Alchemy Emperor of the Divine Dao 1670

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1670 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล

เมื่อขยับมาถึงกลางมิติที่เหมือนมีกระจกขวางกั้นอยู่ เขาก็ปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายออกไป

เพล๊ง!

เสียงกระจกแตกดังกึกก้องไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ กระจกนี้คือกำแพงขวางกั้นระหว่างโลกบรรพกาลและดินแดนแห่งเซียน การจะทำลายมันจำเป็นต้องมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์

ในที่สุดประตูสู่ดินแดนแห่งเซียนก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์

‘ครืนน’ ออร่าอันไร้สิ้นสุดพรุ่งพรูไหลทะลักออกมา เบื้องหลังหลิงฮันมิติอวกาศค่อยๆฟื้นฟูสภาพกลับสู่ปกติด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ สวรรค์และปฐพีมีสัญชาตญาณในการรักษาตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้พลังวิญญาณอันทรงพลังของดินแดนแห่งเซียนเล็ดลอดเข้ามายังโลกบรรพกาล

ร่างของหลิงฮันพุ่งทะยานดิ่งเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนในขณะที่ห้วงมิติด้านหลังๆค่อยๆฟื้นสภาพไล่ตามมาติดๆ

‘พรึบ’ ทันทีที่ร่างของเขาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ ช่องว่างมิติเบื้องหลังเขาก็ถูกปิดตายอย่างรวดเร็ว

หลิงฮันยืนอยู่กลางท้องฟ้าที่เบื้องล่างเต็มไปด้วยพื้นที่ป่าไม้อันกว้างสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ทุกๆมีความสูงอย่างน้อยพันฟุต ใบและผลของมันมีขนาดใหญ่กว่าบ้านทั้งหลัง

พลังวิญญาณของที่นี่หนานานกว่าในเขตแดนลี้ลับต้าเหอหลายเท่า เพียงแค่กวาดสายตามองผ่านๆหลิงฮันก็พบเจอสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับสิบขั้นไปอย่างน้อยสิบเจ็ดต้น

รัศมีของสัมผัสสวรรค์ที่ปลดปล่อยออกไปได้ถูกลดลงหลายเท่า ความสูงที่สามารถลอยบนฟ้าเองก็มีจำกัดเช่นกัน

ดินแดนแห่งเซียนแต่งต่างจากโลกบรรพกาลอย่างชัดเจน

ดินแดนแห่งเซียนมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก เมืองหนึ่งเมืองใหญ่เทียบเท่าได้กับดาวหนึ่งดวง ทั่วทั้งดินแดนถูกมหาสมุทรแบ่งออกเป็นสองทวีปคือดินแห่งเซียนฝั่งตะวันออกและดินแห่งเซียนฝั่งตะวันตก

ตามมหาสมุทรมีพวกเกาะต่างๆกระจัดกระจายอยู่เช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเกาะไหนก็ล้วนแต่มีขนาดใหญ่เทียบได้กับเขตดวงดาวในโลกบรรพกาล

ตามที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเล่า มหาสมุทรเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก เนื่องจากสามารถพบเจอสัตว์อสูรได้ทั้งระดับโลกียนิพพานจนถึงระดับขอบเขตตำหนักอมตะ

โดนปกติแล้วจะมีเพียงขุมอำนาจขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะเปิดเส้นทางข้ามมหาสมุทรได้และเก็บเงินค่าเรือข้ามสมุทร

ทำไมไม่บินข้ามมหาสมุทรไปเลย? ความคิดเช่นนั้นไม่นับว่าฉลาด ด้วยระดับการเหาะเหินที่ถูกจำกัดของดินแดนแห่งเซียน หากพบเจอสัตว์อสูรที่ทรงพลัง พวกมันสามารถกลืนกินจอมยุทธที่ลอยอยู่บนฟ้าด้วยการเขมือบเพียงครั้งเดียวซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง

ตอนนี้หลิงฮันไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องข้ามมหาสมุทร เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่ที่ไหน

อันดับแรกสุดคงต้องเดินด้วยเท้า!

หลิงฮันนำจักรพรรดิเพลิงอัสนี สุนัขตัวดำและจักรพรรดินีออกมาจากอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์และหอคอยทมิฬ จักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นแต่เดิมเคยเป็นตัวตนที่ทรงพลังระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ส่วนสุนัขตัวดำเองก็มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับดินแดนแห่งเซียน

“ในที่สุดก็ได้กลับมา!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวด้วยท่าทางระลึกความหลัง ด้วยร่างกายของเด็กหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปีช่างดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลย

“ที่นี่คือที่ไหน?” หลิงฮันเอ่ยถาม

“ดินแดนแห่งเซียนมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือที่ไหน?” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกรอกตา “อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นราชานิรันดร์ก็ใช่ว่าจะเคยเหยียบย่ำทุกซอกทุกมุมของดินแดนแห่งเซียน มีเขตหวงห้ามมากมายที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ไม่กล้าเข้าใกล้”

“ก่อนอื่นต้องหาเมืองให้พบ หากมัวแต่เอ้อระเหยอยู่ในป่าและพบเจอสัตว์อสูรระดับรินัรด์ พวกเราจะไม่มีทางหลบหนีความตายไปได้”

“และห้ามเหาะเหินบนท้องฟ้าเนื่องจากจะกลายเป็นเป้าหมายได้ง่าย”

หลิงฮันและจักรพรรดินีพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของจักรพรรดิเพลิงอัสนี ในป่ามหึมาเช่นนี้ ร่างของพวกเขาทั้งสี่มีขนาดเล็กยิ่งกว่าใบไม้เสียอีก

แต่ก็ใช่ว่าสัตว์อสูรของดินแดนแห่งเซียนจะทรงพลังไปทั้งหมด หลิงฮันพบเจอสัตว์อสูรรูปร่างมดทั่วไปที่มีขนาดใหญ่และมีพลังระดับห้วงจิตวิญญาณ

จากที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเล่า ผู้คนส่วนใหญ่ของดินแดนแห่งเซียนจะเกิดมาพร้อมกับพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติ ยิ่งบิดามารดาทรงพลัง ระดับพลังเริ่มต้นของบุตรก็จะสูงขึ้นตาม มีคำกล่าวว่าบุตรที่เกิดจากบิดามารดาระดับราชานิรันดร์ทั้งคู่นั้นจะมีพลังระดับโลกียนิพพานตั้งแต่เกิด

ในดินแดนแห่งเซียน ระดับของขุมอำนาจจะยึดตามจำนวนของเมือง ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์สามารถปกครองเมืองได้นับล้านเมืองซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก

ไม่ว่าจะเป็นเมืองหนึ่งดาวที่เล็กขนาดไหน ก็จำเป็นต้องมีจอมยุทธระดับโลกียนิพพานคอยปกครองไม่เช่นนั้นจะไม่อาจเรียกว่าเป็นเมืองได้และเป็นได้เพียงจุดพักระหว่างทาง

พวกหลิงฮันทั้งสี่เดินทางในป่าโดยไม่รู้ทิศรู้ทาง เป้าหมายของพวกเขาคือมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว

ในดินแดนแห่งเซียนกลางวันและกลางคืนไม่มีความแตกต่างใดๆ แม้จะมีดวงดาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแต่พวกมันก็ไม่ใช่ดวงดาวที่แท้จริงแต่เป็นอุกกาบาตขนาดใหญ่

ตามความรู้สึกแล้ว ดินแดนแห่งเซียนนั้น นอกจากที่มีขนาดใหญ่กว่าและระดับวรยุทธที่สูงกว่าแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างจากโลกใบเล็กเท่าไหร่นัก

เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงต้องใช้เวลาเล็กน้อยกว่าจะคำนวณเวลาได้

ราวๆสิบวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็เดินหลุดพ้นจากป่าขนาดใหญ่และพบแม่น้ำมหึมาด้านหน้า มันเป็นแม่น้ำที่กว้างหลายพันไมล์และมีสายน้ำที่ไหลยาวอย่างไร้สิ้นสุด

“หืม มีเรือด้วย!” ด้านหลังพวกเขา เรือมหึมาที่มีความยาวหมื่นฟุตและกว้างพันฟุตได้แล่นผ่านเข้ามา ความเร็วของเรือเองก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากและแล่นผ่านพวกหลิงฮันไปในพริบตา

ในดินแดนแห่งเซียน ขีดจำกัดของความเร็วได้ถูกยกระดับขึ้นจากโลกบรรพกาล แม้แต่เรือก็ยังสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าความเร็วสูงสุดของหลิงฮัน

“ทีนี้ก็ง่ายแล้ว หากเดินทางไปตามแม่น้ำพวกเราจะพบเจอเมืองระหว่างทางแน่นอน” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าว

พวกเขาไม่สามารถไล่ตามเรือทัน แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าหากเดินเลียบแม่น้ำไปพวกเขาจะพบเจอเมืองอย่างแน่นอน แต่ที่น่าคิดหนักก็คือไม่รู้ว่าต้องเดินย้อนหรือเดินขึ้นหน้าถึงจะพบเจอเมืองได้ไวกว่ากัน

พวกเขาครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจมุ่งไปด้านหน้า

ผ่านไปอีกราวๆหนึ่งเดือน ในที่สุดพวกเขาก็พบเห็นเมืองขนาดมหึมาปรากฏที่เบื้องหน้า ขนาดของเมืองใหญ่จนไม่สามารถมองเห็นขอบเมือง แม่น้ำได้ไหลผ่านไปยังฝั่งซ้ายของเมืองและที่บริเวณนั้นมีเรือจำอย่างน้อยหลักร้อยลำจอดเทียบท่าอยู่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด