Alchemy Emperor of the Divine Dao 1709 บรรลุเป็นราชาเซียนในที่สุด

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1709 บรรลุเป็นราชาเซียนในที่สุด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันขมวดคิ้วและกล่าว “พี่ชายจ่างซุน บาดแผลของท่านยังไม่หายดีงั้นรึ?”

ก่อนหน้านี้ที่ทั้งสองคนใช้ดวงวิญญาณเข้าปะทะกันนั้น สำหรับหลิงฮันแล้ววิญญาณของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรก็จริง แต่จ่างซุนเหลียงไม่ได้ผิดมนุษย์มนาเหมือนกับเขา ดวงวิญญาณของอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสและคงใช้เวลาพอสมควรกว่าจะฟื้นฟูได้

โชคดีที่สถานที่แห่งนี้คือดินแดนแห่งเซียนซึ่งมีสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ภายในเวลาไม่กี่เดือนอาการบาดเจ็บของดวงวิญญาณจ่างซุนเหลียงจะต้องถูกฟื้นฟูกลับมาอยู่ในสภาพสมบูรณ์อย่างแน่นอนและไม่ส่งผลต่อการเดินทางไปยังหุบเหวสืบสานนิพพาน

เพียงแต่ว่าในระยะเวลาไม่กี่เดือนต่อจากนี้ พลังต่อสู้ของจ่างซุนเหลียงคงไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ แต่ด้วยการที่เขาเป็นราชาในหมู่ราชา แม้จะใช้พลังต่อสู้ได้เพียงครึ่งเดียวก็ย่อมสามารถกำราบจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งทั่วไปได้อย่างไม่ยากเย็นอยู่ดี

“ข้าล่ะอิจฉาความสามารถในการฟื้นฟูของเจ้าจริงๆ” จ่างซุนเหลียงส่ายหัว ทั้งดวงวิญญาณของหลิงฮันและเขาต่างได้รับบาดเจ็บกันทั้งคู่ แต่ทว่าท่าทางของหลิงฮันในตอนนี้กลับดูสบายดีราวกับไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

จ่างซุนเหลียงขอตัวและหันหลังจากไป หลังจากนั้นไม่นานความรู้สึกซับซ้อนก็ได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลิงฮัน

การที่ได้สนทนาแลกเปลี่ยนความเข้าใจในศาสตร์วรยุทธและประลองกับจ่างซุนเหลียงเมื่อไม่กี่วันก่อนนั้นทำให้เขาได้รับประสบการณ์มากมาย หลังจากย่อยและซึมซับประสบการณ์เหล่านั้นแล้ว ความเข้าในใจรากฐานพลังบ่มเพาะของเขาจึงบรรลุถึงจุดที่จะทะลวงผ่าน

หลิงฮันมุ่งหน้าไปยังเขตป่าเขาไร้ผู้คนเพื่อรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์

เมฆสายฟ้าค่อยๆก่อตัวรวมกันอย่างหนาแน่น ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของดินแดนแห่งเซียนนั้นรุนแรงกว่าของโลกบรรพกาลเนื่องจากขีดจำกัดของระดับพลังในดินแดนแห่งนี้คือระดับนิรันดร์ หลิงฮันรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์อย่างไม่ประมาทและไม่ผลีผลามขึ้นไปยังส่วนลึกของเมฆสายฟ้า

เวลาผ่านว่าไปครึ่งวัน เขาผ่านพ้นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์สำเร็จและขัดเกลากายหยาบสูงขึ้นไปอีกระดับ ณ เวลานี้ความแข็งแกร่งของกายหยาบของเขาเทียบเท่าแร่โลหะกึ่งนิรันดร์หนึ่งดาวเป็นที่เรียบร้อย

ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้แม้จะยังไม่อาจต่อกรกับตัวตนระดับโลกียนิพพานได้ แต่ตัวตนระดับนั้นก็ไม่สามารถสังหารเขาได้ง่ายๆเช่นกัน อีกฝ่ายจำเป็นต้องใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมกายหยาบของเขาอย่างช้าๆถึงจะสามารถโจมตีสังหารได้

ความเป็นจริงแล้วในระดับสร้างสรรพสิ่งไม่มีขีดจำกัดสูงสุดเหมือนระดับพลังที่ผ่านมา เหตุผลที่ทำไมราชาเซียนบางคนถึงควบแน่นดวงดาราเกินหมื่นล้านดวงก็เป็นเพราะพวกเขาไม่สามารถทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้ ในระดับสร้างสรรพสิ่งนั้น ไม่ว่าจะควบแน่นดวงดารามากเท่าใดก็ไม่ช่วยให้แข็งแกร่งขึ้นหลังจากบรรลุระดับโลกียนิพพาน

“เป้าหมายต่อไปคือระดับโลกียนิพพาน” หลิงฮันสูดหายใจลึก ตราบใดที่ก้าวสู้ระดับโลกียนิพพานได้ เขาจะถือว่าเป็นปรมาจารย์คนหนึ่งของดินแดนแห่งเซียน ไม่มีเหมือนระดับสร้างสรรพสิ่งที่ต่อให้เขามีพรสวรรค์โดดเด่นแค่ไหนก็ยังไม่ถือว่าเป็นปรมาจารย์แท้จริง

ระดับโลกียนิพพานคือย่างก้าวที่จะทำให้มีอายุขัยเป็นไร้ขีดจำกัด เพียงเท่านี้ก็รับรู้ได้แล้วว่าการจะก้าวเท้าผ่านเข้าไปเป็นเรื่องที่ยากลำบากขนาดไหน

ในดินแดนแห่งเซียน จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งมีมากมายราวกับหมาแมวที่เดินเพ่นพ่านไปทั่ว แต่นิรันดร์ระดับโลกียนิพพานล่ะมีจำนวนเท่าใด?

ตัวตนระดับโลกียนิพพานในเมืองหนึ่งดาวนั้นมีจำนวนหลักสิบ ในเมืองหนึ่งดาวมีจำนวนหลักพัน เมื่อเทียบกับประชากรของเมืองที่มีหลายพันล้านนับไม่ถ้วนแล้ว จำนวนเพียงเท่านี้ถือว่าน้อยมาก

“ตอนนี้ในระดับสร้างสรรพสิ่งใครจะเป็นคู่ต่อสู้ให้ข้าได้?” หลิงฮันลูบคาง “น่าเสียดายที่ด้วยขีดจำกัดของระดับพลังทำให้ข้าไม่สามารถเรียนรู้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของระดับนิรันดร์ได้ ไม่เช่นนั้นข้าจะสามารถสลักรูปแบบอาคมระดับนิรันดร์ลงบนร่างกาย และสามารถต่อสู้ได้ทัดเทียมกับปรมาจารย์ระดับโลกียนิพพาน”

เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ หลิงฮันเลิกเพ้อฝันและสลักรูปแบบอาคมระดับราชาเซียนลงบนร่างกาย แต่ไม่ว่าเขาจะสลักรูปแบบอาคมมากมายขนาดไหน พลังต่อสู้กลับเพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งในหมื่น!

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?” หลิงฮันชะงัก เขาสลักรูปแบบอาคมราชาเซียนไปทั้งหมดเก้าร้อยเก้าสิบเก้ารูปแบบ แต่พลังต่อสู้กลับเพิ่มขึ้นมาเพียงหนึ่งในหมื่น!

“หากฮูหนิวยังอยู่ในระดับสร้างสรรพสิ่งล่ะก็ ข้าอยากประลองกับนางดูจริงๆว่าพลังต่อสู้ของราชาเซียนจากนิกายมหาอำนาจจะทรงพลังเพียงใด”

ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์คือขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ ฮูหนิวนั้นเป็นผู้สืบทอดสายเลือดโดยตรงของประมุขตำหนักรุ่นก่อน พลังต่อสู้ของนางในระดับสร้างสรรพสิ่งย่อมไร้เทียมทานมากเป็นแน่

“จะว่าไปข้าเองก็มาถึงดินแดนแห่งเซียนนานพอควรแล้ว แต่ยังไม่รู้เสียทีว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์นั้นอยู่ในดินแห่งเซียนฝั่งตะวันออกหรือฝั่งตะวันตก”

ดินแดนแห่งเซียนกว้างใหญ่เกินไป ขนาดตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะอย่างจักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ยังเคยเข้าไปยังอาณาเขตของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์เพียงไม่กี่แห่ง เพราะงั้นการที่เมืองเล็กสองดาวเช่นนี้จะไม่มีข้อมูลของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์จึงไม่ใช่เรื่องแปลก

“บางทีหากเป็นตระกูลฟู่ อย่างน้อยก็อาจจะรู้ก็ได้ว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ตั้งอยู่ทีใด” หลิงฮันพึมพำ

เมื่อกลับมาถึงที่พักเขาก็ขอให้จักรพรรดินีช่วยประมือกับเขาในหอคอยทมิฬ ผลลัพธ์ก็คือจักรพรรดินีถูกต้อนให้ใช้ทักษะและพลังทั้งหมดออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีของเขา แต่ประเด็นคือหลิงฮันนั้นไม่ได้ใช้ทักษะใดๆโจมตีนางเลยแม้แต่ครั้งเดียว!

ช่างเป็นพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งจนน่ากลัว…

สองวันต่อมา ในที่สุดการประลองยุทธก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ

การประลองรอบแรกและรอบสองนั้นไม่มีตัวแทนจากเมืองใดเลยที่เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้ ผลการประลองนั้นขึ้นอยู่กับว่าหลิงฮันต้องการให้ศัตรูยืนหยัดได้นานเพียงใด

หลังจากการประลองคัดเลือกช่วงแรกสิ้นสุดลง สามสิบสองกลุ่มที่เหลือก็จับฉลากเลือกคู่ต่อสู้อีกครั้งเพื่อเริ่มการประลองรอบสุดท้าย

คู่ต่อสู้แรกในการประลองรอบสุดท้ายของเมืองธุลีจันทราคือผู้ชนะเลิศในครั้งก่อน… เมืองสองมหาภพที่นำโดยหยวนซิ่งผิง

เหล่าผู้ชมต่างพูดคุยกันว่าม้ามืดอย่างเมืองธุลีจันรทราคงมาได้เพียงแค่นี้ ช่วงเวลาหนึ่งร้อยปีจากการประลองครั้งก่อน พลังของหยวนซิ่งผิงในตอนนี้ย่อมแข็งแกร่งกว่าเดิมมากและคว้าชัยชนะได้อย่างง่ายดายไม่ผิดแน่

แต่ทว่าเหล่าผู้ชมก็ต้องตกตะลึงและส่งเสียงเอะอะ ทันทีที่ทั้งสองกลุ่มขึ้นสู่ลานประลอง หยวนซิ่งผิงก็เป็นฝ่ายประกาศขอยอมแพ้ทันที

“หลิงฮัน แม้ตอนนี้ความต่างชั้นระหว่างข้ากับเจ้าจะกว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด แต่หลังจากบรรลุระดับโลกียนิพพานแล้ว ความต่างชั้นที่ว่าจะไม่มีอีกต่อไป”

“เมื่อถึงตอนนั้นข้าจะขอท้าประลองกับเจ้าอีกครั้ง!” แม้หยวนซิ่งผิงจะยอมรับความพ่ายแพ้แต่ก็ไม่สูญเสียจิตวิญญาณสู้รบ ในทางกลับกัน จิตวิญญาณของเขาลุกโชนราวกับเปลวเพลิงเสียด้วยซ้ำ

หลิงฮันหัวเราะ คนแบบนี้ล่ะคือคู่ต่อสู้ที่เขาชื่นชอบและเคารพ เขาพยักหน้าและกล่าว “ข้าจะตั้งตารอ”

“เจ้าควรจะรีบดีกว่า ข้าไม่อยากรอหลายสิบล้านปีเพื่อท้าประลองเจ้า!” หยวนซิ่งผิงสะบัดมือก่อนจะนำกลุ่มของตนลงจากลานประลอง

ถ้าหลิงฮันพลาดโอกาสเข้าสู่หุบเหวสืบสานนิพพานที่จะเปิดขึ้นในรอบนี้เขาจำเป็นต้องรอไปอีกสิบล้านปี แม้ในช่วงเวลาสิบล้านปีจะมีสถานที่สำหรับทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานอื่นๆอยู่อีก แต่หยวนซิ่งผิงก็เชื่อว่าอัจฉริยะเช่นหลิงฮันจะต้องเลือกหุบเหวสืบสานนิพพานเป็นสถานที่ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแน่นอน แม้จะต้องรอถึงสิบล้านปีก็ตามที

หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะนำมือขึ้นมาจับคางและครุ่นคิด เหตุใดทุกคนถึงได้คิดว่าเขาจะบ่มเพาะพลังไม่ทันหุบเหวสืบสานนิพพานที่จะเปิดขึ้นในรอบนี้กัน?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด