Alchemy Emperor of the Divine Dao 1829 อ้อนวอน

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1829 อ้อนวอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันโคจรทักษะแสงอัสนี และไล่ล่าตามไปด้วยความเร็วที่ทัดเทียม

“มิติเอกเทศ!” หลิงฮันยื่อมือไปออกไปด้านหน้าและควบแน่นพลังไปยังจุดที่ลั่วจ่างเฟิงอยู่

ลั่วจ่างเฟิงรู้สึกเย็นยะเยือกจนขนบนแผ่นหลังลุกซู่ เขากัดฟันและรัดเค้นพลังของสายฟ้าภายในร่าง ‘ครืนน’ ความเร็วของเขาถูกยกระดับขึ้นและระเบิดความเร็วที่เหนือกว่าการโจมตีของหลิงฮันออกมา

มิติเอกเทศสัมผัสโดนเพียงอากาศที่ว่างเปล่า

หลิงฮันตกตะลึงเล็กน้อย กายหยาบกำเนิดอัสนีสวรรค์ไม่ใช่เล่นๆเลยจริงๆ

แต่จะว่าไปก่อนหน้านี้เขาก็ดูดซับสมุนไพรนิรันดร์กลายพันธุ์ ที่มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีผสานเอาไว้เข้าไปไม่ใช่รึ?

ต้องลองดูบ้าง!

ในขณะที่กำลังไล่ล่า หลิงฮันได้ทำการเพ่งจิตนึกถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่เพิ่งดูดซับจากสมุนไพรนิรันดร์

ก่อนหน้านี้ที่ดูดซับสมุนไพรนิรันดร์กลายพันธุ์เข้าไป สิ่งที่เขาซึมซับและย่อยเข้าสู่ร่างกายมีเพียงแค่อำนาจแห่งเต๋าเท่านั้น เพราะรีบที่จะทะลวงผ่านระดับสามนิพพานให้เร็วที่สุด ทำให้ไม่มีเวลาซึมซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองของสมุนไพร

‘เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ’ เขาค่อยๆซึมซับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนี โดยที่คลื่นสายฟ้ารอบกายเริ่มขยายกว้างขึ้นทีละน้อย

ในความเป็นจริงนั้น อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีนั้นคืออำนาจที่หลิงฮันเชี่ยวชาญที่สุด เพราะว่าเขาใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ ขัดเกลากายหยาบตั้งแต่อยู่โลกใบเล็กแล้ว แถมเขายังดัดแปลงอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ มาเป็น ทักษะโจมตีของตนเองอีก

ก็แค่ว่าเพลิงเก้าสวรรค์กับวารีพลังหยินเร้นลับนั้น มีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่แข็งแกร่งเทียบเท่าราชานิรันดร์ พักหลังนี้เขาจึงเลือกที่จะใช้อำนาจของแก่นกำเนิดพลังทั้งสองนี้มากกว่า

แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีของนางนั้นอ่อนด้อย ที่จริงนั้นตรงกันข้ามเลยเสียมากกว่า ความเข้าใจในอำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีของเขานั้นโดดเด่น จนสามารถประยุกต์ทักษะอัสนีขึ้นมาได้มากมาย

ด้วยเหตุนี้ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัสนีของสมุนไพรนิรันดร์กลายพันธุ์ ที่ลอยอยู่ในห้วงจิตวิญญาณของเขา จึงถูกซึมซับอย่างรวดเร็ว

ดวงตาสองข้างของหลิงฮันเริ่มส่องประกาย และแปรเปลี่ยนเป็นเส้นสายฟ้าสีขาวไหลผ่านไปทั่วร่าง พริบตาเดียวกันนั้น ร่างกายของเขาก็พุ่งทะยานขึ้นหน้าด้วยความเร็วที่สูงขึ้น

ทักษะแสงอัสนีของเขาพัฒนาเป็นทักษะใหม่!

ลั่วจ่างเฟิงที่กำลังเผ่นหนีอยู่รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก ที่จู่ๆความเร็วของหลิงฮันก็เพิ่มสูงขึ้น และค่อยๆขยับเข้ามาใกล้เขาเรื่อย

เขาตกตะลึงจนเผลออ้าปากค้างลิ้นห้อย

ต้องรู้ก่อนว่า ความเร็วที่เขาใช้เคลื่อนที่อยู่ในตอนนี้นั้น เป็นความสามารถของกายหยาบกำเนิดอัสนีสวรรค์ ที่เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าในระดับโลกียนิพพาน ไม่มีใครสามารถไล่ตามทันอย่างแน่นอน

แต่ทว่าหลิงฮันนั้นไม่เพียงแค่กำลังไล่ตามเขาทัน แต่ยังดูเหมือนว่าจะรวดเร็วยิ่งกว่าเขาเสียด้วยซ้ำ

หรือว่าหมอนี่จะไม่ได้แค่ครอบครองแก่นกำเนิดพลังเปลวเพลิงและวารี แต่ยังครอบครองแก่นกำเนิดอัสนีอีกด้วย?

ลั่วจ่างเฟิงตกตะลึงจนกลายเป็นไร้คำพูด ในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิงฮันก็ค่อยๆทะยานร่างเข้ามาเรื่อยๆ จนใกล้จะถึงระยะที่สามารถโจมตีถึงแล้ว

ลั่วจ่างเฟิงเค้นเสียงและกล่าว “หลิงฮัน เจ้าสังหารจื่อเหอปิงอวิ๋นไปแล้ว และจะต้องถูกขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ไล่ล่าแน่นอน หากเจ้ายังล่วงเกินตำหนักเมฆาอัสนีอีก โอกาสรอดชีวิตของเขาจะไม่เหลืออีกต่อไป!”

หลิงฮันหัวเราะ “เจ้าพูดเหมือนกับว่า หากข้าไม่ไล่ล่าเจ้า แล้วตำหนักเมฆาอัสนีจะปล่อยข้าไปอย่างนั้นล่ะ”

“ข้าไม่ได้มีความบาดหมางอันลึกซึ้งกับเจ้า!” ลั่วจ่างเฟิงพยายามโน้มน้าว

หลิงฮันแสยะยิ้มและกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าโง่รึไง? เจ้ารู้แล้วว่าข้ามีอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่ถึงสอง และหลังจากนี้อาจจะได้ครอบครองหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ ด้วยนิสัยละโมบของเจ้า มีรึที่จะยอมปล่อยข้าไป? ให้ข้าเดานะ หลังจากที่ออกจากเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ไป เจ้าจะต้องเรียกปรมาจารย์ที่ทรงพลังจากตำหนักเมฆาอัสนี มาจัดการข้าเป็นแน่”

ลั่วจ่างเฟิงชะงักเพราะเขาคิดแบบนั้นๆ “จะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร! ข้าขอให้สัตย์สาบานด้วยเกียรติของข้าเลย!”

หลิงฮันส่ายหัว “ลั่วจ่างเฟิง เจ้านี่มันไร้ศักดิ์ศรียิ่งกว่าสตรีเสียอีก! ในสถานการณ์สิ้นหวัง ขนาดจื่อเหอปิงอวิ๋นก็ยังสู้สุดชีวิตจนตัวตาย แต่เจ้ากลับเลือกที่จะอ้อนวอนขอชีวิต!”

ลั่วจ่างเฟิงเกรี้ยวกราดและคำรามออกมา “หลิงฮัน เจ้าอย่าได้คิดว่าจะสามารถเหยียดหยามคำคนอื่นได้ตามใจชอบ เพียงแค่เพราะเจ้าครอบครองเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นเพียงแค่นิรันดร์สามนิพพานตัวจ้อย ที่อ่อนด้อยกว่าตัวระดับแบ่งแยกวิญญาณทุกคน!”

หลิงฮันหัวเราะ “ลั่วจ่างเฟิง เจ้าคิดว่าอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์ทั้งสอง คือเหตุผลที่ทำให้ข้ากล้าหยิ่งผยองงั้นรึ?” ไพ่ลับที่ทรงพลังที่สุดของเขาคือหอคอยทมิฬต่างหาก อย่างน้อยต่อให้เป็นตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ก็ไม่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของหอคอยทมิฬ!

เมื่อได้ยินเช่นนั้น จิตใจของลั่วจ่างเฟิงก็สั่นสะท้านด้วยความหวาดผวา

ถ้าหากอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพียังไม่ใช่ไพ่ลับของหลิงฮัน แล้วสิ่งใดกันล่ะที่เป็นไพ่ลับของเขา?

ยังมีสิ่งอื่นใดที่ทรงพลังกว่าอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีอีกรึ?

ลั่วจ่างเฟิงนึกออกแค่เพียงราชานิรันดร์ จะบอกว่าหลิงฮันมีพลังของราชานิรันดร์อยู่ในร่างกายอย่างนั้นรึ? ไม่มีทาง!

แต่มองยังไงหลิงฮันก็ดูไม่เหมือนคนที่กำลังโกหกแม้แต่น้อย อีกฝ่ายรู้อยู่แล้วว่าหากสังหารจื่อเหอปิงอวิ๋นแล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไร ก็ยังกล้าไล่ล่านางโดยไม่ลังเล

“จะ… เจ้าเป็นใครกันแน่?” คราวนี้ลั่วจ่างเฟิงหวาดกลัวอย่างแท้จริง เขารู้สึกว่าต่อให้เป็นตำหนักเมฆาอัสนี ก็ไม่อาจคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่เขาได้

“ลองเดาดูสิ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม

ภายในช่วงเวลาเสี้ยววินาที ภายในหัวของลั่วจ่างเฟิงได้นึกถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วน

หรือว่าจะเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้ากัน? ถึงแม้จะเป็นขุมอำนาจที่เรียกว่าขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์เหมือนกัน แต่ขุมอำนาจของราชานิรันดร์ระดับหนึ่ง จะไปเทียบกับขุมอำนาจของราชานิรันดร์ระดับสองได้อย่างไร?

ต่างแตกต่างของพลังนั้นกว้างใหญ่ไพศาลไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า!

ราชานิรันดร์ของตำหนักเมฆาอัสนีคือราชานิรันดร์ระดับหนึ่งเท่านั้น ซึ่งตราบใดที่เขาไม่ได้ปะทะเป็นตายกับราชานิรันดร์คนอื่น ชีวิตของเขาจะคงอยู่ตราบชั่วนิรันดร์

หรือแท้จริงแล้ว หลิงฮันจะเป็นผู้สืบทอดของราชานิรันดร์ระดับสอง… ระดับสาม… หรืออาจจะระดับเก้า?

หากไม่ใช่เพราะสาเหตุนั้นล่ะก็ หลิงฮันจะไปนำความมั่นใจมาจากไหน? นอกจากนั้นแล้ว คิดว่าราชานิรันดร์ที่จะยอมมอบอำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพี ให้รุ่นเยาว์ของตนเองนั้น จะต้องเป็นราชานิรันดร์ระดับใด? เกรงว่าคงมีเพียงราชานิรันดร์ระดับเก้าเท่านั้น! เนื่องจากพวกเขาบรรลุระดับพลังที่สูงสุดแล้ว อำนาจต้นกำเนิดสวรรค์และปฐพีจึงไม่มีประโยชน์ต่อพวกเขาอีกต่อไป

เขากัดฟันและกล่าว “ข้าขอติดตามเจ้าเป็นนายท่านได้หรือไม่?”

เมื่อเขากล่าวประโยคนั้นออกไป จิตใจของเขาก็รู้สึกทรมานราวกับท้องฟ้าร่วงหล่นมาใส่

ในฐานะที่เป็นถึงผู้สืบทอดของตำหนักเมฆาอัสนี ช่างน่าเหลือเชื่อนักที่ลั่วจ่างเฟิงกล่าวขอเป็นลิ่วล้อของผู้อื่นด้วยปากตัวเองเช่นนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด