Alchemy Emperor of the Divine Dao 1708 แขกที่สำคัญคนไหน?

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1708 แขกที่สำคัญคนไหน? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ล้งเกาเฟยใบหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน กล้าทำลายประตูที่พักของพวกเขางั้นรึ?

เจ้าไม่รู้รึไงว่ารัชทายาทอยู่ที่นี่? หากเจ้าบุกมาทำตัวเสียมารยาทกับรัชทายาท ใครจะรับผิดชอบ?

“ช่างกล้า!” เขาคำราม

ชายชราที่พังประตูเข้ามาหันมองล้งเกาเฟยและกล่าวอย่างโหดเหี้ยม “เรียกตัวบัดซบหลิงฮันออกมาเดี๋ยวนี้!”

ใบหน้าล้งเกาเฟยเผยชะงัก

ก่อนหน้านี้เขาอุตส่าห์ย้ำเตือนหลิงฮันให้ทำตัวไม่โดดเด่นและอย่าสร้างปัญหาแท้ๆ การที่อีกฝ่ายตีสนิทกับรัชทายาทได้นั้นเป็นเรื่องดี แต่ดูจากจิตสังหารของชายชราที่ปรากฏตัวผู้นี้แล้ว คงไม่ได้มาเมื่อชวนหลิงฮันดื่มชาแน่นอน

นอกจากนั้นผู้บุกรุกคนนี้เองก็แข็งแกร่งเป็นอย่างมาก!

ขมวดคิ้วและกล่าว “นิรันดร์สองนิพพาน?”

ชายชราเผยสีหน้าภาคภูมิใจ “ข้าคือถงจินหยุนแห่งตระกูลถง!”

ตระกูลถงได้รับรู้เรื่องราวแท้จริงจากปากของหลิวมู่อวี่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก ถงหลินต้องมาตายอย่างไร้ความยุติธรรม แถมปรมาจารย์สี่นิพพานของตระกูลถงยังต้องก้มหัวขอโทษผู้อื่นทั้งๆที่ไม่ผิด

ต่อให้ผู้ที่ก้มหัวให้จะเป็นรัชทายาทอย่างจ่างซุนเหลียง พวกเขาก็ยังรู้สึกอัปยศอยู่ดี

เพราะเห็นแก่ความปลอดภัยของตระกูล ประมุขตระกูลถงถึงขนาดยอมลดศักดิ์ศรีของตัวเอง แต่ความจริงกลับกลายเป็นว่าเหตุการณ์ทั้งหมดถูกใครบางคนวางแผนเอาไว้!

จอมยุทธตัวจ้อยจากเมืองหนึ่งดาวกล้าสังหารคนของตระกูลถง? เพื่อสะสางความแค้นถงจินหยุนถึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเอง

เขาคือปรมาจารย์สองนิพพานที่แข็งแกร่งพอจะกดขี่ล้งเกาเฟยได้

“ที่แท้ก็เป็นผู้อาวุโสถง!” ล้งเกาเฟยผสานมือคารวะ แม้อีกฝ่ายจะเป็นขุมอำนาจสี่นิพพานเหมือนกันแต่ยืนอยู่ในสถานะที่ต่างกัน

“ไม่ต้องพูดพล่ามเสียเวลา ให้หลิงฮันโผล่หน้ามาเดี๋ยวนี้!” ถงจินหยุนกล่าวด้วยน้ำเสียงโหดเหี้ยม วันนี้เขาจะสังหารหลิงฮันเพื่อประกาศให้ทุกคนได้รับรู้ว่าตระกูลถงไม่ใช่ขุมอำนาจที่ใครจะล่วงเกินได้

ล้งเกาเฟยยิ้มและกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมั่นใจ “ตอนนี้หลิงฮันกำลังต้อนรับแขกคนสำคัญอยู่ เกรงว่าเขาคงไม่สะดวกออกมาพบผู้อาวุโส”

โอ้?

ดวงตาของถงจินหยุนส่องประกายเย็นชา

น่าขันยิ่งนัก จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งตัวจ้อยจะมีแขกที่สำคัญขนาดไหนมาพบกันเชียว? จะบอกว่าแขกคนนั้นยิ่งใหญ่ไปกว่าข้างั้นรึ?

“เจ้ากำลังดูถูกข้า?” ถงจินหยุนกล่าวพร้อมกับปลดปล่อยแรงกดดันที่หนักหน่วงราวกับขุนเขา

แรงกดดันจากสายตาของถงจินหยุนนั้นแม้จะสามารถทำให้จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งขาอ่อนไร้เรี่ยวแรงได้ แต่ไม่ใช่กับล้งเกาเฟยที่เป็นนิรันดร์หนึ่งนิพพาน ต่อให้เขาจะต่อกรกับถงจินหยุนไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ไม่รู้สึกหวั่นเกรงต่อแรงกดดันของอีกฝ่าย

เขายิ้มและกล่าวตอบ “ข้าไม่กล้า! หลิงฮันกำลังต้อนรับแขกคนสำคัญอยู่จริง”

“ฮึ่ม งั้นก็ขอข้าดูหน่อยแล้วกันว่าแขกที่ว่าจะสำคัญขนาดไหน!” ถงจินหยุนไม่สบอารมณ์และเกิดความคิดที่จะจัดการแขกคนสำคัญที่ว่าไปพร้อมๆกันด้วยเลย

ไม่ว่าสำหรับพวกหลิงฮันแขกที่ว่าจะสำคัญแค่ไหน แต่สำหรับเขาแขกที่ว่าก็เป็นเพียงขยะ

เขาก้าวเดินเข้าที่พักไปอย่างเกรี้ยวกราด ล้งเกาเฟยไม่กล้าห้ามปรามและทำได้เพียงเดินตามไป

ปัง!

ถงจินหยุนไม่เอ่ยถามล้งเกาเฟยแม้แต่คำเดียวว่าห้องของหลิงฮันคือห้องไหนและทำการถีบเปิดประตูทีละห้อง

เว่ยโปวที่อยู่ในห้องแรกเผยสีหน้านิ่งเฉย

ห้องที่สอง ฉินเฮิ่นก็ยังเผยสีหน้านิ่งเฉย

ห้องที่สาม…

ทุกคนในที่พักล้วนได้ยินบทสนทนาทั้งหมดจากด้านนอก พวกเขาจึงเตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว เมื่อมาถึงห้องที่หก ติงเซี่ยวเฉินที่นั่งอยู่ก็เผยสีหน้ามืดมน เขาไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง ที่จริงตัวเขาเป็นศัตรูกับหลิงฮันเสียด้วยซ้ำ

เขาได้แต่ภาวนาในใจหวังให้หลิงฮันถูกถงจินหยุนผู้นี้ทุบตีจนตาย

ตอนนี้เหลือเพียงห้องสุดท้ายห้องเดียว ‘ปัง’ ประตูถูกถีบจนเปิดออกและปรากฏร่างสามร่างในห้อง สองเป็นบุรุษหนึ่งเป็นสตรี ทั้งสามกำลังหันหน้าเข้าหากันเพื่อจิบชาและพูดคุยอะไรบางอย่าง

ยังกล้าทำตัวสงบนิ่งอยู่อีก!

ถงจินหยุนเค้นเสียงกล่าวอย่างเย็นชา “แขกคนสำคัญงั้นรึ? หันหน้ามาให้ข้าเห็นหน่อยเป็นไง?”

จ่างซุนเหลียงค่อยๆหันหลังและจ้องมองถงจินหยุนด้วยสีหน้าไม่แยแส

“ระ รัชทายาท!” ถงจินหยุนอุทานออกมาทันที สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนหลายสีอย่างคาดไม่ถึงว่าสีหน้าของมนุษย์เราจะเปลี่ยนสีได้มากมายขนาดนี้

จ่างซุนเหลียงยิ้มและกล่าว “ข้าหันมาให้เจ้าเห็นแล้วนี่ไง จะทำอะไรต่อล่ะ?”

ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่ง แต่ด้วยสถานะของเขาในนิกายจันทราหม่นแสงทำให้ปรมาจารย์หลายคนไม่กล้าแตะต้องเขาแม้แต่ปลายนิ้ว

หากจ่างซุนเหลียงได้รับบาดเจ็บแล้วหนึ่งในผู้อาวุโสระดับแบ่งแยกวิญญาณลงมือล่ะก็ ตระกูลถงคงหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์ในพริบตา ถงจินหยุนรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตนเองเป็นอย่างยิ่ง ใครจะไปคิดว่าแขกคนสำคัญจะเป็นจ่างซุนเหลียง?

เหตุใดจอมยุทธตัวจ้อยจากเมืองหนึ่งดาวถึงได้สร้างสายสัมพันธ์กับรัชทายาทของนิกายจันทราหม่นแสงได้?

เหนือสิ่งอื่นใดคือจ่างซุนเหลียงเป็นฝ่ายมาหาหลิงฮันด้วยตัวเองด้วย

“ข้าไม่รู้ว่ารัชทายาทอยู่ที่นี่ ห่างข้าล่วงเกินอันใดไป รัชทายาทโปรดให้อภัย!” ถงจินหยุนทำได้เพียงกล่าวขออภัย ในกรณีที่จ่างซุนเหลียงต้องการจะจัดการตระกูลถงจริงๆ ต่อให้ตระกูลถงจะเป็นคนของนิกายจันทราหม่นแสงเหมือนกันก็ไม่ได้ช่วยอะไร

จ่างซุนเหลียงกล่าว “หากข้าไม่อยู่ที่นี่ เจ้าคิดว่าตนเองสามารถทำลายประตูที่นี่ได้ตามใจชอบ? นิรันดร์ตระกูลถง เจ้าควรรู้ไว้ว่าที่แห่งนี้คือสถานที่ต้องห้ามที่ตระกูลถงของเจ้าไม่อาจย่างกราย!”

เมื่อได้ยินน้ำเสียงอันหนักแน่นของจ่างซุนเหลียง ถงจินหยุนก็หวาดกลัวจนต้องคุกเข่าลงด้วยสีหน้าซีดเผือด

หากจ่างซุนเหลียงต้องการเอาความจริงๆ เหตุการณ์ในวันนี้จะไม่ใช่ความบาดหมางระหว่างเขากับจ่างซุนเหลียง แต่จะเกี่ยวพันไปถึงตระกูลถงด้วย!

“รัชทายาทโปรดยกโทษให้ข้า!”

จ่างซุนเหลียงไม่แสดงท่าทีเกรี้ยวกราดใดๆ เขายังคงสงบนิ่งและควบคุมอารมณ์เอาไว้ได้ดี “ในเมื่อเจ้าถีบทำลายประตูของที่นี่ เจ้าก็ต้องซ่อมพวกมันทั้งหมดเอง หวังว่าเจ้าจะไม่ขัดข้อง?”

“ไม่แน่นอน ชายชราผู้นี้ย่อมไม่ขัดข้องคำสั่งของรัชทายาท!” ถงจินหยุนรีบก้มหัว

หลิงฮันเดาะลิ้นทำเสียงในปาก หรือต่อจากนี้เขาจะนำชื่อของรัชทายาทไปใช้เพื่อทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวดี?

“งั้นก็รีบไปทำ” จ่างซุนเหลียงสะบัดมือ

ถงจินหยุนรีบลุกขึ้นยืนและวิ่งไปซ่อมประตูอย่างเชื่อฟัง

เมื่อเห็นชายชราที่เป็นคนพังประตูกำลังซ่อมประตูด้วยท่าทางตระกุกตระกักทุกคนก็แน่นิ่งไร้คำพูดและแสร้งทำเป็นไม่เห็น

ล้งเกาเฟยรู้สึกสะใจ ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้าทำตัวกร่างไว้เยอะหรอกรึ?

หลังจากซ่อมประตูทั้งสิบบานเสร็จ ถงจินหยุนก็มากล่าวขออภัยจ่างซุนเหลียงอีกครั้งและรีบเผ่นหนีไปอย่างรวดเร็ว

จ่างซุนเหลียงยิ้มและกล่าว “น้องชายหลิง คงถึงเวลาที่ข้าต้องไปแล้ว จะอย่างไรก็ขอแสดงความยินดีกับชัยชนะในการประลองที่จะถึงด้วย”

แม้การประลองจะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แต่ผลลัพธ์ย่อมเป็นที่แน่นอนแล้ว

จ่างซุนเหลียงลุกขึ้นยืน แต่ทันใดนั้นเองเขาก็สำลักและกระอักโลหิตออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด