Alchemy Emperor of the Divine Dao 1662 ผลกายาเชื่อมสวรรค์

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1662 ผลกายาเชื่อมสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ด้วยพลังของหลิงฮันในตอนนี้ เขาสามาถบดขยี้ทุกสิ่งที่ขวางหน้า

ด้วยการที่เขาไม่ชื่นชอบสังหาร เมื่อมาถึงตระกูลต่อไปเขาจึงยังคงกล่าวเจรจาขอผ่านทางเช่นเดิม หากอีกฝ่ายปฏิบัติกับเขาอย่างเป็นมิตรก็ดีไป แต่หากอีกฝ่ายล้ำเส้นเขาก็จะไม่ไว้หน้าเช่นกัน

เมื่อข่าวที่เขาลบล้างสองตระกูลที่แข็งแกร่งให้หายไปถูกแพร่งพรายตระกูลทุกตระกูลก็กลายเป็นหวาดกลัว เพราะงั้นไม่ว่าเขาผ่านไปยังตระกูลใดพวกเขาจึงต้อนรับด้วยท่าทางเคารพอย่างถึงที่สุด

หลิงฮันไม่ใสใจอะไรมาก พวกเขาเดินผ่านตระกูลเถี้ยนซึ่งเป็นตระกูลสุดท้ายและเข้าใกล้ต้นตอของแม่น้ำมหึมาเข้าไปทุกที

เพียงแต่ยิ่งเดินเข้าใกล้ก็ยิ่งรู้สึกหมดหวัง

แม่น้ำในช่วงบนสุดนั้นอัดแน่นไปด้วยแก่นพลังอันน่าสะพรึงกลัว เพียงแต่คลื่นกระเพื่อมจากแม่น้ำเพียงหยดเดียวก็สามารถบดขยี้จอมยุทธระดับเก้าลวดลายให้แหลกเป็นเศษซากได้

เพราะงั้นตระกูลที่ทรงพลังที่สุดจึงไม่กล้าขึ้นไปตั้งถิ่นฐานไกลกว่านี้

เมื่อเดินมาถึงจุดหนึ่งในที่สุดหลิงฮันก็พบเจอมิตรสหาย

ที่นี่มีรุ่นเยาว์จากสำนักละอองดาราอยู่จำนวนหนึ่ง พวกเขาไม่ใช่ราชาทั่วไปแต่เป็นราชาระดับสามที่มีอยู่เพียงน้อยนิด เห็นได้ชัดว่าจำนวนคนที่เหล่าเซียนสามารถคุ้มกันได้นั้นมีจำกัด พวกเขาจึงพาแต่เพียงศิษย์มีศักยะภาพมากที่สุดเข้ามาด้วย

หลิงฮันพบเห็นหงหม่า เทียนเซี่ยตี้เอ้อ ซื่อเฉินเฟิงและอัจฉริยะรุ่นเยาว์คนอื่นๆจากดินแดนต้องห้าม รวมๆกันแล้วจำนวนของพวกเขามีราวๆหกสิบกว่าคน

“ศิษย์พี่หลิง!”

เมื่อคนเหล่านั้นเห็นหลิงฮัน พวกเขาก็รีบกล่าวทักทายทันที พวกเขายังไม่รู้เรื่องที่หลิงฮันบรรลุเป็นเซียนระดับสูงแล้วและมีพลังต่อสู้ที่สามารถบดขยี้เซียนทุกคนในโลกบรรพกาล ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้ากล่าวทักทายอย่างเป็นกันเองเช่นนี้

หลิงฮันพยักหน้า “แล้วคนอื่นๆล่ะ?”

“พวกเขาอยู่ในอาณาเขตสังหารเบื้องหน้า” ใครบางคนกล่าว

หลิงฮันไต่ถามอย่างละเอียดและได้รู้ว่าจากข้อมูลที่ตระกูลเถี้ยนบอกมา แม่น้ำในช่วงระดับนี้นั้นอัดแน่นไปด้วยพลังอันรุนแรงจนทำให้พื้นที่โดยรอบเต็มไปด้วยอำนาจสังหาร และในอาณาเขตที่เต็มไปด้วยอำนาจสังหารนั้นได้มีสมุนไพรนิรันดร์งอกเงยออกมา!

สมุนไพรนิรันดร์!

ผลกายาเชื่อมสวรรค์!

สมุนไพรชนิดนี้แม้แต่ในดินแดนแห่งเซียนก็สมควรเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าหาสิ่งใดเปรียบ การได้ดูดซับสมุนไพรนี้จะทำให้ร่างกายเชื่อมต่อกับสวรรค์และปฐพี ซึ่งในตำนานเรียกว่ากายหยาบแห่งเต๋า

ผลลัพธ์ประจากกายหยาบทีว่าคืออะไร?

เมื่อกายหยาบเชื่อมต่อกับสวรรค์แล้ว ร่างกายก็จะเปรียบเสมือนว่าเป็นหนึ่งเดียวกับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มาแต่กำเนิด ร่างกายเช่นนี้จะทำให้ผู้บ่มเพาะพลังไม่มีคอขวดใดๆ หากแค่สะสมพลังปราณได้เพียงพอก็จะสามารถทะลวงผ่านระดับพลังได้อย่างง่ายดาย

แต่นอนว่าเรื่องนั้นก็ขึ้นอยู่กับอายุของผลกายาเชื่อมสวรรค์เช่นกัน บางผลสามารถช่วยผ่านคอขวดได้ถึงแค่ระดับระดับโลกียนิพพาน บางผลก็สามารถช่วยได้ถึงระดับแบ่งแยกวิญญาณ บางผลก็อาจจะช่วยได้ถึงระดับขอบเขตตำหนักอมตะ

ตามตำนานกล่าวไว้ว่าผลกายาเชื่อมสวรรค์ที่เติบโตมีอายุมากที่สุดสามารถช่วยให้จอมยุทธบรรลุได้ถึงระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ ไม่เคยมีใครได้ยินมาก่อนว่ามีผลกายาเชื่อมสวรรค์ที่สามารถช่วยให้บรรลุได้ถึงระดับราชาเซียน

แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว จอมยุทธระดับนิรันดร์นั้นไม่มีอายุขัย ตราบใดที่ไม่มีกำแพงระดับระดับพลังเป็นคอขวด แค่สะสมพลังปราณจะใช้เวลานานเท่าไหร่เชียว?

จักรพรรดินีและเซียนคนอื่นๆกำลังคิดหาวิธีเข้าไปยังอาณาเขตสังหารและเก็บเกี่ยวสมุนไพร เพียงแต่ว่าขนาดตระกูลเถี้ยนที่อาศัยอยู่บริเวณนี้มานานแล้วหลายยุคสมัยก็ยังไม่อาจเข้าไปเก็บเกี่ยวได้จนยอมแพ้ไปแล้ว หากพวกจักรพรรดินีเก็บเกี่ยวสมุนไพรได้สำเร็จจริงๆตระกูลเถี้ยนจะต้องมาแย่งชิงไปแน่นอน

ตอนนี้ตระกูลเถี้ยนยอมให้พวกจักรพรรดินีอยู่ที่นี่ได้ชั่วคราว เพราะอย่างไรด้วยรูปแบบพลังบ่มเพาะที่ต่างกัน พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกแย่งทรัพยากรบ่มเพาะไป

หลิงฮันครุ่นคิดและตัดสินใจมุ่งหน้าไปยังอาณาเขตสังหาร หลังจากแยกจากกันหลายปีเขาคิดถึงภรรยาของเขาจะตายอยู่แล้ว

เขา สตรีนกอมตะและเซียงหวู่เซียงออกเดินทางต่อโดยมีซื่อเฉินเฟิงเป็นคนนำทาง

ระหว่างทาง ซื่อเฉินเฟิงมีท่าทีราวกับอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกหนักอึ้งราวกับท้องผูก

หลิงฮันทนไม่ไหวจึงกล่าวออกไป “เจ้ามีเรื่องอะไรอยากจะพูด?”

“ศิษย์พี่หลิง ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ต้องบอกท่าน แต่ท่านต้องอดทนให้ได้!” ซื่อเฉินเฟิงกล่าว

“อืม” หลิงฮันพยักหน้า ด้วยพลังของเขาในตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องใดมาคิดมากทั้งนั้น หากเขารู้สึกไม่พอใจก็แค่ใช้พลังสะสางเรื่องที่ว่าให้จบๆไป

ซื่อเฉินเฟิงพยักหน้าและกล่าว “ในตอนที่พวกเราเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ พวกเราพบเจอรุ่นเยาว์ที่ทรงพลังมากคนหนึ่ง อีกฝ่ายมีระดับพลังอยู่ที่ราชาเซียนสูงสุดซึ่งแม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังต้องอ่อนน้อมต่อเขา”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวต่อ “ราชาเซียนรุ่นเยาว์ผู้นั้น ดูเหมือนจะสนใจพี่สาวหล่วนซิง”

หลิงฮันกลั้นหัวเราะไม่ไหว ซื่อเฉินเฟิงกลัวว่าเขาจะหึงหวงจนหาเรื่องปะทะกับราชาเซียนรุ่นเยาว์?

ไม่มีใครสามารถต้านทานเสน่ห์ของจักรพรรดินีได้ เรื่องนี้หลิงฮันมีประสบการณ์กับตัวเอง เพียงแต่เขาเชื่อใจจักรพรรดินีเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครจะหว่านล้อมนางอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์

การหลงใหลในเสน่ห์นั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากไม่รู้จักยับยั้งตนเองเขาก็คงไม่ปรานีเช่นกัน

“เข้าใจแล้ว” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่คิดอะไรมาก

ทางด้านเสี่ยวกู่นั้นเมื่อใดเห็นคนใหม่ๆมันก็เกิดความรู้สึกกระตุ้นอยากจะพูดเลียนแบบมาก แต่เมื่อนึกถึงคำพูดที่หลิงฮันบอกว่าการเลียนแบบคำพูดเป็นสิ่งไม่ดีขึ้นมา มันก็พยายามระงับตัวเองเอาไว้ซึ่งทำให้มันรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก

ครึ่งวันผ่านไปพวกเขาก็เดินทางมาถึงจุดที่ใกล้กับอาณาเขตสังหาร ยังไม่ทันที่จะได้เข้าไปเพียงแค่สายลมที่พัดออกมากระทบใบหน้าพวกเขาก็ทำให้รู้สึกราวกับถูกใบมีดเชือดเฉือน

ซื่อเฉินเฟิงหยุดเท้าและกล่าว “ศิษย์พี่หลิง ตรงนี้คือขีดจำกัดของข้าแล้ว ข้าไม่อาจนำทางไปได้ไกลกว่านี้”

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ใช่ปัญหา” เขาชี้นำพลังปราณสร้างเป็นโล่คุ้มกันร่างให้กับซื่อเฉินเฟิง ในการเดินทางที่ผ่านๆมาเขาไม่ได้ใช้ปราณก่อเกิดกับตัวเองแม้แต่น้อยและต้านทานแรงกดดันด้วยกายหยาบเพียงอย่างเดียว

ซื่อเฉินเฟิงตกตะลึงและจ้องหลิงฮันตาค้าง แม้แต่ราชาเซียนมากมายก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้ แค่สร้างโล่พลังปราณให้แก่ตนเองพวกเขาก็เต็มกลืนแล้ว

“ไปกันต่อ!” หลิงฮันไม่เพียงคุ้มกันให้ซื่อเฉินเฟิงแต่ยังคุ้มกันสตรีนกอมตะและเซียนหวู่เซียงด้วย สำหรับเสี่ยวกู่นั้นเขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไร

ทั้งสี่คนเดินนำโดยมีเสี่ยวกู่เดินตามและหันหน้ามองไปรอบด้าน ดวงตาของมันส่องประกายแสงมรกตเป็นครั้งคราวราวกับว่าที่นี่มีอะไรบางอย่างกระตุ้นมัน

หลังจากเดินไปได้อีกครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็พบเห็นคนมากกว่าสามสิบคนอยู่เบื้องหน้า

จักรพรรดินี!

หลิงฮันรู้ว่าเป็นนางเพียงแค่ชำเลืองมอง จักรพรรดินีนั้นเจิดจรัสยิ่งกว่าใคร นางราวกับเป็นดวงจันทร์ที่สุกสกาวท่ามกลางดวงดาว หรือเป็นดวงตะวันที่ส่องสว่างท่ามกลางความมืดมิด

ด้านข้างนางห่างออกไปสามฟุตมีรุ่นเยาว์คนหนึ่งยืนอยู่ ในขณะที่เซียนซิงฉาและเซียนคนอื่นๆอยู่ห่างออกจากรุ่นเยาว์ผู้นั้นไปอีกสามฟุต เพราะงั้นแม้ทั้งสองจะไม่อยู่ชิดแต่ก็ดูราวกับยืนเป็นคู่

จักพรรดินีนั้นราวกับว่านางมีญาณวิเศษ จู่ๆนางก็หันหลังมา ใบหน้าอันงดงามเผยรอยยิ้มที่แสนดีใจและโผเข้าอ้อมแขนของหลิงฮันทันที

พร้อมกันนั้นสีของรุ่นเยาว์ที่ยืนอยู่ข้างนางก็เปลี่ยนเป็นมืดมน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด