Alchemy Emperor of the Divine Dao 1653 คาดเดา

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1653 คาดเดา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อความเห็นของทั้งห้าคนเห็นพ้องต้องกัน พวกเขาก็เตรียมตัวล่าถอย หากยังฝืนสู้ต่อไปพวกเขาทุกคนคงหนีไม่พ้นความตาย

“คิดหนี?” หลิงฮันคาดการณ์เนื่องนี้ไว้แล้ว เขาโคจรเพลิงเก้าสวรรค์สยายออกเป็นกรงเพลิงขนาดใหญ่

“ไม่ดีแล้ว!” ทั้งห้าคนหวาดผวา

หลังจากการปะทะที่ยาวนานพวกเขาย่อมรับรู้ได้ว่าเพลิงเก้าสวรรค์น่าสะพรึงกลัวเพียงใด ไม่มีทางเลยที่พวกเขาจะกล้าสัมผัสกับเพลิงที่ทรงพลังขนาดนี้

“สังหารเจ้าหนูนั่นก่อน!” ทั้งห้าคนหันมองหลิงฮันพร้อมกันและตั้งหลิงฮันเป็นเป้าหมาย

ตอนนี้เมื่ออยู่ในสถานการณ์เป็นตาย แน่นอนว่าพวกเขาย่อมใช้พลังทั้งหมดออกมาเพื่อจัดการหลิงฮัน ก่อนหน้านี้แม้พวกเขาจะไม่ได้ออมมือแต่การโจมตีส่วนใหญ่ก็เพ่งเล็งไปยังเสี่ยวกู่ สำหรับหลิงฮันนั้นพวกเขาเป็นฝ่ายทำการป้องกันเป็นหลัก

หลิงฮันตกอยู่ภายในแรงกดดันอันหนักอึ้งทันทีที่ต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีของราชาเซียนสูงสุดถึงห้าคน แถมหนึ่งในห้ายังมีพลังต่อสู้ที่เหนือขีดจำกัดของราชาเซียนสูงสุดไปแล้วอีกด้วย ทุกๆการโจมตีของพวกเขารุนแรงราวกับถูกคลื่นยักษ์ถาโถม

แต่หลิงฮันก็ไม่มีหนทางอื่นให้เลือก เขาฝืนลงมือตอบโต้ทั้งห้าคนอย่างเต็มกลืน

เสี่ยวกู่คำราม ในความคิดของมันหลิงฮันคือมนุษย์คนแรกที่ได้พบเจอและใจดีกับมันเป็นอย่างมาก แม้ทั้งห้าคนจะเป็นศัตรูตามสัญชาตญาณของมันอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นทั้งห้าคนหันไปลงมือกันหลิงฮัน ความเกรี้ยวกราดของมันก็ทะยานสูงขึ้นไปอีก

ภายใต้อารมณ์อันโกรธเกรี้ยว ทั่วร่างของมันระเบิดคลื่นแสงออกมาพร้อมกับอาวุธที่ปรากฏมาอยู่ในกำมือ

อาวุธที่ว่าคือแท่งกระดูก!

แท่งกระดูกคือร่างแท้จริงของเสี่ยวกู่ แม้แท่งกระดูกจะมีขนาดไม่ยาวนักแต่คลื่นแสงสีมรกตที่ถูกปลดปล่อยออกมาจากตัวกระดูก ได้ควบแน่นกลายเป็นดาบที่อัดแน่นไปด้วยพลังทำลายล้างอันน่าสะพรึงกลัว

กระดูกนั่นไม่มีทางเป็นของราชาเซียน อย่างน้อยมันต้องเป็นกระดูกของตัวตนระดับระดับโลกียนิพพานขึ้นไป!

ตามหลักแล้ว อาวุธระดับโลกียนิพพานนั้นหากผู้ใช้มีพลังบ่มเพาะไม่ถึงระดับโลกียนิพพานมันก็ไม่ต่างอะไรจากอาวุธระดับราชาเซียน แต่เสี่ยวกู่นั่นต่างออกไป กระดูกนั่นคือร่างกายของมันเองในขณะที่ร่างกายเป็นเพียงหุ่นเชิด

แต่ทว่า ตอนนี้สิ่งที่ราชาเซียนสูงสุดทั้งห้าหวาดกลัวไม่ใช่คลื่นแสงมรกต ไม่ว่าคลื่นแสงมรกตจะทรงพลังขนาดไหนแต่หากผู้ใช้ไม่แข็งแกร่งพอพวกเขาก็ยังหลบหลีกการโจมตีได้ ที่พวกเขากำลังหวาดกลัวคือหลิงฮันที่ค่อยๆบีบรัดกรงเพลิงเข้ามาอย่างรวดเร็วต่างหาก

“บัดซบ!” ทั้งห้าสบถ หากกรงเปลวเพลิงบีบรัดเข้าหากันจนสนิทร่างของพวกเขาจะต้องถูกแผดเผาไม่เหลือซากแน่นอน แถมยิ่งกรงเพลิงบีบรัดพื้นที่ที่พวกเขาจะหลบหลีกการโจมตีของเสี่ยวกู่ได้ก็ยิ่งมีน้อยลง

“มหาสมุทรโลหิต!” ประมุขตระกูลหย่วนคำราม ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็แหลกสลายกลายเป็นฝนโลหิตจำนวนมาก แน่นอนว่าเขายังไม่ตาย โลหิตทุกหยดลอดผ่านช่องว่างของกรงเพลิงออกมาและรวมตัวกันใหม่กลับมาเป็นร่างของประมุขตระกูลหย่วนดังเดิม

ผู้อาวุโสทั้งสี่ก็ทำเหมือนกัน ร่างของพวกเขากลายเป็นฝนโลหิตและหนีพ้นความตายได้หวุดหวิด

แต่ถึงแม้พวกเขาจะหนีออกมาได้ ใบหน้าของพวกเขาก็กลายเป็นซีดเผือด แม้กระทั่งลวดลายสีดำบนร่างของพวกเขาก็หม่นสีลง ดูเหมือนว่าทักษะเมื่อครู่จะทำให้พวกเขาจ่ายค่าตอบแทบไปมหาศาลมากจริงๆ

“เป็นไปได้อย่างไร!”

“เหล่าผู้อาวุโสถูกต้อนจนต้องใช้มหาสมุทรโลหิต!”

“มันคือทักษะสำหรับหนีเอาตัวรอดที่หากไม่จนตรอกจริงๆย่อมไม่มีทางถูกใช้ออกมา!”

“ไม่น่าเชื่อว่าคนนอกเหล่านั้นจะทรงพลังถึงขนาดไล่ต้อนเหล่าผู้อาวุโสให้อยู่ในสภาพเช่นนั้นได้!”

เหล่าสมาชิกตระกูลหย่วนที่มองดูอยู่จากเบื้องล่างอุทาน พวกเขาเคยพบเจอคนนอกมาแล้วมากมายในช่วงไม่กี่ปีนี้ ซึ่งการกำราบคนเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องยากอันใด แต่คราวนี้เหตุใดคนนอกสองคนนี้ถึงได้ทรงพลังอย่างน่าเหลือเชื่อขนาดนี้

“หนี!” ประมุขตระกูลหย่วนตะโกนเสียงดัง พวกเขาไม่สามารถเอาชนะศัตรูทั้งสองได้และจำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือ

หลิงฮันโคจรแสงอัสนีเพื่อหยุดยั้งทั้งห้าที่พยายามหลบหนี

เขาพบว่าจอมยุทธของโลกนี้นั้นสามารถบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วและมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่สิ่งที่พวกเขาขาดไปคือทักษะยุทธอันหลากหลาย ราวกับว่าพวกเขาฝึกฝนทักษะบ่มเพาะเพื่อยกระดับพลังเพียงอย่างเดียวแต่แทบจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะยุทธใดๆเลย

ยกตัวอย่างเช่นหลิงฮัน ทักษะยุทธที่เขาฝึกฝนมีมากมายเพียงใด? ไม่ว่าจะเป็นทักษะรัตติกาลเงาทมิฬ ทักษะร่างเงามังกรทะยาน กาลเวลาแปรผันพันปีหรือทักษะอื่นๆล้วนแต่เป็นทักษะยุทธที่ทรงพลัง แต่ว่าจอมยุทธทางฝั่งตระกูลหย่วนกลับไม่มีทักษะเช่นนี้ ทักษะเดียวที่พวกเขามีคือทักษะเอาตัวรอดอย่างทักษะมหาสมุทรโลหิต

หากพวกเขาฝึกฝนทักษะยุทธระดับนิรันดร์ พลังต่อสู้คงจะทรงพลังยิ่งกว่านี้

บางทีอาจจะเป็นเพราะรูปแบบบ่มเพาะพลังที่แตกต่างกันพวกเขาจึงไม่สามารถฝึกฝนทักษะยุทธได้หลากลหาย

แต่ทั้งๆที่ไม่มีทักษะยุทธใดๆ การที่ทั้งห้าคนก็ยังทรงพลังได้ขนาดนี้หมายความว่าอย่างไร?

รูปแบบบ่มเพาะพลังของพวกเขาน่าสะพรึงกลัวจนแข็งแกร่งได้โดยไม่พึ่งพาทักษะยุทธ!

หรือคนในโลกนี้เป็นเผ่าพันธุ์ที่แยกย่อยมาจากขุมอำนาจใดขุมอำนาจหนึ่งของดินแดนแห่งเซียน?

ไม่สิ เขาไม่เคยได้ยินว่าดินแดนแห่งเซียนมีการบ่มเพาะพลังในรูปแบบนี้มาก่อน ไม่เช่นนั้นแล้วในดินแดนแห่งเซียนคงไม่เรียกจอมยุทธที่มีระดับพลังสูงกว่าสร้างสรรพสิ่งว่าระดับโลกียนิพพาน แต่ควรจะเป็นจอมยุทธสิบลวดลายหรืออะไรทำนองนั้นแทน

ยิ่งกว่านั้นถึงแม้จะยังไม่แน่ใจในวันเวลาที่เกิดมหาโศกนาฏกรรมขึ้นที่ดินแดนแห่งเซียน แต่จากที่ได้ยินมาเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นไม่เกินแสนล้านล้านปีก่อนแน่นอน กล่าวให้เข้าใจง่ายๆคือ โลกภายในโบราณสถานแห่งนี้ถูกซ่อนอยู่ในช่องว่างมิติของโลกบรรพกาลก่อนที่จะเกิดมหาโศกนาฏกรรมขึ้น

เดี๋ยวก่อน… หรือว่าเป็นเพราะต้องการทำให้รูปแบบบ่มเพาะพลังนี้หายสาปสูญไป ถึงได้ปิดผนึกโลกใบนี้เอาไว้ในโบราณสถาน?

แต่การที่จะสร้างรูปแบบพลังบ่มเพาะที่แตกต่างขึ้นมาได้ ผู้คิดค้นจะต้องเป็นตัวตนที่ทรงพลังอย่างมากและไม่น่าจะถูกกักขังเอาไว้ที่นี่ได้ง่าย

หลิงฮันยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน บางทีคำตอบที่เขาอยากรู้อาจจะอยู่ในส่วนลึกของโลกใบนี้ หรือบางทีอาจจะต้องรอให้เข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้ก่อน ถึงจะตามหาร่องรอยได้จากบันทึกโบราณต่างๆ

เขาครุ่นคิดเรื่องต่างๆเหล่านี้ในใจโดยที่มือก็ไม่ได้หยุดชะงัก หลังจากทะยานร่างมาขวางทั้งห้าคนเอาไว้ได้หลิงฮันก็โคจรเพลิงเก้าสวรรค์กักขังทั้งห้าเอาไว้อีกครั้ง ต่อให้ใช้สมาสมุทรโลหิตเหมือนครั้งก่อนก็ไม่มีประโยชน์ อย่างมากก็แค่ยื้อเวลาตายออกไปเท่านั้น

ทั้งห้าคนคำรามโหดเหี้ยมโดยไม่ร้องขอความเมตตาใดๆ พวกเขาก็เหมือนกับเสี่ยวกู่ที่ราวกับว่ามีสัญชาตญาณความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมาตั้งแต่เกิด ในหัวของพวกเขามีผุดคำพูดขึ้นมาเพียงคำเดียวคือ ‘ปะทะ!’

เพียงแต่ว่าด้วยการร่วมมือของหลิงฮันและเสี่ยวกู่ สุดท้ายทั้งห้าก็สิ้นชีพไม่อาจหนีพ้นความตายไปได้

หลังจากการตายของพวกเขา สวรรค์และปฐพีไม่ตอบสนองใดๆเหมือนกับตอนที่เซียนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ตกตาย

เพราะที่นี่คือเขตแดนลี้ลับ? หรือว่ารูปแบบการบ่มเพาะพลังของพวกเขาจะไม่อยู่ในการรับรู้ของสวรรค์และปฐพี เพราะงั้นเมื่อสิ้นชีพต่อให้จะมีพลังแข็งแกร่งเหมือนเซียนเพียงใด สวรรค์ก็ไม่คิดจะเหลียวแล?

หลิงฮันรู้สึกสงสัยมาก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด