Alchemy Emperor of the Divine Dao 1643 ส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งเซียน

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1643 ส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งเซียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟังจากเสียงอวดดีของชายวัยกลางคนแล้ว ผู้คนรอบข้างก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าแปลกประหลาด ทั้งสองคนกำลังจะทำเรื่องน่าอับอายเข้าแล้ว

ทุกคนรู้จักสองคนที่ปรากฏตัว ชายวัยกลางคนมีชื่อว่าถงอี้ ส่วนรุ่นเยาว์มีชื่อว่าถงเหวินจง ตระกูลถงของพวกเขาคือขุมอำนาจระดับวารีนิรันดร์ ประมุขตระกูลถงคือปรมาจารย์ที่บรรลุเป็นระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเมื่อหนึ่งร้อยล้านปีก่อน

แต่หลิงฮันคือใคร?

เซียน!

ต่อหน้าเซียน ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดก็ไม่นับเป็นอันใดได้

พวกเจ้ากล้าตะโกนใส่เซียนเช่นนั้น หากไมใช่การแส่หาความตายแล้วจะเป็นอะไร?

“พี่ชายถงอี้ ท่านทำท่าทางเสียมารยาทกับผู้อาวุโสแบบนั้นได้อย่างไร? รีบขอโทษเดี๋ยวนี้!” ใครบางคนรีบกล่าวเตือนซึ่งดูเหมือนเขาจะเป็นสหายกับชายวัยกลางคนถงอี้

ถงอี้มองไปยังคนที่กล่าวเตือนก่อนจะเค้นเสียงในใจ นี่เจ้าใช่สหายของข้าจริงรึเปล่า? อีกฝ่ายก็แค่โชคดีบรรลุระดับดาราในทั้งๆที่อายุน้อยเท่านั้น เหตุใดถึงต้องยกย่องอีกฝ่ายว่าเป็นผู้อาวุโสด้วย?

“จะเป็นผู้อาวุโสหรืออะไรก็ช่าง ในเมื่อทำร้ายคนตระกูลถงของข้าต่อให้เป็นราชาสวรรค์ที่สูงส่งก็ต้องคุกเข่าขออภัย!” เขากล่าวอย่างหยิ่งผยอง

“โอหัง!” หยางหมิงลุกขึ้นและถลึงตาใส่ถงอี้

“หืม น้องชายหยาง!” ถงอี้ชะงัก เขาอาจจะไม่ค่อยรู้จักคนอื่นมากนัก แต่เขาย่อมรู้จักหยางหมิงที่เป็นผู้นำรุ่นเยาว์แห่งยุค ชื่อเสียงของอีกฝ่ายโด่งดั่งไปถึงเขตดวงดาวรอบข้าง

อัจฉริยะผู้นี้มีโชคชะตาที่จะกลายเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่แข็งแกร่งเขาจึงต้องมีท่าทางสุภาพ ตอนนี้เขาอาจจะเรียกอีกฝ่ายว่าน้องชายหยาง แต่ต้องมีสักวันแน่ที่เขาจะเรียกอีกฝ่ายว่าปรมาจารย์หยาง

“ยังไม่รีบขออภัยผู้อาวุโสอีก!” หยางหมิงคำรามเสียงเย็นชา ต่อให้เขายังต้องคุกเข่าเพื่อขอโทษอีกฝ่าย แล้วเจ้าล่ะเป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหน

ถงอี้ชะงัก ขนาดหยางหมิงก็ยังกล่าวเช่นนั้น? รุ่นเยาว์ตรงหน้านี้มีขุมอำนาจที่ทรงพลังอยู่เบื้องหลัง? ระ ระ หรือว่าอีกฝ่ายจะเป็นทายาทของเซียน! ต้องใช่แน่ ไม่เช่นนั้นแล้วทายาทของขุมอำนาจระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุดเช่นหยางหมิงคงไม่มีท่าทางเช่นนี้

ใบหน้าของถงอี้แปรเปลี่ยนเป็นซีดเผือกด้วยความหวาดกลัว

หลิงฮันยิ้ม เขาพยักหน้าให้กับหลงอวี่ซานและหลงเซียงเยว่ก่อนจะจับมือสตรีนกอมตะเดินผ่านทางเข้าโบราณสถานไปพร้อมกัน

ถงอี้จ้องมองหลิงฮันจากด้านหลังโดยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ เมื่อกลุ่มหลิงฮันทั้งห้าคนจากไปเขาก็รีบเอ่ยถามหยางหมิงทันที “น้องชายหยาง รุ่นเยาว์ผู้นั้นมีเบื้องหลังแบบใดกัน?”

“รุ่นเยาว์ผู้นั้น?” หยางหมิงเค้นเสียงกล่าวเย็นชา “คนผู้นั้นคือเซียน!”

พรวด!

ถงอี้สำลักและหายใจติดขัดทันที เขากล่าวด้วยน้ำเสียงตกตะลึง “น้องชายหยาง เจ้าไม่ได้ขู่ข้าใช่หรือไม่ เป็นไปได้อย่างไรที่เซียนจะเยาว์วัยขนาดนั้น?”

“ฮึ่ม ใช้เวลาคิดให้ดีแล้วกันว่าจะขอโทษผู้อาวุโสคนนั้นอย่างไร ไม่เช่นนั้นคนที่ซวยจะไม่ใช่แค่เจ้าแต่ตระกูลถงของเจ้าจะถูกลบหายไปอย่างสมบูรณ์!” หยางหมิงกล่าว คำพูดของเขาไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด ความโกรธของเซียนนั้นแม้แต่สวรรค์และปฐพีก็ยังต้องเปลี่ยนสี

เขาสะบัดแขนเสื้อเดินจากไป

ในขณะเดียวกัน สหายของถงอี้เองก็ส่ายหัวและจากไป คำกล่าวเตือนก่อนหน้านี้ของเขาคือการช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถแล้ว

“ผู้อาวุโสเจ็ด จะทำอย่างไรกันดี?” ถงเหวินจงเอ่ยถามถงอี้ด้วยใบหน้าเศร้าโศก

“ทำอย่างไรงั้นรึ? ข้าจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าควรทำอย่างไร!” ถงอี้ตบใบหน้าของถงเหวินจงด้วยความโกรธ “เจ้าตัวบัดซบ หากเจ้าอยากตายก็ตายไปคนเดียว ทำไมต้องลากคนอื่นไปเกี่ยวด้วย?”

ถงเหวินจงอยากจะร้องไห้ เขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าคนที่ดูอายุน้อยขนาดนั้นจะเป็นเซียน

……

หลิงฮันลืมเหตุการณ์ไร้สาระที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ในขณะที่เดินเข้าประตูทางเข้ามาได้สักพักและมาถึงจุดหนึ่งจู่ๆเขาก็รู้สึกได้ว่าร่างกายก็เกิดการชะงัก

พริบตาต่อเขาร่างของเขาก็ปรากฏขึ้นในโลกที่แตกต่าง

สิ่งแรกที่สัมผัสได้จากที่นี่เลยคือพลังวิญญาณที่เข้มข้นกว่าปกติหลายร้อยเท่า หากบ่มเพาะพลังที่นี่ การสะสมปราณก่อเกิดคงเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินบรรยาย ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเหล่าเซียนถึงไม่กลับออกมาจากที่นี่

“ช่างเป็นพลังวิญญาณที่หนาแน่นอะไรอย่างนี้” เซียนหวู่เซียงตะลึง “ข้าที่เคยเดินทางไปดวงดาวต่างๆมาแล้วนับไม่ถ้วน ไม่เคยพบเจอสถานที่ใดที่น่าอัศจรรย์เช่นนี้มากก่อน”

สตรีนกอมตะพยักหน้าและกล่าว “หากที่นี่ไม่ปิดเสียก่อน พวกเราสามารถบ่มเพาะพลังจนบรรลุเป็นเซียนระดับสูงแล้วค่อยกลับออกไปก็ไม่เสียหาย”

หลิงฮันกวาดสายตามองรอบด้านที่มีแต่ภูเขาสูงเสียดฟ้า แม้แต่สายตาของเซียนก็ไม่อาจมองไม่เห็นยอดเขา

“ภูเขาเหล่านี้ไม่ได้แค่สูงอย่างเดียวแต่ยังมีพลังงานลึกลับบางอย่างคอยขัดขวางสัมผัสสวรรค์ของพวกเรา” เซียนหวู่เซียงกล่าว

ทั้งห้าคนเหินร่างขึ้นสู่ท้องฟ้าเพื่อมองสำรวจภาพรวมจากมุมมองด้านบน เพียงแต่ว่าเพื่อพวกเขาลอยขึ้นสูงถึงจุดจุดหนึ่ง พวกเขากลับพบว่าพลังงานลึกลับอันทรงพลังได้เหนี่ยวรั้งพวกเขาเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขึ้นไปสูงกว่าเดิมได้

ต่อให้พวกเขาจะเป็นเซียน ความสูงที่สามารถลอยได้ก็คือราวๆพันลี้เท่านั้น หลิงฮันที่แข็งแกร่งกว่าใครสามารถฝืนลอยขึ้นไปได้ถึงสามพันลี้ แต่เมื่อเทียบกับความสูงเสียดฟ้าของภูเขาแล้ว ความสูงเพียงสามพันลี้ไม่สามารถนับเป็นอันใด

ยิ่งทางด้านของหลงเซียงเยว่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางไม่สามารถลอยขึ้นสูงกว่าระยะความสูงร้อยลี้

หลังจากทั้งห้าร่อนลงสู่พื้น หลิงฮันและคนอื่นๆก็หันมองหน้ากันด้วย

“โบราณสถานนี้คือส่วนหนึ่งของดินแดนแห่งเซียนที่หลุดรอดออกมาไม่ผิดแน่!”

นอกจากดินแดนแห่งเซียนแล้ว สถานที่ใดในโลกบรรพดาลจะมีพลังวิญญาณที่หนาแน่นเช่นนี้? นอกจากดินแดนแห่งเซียนแล้ว อำนาจใดจะสามารถเหนี่ยวรั้งเซียนไม่ให้เหาะเหินได้?

“บางที่ที่นี่อาจจะมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำอยู่จำนวนมาก แม้แต่สมุนไพรนิรันดร์อาจจะมีโอกาสได้พบเห็น!” ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย ในดินแดนแห่งเซียนสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำไม่สมควรเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากนัก

“อะไรคือดินแดนแห่งเวียน?” หลงอวี่ซานเอ่ยถาม

หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะตอบ “เหนือดินแดนของพวกเรายังมีดินแดนที่สูงกว่า อืม… แต่จะกล่าวแบบนั้นก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ดินแดนแห่งเซียนนั้นแท้จริงเคยเป็นส่วนหนึ่งของโลกบรรพกาล”

เขาสรุปข้อมูลที่มีและเล่าอธิบายถึงที่มาของดินแดนแห่งเซียนให้สตรีตระกูลหลงทั้งสองฟัง

หลงอวี่ซานและหลงเซียงเยว่ชะงักร่างแข็งค้าง ในตอนแรกพวกนางก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ แต่มีรึที่หลิงฮันจะแต่งเรื่องหลอกพวกนาง?

เหนือสิ่งอื่นใด พลังวิญญาณของที่นี่ก็หนาแน่นเกินกว่าจะหาเหตุผลอื่นมาอธิบายได้

ทันใดนั้นเองจู่ๆร่างของหลงเซียงเยว่ก็ทรุดตัวราวกับไร้เรี่ยวแรง หลงอวี่ซานรีบประคองนางเอาไว้และกล่าว “เกิดอะไรขึ้น?” หรือเป็นเพราะนางจะตกตะลึงเรื่องดินแดนแห่งเซียนมากเกินไปจนเข่าอ่อน?

“พลังวิญญาณของที่นี่รุนแรงเกินไปจนร่างกายของข้าปรับสภาพไม่ไหว” หลงเซียงเยว่กล่าว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด