Alchemy Emperor of the Divine Dao 1764 ย่อมมีฝ่ายหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1764 ย่อมมีฝ่ายหนึ่งที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทักษะสิบอสูรสงครามคือทักษะระดับราชานิรันดร์ โดยสัตว์อสูรสามตัวที่หลิงฮันเรียกออกมานั้น สองในสามมีอำนาจต้นกำเนิดอย่างเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับเป็นแก่นพลัง ถึงแม้สัตว์อสูรที่มีแก่นพลังเป็นสายฟ้าสวรรค์จะด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ก็ยังมีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมได้กับนิรันดร์สามนิพพานอยู่ดี

เมื่อเครื่องจักรสังหารทั้งสามถูกปล่อยออกมา ใครกันจะหยุดยั้งพวกมันได้?

ตระกูลติงถูกเปลี่ยนเป็นทะเลโลหิตในพริบตา เสียงร้องโหยหวนอันทรมานดังก้องไปทั่วทั้งเมือง

ประมุขตระกูลล้งและตระกูลต้วนปรากฏตัวพร้อมกัน แม้แต่เม่าไต๋เองก็มาเช่นกัน ปรมาจารย์ทั้งสามคนเว้นระยะและจ้องมองสงครามที่เป็นการเข่นฆ่าอยู่ฝ่ายเดียวโดยไม่ลงมือแทรกแซง

ใบหน้าของทั้งสามคนเผยให้เห็นถึงความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด

พลังต่อสู้ของหลิงฮันทรงพลังเป็นอย่างมาก!

แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ดี

เหตุใดติงเหยาหลงถึงยังไม่ปรากฏตัวกัน?

ด้วยพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพานสี่นิพพาน และพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเขา การที่ติงเหยาหลงจะหวาดกลัวหลิงฮันนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อย่างน้อยในตอนนี้เขาก็ยังสามารถกำราบเอาชนะหลิงฮันได้

“เจ้าตัวบัดซบ!” เมื่อการล่าสังหารดำเนินไปจนสมาชิกตระกูลติงติงเหลืออยู่เพียงหนึ่งในสิบ เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้น พร้อมกับติงเหยาหลงได้ปรากฏตัว

“ท่านประมุข!” สมาชิกตระกูลติงที่ยังเหลือรอดโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น ติงเหยาหลงคือกระดูกสันหลังของตระกูลติง ตราบใดที่ติงเหยาหลงยังอยู่ ตระกูลติงก็ยังสามารถกลับมาเฟื่องฟูได้อีกครั้ง

หลิงฮันหันหน้าไปยังต้นเสียงก่อนที่จะแสดงท่าทางประหลาดใจเล็กน้อย

สภาพของติงเหยาหลงในตอนนี้นั้น หัวของเขาเต็มไปด้วยเส้นผมที่ขาวโพลน และมีใบหน้าที่เหี่ยวย่น

อย่างที่รู้กันว่าติงเหยาหลงคืออัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ เขาสามารถทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้รูปลักษณ์ของเขาคงสภาพไว้ที่ช่วงอายุสามสิบปีเท่านั้น แต่ทว่าสภาพของเขาในตอนนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นชายชรา ที่ดูเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

“ตาย!” ติงเหยาลงไม่พูดพล่ามและลงมือทันที

‘ครืนนน’ กระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายถูกนำออกมา ‘โฮกกก’ ภูติพรายนับหมื่นส่งเสียงร้องโหยหวน จนทำให้ใครก็ตามที่ได้ยินรู้สึกหวาดผวาไปถึงจิตวิญญาณ

อำนาจของกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายถูกยกระดับขึ้น!

หลิงฮันเข้าใจทันทีว่าทำไมก่อนหน้านี้ติงเหยาหลงถึงยังไม่ปรากฏตัว และมีสภาพทรุดโทรมเช่นนี้ ที่แท้ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายก็กำลังใช้พลังชีวิตของตัวเองเสริมพลังให้กับกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายอยู่นั่นเอง

เหล่าภูติพรายนับหมื่นคำรามอย่างเกรี้ยวกราดและพุ่งทะยานเข้าใส่หลิงฮัน

แต่เดิมแล้ว เหล่าภูติพรายมีพลังเกือบจะเทียบได้กับนิรันดร์สามนิพพานขั้นต้นเท่านั้น แต่ตอนนี้พลังของพวกมันได้พัฒนากลายเป็นนิรันดร์สามนิพพานสูงสุดแล้ว แถมจำนวนของพวกมันก็ยังมีนับหมื่น

หากต้องถูกตัวตนระดับนิรันดร์สามนิพพานสูงสุดจำนวนขนาดนี้รุมโจมตี คิดว่าจะน่าสะพรึงกลัวขนาดไหน? ยิ่งกว่านั้นภูติพรายเหล่านี้ยังโหดเหี้ยม และไม่หวาดกลัวความตายอีกด้วย

ประมุขตระกูลล้ง ประมุขตระกูลต้วนและเม่าไต๋ขนลุกทั่วร่าง ทั้งสามคนรีบเว้นระยะล่าถอยไปหลายสิบไมล์เพื่อหลบหนีออกจากรัศมีของหมอกสีดำ

หลิงฮันเผยรอยิ้มอย่างไม่หวั่นเกรง

ตัวเขาในตอนนี้ข้ามผ่านจากนิรันดร์หนึ่งนิพพานมาเป็นนิรันดร์สองนิพพานแล้ว

การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่เกิดขึ้นคือ กายหยาบของเขายกระดับขึ้นจนเทียบเท่าแร่โลหะกึ่งนิรันดร์สองดาวเป็นที่เรียบร้อย

ด้วยกายหยาบของเขาในตอนนี้ ต่อให้นิรันดร์สี่นิพพานมากมายร่วมมือกับกระหน่ำโจมตี ก็ยังต้องใช้เวลาถึงจะสร้างบาดแผลให้เขาได้เล็กน้อย เพราะงั้นกับแค่ฝูงนิรันดร์สามนิพพานนับหมื่นเขาจะต้องหวาดกลัวทำไม?

ต่อหน้าหลิงฮันในตอนนี้ กระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายเป็นเพียงขยะไร้ประโยชน์!

พรวด!

เมื่อเห็นว่าหลิงฮันสามารถก้าวเดินอยู่ท่ามกลางหมอกสีดำได้อย่างสบายใจ ประมุขตระกูลล้ง ประมุขตระกูลต้วนและเม่าไต๋ก็อ้าปากค้างจนกว้างพอที่จะยัดขนมปังแท่งขนาดใหญ่เข้าไปได้

เรื่องเช่นนี้มันบ้าบอสิ้นดี!

“ปะ… เป็นไปไม่ได้!” ติงเหยาหลงดวงตาเบิดกว้างและทำอะไรไม่ถูก

เขายอมเสียสละแม้กระทั่งพลังชีวิตของตัวเอง เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพราย แต่กลับกลายเป็นว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทมาไม่สามารถทำอะไรหลิงฮันได้แม้แต่นิดเดียว เหตุการณ์ที่เกิดตรงหน้านี้ทำให้เขารู้สึกราวกับถูกตบหน้าอย่างจัง

“หากได้ลองพยายามแล้ว ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้” หลิงฮันสะบัดมือและโคจรพลังเพื่อควบแน่นทักษะก้อนแสงอัสนีทำลายล้าง

‘ตูม’ เมื่อการโจมตีถูกปลดปล่อยออกไป เสียงคลื่นระเบิดก็ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ แม้แต่หมอกสีดำเองก็ถูกทำให้สลายหายไปบางส่วน ภูติพรายจำนวนหลายร้อยแหลกสลายกลายเป็นเศษขี้เถ้า

ทักษะก้อนแสงอัสนีทำลายล้างคือทักษะโจมตีหมู่ที่ทรงพลัง หากนำมาใช้ในสถานการณ์เช่นนี้ ประสิทธิภาพของมันจะถูกดึงออกมาใช้อย่างเต็มที่ เหล่าภูติพรายเองก็มีพลังเพียงระดับสามนิพพานขั้นสูงสุดเท่านั้น ซึ่งยังอยู่ในขอบเขตพลังที่หลิงฮันสามารถกำราบได้อย่างง่ายดาย

ร่างของติงเหยาหลงสั่นสะท้าน

เหล่าภูติพรายคือสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นจากพลังของกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพราย พวกมันไม่ใช่สิ่งมีชีวิตจริงๆ จึงไม่สามารถตายได้ ต่อให้พวกมันถูกทำลายก็ยังสามารถสร้างกลับขึ้นมาใหม่ได้อีกครั้ง

แต่ปัญหาก็คือทุกครั้งที่สร้างภูติพรายขึ้นมาใหม่ จำเป็นที่จะต้องเผาผลาญพลังบางส่วนของกระดิ่ง โดยหากเผาผลาญพลังของมันไปมากๆเข้า ตัวกระดิ่งจะตกอยู่ในสภาพจำศีลในที่สุด

ซึ่งการจะทำให้มันฟื้นกลับขึ้นมาเพื่อใช้งานอีกครั้งนั้น ชีวิตของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากจะต้องถูกนำมาเป็นเครื่องสังเวย

หลิงฮันโคจรพลังและปลดปล่อยทักษะก้อนแสงอัสนีทำลายล้างอย่างต่อเนื่อง ต่อให้กระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายจะสร้างเหล่าภูติพรายขึ้นมาใหม่ได้ แต่ความเร็วในการสร้างก็ไม่อาจเทียบกับความเร็วในการทำลายของเขาได้ เวลาผ่านไปไม่นาน จำนวนของเหล่าภูติพรายก็เริ่มลดลงจนเห็นได้ชัด

ประมุขตระกูลล้งและตระกูลต้วนหันมองหน้ากันก่อนจะลงมือ

ทั้งสองคิดจะใช้โอกาสนี้ กำจัดศัตรูตรงหน้าทิ้งให้สิ้นซาก!

หากสังหารติงเหยาหลงได้ ไม่เพียงแค่ภัยคุกคามจากกระดิ่งหมอกทมิฬหมื่นภูติพรายในอนาคตจะหมดไป แต่ทรัพยากรณ์มากมายที่ตระกูลติงครอบครองอยู่ก็จะตกเป็นของตระกูลพวกเขาทั้งสองด้วย

โอกาสดีๆเช่นนี้ หากไม่รีบคว้าไว้เสียตอนนี้จะให้รอไปลงมือตอนไหน?

นิรันดร์สี่นิพพานที่ทรงพลังทั้งสองร่วมมือกันจู่โจมติงเหยาหลง

ตระกูลติลในตอนนี้ นับว่าตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างแท้จริง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด