Alchemy Emperor of the Divine Dao 1843 พวกเจ้าตกลงกันได้รึยัง?

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1843 พวกเจ้าตกลงกันได้รึยัง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะ!

“ผู้อาวุโสจื่อเหอ!” ทันทีที่นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณเห็น พวกเขาก็รีบคุกเข่าเพื่อแสดงความเคารพ

ตัวตนระดับขอบเขตตำหนักอมตะผู้นี้ไม่ใช่แค่มีระดับพลังสูงส่งกว่าพวกเขา แต่ยังมาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์อีกด้วย เพราะงั้นต่อให้เป็นประมุขของพวกเขา ก็ต้องแสดงความเคารพอย่างถึงที่สุด

คนผู้นี้มีชื่อว่าจื่อเหอจี๋

เมื่อฟู่เยี่ยนเห็นการปรากฏตัวของอีกฝ่าย จิตใจของเขาสั่นไหว กับเชียนจ้าวอวี่และนิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณเขายังสามารถแสดงอำนาจกดขี่ได้ ถึงแม้คนเหล่านี้จะร่วมมือกัน เขาก็สามารถจัดการได้ด้วยฝ่ามือเดียว

ต่อให้คนเหล่านี้ใช้อำนาจของเรือรบ เขาก็สามารถใช้ทักษะย่างก้าวในการหลบหลีกได้

หลิงฮันมองดูสถานการณ์ด้วยท่าทางสบายใจ เขานำเก้าอี้ออกมาและนั่งกอดจักรพรรดิน้อย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว

มารดาเจ้าสิ!

ฟู่เยี่ยนแทบจะระเบิดโทสะ เจ้าคิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นใครเป็นคนก่อกัน? ฮึ่ม หากไม่ใช่เพราะเจ้ามีตำหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่เบื้องหลังล่ะก็ ข้าคงสับเจ้าเป็นชิ้นๆไปแล้ว

ต่อหน้าจื่อเหอจี๋ ฟู่เยี่ยนไม่กล้าแสดงอำนาจบาตรใหญ่อำนาจ “พี่ชายจื่อเหอ โปรดไว้หน้าข้าด้วย!”

จื่อเหอจี๋เผยสีหน้าเย็นชา “ เจ้าเป็นใครข้าถึงต้องยอมไว้หน้า? เจ้าคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพองั้นรึ?”

ฟู่เยี่ยนสูดหายใจลึกหลายครั้ง หลังจากสงบจิตใจได้เขาจึงกล่าวออกไป “พี่ชายจื่อเหอ รุ่นเยาว์ผู้นี้ล่วงเกินตระกูลท่านอย่างไร?”

จื่อเหอจี๋ที่ได้ยินเช่นนั้นก็ใบหน้าชะงักแข็งค้าง

ถ้าหากบอกออกไปว่า ผู้สืบทอดที่ถูกฝึกฝนโดยขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ ถูกจอมยุทธที่ระดับพลังต่ำกว่าสังหาร ตระกูลจื่อเหอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?

“ไม่จำเป็นต้องพล่ามไร้สาระ เจ้าไสหัวไปซะ!” จื่อเหอจี๋กล่าวอย่างไร้ความอดทน เขาไม่เพียงมีพลังต่อสู้สูงกว่า แต่ยังมาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์อีกด้วย เพราะงันจึงไม่มีความจำเป็นต้องไว้หน้าฟู่เยี่ยน

ขาของฟู่เยี่ยนสั่นเครือ แน่นอนว่าเขารู้อยู่แล้วว่าจื่อเหอจี๋นั้นมาจากขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ ที่เขาทำได้เพียงแหงนมอง เพียงแต่ว่าเมื่อเขามองไปยังกลุ่มอัศวินหญิงจากตำหนักมัจฉาวายุภักษ์ที่อยู่ห่างออกไป ภาพที่สตรีชุดเกราะทองสามารถโค่นล้มพวกเขาได้ในหนึ่งกระบวนท่าก็ผุดขึ้นมา

เขากัดฟันกล่าว พี่ชายจื่อเหอ หากไม่ใช่ความบาดหมางที่ยิ่งใหญ่อะไร ไม่ว่าอะไรที่รุ่นเยาว์ผู้นั้นล่วงเกินท่านไป ตระกูลฟู่ของข้าก็ยินดีที่จะชดใช้ให้!”

ในความคิดของเขา หลิงฮันที่มีนิสัยห้าวหาญนั้น อาจจะบังเอิญไปมีความบาดหมางกับผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์อย่างตระกูลจื่อเหอเข้าก็เป็นได้ แต่ไม่ว่าอย่างไร ปัญหาที่ว่าก็น่าจะอยู่ในระดับที่สามารถเกลี่ยไกล่กันได้

“ฮ่าๆๆ!” จื่อเหอจี๋แหงนมองท้องฟ้าและหัวเราะ

ช่างน่าขันนัก หลังจากสังหารผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์ไปแล้ว ขุมอำนาจระดับสามดาวกลับกล้าบอกว่าจะชดใช้ให้งั้นรึ?

เจ้ารู้รึเปล่าว่าทรัพยากรที่ทุ่มเทไปกับการฝึกฝนผู้สืบทอด เพื่อให้ตัดขาดสวรรค์และปฐพีได้นั้น สามารถพลิกขุมอำนาจระดับสามดาวของเจ้าให้กลายเป็ขอทานได้ในพริบตา?

“ก็ได้ ในเมื่อเจ้ายืนกรานแบบนั้น ข้าก็จะบอกให้!” ดวงตาของจื่อเห๋อจี่ส่องประกายเย็นชา “เจ้าหนูบัดซบนั่น สังหารจื่อเหอปิงอวิ๋นที่เป็นผู้สืบทอดของตระกูลข้า!”

‘ตุบ’ ร่างของฟู่เยี่ยนทรุดลงกับพื้นทันที ถึงแม้เขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะที่ทรงพลัง แต่หัวของเขาในตอนนี้ก็กลายเป็นว่างเปล่าอย่างสมบูรณ์

เจ้าหนู… นี่เจ้ามีชีวิตมาถึงวันนี้ได้อย่างไร?

ไม่เอาแล้ว… ข้าไม่ยุ่งด้วยแล้ว

ฟู่เยี่ยนรีบลุกขึ้นยืนและกล่าว “ที่แท้เจ้าหนูนั่นก็ทำเรื่องเลวร้ายขนาดนั้นลงไปนี่เอง ข้าผิดไปแล้ว เชิญพี่ชายจื่อเหอลงมือ!” ท่าทีของเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ เร็วยิ่งกว่าเวลาที่ใช้พลิกหน้ากระดาษเสียอีก

“เหอะ ดีแล้วที่เจ้ากล่าวแบบนั้น เพราะไม่อย่างนั้นเจ้าคงกลายเป็นศพไปแล้ว!” ‘เปรี๊ยะ’ คลื่นอัสนีผ่าลงมาจากท้องฟ้า พร้อมกับชายร่างใหญ่ได้ปรากฏตัว ทั่วร่างของชายผู้นี้ถูกปกคลุมไปด้วยสายฟ้าสีขาว ที่มีตราประทับแห่งเต๋าพัวพันอยู่เป็นจำนวนมาก

จอมยุทธทุกคนล้วนแต่ต้องผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์กันทั้งเพราะ เพราะงั้นอำนาจสายฟ้า จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนเกลียดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ชายผู้นี้คือซุนเจิ้น หนึ่งในปรมาจารย์ที่ทรงพลังของตำหนักเมฆาอัสนี

หัวใจและตับชิ้นน้อยๆของฟู่เยี่ยนสั่นสะท้านอีกครั้ง หรือว่าแม้แต่ผู้สืบทอดของตำหนักเมฆาอัสนีก็ถูกหลิงฮันสังหารเหมือนกัน?

แม่เจ้า… ยังจะมีใครที่สามารถสร้างปัญหาได้มากกว่าเจ้าหนูนี่อยู่บนโลกอีกรึไม่?

ปัญหาเหล่านี้ไม่อยู่ในระดับที่ตระกูลฟู่สามารถรับมือได้อีกต่อไป ฟู่เยี่ยนจึงเขยิบตัวล่าถอยออกมาอย่างสุภาพ แม้จะถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามของเชียนจ้าวอวี่และคนอื่นๆ เขาก็ต้องทำเป็นมองไม่เห็น

“หลิงฮัน เจ้าช่างกล้านัก!” ซุนเจิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้งราวกับสายฟ้าฟาด

ใบหน้าของหลิงฮันเผยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ข้าเป็นคนที่กล้าหาญอย่างที่ว่าจริงๆ”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ใครหลายคนที่สงสัยว่าหลิงฮันสังหารจื่อเหอปิงอวิ๋นจริงหรือไม่ ก็มั่นใจขึ้นมาทันที

ซุนเจิ้นเค้นเสียงกล่าว “ในเมื่อเจ้ายอมรับแล้ว ก็จงลงนรกไปซะ!”

“พี่ชายซุน ท่านมอบเจ้าหนูนั่นให้เป็นหน้าที่ตระกูลจื่อเหอของข้าดีกว่า!” จื่อเหอจี๋ยื่นมือเข้ามาขวาง

หลิงฮันเป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานสูงสุดเท่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะสังหารจื่อเหอปิงอวิ๋นกับลั่วจ่างเฟิงได้?

รุ่นเยาว์ผู้นี้จะต้องมีความลับที่ยิ่งใหญ่ซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน เพราะงั้นจื่อเหอจี๋จึงต้องการตัวหลิงฮัน

ซุนเจิ้นหัวเราะ “ก็ได้ ข้าจะเป็นคนสังหารเขาเอง ส่วนเจ้าก็นำศพกลับไป”

จื่อเหอจี๋เองก็หัวเราะตามๆกัน “ในเมื่อต้องส่งตัวเจ้าหนูนั่นมาให้ข้าอยู่แล้ว ก็ให้ข้าเป็นคนสังหารไปเลยก็ได้นี่”

ปรมาจารย์ทั้งสองเริ่มโต้แย้งกัน ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการสังหารด้วยตัวเอง เพื่อเป็นคนดูความทรงจากดวงวิญญาณ

หลิงฮันถอนหายใจ “พวกเจ้าตกลงกันได้รึยัง? ข้าไม่มีเวลามารอพวกเจ้านานหรอกนะ” น่าเสียดายที่สุนัขตัวดำจากไปเสียก่อน ไม่เช่นนั้นหากมันแสดงอำนาจที่นี่ล่ะก็ นิรันดร์ระดับขอบเขตตำหนักอมตะตัวจ้อยคงถูกจัดการในพริบตา

“พี่ชายซุน งั้นเอาเป็นว่าใครดีใครได้” จื่อเหอจี๋รู้ว่าคงไม่สามารถโน้มน้าวอีกฝ่ายได้แน่ จึงไม่คิดจะเถียงต่อให้เสียเวลา

“ก็ดี!” ซุนเจิ้นพยักหน้า สุดท้ายความบาดหมางระหว่างจอมยุทธ ก็ต้องตัดสินกันด้วยพลังอยู่ดี

พวกเขาต้องแย่งกันว่าฝ่ายไหนจะเร็วกว่า

ครืนน!

เพียงแต่ทันทีที่พวกเขากำลังยกมือขึ้น การโจมตีที่ทรงพลังสองระลอกก็พุ่งมาจากท้องฟ้าอันห่างไกล และโอบล้อมหยุดการเคลื่อนไหวของมือพวกเขาเอาไว้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด