว้ชั่วคราว

“คนเช่นนี้จะให้ตายไปแบบสบายๆไม่ได้!” เซียนหมิงซินกล่าว

เหล่าศิษย์ที่คิดว่าเซียนหมิงซินต้องการช่วยเหลือไช่เหมี่ยว เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าเห็นด้วยทันที ใช่แล้ว คนที่ทรยศต่อสำนักจะปล่อยให้ตายไปง่ายๆได้อย่างไร?

ฮูลั่วไม่สนใจ เขาสะบัดมือและกล่าว “ประลองต่อได้”

คนของตระกูลฮูก้าวออกมา เขากวาดสายตามองเหล่าศิษย์ก่อนจะจดจ้องค้างอยู่ที่หลิงฮัน “ข้าคือฮูหยางเฉิน ข้าอยากขอคำชี้แนะจากน้องชายหลิง”

ถึงเวลาแล้วงั้นสิ!

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ในเมื่ออยากตายเร็วขนาดนั้น ทำไมข้าจะสนองให้ไม่ได้ล่ะ?”

ฮูหยางเฉินเกรี้ยวกราด เขาคือจอมยุทธที่บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นสมบูรณ์และควบแน่นดวงดาวได้เกือบจะสามล้านดวง อีกฝ่ายที่เป็นเพียงจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงไปเอาความมั่นใจมาจากไหนว่าจะจัดการข้าได้?

“งั้นก็มาสู้กัน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด