Alchemy Emperor of the Divine Dao 1831 เก็บเกี่ยวหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1831 เก็บเกี่ยวหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากรอคอยไปอีกหนึ่งวัน ในที่สุดถ้ำก็เปิดออก โขดหินจำนวนมากที่ขวางทางอยู่ค่อยๆถูกหลอมละลาย และเผยทางเข้าถ้ำให้เห็น

ในช่วงหนึ่งวันที่ผ่านมานี้ หลิงฮันทำการตรวจสอบอุปกรณ์มิติของลั่วจ่างเฟิงกับจื่อเหอปิงอวิ๋น และพบของดีๆมากมายอยู่ภายในสมกับที่ทั้งสองเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์

ทั้งจักรพรรดินีและธิดาโร๋วรอคอยอยู่ด้านนอก เนื่องจากพวกนางไม่สามารถต้านทานอำนาจของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ได้

ร่างของหลิงฮันก้าวเดินเข้าไปโดยมีเพลิงเก้าสวรรค์ปกคุมร่างกาย ยิ่งเขาฝึกฝนทักษะควบคุมเปลวเพลิงด้วยแล้ว อำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์ที่สามารถปลดปลอยออกมาได้ จึงทรงพลังเป็นอย่างมาก

ภายในถ้ำไม่ได้มิดสนิท เพราะที่บริเวณเพดานมีหินย้อยทคอยทำหน้าที่ส่องแสงสว่าง ขนาดของถ้ำเองก็ไม่ได้กว้างมากเช่นกัน เพียงแค่หลิงฮันเดินไปได้ครึ่งไมล์ก็พบทางตันแล้ว

ที่ด้านหน้าของเขาปรากฏแผ่นหินขนาดใหญ่ ที่ด้านบนมีทารกสองคนสองอยู่ ดูจากรูปลักษณ์แล้ว ทารกทั้งสองคงเพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่เดือนเท่านั้น ทารกทั้งเมื่อเห็นหลิงฮันเดินเข้ามาจากปากถ้ำไม่ได้ส่งเสียงร้องโวยวาย แต่จ้องมองด้วยสายตาสงสัยแทน

ทารกทั้งสองคนนี้คือคนแคระที่เพิ่งเกิดมาจากหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ หลิงฮันถอนหายใจโล่งอกทันที เมื่อได้รู้ว่าเผ่าคนแคระยังไม่ได้สูญพันธุ์ไปอย่างสมบูรณ์

เขาอุ้มทารกทั้งสองขึ้นมาอุ้ม และสะบัดมือนำศพของเหล่าคนแคระจากหมู่บ้านออกมาจากหอคอยทมิฬ เพื่อที่พวกเขาจะได้หลับอยู่ภายในนี้อย่างสงบสุข

เมื่อเขามองเลยแผ่นหินไป สิ่งที่ปรากฏก็คือก้อนผลึกทรงกลมที่สองประกายแสงอ่อนๆ หากมองให้ละเอียดดีๆ จะพบว่าก้อนผลึกกลมก้อนนี้ดูเหมือนถูกแกะสลักมาจากเนื้อหยก โดยที่ไม่มีร่องของการแกะสลักเลยแม้แต่น้อย

เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะมาถูกสร้างขึ้นด้วยอำนาจแห่งสวรรค์และปฐพี ไม่ใช่ด้วยเงื้อมมือของมนุษย์

“เป็นหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์จริงๆ!” หอคอยน้อยเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “ภายใต้สวรรค์นี้ จำนวนของหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์นั้นมีอยู่น้อยเสียยิงกว่าน้อย เพราะกว่ามันจะเกิดขึ้นมาได้ ก็ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งยุคสมัย”

หลิงฮันอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกไป “จะเป็นไปได้ไหมว่า ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ที่ทรงพลัง จะมีหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์เก็บเอาไว้?”

หอคอยน้อยครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งก่อนจะกล่าว “ใช้ว่าจะเป็นไปไม่ได้”

ราชานิรันดร์นั้นมีอายุขัยที่ไม่จำกัด อย่าพูดถึงหนึ่งยุคสมัยเลย ต่อให้เป็นหลายร้อยหลายพันยุคสมัยพวกเขาก็ไม่มีวันสิ้นอายุขัย พูดตามทฤษฎีแล้วถือว่าไม่ใช่เรื่องยาก หากในช่วงชีวิตอันยาวนานของพวกเขา จะมีหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์อยู่ในครอบครองมากกว่าหนึ่งก้อน

“แต่การจะทำแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นขุมอำนาจที่ทรงพลังจริงๆเท่านั้น” หอคอยน้อยกล่าวต่อ “ยกตัวอย่างเช่น ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์”

“ดูเหมือนเจ้าจะรู้เกี่ยวกับตำหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่เยอะทีเดียวนะ” หลิงฮันกล่าว

หอคอยน้อยครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ถ้าจะให้พูดล่ะก็ ข้าและตำหนักมัจฉาวายุภักษ์นั้นดูเหมือนจะมีความเกี่ยวพันกัน”

“ว่าไงนะ!” หลิงฮันตกตะลึงและหยุดชะงัก “ถ้างั้นการที่ประมุขคนก่อนของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ ร่วงหล่นไปยังทวีปฮงเทียนเหมือนกับหอคอยทมิฬ ก็ไม่ใช่เรื่องบังเอิญน่ะสิ”

“ฮ่าๆ ในโลกนี้จะมีเรื่องบังเอิญขนาดนั้นได้อย่างไร?” ครั้งนี้หอคอยน้อยกล่าวโดยไม่ครุ่นคิด ราวกับต้องการให้หลิงฮันรู้ความลับบางส่วน

“ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์คือขุมอำนาจระดับใด?” หลิงฮันรู้สึกสงสัย

“ราชานิรันดร์ระดับเก้า!” หอคอยกล่าวออกไปตรงๆ

หลิงฮันรู้สึกราวกับโลหิตในร่างเดือดพล่าน ก่อนจะขมวดคิ้ว “แต่อดีตประมุขของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ตายไปแล้วไม่ใช่รึ”

“ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ยังไม่ราชานิรันดร์ระดับเก้าอยู่อีกคน” หอคอยน้อยกล่าวด้วยน้ำเสียงเหมือนกับกำลังหัวเราะ “สตรีที่เจ้าเรียกว่าแม่มดเฒ่าผู้นั้นไงล่ะ”

หลิงฮันแทบจะสำลัก หญิงชราที่ต้องใช้ไม้เท้าด้วยเดินผู้นั่นน่ะรึ?

เหลือเชื่อ นางเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเก้า!

แต่เดี๋ยวก่อน…

หลิงฮัยกล่าวต่อ “แล้วทำไมตอนนั้นแม่มดเฒ่าผู้นั้นถึงไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของเจ้าล่ะ? แถมเจ้ายังไม่บอกข้าอีกว่าเจ้ารู้จักนาง” หากหอคอยน้อยแสดงตัวในตอนนั้นล่ะก็ เขาอาจจะไม่ต้องแยกจากกับภรรยาและบุตรก็เป็นได้

หอคอยน้อยกล่าวอย่างไม่แยแส “ตราบใดที่เจ้าไม่ใช้หอคอยทมิฬต่อหน้าราชานิรันดร์ ต่อให้เป็นราชานิรันดร์ก็ไม่สามารถตรวจพบข้าได้!”

“และเหตุผลที่ข้าไม่บอกเจ้าว่าข้ารู้จักนาง ก็เพราะข้าไม่ต้องการให้เจ้าเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนเร็วก่อนไป เพราะจะเป็นการขัดขวางพัฒนาการของเจ้า เส้นทางการบรรลุเป็นมหาปราชญ์สวรรค์ จำเป็นต้องเริ่มขัดเกลาพลังจากโลกใบเล็กขึ้นมา”

หลิงฮันเอ่ยถามจุดที่สงสัย “มหาปราชญ์สวรรค์ที่เจ้าว่าคืออะไรกันแน่?”

หอคอยน้อยแน่นิ่งไปชั่วขณะ ก่อนจะกล่าว “เลิกสนทนาไร้สาระแล้วไปเก็บหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ได้แล้ว! ด้วยพลังของเจ้าในตอนนี้ หากรู้ความลับมากเกินไปจะเป็นการนำความตายมาสู่ตัวเปล่าๆ”

เจ้าหอคอยปากเสีย!

หลิงฮันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากมองไปยังหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ด้านหน้า ที่พัวพันไปด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ เกรงว่านอกจากเผ่าคนแคระแล้ว ใครก็ตามที่ไปแตะต้องคงจะสิ้นชีพในทันที

เพียงแต่ว่าตัวเขานั้นมีอำนาจของเพลิงเก้าสวรรค์!

หลิงฮันก้าวเดินไปด้านหน้าและหยิบหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ ก่อนจะนำมันเก็บเข้าไปในหอคอยทมิฬ

‘ครืนนนน’ ทันใดนั้นเอง จู่ๆภายในถ้ำก็เกิดการสั่นไหว และมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า

หลิงฮันรู้ว่าหลังจากนี้ ถ้ำแห่งนี้จะไม่มีเผ่าคนแคระถือกำเนิดขึ้นมาอีกต่อไป และทารกคนแคระทั้งสองที่เขาอุ้มอยู่นี้ จะกลายเป็นผู้สืบทอดเผ่าพันธุ์เพียงหนึ่งเดียว

เขาตัดสินใจว่าจะคิดหาหนทางช่วยทารกทั้งสองนี้ให้อยู่ร่วมกับเผ่ามนุษย์ให้ได้ เพื่อที่ในอนาคตทั้งสองจะได้แต่งงานและสืบเผ่าพันธุ์ต่อไป

“หอคอยน้อย หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ที่เก็บไปมีขนาดใหญ่หรือเล็กแค่ไหน?” หลิงฮันเอ่ยถามด้วยความหวัง เขาไม่ต้องการครอบครองสมบัติชิ้นนี้ไว้เพียงคนเดียว แต่ต้องการแบ่งมันให้กับจักรพรรดินีด้วย หรือหากเป็นไปได้ เขาก็อยากจะนำมันไปแบ่งให้ฮูหนิวด้วยเช่นกัน

เพียงแต่ว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์เป็นขุมอำนาจที่ทรงพลัง ถึงขนาดมียันต์ไม้ท้อผูกชะตาอยู่ในครอบครอง บางทีที่นั่นอาจจะมีหยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์อยู่มากกว่าหนึ่งก็เป็นได้

หอคอยน้อยส่งเสียงพึมพำก่อนจะกล่าวออกมา “หยกต้นกำเนิดวิถีสวรรค์ชิ้นนี้ไม่ได้มีไว้สำหรับสองคน”

หลิงฮันรู้สึกสลดทันที

“แต่มันเพียงพอที่จะใช้ได้ถึงสามคน!” หอคอยน้อยกล่าวเสริม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด