Alchemy Emperor of the Divine Dao 1782 แก้ไขทักษะ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1782 แก้ไขทักษะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” หลิงฮันเอ่ยถาม

“ในดินแดนแห่งเซียนมีเพลิงบรรพบุรุษอยู่ทั้งหมดเก้าชนิด ซึ่งจำนวนของพวกมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีเพียงแค่เมื่อใดที่เพลิงบรรพบุรุษชนิดหนึ่งถูกทำลายเท่านั้น สวรรค์และปฐพีถึงจะให้กำเนิดเพลิงบรรพบุรุษขึ้นมาใหม่” หอคอยน้อยกล่าวอธิบาย

“ตามการคาดเดาของข้า ในอดีตกาล จอมยุทธที่ทรงพลังผู้หนึ่งคงจะครอบครองเพลิงเก้าสวรรค์และได้สร้างทักษะเปลวเพลิงที่ทรงพลังขึ้นมา และเมื่อจอมยุทธที่ทรงพลังผู้นั้นเสียชีวิต เพลิงเก้าสวรรค์ก็ถูกทำลายไปพร้อมๆกัน”

“เพียงแต่ว่า หลังจากเวลาผ่านไปหลายล้านปีและเพลิงเก้าสวรรค์ได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่อีกครั้ง เศษเสี้ยวจิตสำนึกของเพลิงเก้าสวรรค์ในชีวิตก่อนยังคงหลงเหลือมาจนถึงชีวิตใหม่ ทำให้มันมีปฏิกิริยากับทักษะเปลวเพลิงทักษะนั้น ถึงแม้ทักษะจะอยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ แต่ว่าในอดีตทักษะได้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้กับเพลิงเก้าสวรรค์ เพราะงั้นเพลิงเก้าสวรรค์จึงสามารถทำให้มันกลายเป็นทักษะที่สมบูรณ์ไปโดยปริยาย”

ที่หอคอยน้อยกล่าวมาก็สมเหตุสมผล ไม่เช่นนั้นแล้วจะอธิบายได้อย่างไรว่าทำไมเพียงแค่เขาจ้องมองไปยังแผ่นกระดาษ คำอธิบายส่วนที่หายไปก็ผุดขึ้นมาในหัวของเขาเอง

น่าเสียดายที่คำอธิบายที่เขียนไว้บนแผ่นกระดาษไม่ใช่คำอธิบายทั้งหมด แต่เป็นเพียงคำอธิบายสิบบรรทัด

หลิงฮันครุ่นคิดในใจ หากต้องการทักษะ นอกจากไปพบกับธิดาโร๋วก็คงไม่มีทางอื่นแล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง ฟู่เกาหยุนและคนอื่นๆกำลังใช้สมองทั้งหมดเท่าที่มี แก้ไขทักษะอย่างสุดความสามารถ

ไม่ใช่แค่ฟู่เกาหยุนเท่านั้นที่หลงใหลในตัวธิดาโร๋ว แต่คนอื่นๆเองก็รู้สึกคาดหวังที่จะได้พบกับนางเช่นกัน

หลิงฮันส่ายหัวในใจ หากต้องการแก้ไขทักษะที่สร้างขึ้นเพื่อใช้งานกับเพลิงบรรพบุรุษล่ะก็ เกรงว่าคงมีเพียงตัวตนระดับราชานิรันดร์เท่านั้นที่ทำได้

ทุกคนในที่นี้เป็นเพียงนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเท่านั้น ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะมีใครสักคนแก้ไขทักษะได้สำเร็จ

เมื่อคิดดูให้ดีแล้ว เป็นไปได้ว่าธิดาโร๋วเองก็คงได้รับทักษะนี้มาโดยบังเอิญเช่นกัน เพราะงั้นนางถึงไม่รู้ว่าทักษะในมือของนางล้ำค่าขนาดไหน และนำออกมาให้คนมากมายได้เห็นเช่นนี้

โชคดีที่คำอธิบายทักษะที่เขียนเอาไว้มีเพียงแค่สิบประโยค จึงไม่เพียงพอที่จะทำให้รับรู้ได้ว่ามันคือทักษะระดับราชานิรันดร์

หลิงฮันไม่ได้บอกใครว่าส่วนที่ขาดหายไปของทักษะคืออะไร เพระเกรงว่าการที่เขาแค่กวาดสายตามองทักษะไม่สมบูรณ์ก็สามารถแก้ไขทักษะได้แล้วนั้น จะทำให้ผู้อื่นรู้สึกหวาดกลัว

เวลาผ่านไปสามวัน โดยที่ตอนนี้ก็ยังไม่มีแม้แต่คนเดียวที่รู้ว่าทักษะนี้คือทักษะอะไร และไม่สามารถทำการเติมคำอธิบายทักษะที่หายไปได้

ในตอนนี้เอง หลิงฮันทำการนำกระดาษที่เขียนคำอธิบายที่สมบูรณ์เอาไว้แล้วออกมามอบให้กับฟู่เกาหยุน และบอกให้อีกฝ่ายนำมันไปให้กับทางฝั่งนิกายซู่หนู่

“จะไม่เป็นอะไรจริงๆรึ?” ฟู่เกาหยุนลังเล ถึงแม้เขาจะถูกชะตากับหลิงฮันมากแค่ไหน แต่เขาก็ทำใจเชื่อไม่ลงว่าหลิงฮันจะแก้ไขทักษะได้แล้ว เพราะขนาดผู้สืบทอดมากมายจากขุมอำนาจอื่นๆก็ยังไม่มีความคืบหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “แม้จะผิด แต่ลองดูก็ไม่เสียหายไม่ใช่รึไง?”

ที่หลิงฮันกล่าวก็มีเหตุผล ฟู่เกาหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนำกระดาษที่หลิงฮันมอบให้ไปส่งให้กับนิกายซู่หนู่และกลับมา

เวลาผ่านไปอีกครึ่งวัน ทางด้านของนิกายซู่หนู่ก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ

ฟู่เกาหยุนคิดว่าแผ่นกระดาษที่ส่งไปคงไม่ผ่านการทดสอบแน่ๆ จึงถอนหายใจและหันกลับมาศึกษาทักษะไม่สมบูรณ์ต่ออย่างเคร่งเครียด

แต่ทันใดนั้นเอง สตรีชุดขาวที่เคยปรากฏตัวเมื่อไม่กี่วันก่อนก็มาขอพบฟู่เกาหยุน “นายน้อยฟู่ คุณหนูของข้าต้องการเชิญท่านไปพบ”

เรื่องจริงรึ?

ฟู่เกาหยุนทั้งตกตะลึงและตื่นเต้น เขารีบพยักหน้าและกล่าว “แน่นอน! แน่นอน!” เขายินยอมโดยที่ไม่เล่นตัวแม้แต่นิดเดียว

“ข้าขอไปด้วย” หลิงฮันยิ้มและกล่าว เหตุผลที่เขาช่วยฟู่เกาหยุนก็เป็นเพราะต้องการเห็นภาพรวมทั้งหมดของทักษะเปลวเพลิงที่ธิดาโร๋วครอบครองอยู่

สตรีชุดขาวเผยสีหน้าเหยียดหยามทันที นี่เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน?

สีหน้าของฟู่เกาหยุนเองก็กลายเป็นกระอักกระอ่วน เขาอุตส่าห์ได้รับคำเชิญจากธิดาโร๋วทั้งที นี่เขาต้องพาคนอื่นไปด้วยจริงๆรึ? แต่ปัญหาก็คือ ทักษะที่ส่งไปเป็นผลงานที่หลิงฮันเป็นคนแก้ไข เขาจะปฏิเสธหลิงฮันก็กระไรอยู่

หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ข้าไม่ระวังคำพูดเอง คิดเสียว่าเมื่อครู่ข้าไม่ได้กล่าวอะไรออกไปแล้วกัน”

การที่ธิดาโร๋วเชิญชวนฟู่เกาหยุนให้ไปพบ ย่อมหมายความว่านางต้องการขอให้ฟู่เกาหยุนช่วยแก้ไขส่วนอื่นๆของทักษะให้สมบูรณ์ แต่มีรึที่ฟู่เกาหยุนจะทำเช่นนั้นได้? สุดท้ายนางก็ต้องมาขอให้เขาช่วยอยู่ดี

ฟู่เกาหยุนรู้สึกโล่งอก เขากลัวว่าหลิงฮันจะยืนกรานขอติดตามไปด้วยให้ได้ ซึ่งเขาก็ไม่อยากทำลายสายสัมพันธ์กับหลิงฮันเสียด้วย

สตรีชุดขาวส่งสายตาดูถูกมายังหลิงฮันแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไร พร้อมกับนำฟู่เกาหยุนไปยังเรือรบของนิกายซู่หนู่

หลังจากเวลาผ่านไปราวๆสองสามชั่วโมง สตรีชุดขาวก็ปรากฏตัวอีกครั้งตามคาด ในขณะที่ฟู่เกาหยุนที่กลับมาด้วยมีสีหน้าอับอายเล็กน้อยพร้อมกับเหงื่อไหลทั่วหน้า

หลิงฮันคาดเดาได้ไม่ยากว่า ธิดาโร๋วจะต้องนำทักษะระดับราชานิรันดร์ที่ไม่สมบูรณ์ออกมาให้ฟู่เกาหยุนช่วยแก้ไขแน่นอน เพียงแต่ว่าฟู่เกาหยุนที่ไม่มีความสามารถพอที่จะทำเช่นนั้น จึงต้องยอมเล่าความจริงออกมา

“น้องชายหลิง ช่วยไปพบธิดาโร๋วด้วยกันหน่อยได้รึไม่?” ฟู่เกาหยุนกล่าวทันทีที่กลับมา

หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ไม่สนใจ”

หืม? เหตุใดเจ้าถึงไม่สนใจล่ะ? ไม่ใช่ว่าก่อนหน้านี้เจ้ายังเสนอตัวขอไปด้วยอยู่เลยไม่ใช่รึ?

ถึงแม้จิตใจของคนเราจะไม่ใช่สิ่งที่แน่นอน แต่เจ้าจะเปลี่ยนใจเร็วเกินไปรึเปล่า?

“คุณหนูของข้าเอ่ยปากเชิญเข้าพบแท้ๆ เจ้ายังทำเป็นวางท่าอีกรึ?” สตรีชุดขาวกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่รู้ว่าในชีวิตนี้นางพบเจอกับราชารุ่นเยาว์มาแล้วกี่คนต่อกี่คน ซึ่งทุกครั้งที่ได้ยินชื่อของธิดาโร๋ว ราชารุ่นเยาว์เหล่านั้นก็จะแสดงท่าทีสุภาพต่อนางกันทุกคน

หลิงฮันไม่แม้แต่หันมองสตรีชุดขาว เขาสะบัดมือและกล่าว “เจ้ามาขอร้องให้คนอื่นไปช่วยด้วยท่าทางเช่นนั้นน่ะรึ?”

ฟู่เกาหยุนเข้าใจทันทีว่าทำไมท่าทางของหลิงฮันจึงเปลี่ยนไป “น้องชายหลิง เจ้าอย่าได้ถือสานางเลย เจ้าไม่อยากไปพบธิดาโร๋วหรืออย่างไร? บางทีเจ้าอาจจะไม่รู้ แต่ธิดาโร๋วน่ะเป็นสตรีที่กล่าวกันว่ามีรูปลักษณ์ที่งดงามที่สุด!”

หลิงฮันยังคงไม่สนใจและปิดตานอนหลับ เขามั่นใจว่าการที่ธิดาโร๋วยอมเผยทักษะไม่สมบูรณ์ออกมาให้ทุกคนเห็น ย่อมหมายความว่านางต้องการฟื้นฟูทักษะให้กลับมาสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง เพราะงั้นแล้วนางจะต้องเป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนแน่นอน

“ฮึ่ม!” สตรีชุดขาวมีนิสัยที่หยิ่งทะยง นางเค้นเสียงไม่พอใจและหันหลับกลับไป

“เห้อ!” ฟู่เกาหยุนถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ไล่ตามนาง

หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เชื่อหรือไม่ว่าอีกไม่นาน นางจะเป็นฝ่ายกลับมาเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด