Alchemy Emperor of the Divine Dao 1806 ห้านิพพาน

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1806 ห้านิพพาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ดินแดนแห่งเซียนไม่ได้สงบสุขอย่างที่เจ้าคิดหรอกนะ” สุนัขตัวดำกล่าว

“ความไม่สงบสุขที่เจ้าว่า คือสาเหตุที่ทำให้เหล่าราชานิรันดร์เสียชีวิตงั้นรึ?” หลิงฮันเอ่ยถาม เขาเริ่มพอที่จะเข้าใจสิ่งที่สุนัขตัวดำต้องการกล่าวขึ้นมาบ้าง

สุนัขตัวดำพยักหน้า “ในที่สุดเจ้าก็เข้าใจเสียที!”

หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “สิ่งใดกันที่เป็นสาเหตุทำให้ราชานิรันดร์มากมายต้องตาย? หากเกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นจริง เหตุใดถึงแทบไม่มีใครรู้เรื่องนั้นเลย?”

“เรื่องนั้นนายท่านหมาก็ยังไม่กระจ่างเท่าไหร่” สุนัขตัวดำเกาหัว “ความทรงจำของข้านั้นไม่สมบูรณ์… แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น การที่ข้ายังสามารถจดจำเหตุการณ์ที่ว่าได้อย่างเลือนราง ย่อมหมายถึงมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก!”

หลิงฮันลูบคาง “แล้วเหตุการณ์นั่นกับการที่จู่ๆเจ้าก็ถามถึงเป้าหมายสูงสุดของข้ามันเกี่ยวข้องอะไรกันล่ะ?”

“เกี่ยวข้องกันอย่างไรน่ะรึ?” สุนัขตัวดำเค้นเสียง “ที่ข้าอยากบอกก็คือ ต่อให้เจ้าบรรลุเป็นราชานิรันดร์ พลังของเจ้าก็ไม่แข็งแกร่งพอและสามารถตายได้อยู่ดี!”

“ราชานิรันดร์ทั้งเก้าระดับนั้น การจะทะลวงผ่านแต่ละระดับล้วนแต่ยากลำบากเหมือนการไต่เต้าขึ้นสวรรค์ แถมความแข็งแกร่งของราชานิรันดร์ระดับสองกับราชานิรันดร์ระดับหนึ่ง ก็แตกต่างเหมือนกับระดับแบ่งแยกวิญญาณกับระดับโลกียนิพพาน!”

“ยิ่งหากเจ้าต้องการบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าด้วยแล้ว ทุกๆระดับพลังก่อนระดับราชานิรันดร์ของเจ้าก็ต้องถูกขัดเกลาอย่างสมบูรณ์ด้วย”

หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวล ข้าขัดเกลาทุกระดับจนบรรลุขีดจำกัดสมบูรณ์อยู่แล้ว”

คำพูดของเขาไม่ใช่คำโอ้อวด แต่เป็นความจริง

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องคิดแบบนั้น ถึงได้ยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเตือนเจ้าไงล่ะ” สุนัขตัวดำกล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิใจ “เจ้าคิดรึว่าการตัดขาดสวรรค์และปฐพีคือขีดจำกัดที่สมบูรณ์แล้ว?”

“แล้วไม่ใช่รึ?” หลิงฮันประหลาดใจ

“ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว!” สุนัขตัวดำส่ายหัวไปมา “ความทรงจำบางส่วนของข้าบอกว่า หากต้องการบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า สิ่งที่จำเป็นไม่ใช่แค่ต้องตัดขาดสวรรค์และปฐพีอย่างเดียว แต่ต้องบรรลุเป็นนิรันดร์ห้านิพพานด้วย!”

“ห้านิพาน?” หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา

นั่นจะเป็นไปได้รึ?

สี่นิพพานคือขีดจำกัดสูงสุดที่ไม่สามารถทะลวงผ่านต่อได้แล้ว ไม่เช่นนั้นหากฝืนทะลวงผ่านคนผู้นั้นจะต้องสิ้นชีพ เรื่องนี้ไม่ว่าใครต่างก็รู้ดี

“แน่นอนว่าเป็นไปได้ เพียงแต่การจะบรรลุระดับห้านิพพานได้นั้น เป็นสิ่งที่ยากลำบากเป็นอย่างมาก ตั้งแต่ในยุคบรรพกาลที่ผ่านมา คนที่สำเร็จมีจำนวนเพียงแค่หยิบมือ แต่เท่าที่ข้าจำได้ หากเจ้าต้องการบรรลุจุดสูงสุดของวิถีวรยุทธ ไม่ว่าอย่างไรการบรรลุห้านิพพานก็เป็นสิ่งจำเป็น” สุนัขตัวดำกล่าวอย่างเคร่งขรึม “การตัดขาดสวรรค์และปฐพีสามารถทำให้เจ้าเป็นได้แค่ราชาในหมู่ราชาเท่านั้น”

“ระดับห้านิพพาน…” หลิงฮันจ้องมองไปยังสุนัขตัวดำ

“ระดับห้านิพพาน!” สุนัขตัวดำพยักหน้า หากเจ้าต้องการเป็นเพียงแค่ราชานิรันดร์ทั่วไป เจ้าจะเดินในเส้นทางวรยุทธทั่วไปก็ได้ แต่หากเจ้าต้องการบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้า เจ้าจะต้องเดินผ่านเส้นทางที่ยากลำบากนี้“

“ยิ่งกว่านั้นคือไม่ใช่แค่ระดับโลกียนิพพานเพียงอย่างเดียว แต่ทั้งระดับแบ่งแยกวิญญาณ ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ หรือระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ เจ้าจะต้องขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขีดจำกัดสมบูรณ์ทั้งหมด หากทำได้เจ้าถึงจะสามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าหรือสูงยิ่งกว่า

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “เจ้าหมายถึงมหาปราชญ์สวรรค์งั้นรึ?”

“มหาปราชญ์สวรรค์อะไร นายท่านหมาพูดคำนั้นออกไปตอนไหน?” สุนัขตัวดำทำหน้างุนงง

ไม่รู้ว่ามันเสแสร้งหรือไม่รู้จริงกันแน่

หลิงฮันยังคงจำได้ดีว่าเจ้าของหอคอยทมิฬคนก่อนนั้นถูกเรียกว่ามหาปราชญ์สวรรค์ เพียงแต่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่านั่นเป็นเพียงฉายาที่ใช้เรียกอย่างเคารพหรือเป็นระดับพลังกันแน่

เพียงแต่ว่าทั้งหอคอยน้อยกับสุนัขตัวดำก็ดูเหมือนจะไม่มีทางยอมเล่าเรื่องนี้ให้ฟังแน่ เพราะงั้นเขาจึงไม่คิดถามต่อ

“แล้วเหตุใดจู่ๆเจ้าถึงรีบเอาเรื่องนี้มาบอกข้าล่ะ?” หลิงฮันเปลี่ยนเรื่องถาม

“เพราะข้ากำลังจะไปสถานที่แห่งหนึ่งเป็นเวลาสักพัก” สุนัขตัวดำมองไปยังระยะทางที่ห่างไกลด้วยแววตาลึกล้ำ สีหน้าของมันในตอนนี้ดูเคร่งขรึมเป็นอย่างมาก

“จะไปที่ไหนกัน?” หลิงฮันสงสัย

“มันคือสถานที่ที่อันตรายมาก” สุนัขตัวดำกล่าวเสียงต่ำราวกับวีรบุรุษที่จะไม่มีวันหวนคืน

หลิงฮันขมวดคิ้วและกล่าว “เจ้าคิดจะไปทำอะไรกันแน่?”

“ในอดีต…” สุนัขตัวดำทำท่าทางราวกับระลึกความหลัง “ข้าเคยสาบานกับตัวเองเอาไว้ว่าจะขโมยกางเกงในของราชานิรันดร์หลินเมี่ยวให้ได้ เมื่อตอนนี้ข้ากลับมาดินแดนแห่งเซียนแล้ว ข้าจึงต้องทำความปรารถนาที่ว่าให้สำเร็จ!”

หลังจากกล่าวประโยคนี้ สุนัขตัวดำก็แลบลิ้นและดวงตาส่องประกายแวววาว

ไปตายซะ!

หลิงฮันยกเท้าเตะเข้าใส่สุนัขตัวดำ เขาคิดว่านานๆที่มันจะทำตัวจริงจังบ้างเสียอีก แต่สุดท้ายก็ทำตัวพึ่งพาอะไรไม่ได้เหมือนเคย

ทั้งสามคนออกเดินทางต่อ เมื่อเวลาผ่านไปอีกสิบวัน พวกเขาก็ออกจากอาณาเขตพื้นที่รกร้างอันกว้างใหญ่และมาถึงตีนเขาลูกหนึ่ง ภูเขาลูกนี้ไม่ใช่ภูเขาไฟมหึมาที่เห็นในตอนแรก เพราะจากตำแหน่งที่พวกเขาอยู่นี้ยังอีกไกลนักกว่าจะไปถึงภูเขาไฟลูกนั้น

ที่ยอดบนสุดของภูเขาลูกที่พวกเขาเดินทางมาถึง มีตำหนักบางอย่างตั้งอยู่

หลิงฮันเคยได้ยินข้อมูลของเขตแดนลี้ลับเฉียนหลงมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงได้รู้ว่าตำหนักแห่งนี้ถูกเรียกว่าตำหนักเซินหลง

มีคำกล่าวว่าตำหนักแห่งนี้เป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างไม่กี่แห่งในเขตแดนลี้ลับที่ไม่ถูกทำลาย แต่ได้รับความเสียหายเพียงแค่เล็กน้อย

ตำหนักเฉียนหลงสมควรเป็นสถานที่ที่ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ในอดีตเคยเอาไว้ใช้ทดสอบลูกศิษย์ระดับโลกียนิพพาน เนื่องจากมันถูกติดตั้งรูปแบบอาคมเอาไว้ โดยหากสามารถผ่านรูปแบบอาคมที่ว่าได้ จะได้รับของรางวัลตอบแทน

ในอดีต เหล่าจอมยุทธที่เคยเข้ามาในเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ และได้รับสืบทอดทักษะบ่มเพาะนั้น เกินกว่าเก้าในสิบส่วนล้วนแต่ได้รับจากตำหนักเซินหลงทั้งนั้น

ในอาณาเขตพื้นที่รกร้างอันกว้างใหญ่ก่อนหน้านี้นั้น ทุกคนอาจจะมีเส้นทางที่ต่างกัน แต่เส้นทางเหล่านั้นก็ล้วนแต่ต้องมาบรรจบกันที่ตำหนักเฉียนหลงแห่งนี้ เพราะมันคือสถานที่ที่จะมีโอกาสได้รับวาสนาอันยิ่งใหญ่ที่ไม่อาจพลาดได้

ในระยะทางที่ห่างออกไปไกลพอสมควร กระต่ายร่างขาวตัวหนึ่งกำลังถือแครอทเอาไว้ในมือ และใช้ดวงตาสีแดงสดราวกับอัญมณีจดจ้องไปยังหลิงฮัน หัวที่เหมือนหมาป่าของมันอ้าปากออกเล็กน้อย ทำให้ดูมีกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด