Alchemy Emperor of the Divine Dao 1803 จับต้นอสูรปีศาจขาว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1803 จับต้นอสูรปีศาจขาว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั่นใช่ต้นอสูรปีศาจขาวจริงๆรึ!” หลิงฮันกล่าว

ศพไร้หัวเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง และมาหยุดนิ่งอยู่ด้านหน้าหลิงฮันประมาณสามเมตรกว่า ราวกับว่าระยะเท่านี้คือขีดจำกัดที่มันสามารถแยกห่างจากต้นอสูรปีศาจขาวได้

หลิงฮันที่เห็นเช่นนั้นก็หัวเราะและเป็นฝ่ายเปิดการโจมตี

“คิดว่าข้าไม่มีวิธีการกำจัดพวกเจ้างั้นรึ?” เขาเค้นเสียงพร้อมกับควบแน่นทักษะก้อนแสงอัสนีทำลายล้าง “แหลกไปซะ!”

ครืนนน!

ก้อนแสงอัสนีทำลายล้างลอยเข้าหาเหล่าศพไร้หัว และระเบิดออกด้วยพลังทำลายที่น่าสะพรึง

ตูม ตูม ตูม ตูม ร่างของศพไร้หัวจำนวนหนึ่งถูกบดขยี้จนกลายเป็นเศษซาก

หลังจากคลื่นระเบิดสลายไป ร่างของหลิงฮันก็ค่อยปรากฏตัวอย่างเงียบเฉียบ เมื่อครู่เขาได้ใช้มิติเอกเทศหลบหนีไปยังอีกมิติ เพื่อซ่อนตัวจากคลื่นทำลายของก้อนแสงอัสนีทำลายล้าง

ยังคงมีศพไร้หัวเจ็ดตัวที่เหลือรอดจากคลื่นระเบิดเมื่อครู่ แต่ร่างของพวกมันก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ แขนและขาของพวกมันถูกบดขยี้จนไม่สามารถใช้งานได้ เพราะงั้นพลังต่อสู้จึงต้องลดลงไปหลายส่วนแน่นอน

หลิงฮันพุ่งทะยานร่างเข้าจู่โจมต้นอสูรปีศาจขาว ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ศพไรหัวที่เหลืออยู่รีบเคลื่อนที่มาขวางทางหลิงฮัน

“ไสหัวไป!” หลิงฮันคำรามและโคจรพลังของวารีพลังหยินเร้นลับ พริบตาเดียวร่างของศพไร้หัวทุกตัวก็ถูกแช่แข็ง ‘ปัง’ หลิงฮันปล่อยหมัดออกไปอย่างต่อเนื่อง ทำให้ร่างที่ถูกแช่แข็งแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใบหน้ามากมากที่ลำต้นของต้นอสูรปีศาจขาวบิดไปมา ราวกับกำลังรู้สึกหวาดกลัว

‘ฉึบ ฉึบ ฉึบ’ รอยแยกที่ลำต้นของมันเปิดออกและปล่อยซากศพไร้หัวออกมาอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ ร่างของศพแต่ละร่างนั้นเน่าเปื่อยยิ่งกว่าเดิมมาก กล้ามเนื้อของพวกมันเน่าสลายจนเหลือเพียงโครงกระดูก

เหล่าโครงกระดูกจ้องมองหลิงฮัน ถึงแม้พวกมันจะไม่มีหัว แต่ก็สามารถทำให้ผู้อื่นรู้สึกราวกับว่ากำลังถูกจ้องมองอยู่ได้

“ต้นไม้ปีศาจต้นนี้มีงานอดิเรกคือรวบรวมศพมาเก็บไว้รึไงกัน?” หลิงฮันขนลุก

ซากศพถูกปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง เวลาผ่านไปได้ไม่นาน จำนวนของโครงกระดูกที่ล้อมรอบต้นอสูรปีศาจขาวก็มีมากนับร้อยตัว

ทันใดนั้นกิ่งก้านที่ไร้ใบของต้นอสูรปีศาจขาวก็สั่นไหวเล็กน้อย เพื่อออกคำสั่งให้กองทัพโครงกระดูกไร้หัวโจมตีหลิงฮัน

‘พรึบ พรึบ พรึบ’ โครงกระดูกนับร้อยลงมือพร้อมกัน พวกมันยื่นแขนออกมาด้านหน้าและปล่อยของเหลวสีเขียวจากฝ่ามือ

เมื่อของเหลวสีเชียวถูกพ่นออกมา หลิงฮันเริ่มหายใจติดขัดและรู้สึกว่าร่างกายค่อยๆอ่อนแรงจนแทบยกแขนขาไม่ขึ้น

พิษ!

หลิงฮันรีบโคจรเพลิงเก้าสวรรค์ ‘พรึบ’ เปลวเพลิงปะทุออกมาจากร่างของเขาและทำหน้าที่เป็นเกราะคุ้มกัน ทันใดนั้นมลพิษที่อยู่ภายในร่างกายของเขา ก็ถูกแผดเผากลายเป็นควันสีดำลอยออกมา

“สิบอสูรสงคราม!”

หลิงฮันโคจรทักษะเพื่อลงมือตอบโต้ ‘ครืน ครืน ครืน’ คลื่นเพลิงถูกปลดปล่อยออกมาและก่อตัวรวมกันเป็นรูปร่างของสัตว์อสูรนิรันดร์สิบตัว

ก่อนหน้านี้เขาสามารถสร้างสัตว์อสูรสงครามได้เพียงสามตัว เพราะนั่นคือขีดจำกัดพลังของเขา แต่ว่าในสถานที่แห่งนี้นั้นมีอำนาจแห่งเปลวเพลิงอยู่อย่างหนาแน่น เขาจึงสามารถสร้างสัตว์อสูรสงครามเปลวเพลิงขึ้นมาสิบตัวได้อย่างง่ายดาย

ยิ่งกว่านั้นหากไม่ใช่เพราะหลิงฮันมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่นิรันดร์สองนิพพานล่ะก็ สัตว์อสูรสงครามที่เรียกออกมาคงจะมีพลังในระดับแบ่งแยกวิญญาณไปแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันในตอนนี้ก็ไม่ได้อ่อนแอ สัตว์อสูรสงครามทุกตัวมีพลังต่อสู้อยู่ในระดับของสี่นิพพานขั้นสูงสุด

สิบสัตว์อสูรสงครามพุ่งทะยานออกไป ‘ตูม ตูม ตูม’ ภายใต้อำนาจแห่งเปลวเพลิงที่ทรงพลัง เหล่าโครงกระดูกไร้หัวได้ถูกแผดเผาเป็นขี้เถ้าทันที ใบหน้ามากมายของต้นอสูรปีศาจขาวแสดงท่าทางหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม มันค่อยๆขยับตัวถอยหลังช้าๆ ราวกับว่ากำลังจะแอบหนีไปอย่างลับๆ

“คิดหนีรึ?” หลิงฮันเค้นเสียง เขาปลดปล่อยเพลิงเก้าสวรรค์ออกมาและควบแน่นเปลวเพลิงให้กลายเป็นกรงขนาดใหญ่ปิดกั้นไปทั่วฟ้าดิน

ต้นอสูรปีศาจขาวต้นนี้มีสติปัญหาที่ไม่ต่ำ เมื่อรู้ว่าไม่สามารถหนีไปไหนได้แล้ว มันจึงล้มเลิกความคิดที่จะหลบหนี และหันกลับมาจ้องหลิงฮันด้วยแววตาเข่นฆ่าแทน ที่บริเวณลำต้นมีรอยแยกปรากฏขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับปล่อยบางสิ่งออกมาจำนวนมาก สิ่งที่ปรากฏออกมาครั้งนี้ไม่ใช่ศพไร้หัว แต่เป็นหัวมนุษย์ที่มีทั้งบุรุษและสตรี ใบหน้าของหัวแต่ละหัวต่างแสดงออกถึงความรู้สึกเจ็บปวดทรมาน

หัวเหล่านี้ลอยเข้ามาห้อมล้อมหลิงฮันเอาไว้และพ่นควันสีดำออกมา

ควันสีดำค่อยๆแปรเปลี่ยนกลายเป็นขวานสองคมและหอกจำนวนมาก แถมยังมีตราประทับแห่งเต๋าประทับเอาไว้

การโจมตีประเภทนี้คือการโจมตีด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่น่าสะพรึงกลัว ต่อให้เป็นกายหยาบที่ไร้เทียมทานของหลิงฮัน ก็ยังอาจจะได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย หากถูกหล่อหลอมด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ติดต่อกัน

ด้วยเหตุนี้หลิงฮันจึงไม่คิดรับการโจมตีที่พุ่งเข้ามาซึ่งๆหน้าด้วยกายหยาบ เขาผลักฝ่ามือออกไปและใช้กาลเวลาแปรผันพันปีเพื่อเร่งการสลายตัว

อำนาจห้วงเวลาก็เป็นอีกหนึ่งอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่ทรงพลังที่สุดก่อนถึงระดับราชานิรันดร์ ขวานสองคมและหอกจำนวนมากถูกทำให้สลายไปในพริบตา หลิงฮันใช้จังหวะนี้ดีดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบเข้าใส่ใบหน้าจำนวนมากจนแหลกไม่เหลือซาก

ต้นอสูรปีศาจขาวดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย มันเปิดรอยแยกขึ้นที่ลำต้นอีกครั้งและปล่อยปราณพิฆาตออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด

ปราณพิฆาตแปรเปลี่ยนกลายเป็นโครงกระดูกมนุษย์สีดำ ในมือของมันถือเคียวขนาดใหญ่เอาไว้และกวัดแกว่งเข้าใส่หลิงฮัน

ต่อหน้าเคียวขนาดใหญ่เล่มนี้ หลิงฮันรู้สึกราวกับร่างของตนเองกำลังจะถูกเฉือนออกเป็นชิ้นๆ เขาเค้นเสียงพร้อมกับโคจรวารีพลังหยินเร้นลับและปล่อยหมัดออกไป

‘ตูม’ ทั่วทั้งบริเวณถูกแช่แข็ง แม้แต่ต้นอสูรปีศาจขาวหรือโครงกระดูกสีดำก็ไม่มีข้อยกเว้น

หลิงฮันสะบัดมือนำต้นอสูรปีศาจขาวเข้าสู่หอคอยทมิฬ

จบได้เสียที

“ส่งต้นอสูรปีศาจขาวมา!” เสียงอันเย็นชาดังขึ้นที่ด้านหลังพวกหลิงฮัน เมื่อหันกลับไปมองก็พบกับใครบางคนที่กำลังทะยานร่างเข้ามาจากระยะไกล

ร่างที่ทะยานเข้ามาคือรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งที่สีหน้าประดับเอาไว้ด้วยความหยิ่งยโส

“แล้วถ้าข้าไม่ส่งให้ล่ะ?” หลิงฮันกล่าวกลับไปอย่างไม่แยแส

“ถ้าแบบนั้น เจ้าก็ต้องตายสถานเดียว!” เสียงของรุ่นเยาว์ผู้นี้เย็นชาเป็นอย่างมาก ที่นี่คือเขตแดนลี้ลับที่ความตายเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว ต่อให้เขาสังหารใครทิ้ง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีผลกระทบตามมาภายหลัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด