Alchemy Emperor of the Divine Dao 1875 ทะลวงผ่านขั้นพลัง

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1875 ทะลวงผ่านขั้นพลัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงฮันถอนหายใจที่สังหารจ้าวชิงเฟิงไม่สำเร็จ

อีกฝ่ายอยู่ในสภาพปางตายแล้ว แต่ในช่วงวินาทีสุดท้าย ปรมาจารย์ที่ทรงพลังได้แทรกแซงเข้ามาช่วยได้ทัน

“เจ้าหนู ไม่ต้องสลดไป ที่ข้าทำก็เพื่อช่วยเหลือเจ้า” ชายชราร่างสูงกล่าวกับหลิงฮัน “ใครที่สังหารคนของวิหารอนันต์รุ่งโรจน์ ต่อให้ไปสุดขอบโลกก็ไม่มีที่ให้ซ่อนตัว!”

หลิงอันขมวดคิ้วเล็กน้อย “ถ้าหากผู้อาวุโสกล่าวเช่นนั้นข้าก็เข้าใจ” ไม่ว่าอย่างไรเป้าหมายของเขาก็คือการบ่มเพาะพลังไม่ใช่การเข่นฆ่า หลังจากซึมซับประสบการณ์ในการประลองครั้งนี้ เขามั่นใจว่าพลังบ่มเพาะของเขาจะยกระดับขึ้นเป็นสี่นิพพานได้อย่างแน่นอน

ส่วนจ้าวชิงเฟิงนั้น… เอาไว้รอออกจากเมือง เขาค่อยหาโอกาสสังหารอีกฝ่ายอีกที

“การประลองครั้งนี่ หลิงฮันเป็นผู้ชนะ!” ชายชราร่างสูงกล่าวประกาศ

เนื่องจากกระบวนการตัดสินแพ้ชนะเป็นไปอย่างรวดเร็วเกินไป ผู้ชมทุกคนจึงทำใจยอมรับไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่จ้าวชิงเฟิงเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่รึไง? เหตุใดภายในเวลาแค่ชั่วพริบตาเขาถึงพ่ายแพ้อยู่ในสภาพนั้นกัน? เพียงแต่ในเมื่อปรมาจารย์ที่ทรงพลังเป็นคนเอ่ยผลลัพธ์การประลองออกมาด้วยตัวเอง ใครกันจะกล้าคัดค้าน?

ซุนตง และเฉิงเฟิงหยุนตกตะลึงจนสติหลุดออกจากร่าง

หลิงฮันชนะได้อย่างไร?

สตรีนกอมตะถอนหายใจโล่งอกด้วยสีหน้าซีดขาวที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

ธิดาโร๋วเค้นเสียงไม่พอใจ เห็นได้ชัดว่าอันธพาลตัวเหม็นผู้นี้แข็งแกร่งกว่าแท้ๆ แต่กลับดึงเชิงให้นางเป็นห่วงอยุ่ตั้งนาน ช่างน่ารังเกียจนัก!

เมื่อหลิงอันลงมาจากลานประลอง เข้าก็พบเจอคนหน้าคุ้นเคย

“น้องชายหลิง ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบเจอเจ้าที่นี่!”หลู่เซียนหมิงหัวเราะ

ซุนตงที่ตามมาจากด้านหลัง ตระหนักได้ทันทีว่าตนเองทำพลาดไปแล้ว

ที่แท้หลู่เซียนหมิงกับหลิงฮันก็รู้จักกัน!

ถึงว่าทำไมก่อนหน้านี้หลู่เซียนหมิงถึงได้ทำท่าทางไม่สบอารมณ์ และตบหน้าเขา

ซุนตงรีบพุ่งเข้าหาหลิงฮันและกล่าว “น้องชายหลิง ที่ข้าล่วงเกินเจ้าไปก่อนหน้านี้เป็นความผิดของข้าเอง ข้าขออภัยและหวังว่าน้องชายหลิงฮันจะยกโทษให้ข้า!”

ใบหน้าของหลู่เซียนหมิงเผยรอยยิ้ม เพราะเชื่อว่าหลิงฮันจะต้องยอมไว้หน้าเขา

อันที่จริงหลิงฮันไม่ได้รู้สึกอะไรอยู่แล้ว เหตุการณ์ซุนตงล่วงเกินเขาก่อนหน้านี้ เขาก็ลงโทษอีกฝ่ายไปแล้ว จึงไม่ติดใจอะไรอีกต่อไป เขาสะบัดและกล่าว “ข้าลืมไปแล้ว”

ลืมไปแล้ว? ลืมไปแล้วก็หมายความว่าไม่ติดใจอะไรแล้วสินะ

ซุนตงรู้สึกโล่งอกและชำเลืองมองไปยังหลู่เซียนหมิง เมื่อเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้ม เขาก็รู้ตัวว่าตนเองทำถูกแล้ว

“ยินดีที่ได้พบพี่ชายหลู่” หลิงฮันผสานมือทักทายหลู่เซียนหมิง

“เอาล่ะ ออกจากที่นี่ไปหาที่คุยกันเถอะ” หลู่เซียนหมิงยิ้ม

“ไม่ต้องรีบร้อน ข้าต้องรอพรรคพวกคนหนึ่งก่อน” หลิงอันยิ้มตอบ

“ว่าไงนะ แค่คนเดียวงั้นรึ? แล้วข้าล่ะ?” ธิดาโร๋วเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางอันเย้ายวนทรงเสน่ห์ สตรีนกอมตะที่เดินเคียงข้างกับนางถูกบดบังรัศมีไปอย่างสิ้นเชิง

เท่าที่หลิงฮันรู้จัก สตรีที่มีความงดงามพอจะบดบังรัศมีของธิดาโร๋วได้นั้น มีเพียงจักรพรรดินีและฮูหนิวเท่านั้น

หลิงฮันถอนหายใจ เหตุใดแม่จอมเสน่ห์ผู้นี้ถึงได้ชอบตามรังควานเขานัก หรือว่าแท้จริงแล้ว นางจะกำลังเสนอตัวยกกายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรให้แก่เขา!

“โอ้ ในเมื่อเป็นสหายของน้องชายหลิง ก็เชิญมาด้วยกันได้เลย” หลู่เซียนหมิงยิ้มและมองไปยังธิดาโร๋วด้วยแววตาส่องประกาย

เขามั่นใจเป็นอย่างมากว่าตนเองจะพิชิตสตรีผู้มีเสน่ห์เย้ายวนใจผู้นี้ได้

คิดว่าเขาเป็นใครกัน? เขาคือนายน้อยของเมืองวิถีโอสถที่ไม่ช้าก็เร็ว จะได้ขึ้นเป็นผู้ปกครองเมืองวิถีโอสถในอนาคต

ด้วยสถานะเช่นนี้ มีรึที่เขาจะทำให้สตรีทรงเสน่ห์ผู้นี้มาอยู่ในอ้อมแขนไม่ได้?

เมื่อหลู่เซียนหมิงกล่าวเช่นนี้ หลิงฮันก็ไม่อยากปฏิเสธ เขาขยับไปยืนใกล้ชิดสตรีนกอมตะและโอบเอวของนาง เพื่อทำให้นางรู้สึกสบายใจ

ความรักระหว่างเขากับนางนั้น ข้ามผ่านกาลเวลาอันยาวนานมาแล้วนับหมื่นปี!

หลู่เซียนหมิงที่มองดูยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทำไมหลิงฮันถึงไม่สนใจธิดาโร๋ว แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องเก็บมาใส่ใจ

พวกหลิงฮันถูกนำทางมายังที่พักของหลู่เซียนหมิง ในขณะที่ให้คนไปเตรียมจัดที่พักให้พวกหลิงอัน ทุกคนก็นั่งดื่มฉลองและพูดคุยกันอยู่ในสวน

เหตุผลที่หลู่เซียนหมิงเชิญหลิงฮันมา แน่นอนว่าเพราะต้องการยื่นข้อเสนอให้หลิงอันมาผู้สนับสนุนตน แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเขาพลาดโอกาสช่วยชีวิตหลิงฮันในช่วงวิกฤตเป็นตายไปแล้ว เพราะงั้นสิ่งที่ทำได้ก็คือเริ่มจากการเป็นสหายกันก่อน

เขาที่เป็นถึงผู้สืบทอดของเมืองวิถีโอสถ หากเขาเชิญหลิงฮันมาอยู่ที่นี่แล้ว เรื่องกฎการยื่นขออนุญาติเข้าอาณาเขตที่สี่ของเมืองก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป พวกหลิงฮันสามารถอาศัยอยู่ที่นี่กี่วันก็ได้ ตราบใดที่ไม่ถูกหลู่เซียนหมิงขับไล่

ในวันพรุ่งนี้ เม็ดยาเสริมรากฐานที่เป็นรางวัลการประลองก็ถูกส่งมา

หลิงฮันไม่ได้ใช้เม็ดยากับตัวเอง แต่มอบมันให้กับจักรพรรดินีแทน

ในร่างกายของเขามีสมบัติอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเพลิงเก้าสวรรค์ หรือวารีพลังหยินเร้นลับ เพราะงั้นเมื่อเทียบกันแล้ว รากฐานของจักรพรรดินีถือว่าอ่อนแอกว่าเขามาก

จักรพรรดินีไม่จำเป็นต้องเกรงใจหลิงฮัน นางที่กำลังพยายามทะลวงผ่านระดับสี่นิพพานอยู่ หากมีเม็ดยามาช่วยเสริมรากฐาน ระยะเวลาบ่มเพาะก็จะลดลงมาเหลือเพียงช่วงสั้นๆ

หลิงฮันเองก็เช่นกัน หลังจากการประลองกับจ้าวชิงเฟิง รากฐานพลังของเขาก็ถูกขัดเกลาจนถึงจุดที่สมบูรณืแล้ว เพราะงั้นเขาจึงทำการเก็บตัวเพื่อทะลวงผ่านระดับพลังทันที

เรื่องนี้ทำให้หลู่เซียนหมิงรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย เขาต้องการจะสร้างสายสัมพันธ์อันดีกับหลิงฮันอยู่แท้ๆ

ถ้าหากหลิงฮันเก็บตัวเพื่อทะลวงผ่านระดับล่ะก็ กว่าจะออกจากการเก็บตัว ก็คงต้องใช้เวลาหลายหมื่นปี

แต่ก็ช่างมันเถอะ นิรันดร์เช่นพวกเขามีอายุขัยไร้ขีดจำกัดอยู่แล้ว ระยะเวลาเพียงแค่หมื่นปีย่อมไม่ใช่ปัญหา เอาไว้เขาค่อยสร้างสายพันธ์ในอีกหมื่นปีก็ได้

…..

ด้านในหอคอยทมิฬ หลิงฮันกำลังยังแน่นิ่งอยู่ใต้ต้นสังสารวัฏ

ระดับสี่นิพพานอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคือการข้ามผ่านขั้นตอนสุดท้าย

ภายใต้ต้นสังสารวัฏ ระยะเวลาหนึ่งวันเท่ากับหนึ่งร้อยปี

หลิงอันใช้เวลาอยู่ในหอคอยทมิฬเป็นเวลาสองเดือน จนในที่สุดก็บรรลุขีดจำกัดและพร้อมจะทะลวงผ่านระดับ

ทันทีที่เขาลุกขึ้นยืน เขาก็เห็นจักรพรรดินีลืมตาขึ้นมา

นางก็พร้อมจะทะลวงผ่านระดับเช่นกัน

ทั้งสองคนออกจากหอคอยทมิฬ หลังจากมุ่งหน้าไปยังภูเขาสันโดษไร้ผู้คน ทั้งสองก็ปลดปล่อยออร่าที่พยายามกักเก็บเอาไว้ออกมา

‘ครืนนน’ พร้อมกันนั้นเอง เมฆอัสนีก็ก่อตัวรวมกันบนท้องฟ้าเหนือศีรษะของพวกเขาด้วยอำนาจที่น่าสะพรึงกลัว

“บัดซบ สองคนนั่นมันอะไร!” ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางพื้นที่ราบเรียบบนภูเขา ชายคนหนึ่งได้สบถออกมา และรีบสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว ที่ด้านเขามีสตรีอยู่สองคน ซึ่งพวกนางก็กะเสือกกะสนรีบใส่เสื้อผ้าเช่นกัน

ช่างน่าสงสารนัก ทั้งสามคนกำลังอยู๋ในช่วงเข้าด้ายเข้าเข็มกันพอดี

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด