Alchemy Emperor of the Divine Dao 1790 ความแข็งแกร่งของลั่วจ่างเฟิง

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1790 ความแข็งแกร่งของลั่วจ่างเฟิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แต่ทันใดนั้น จู่ๆเงาของบุรุษผู้หนึ่งก็ผุดขึ้นในจิตใจของนาง

หลิงฮัน!

ลั่วจ่างเฟิงนั้นมีขุมอำนาจที่ทรงพลังคอยหนุนหลังอยู่ แต่ทางด้านของหลิงฮัน ถึงแม้เขาเป็นเพียงแขกของขุมอำนาจสามดาวอย่างตระกูลฟู่ แต่พรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธของเขาก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าลั่วจ่างเฟิง! ยิ่งเมื่อหากเป็นในด้านของความสามารถในการรู้แจ้งล่ะก็ เกรงว่าหลิงฮันคงเป็นฝ่ายที่เหนือกว่า เพราะภายในเวลาแค่ชั่วโมงกว่า เขาก็สามารถแก้ไขทักษะโบราณได้

ไม่กี่วันก่อนนางลองฝึกฝนทักษะเปลวเพลิงที่ว่าดูแล้ว ถึงแม้นางจะเพิ่งทำความเข้าใจทักษะได้แค่เล็กน้อย แต่นางก็รู้สึกตกตะลึงอย่างมาก เพราะทักษะนี้เป็นทักษะที่มีระดับสูงกว่าทักษะทั้งหมดที่นางเคยฝึกฝนมา

กล่าวคือ มันต้องเป็นทักษะระดับขอบเขตตำหนักอมตะเป็นอย่างน้อย

การที่หลิงฮันมีความสามารถในการทำความเข้าใจ ที่น่าสะพรึงกลัวขนาดนี้หมายความว่าอย่างไร?

ในอนาคต ชายหนุ่มผู้นี้จะสามารถบรรลุเป็นตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ!

ถึงแม้ลั่วจ่างเฟิงจะเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ แต่ความเป็นไปได้ที่เขาจะบรรลุเป็นตัวตนระดับราชานิรันดร์ได้ก็แทบจะเท่ากับศูนย์ อย่างมากความเร็จสูงสุดของลั่วจ่างเฟิงก็อาจจะหยุดอยู่แค่ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ เนื่องจากการไต่เต้าขึ้นเป็นราชานิรันดร์เป็นสิ่งที่ยากลำบากเกินไป

หากมองจากมุมนี้ หลิงฮันนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าลั่วจ่างเฟิงเลยแม้แต่น้อย

ลั่วจ่างเฟิงกวาดสายตาของฝูงชน และรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเมื่อได้เห็นแววตาอันเลื่อมใสของธิดาโร๋ว แต่ทว่าเมื่อสายตาของเขาเหลือบไปเห็นจักรพรรดินี สีหน้าของเขาก็กลายเป็นแข็งค้างทันที

กลิ่นอายของสตรีผู้นี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันยากจะหยั่งถึง แก่นกำเนิดนิรันดร์ภายในร่างของเขาสั่นสะท้านเล็กน้อย เหมือนกับตอนที่พบเห็นธิดาโร๋ว

นางเองก็มีแก่นกำเนิดนิรันดร์เช่นกัน?

เขาที่เป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจยักษ์ใหญ่ ย่อมรู้ดีว่าหากแก่นกำเนิดนิรันดร์มีปฏิกิริยาเช่นนี้ ย่อมหมายความว่า บุคคลตรงหน้าก็เป็นคนที่ครอบครองแก่นกำเนิดนิรันดร์เช่นกัน

ยิ่งกว่านั้นเรือนร่างของสตรีผู้นี้ก็ยังสมบูรณ์แบบมากอีกด้วย แม้จะไม่สามารถมองเห็นโฉมหน้า แต่แค่กลิ่นอายของนางก็เพียงพอที่จะทำให้เขาจิตใจสั่นไหว

ไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอสตรีแบบนี้ที่นี่!

ลั่วจ่างเฟิงละสายตากลับ ก่อนจะยิ้มและกล่าว “ต่อไปเป็นใคร?”

เหล่าฝูงชนหันมองหน้ากันโดยไม่มีใครกล่าวอะไรออกมา

เชียนจ้าวเถี้ยนที่เป็นถึงนิรันดร์สามนิพพานขั้นสูงสุดและเป็นราชาแห่งยุค ยังไม่สามารถต้านทานการโจมตีของลั่วจ่างเฟิงได้แม้แต่กระบวนท่าเดียว เพราะงั้นต่อให้เป็นนิรันดร์สี่นิพพานขั้นต้นหรือขั้นกลาง ก็อาจจะยากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ให้กับลั่วจ่างเฟิงผู้นี้

ด้วยเหตุนี้ สายตาของทุกคนจึงจดจ้องไปยังคนสามคนอย่างเป่ยหยิ่วย้ง หลินฟางและเถิงเซิน เพราะมีเพียงแค่สามคนนี้ที่มีพลังบ่มเพาะระดับสี่นิพพานขั้นสูงสุด และเป็นราชาแห่งยุค

แต่ไม่ว่าอย่างไรทุกคนก็ยังคิดไม่ตกอยู่ดี ว่าเหตุใดลั่วจ่างเฟิงที่เพิ่งบรรลุระดับโลกียนิพพานสามนิพพาน ถึงได้มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้

“ตัดขาดสวรรค์และปฐพี!” ราชาคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวาดผวา

การตัดผ่านนิพพานอย่างสมบูรณ์ยังไม่ใช่จุดสูงสุด เหนือไปกว่านั้นยังมีการตัดขาดสวรรค์และปฐพีอยู่อีก!

ตามตำนานที่เล่ากันมา คนที่ตัดขาดสวรรค์และปฐพีสำเร็จจะได้เป็นราชาในหมู่ราชา

ดวงตาของธิดาโร๋วส่องประกายเลื่อมใสยิ่งกว่าเดิม ราชาที่ตัดขาดสวรรค์และปฐพีได้นั้น

ยากที่จะปรากฏให้เห็นในยุคสมัยหนึ่ง

“ข้าขอท้าประลองเอง!” เป่ยหยิ่วย้งก้าวเท้าออกมา เขารู้อยู่แก่ใจดีว่าลั่วจ่างเฟิงนั้นเป็นสัตว์ประหลาดที่เหนือกว่าเขาเพราะตัดขาดสวรรค์และปฐพีสำเร็จ แต่ประเด็นคือตัวเขาในตอนนี้มีพลังบ่มเพาะระดับสี่นิพพานสูงสุด ซึ่งเหนือกว่าลั่วจ่างเฟิงหนึ่งขั้นใหญ่

“นายน้อยจ่างเฟิง โปรดชี้แนะข้าด้วย” เขากล่าวอย่างสุภาพ

ลั่วจ่างเฟิงหันมองเป่ยหยิ่วย้งก่อนจะกล่าว “ไปปะทะกันด้านนอก”

การปะทะกับเชียนจ้าวเถี้ยนก่อนหน้านี้  ลั่วจ่างเฟิงลงมือโดยไม่กล่าวอะไรแท้ๆ แต่คราวนี้กลับกล่าวว่าให้ไปประลองกันด้านนอก นั่นหมายความว่า แม้จะเป็นลั่วจ่างเฟิงก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเป่ยหยิ่วย้งได้อย่างง่ายดาย

เป่ยหยิ่วย้งเหาะเหินไปยืนตระหง่านกลางท้องฟ้า ออร่าอันกระหายเลือดได้พรั่งพรูไปทั่วร่างกายของเขา พร้อมกับดวงตาแปรเปลี่ยนเป็นแดงฉาน และฝ่ามือแปรสภาพกลายเป็นกรงเล็บโลหิตที่พัวพันไปด้วยตราประทับแห่งเต๋า ‘พรึบ’ ที่แผ่นหลังของเขา ปีกสีโลหิตสองข้างงอกยาวออกมาหลายพันฟุต จนบดบังแสงอาทิตย์ที่อยู่เบื้องบน

“เผ่าอีกาโลหิตรึ?” ลั่วจ่างเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย

เป่ยหยิ่วย้งคำรามและกระพือปัก ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ขนนกมหาศาลนับไม่ถ้วนพุ่งทะยานเข้าหาลั่วจ่างเฟิงจนเกิดเป็นภาพที่น่าตกตะลึง ขนนกที่ถูกปลดปล่อยออกมามีจำนวนมากมายเกินไป จนไม่เหลือพื้นที่ให้หลบหลีกเลยแม้แต่นิดเดียว

ลั่วจ่างเฟิงไม่กล้าประมาท ต่อให้เขาเป็นราชาในหมู่ราชาที่สามารถสู้ข้ามระดับได้ แต่จะโค่นศัตรูได้ง่ายดายเพียงใดนั้น ก็ขึ้นอยู่กับพลังต่อสู้และทักษะยุทธของคู่ต่อสู้ด้วย

เขายื่นหมัดทั้งสองข้างไปด้านหน้า “เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ” อัสนีบาตที่ทรงพลังถูกควบแน่นมารวมตัวกันเป็นลูกบอลทรงกลมและผลักออกไป

พรึบ พรึบ พรึบ ตูม ตูม ตูม

ขนนกมากมายถูกปลดปล่อยออกมาไม่หยุด แต่ทันทีที่พวกมันปะทะเข้ากับบอลอัสนี ขนนกแต่ละอันก็ถูกบดขยี้กลายเป็นเศษซาก

‘ตูมมม’ พริบตาต่อมา จู่ๆบอลอัสนีก็ระเบิดออก คลื่นพลังที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผู้คนที่มองดูอยู่นัยน์ตาฝ้าฟางไปชั่วขณะ และถึงขนาดสูญเสียการได้ยินไปด้วย ‘ครืนนน’ คลื่นกระแทกอันทรงพลังแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ

โชคดีที่เรือรบมีรูปแบบอาคมคุ้มกันติดตั้งเอาไว้ เหล่าผู้คนบนเรือรบจึงไม่จำเป็นต้องหลบ

‘เปรี๊ยะ’ ทั่วท้องฟ้ากลายเป็นสีขาวโพลน ราวกับโลกทั้งใบถูกอัสนีบาตที่น่าสะพรึงกลัวทำลาย

เมื่ออำนาจของสายฟ้าสลายไป ร่างของเป่ยหยิ่วย้งก็ปรากฏออกมาให้เห็น เป่ยหยิ่วย้งในตอนนี้กำลังไขว้แขนทั้งสองข้างเพื่อป้องกันตัว ผมสีดำยาวของเขายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง และถึงแม้ชุดบางส่วนจะขาดแหว่งไปบ้าง แต่บนร่างกายของเขาก็ไม่ปรากฏร่องรอยบาดเจ็บ

กระบวนท่าเมื่อครู่ ทั้งสองฝ่ายเสมอกัน

ทุกคนที่มองดูอยู่ไร้คำใดจะเอ่ยกล่าว ขนาดเป่ยหยิ่วย้งที่เป็นราชาระดับสี่นิพพานสูงสุด ลั่วจ่างเฟิงก็ยังสามารถสู้ได้อย่างสูสี!

ถึงแม้ลั่วจ่างเฟิงจะไม่สามารถต่อกรกับตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณได้ แต่ถ้าหากเขาลดพลังบ่มเพาะลงไปสักหนึ่งขั้น ก็คงไม่มีปัญหาในการเป็นคู่ต่อสู้ให้กับนิรันดร์ระดับสี่นิพพานขั้นต้น

กล่าวคือเขาสามารถสู้ข้ามระดับได้ถึงสองระดับ!

เดี๋ยวก่อน… สัตว์ประหลาดระดับนี้ก็เคยปรากฏตัวก่อนหน้านี้แล้วไม่ใช่รึ?

จู่ๆเงาของใครบางคนก็ผุดขึ้นมาในหัวของทุกคน

หลิงฮัน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด