Alchemy Emperor of the Divine Dao 1850

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1850 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันพยักหน้า “ถ้างั้นก็ต้องประมูลกัน เอาล่ะ เสนอกันมาเลยไม่ต้องเกรงใจ”

การประมูลแบบนี้มีด้วยรึ?

ไม่ใช่แค่นักฆ่าคนที่สามเท่านั้น แต่สีหน้าของหลู่เซียนหมิงก็ชะงักแข็งค้างเช่นกัน เขาเองก็เคยพบเจอคนแปลกประหลาดมาแล้วมากมาย แต่คนแบบหลิงฮันนั้น เขาเพิ่งเคยเจอเป็นครั้งแรก

“ศิลาดวงดาวหนึ่งล้านก้อน!” ถึงจะรู้สึกแปลกๆ แต่หลู่เซียนหมิงก็กล่าวออกมาในทันใด

ศิลาดวงดาวหนึ่งล้านก้อนนั้นถือว่าเป็นจำนวนเงินที่มหาศาลอย่างแท้จริง แต่หลู่เซียนหมิงผู้นี้กลับเสนอออกมาอย่างไม่คิดมาก ราวกับเงินจำนวนนี้เป็นเพียงเศษดิน

นักฆ่าคนที่สามเหงื่อไหลท่วม หากเป็นในเรื่องของทรัพยากรความมั่นคั่ง เขาจะไปเทียบกับผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถได้อย่างไร?

“สิบล้านศิลาดวงดาว!” เพียงแต่เขาก็ต้องตะโกนออกไปอย่างไม่มีทางเลือก

หลิงฮันมองไปยังนักฆ่าคนที่สามด้วยแววตาเคลือบแคลง “นี่ เจ้าคงรู้สินะว่าบทลงโทษของการเสนอราคามั่วซั่วคืออะไร?”

นักฆ่าคนที่สามรีบอธิบาย “ตราบใดที่สังหารหมอนั่นได้ พวกเราก็จะสามารถนำค่าหัวของเขา ไปแลกเปลี่ยนกับความมั่งคั่งอันไร้ที่สิ้นสุดได้ เมื่อถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่สิบล้านเลย ต่อให้เป็นร้อยล้านหรือพันล้านศิลาดวงดาว ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะได้มาครอบครอง!”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น คิ้วของหลู่เซียนหมิงก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ฟังจากคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว ดูเหมือนว่าไม่ว่าเขาจะเป็นหรือตาย ชีวิตของเขาก็ยังมีค่ามหาศาล

หลิงฮันเผยรอยยิ้ม “ไม่นึกเลยว่าเจ้าก็มีส่วนที่ฉลาดกับเขาด้วย แต่ในเมื่อค่าหัวของหมอนี่มีค่าขนาดนั้น ข้าเป็นคนเอาไปแลกเปลี่ยนเองจะไม่ดีกว่ารึ?”

“แต่เจ้าไม่รู้ว่าต้องไปแลกค่าหัวกับใคร!” นักฆ่าคนที่สามคำรามออกมา ด้วยท่าทางองอาจเล็กน้อย

“นั่นก็จริง” หลิงฮันพยักหน้า ซึ่งทำให้หลู่เซียนหมิงและเหล่าผู้ติดตามทั้งเจ็ดใบหน้าเปลี่ยนสีทันที เนื่องจากพวกเขากลัวว่าหลิงฮันจะยอมรับข้อเสนอของเหล่านักฆ่า

ถึงแม้หลิงฮันจะยังไม่ได้ลงมือ แต่การที่อีกฝ่ายสามารถรับดาบพิษได้อย่างง่ายดายนั้น ได้ส่งผลให้ทุกคนหวาดกลัว และไม่ต้องการที่จะเป็นศัตรูด้วย

“สหาย เจ้าคงไม่รู้สินะว่านายน้อยของข้าคือใคร?” ผู้ติดตามคนหนึ่งกล่าว เพื่อเผยสถานะของหลู่เซียนหมิง “นายน้อยหลู่เซียนหมิงของข้า คือหนึ่งในสิบเอ็ดผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ แถมยังเป็นผู้สืบทอดที่มีโอกาสจะได้ขึ้นครองตำแหน่งมากที่สุด”

“เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจสี่ดาว ที่อยู่เหนือกว่าขุมอำนาจสี่ดาวทั่วไป เมืองวิถีโอสถของพวกเราถือครองสมุนไพรมากกว่าเก้าในสิบส่วนของดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก และยังกล่าวได้ว่าเม็ดยาทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกนั้น อย่างน้อยสี่ในสิบส่วน ล้วนแต่มาจากเมืองเมืองวิถีโอสถ”

โอ้ ที่แท้ก็เป็นกลุ่มของนักปรุงยานี่เอง

หลิงฮันครุ่นคิดในใจก่อนจะเข้าใจเรื่องราวได้ไม่ยาก “หรือบางทีพวกเจ้าจะเป็นนักฆ่าที่คู่แข่งของหลู่เซียนหมิงส่งมา?”

หาเป็นเรื่องแก่งแย่งในพลังอำนาจล่ะก็ ต่อให้เป็นคนตระกูลเดียวกันก็สามารถเป็นศัตรูกันได้ หลิงฮันมีประสบการณ์พบเห็นเรื่องแบบมาแล้วตั้งแต่ที่โลกใบเล็ก ซึ่งต่อให้จะเป็นดินแดนแห่งเซียนแห่งนี้ก็ไม่ต่างกัน

นักฆ่าคนที่สามไม่เอ่ยตอบ ซึ่งก็เท่ากับเป็นการยอมรับ

หลิงฮันไม่เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เขากล่าว “พวกเจ้าจะสังหารคนตระกูลเดียวกันหรืออะไร ก็ไม่ใช่เรื่องของข้า พวกเจ้ารีบๆเอาของในกระเป๋าออกมาประชันกันให้หมดรวดเดียวให้จบไปเลยดีกว่า”

“สหาย เจ้าได้ยินไม่ชัดรึไง? นายนายของข้าคือผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ!” ผู้ติดตามคนหนึ่งอดไม่ได้ ที่จะตะโกนออกไปเตือนสติหลิงฮัน

ภายใต้ขุมอำนาจราชานิรันดร์แล้ว เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันดับหนึ่งอย่างแท้จริง โดยที่ไม่มีขุมนาจสี่ดาวอื่นใดกล้ามาล่วงเกินพวกเขา ยิ่งเป็นในเรื่องของทรัพยากรความมั่งคั่งแล้ว ขุมอำนาจที่เกือบจะเทียบเคียงกับพวกเขาได้ ก็มีแค่ตำหนักกองกำลังสงครามเท่านั้น

ถึงแม้ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งมาก แต่เจ้าก็เป็นเพียงนิรันดร์สามนิพพานเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะสถานการในตอนนี้ล่ะก็ มีรึที่พวกข้าจะต้องทำตามคำพูดของเจ้า?

หลิงฮันมองไปยังผู้ติดตามคนนั้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “ข้ากำลังทำการค้าอยู่ไม่เห็นรึไง?” เขาผลักออกฝ่ามือออกไป จนทำให้ร่างของผู้ติดตามคนนั้นล้มลงกับพื้นพร้อมกับมีเหงื่อไหลท่วมหน้าผาก

น่าพรึงกลัวอะไรอย่างนี้ ถึงแม้ร่างกายของเขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่คลื่นพลังอันรุนแรงที่ถาโถมเข้ามาเมื่อครู่ ก็ทำให้เขาหวาดกลัวจนแทบเยี่ยวราด

หลิงฮันดึงสายตากลับและยิ้ม “เอาล่ะ มาต่อกันได้”

คราวนี้ทั้งสองฝ่ายไม่ทักท้วงใดๆอีกต่อไป พลังของหลิงฮันนั้นเพียงพอที่จะบดขยี้ทุกคนในที่นี้ เพราะงั้นหากเขาเลือกที่จะเข้าข้างฝั่งใด ฝั่งนั้นก็จะเป็นผู้ชนะอย่างไม่ต้องสงสัย

หลู่เซียนหมิงขมวดคิ้ว การเดินทางในครั้งนี้เขาไม่ได้พกศิลาดวงดาวติดตัวมาด้วยมากมายเท่าไหร่ เขาจึงกลัวว่าตนเองจะประมูลแพ้นักฆ่าทั้งสาม

‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ทั้งสองฝ่ายเริ่มนำสมบัติออกมากองไว้ด้านนอก

ในบริเวณที่ทั้งสองฝ่ายยืนอยู่ ทั้งศิลาดวงดาวและแร่โลหะได้ถูกนำออกมาจากอุปกรณ์มิติ และกองพะเนินรวมกันเอาไว้

หลิงฮันทำการเปรียบเทียบมูลค่าของสมบัติที่ทั้งสองฝ่ายนำออกมา ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายเองก็ไม่กล้านิ่งนอนใจ และพยายามต้นหาของมึค่าทั้งหมดออกมา

ในความเป็นจริงนั้น ทางกลุ่มของผู้ติดตามทั้งเจ็ดไม่ได้มีสมบัติติดตัวมากเท่าไหร่ สมบัติฝั่งพวกเขาที่นำออกมา จึงเป็นของหลู่เซียนหมิงทั้งหมด ส่วนทางด้านของนักฆ่าทั้งสามนั้น พวกเขาแต่ละคนสะสมความมั่งคั่งมาได้มากมายจนน่าตกใจ เพราะงั้นทั้งสองฝ่ายจึงนำสมบัติออกมาได้อย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร

เมื่อเวลาผ่านไป สมบัติที่ทั้งสองฝ่ายนำออกมาก็เริ่มน้อยลง เนื่องจากพวกเขาไม่หลงเหลือของมีค่าอะไรแล้ว ทันทีที่ทั้งสองฝ่ายหยุดนำสมบัติออกมา หลิงฮันก็มองไปยังนักฆ่าทั้งสามด้วยรอยยิ้ม “ยินดีด้วย พวกเจ้าเป็นผู้ชนะการประมูล มีอะไรอยากจะกล่าวเสียหน่อยไหม?”

อยากกล่าวมารดาเจ้าสิ!

นักฆ่าทั้งสามสบถในใจ ถึงแม้พวกเขาจะชนะการประมูล แต่สมบัติทั้งหมดที่พวกเขาเก็บสะสมมาก็ไม่เหลืออยู่เลย!

โชคดีที่หลังจากสังหารหลู่เซียนหมิง พวกเขาก็ยังจะได้ค่าตอบแทนกลับมาบ้าง

ใบหน้าของหลู่เซียนหมิงเปลี่ยนไปทันที ผู้ติดตามทั้งเจ็ดคนเองก็เผยสีหน้าโหดเหี้ยม และยกอาวุธขึ้นมาคุ้มกันหลู่เซียนหมิง

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “พวกเจ้าไสหัวไปได้แล้ว”

นักฆ่าทั้งสามชะงัก ไหนเจ้าบอกว่าพวกข้าชนะประมูลไม่ใช่รึไง? ทำไมถึงบอกให้พวกข้าไสหัวไปกัน?

“สมบัติของพวกเจ้าคือค่าชดใช้ที่บังอาจใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อ ข้าไปสัญญาด้วยตอนไหนกัน ว่าจะสังหารใครให้พวกเจ้า?” หลิงฮันถลึงตามอง “ถ้าพวกเจ้ายังไม่ไสหัวไปอีก การประมูลจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง”

เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของนักฆ่าทั้งสามก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความหวาดผวา และรีบเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว พวกเขาสาบานกับตัวเองว่า ในชีวิตนี้จะไม่มีวันมาเจอหลิงฮันอีก

หลู่เซียนหมิงและเหล่าผู้ติดตามถอนหายใจโล่งอกได้ครู่ ก็ต้องเปลี่ยนสีหน้าอีกครั้ง เพราะว่าหลิงฮันไม่ใช่เก็บเพียงแค่สมบัติของนักฆ่าทั้งสามคน แต่ยังเก็บสมบัติของพวกเขาไปด้วย!

“สหาย เอ่อ…” ผู้ติดตามโอดครวญออกมาอย่างช่วยไม่ได้

หลิงฮันชำเลืองมองที่อีกฝ่าย “นี่เจ้าไม่เข้าใจกฎของโลกเลยรึไง? ข้าเป็นคนช่วยชีวิตพวกเจ้าเอาไว้ไม่ใช่รึ? แปลกตรงไหนที่ข้าจะได้อะไรตอบแทนกลับมาบ้าง?”

เหล่าผู้ติมตามทั้งเจ็ดหลายเป็นไร้คำพูด ในขณะที่หลู่เซียนหมิงประมือและหัวเราะออกมา “น้องชาย เจ้านี่ช่างเป็นยอดคนจริงๆ เจ้ามีชื่อว่าอะไรงั้นรึ?”

“หลิงฮัน” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส ในขณะที่กำลังเก็บสมบัติมากมายเข้าสู่หอคอยทมิฬ

“น้องชายหลิง เจ้าอยากจะทำงานให้ข้าหรือไม่? ไม่ว่าเจ้าอยากได้ค่าตอบแทนเป็นสิ่งใด ก็ขอให้เอ่ยมา!” หลู่เซียนหมิงกล่าวอย่างฮึกเหิมด้วยความมั่นใจ เมืองวิถีโอสถคือขุมอำนาจสี่ดาวที่มั่งคั่งที่สุดในยุทธภพ ต่อให้เป็นตำหนักกองกำลังสงครามก็ยังด้อยกว่าขุมอำนาจของพวกเขาเล็กน้อย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด