Alchemy Emperor of the Divine Dao 1896 ช้าก่อน!

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1896 ช้าก่อน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จ้าวชิงเฟิงมองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า

ในความคิดของเขา หลิงฮันกับเขานั้นมีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมกัน แต่ที่ก่อนหน้านี้เขาเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็เพราะกายหยาบหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไป เพราะไม่อย่างนั้นล่ะก็ ในการประลองครั้งแรก หลิงฮันคงถูกเขาสังหารไปไม่รู้กี่ครั้งแล้ว

แต่ทว่า ในการประลองครั้งนี้ พลังต่อสู้ของเขากับอีกฝ่าย กลับแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว!

หลิงฮันสามารถรับการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของเขาได้อย่างง่ายดาย ราวกับการโจมตีของเขาไม่ต่างอะไรจากการผายลม

ผลลัพธ์เกิดขึ้นนี้ทำให้เขานึกถึงเอี๋ยนเซียนลู่ ในตอนที่ยังไม่บรรลุห้านิพพาน หรือว่า… เจ้าหมอนี่จะกำลังจะกลายเอี๋ยนเซียนลู่คนที่สอง?

ในขณะที่จ้าวชิงเฟิงกำลังครุ่นคิด เนื้อหนังบนใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ สลายตัวกลายเป็นเศษฝุ่น

ทุกคนยืนมองอย่างแน่นิ่งไร้คำพูด ไม่มีใครปฏิเสธว่าจ้าวชิงเฟิงนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง พลังของอัจฉริยะผู้นี้สามารถทำให้แม้แต่ ผู้สืบทอดของขุมอำนาจราชานิรันดร์ก็ยังมัวหมอง ช่างน่าสลดนักที่ท้ายที่สุด เขาต้องมาตายอย่างไร้ค่า

ใช่แล้ว… แม้แต่จะลากหลิงฮันไปได้เขาก็ไม่อาจทำได้

จ้าวชิงเฟิงอ้าปากกล่าวคำพูดสุดท้าย “เจ้าแข็งแกร่งจริงๆ ข้าคนนี้ขอยอมรับ! เพียงแต่ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของนายน้อยเอี๋ยนได้ หลังจากการตายของข้า เจ้าเองก็จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ไม่นานเช่นกัน เนื่องจากด้วยนิสัยของเจ้าแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ที่จะยอมจำนนต่อใคร ซึ่งนายน้อยน้อยเอี๋ยนก็ไม่มีวันยอมไว้ชีวิตคนแบบเจ้าเช่นกัน! ”

เมื่อเขาเอ่ยปากพูด ความเร็วในการแหลกสลายของยิ่งเร็วขึ้น หลังจากที่เขากล่าวจบ ทั่วร่างก็แหลกสลายกลายเป็นฝุ่นและถูกพัดหายไปตามสายลม

หลิงฮันยิ้มมุมปาก ไม่ว่าคำพูดสุดท้ายของจ้าวชิงเฟิงจะเป็นคำแนะนะหรือคำขู่ เขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ

ในระดับพลังเดียวกัน เขาไม่หวั่นเกรงต่อผู้ใด

เอี๋ยนเซียนลู่อะไรนั่น สุดท้ายก็ต้องกลายมาเป็นหินลับคมให้แก่เขา

ปรมาจารย์จื่อเฉิงยิ้ม ถึงแม้จ้าวชิงเฟิงจะโผล่มาและเสียชีวิตในงานพิธีอันยิ่งใหญ่ แต่วิหารอนันต์รุ่งโรจน์ก็ย่อมเข้าใจเหตุผลของเรื่องที่เกิดขึ้น และถึงแม้เอี๋ยนเซียนลู่จะไม่พอใจและไร้เหตุผลแค่ไหน อีกฝ่ายก็เป็นเพียงผู้สืบทอด ที่มีพลังบ่มเพาะระดับโลกียนิพพานเท่านั้น

เวลา… ขอแค่ศิษย์ตัวน้อยของเขามีเวลาเท่านั้น อีกฝ่ายก็จะเฉิดฉายและมีอำนาจพอที่จะเหยียดหยามยุทธภพ

“ฮ่าๆ ดำเนินพิธีต่อได้” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว ถึงแม้จะมีเหตุการณ์ยุ่งเหยิงเกิดขึ้น แต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นผลดีต่อตัวหลิงฮันเอง

แต่แน่นอนว่าหลังจากนี้เขาจะทำการตรวจสอบอยู่ดีว่า ใครกันที่เป็นคนปล่อยให้จ้าวชิงเฟิงเข้ามาในงานพิธีได้

“ช้าก่อน! ” เพียงแต่ว่าทันใดนั้นเอง ใครบางคนก็ตะโกนแทรกขึ้นมาอีกครั้ง

บัดซบ วันนี้มันวันอะไรกัน เหตุใดถึงได้มีคนชอบตะโกนโผล่หัวกันมาเยอะนัก?

ชายชราผู้หนึ่งเดินออกมาจากฝูงชน เขาพาดสองมือไว้ด้านหลังอย่างน่าเกรงขาม

“ลู่จิ้น! ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงขมวดคิ้ว

ลู่จิ้นผู้นี้คือนักปรุงยาสามดาว และเป็นนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ เขาคือนักปรุงยาอัจฉริยะที่มีศักยภาพพอจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว

ลู่จินผสานมือทักทายปรมาจารย์จื่อเฉิงด้วยสีหน้าอวดดี ราวกับไม่เห็นปรมาจารย์จื่อเฉิงอยู่ในสายตา

ทุกคนรอบข้างต่างเผยท่าทีประหลาดใจ

เมื่อครู่จ้าวชิงเฟิงก็ปรากฏตัวสร้างความวุ่นวายแล้วหนหนึ่ง พอมาตอนนี้ก็เป็นนักปรุงยาลู่จิ้นอีก… นี่กำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับเมืองวิถีโอสถกันแน่?

“เจ้ามีอะไร? ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เพียงแต่อีกฝ่ายก็ยังเป็นถึงนักปรุงยาสามดาว และนิรันดร์ระดับข้ามผ่านต้นกำเนิดแท้ เพราะงั้นเขาจึงจำเป็นต้องไว้หน้าอีกฝ่าย

“ข้ามีเรื่องสำคัญอยากจะบอก! ” ลู่จิ้นกล่าวเสียงดังก้องราวกับฟ้าผ่า

ภายใต้อำนาจของปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นดำเนิดแท้ รัศมีของหลิงฮันได้หม่นหมองลงไปทันที

“เรื่องสำคัญอะไร ทำไมเจ้าต้องมาพูดในเวลาเช่นนี้? ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกล่าว

ลู่จิ้นแสยะยิ้ม “ด้วยเรื่องอันสำคัญนี้ พิธีการแต่งตั้งผู้สืบทอดคนใหม่จะสิ้นความสำคัญ และล้มเลิกไปได้เลย! ”

“โอ้? ” ปรมาจารย์จื่อเฉิงคร้านจะเสวนากับลู่จิ้น ถ้าหากอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมจริงๆล่ะก็ เขาก็ไม่คิดจะไว้หน้าอีกฝ่ายอีกต่อไป

“ข้า…” ลู่จิ้นชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า “บรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวแล้ว! ”

นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว… นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว… นักปรุงยาสี่ดาวแล้ว… คำหกคำนี้ดังก้องกังวานไปทั่วพื้นที่อยู่ชั่วขณะ

ทุกคนตกตะลึงจนลืมตัวหยุดหายใจไปอย่างน้อยสิบลมหายใจ

นักปรุงยาสี่ดาว!

ในเมืองวิถีโอสถ ไม่สิ… ต่อให้เป็นทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออก ก็มีนักปรุงยาสี่ดาวอยู่เพียงสี่คนเท่านั้น ซึ่งสถานะของพวกเขาล้วนแต่เทียบเท่า กับราชานิรันดร์

ก่อนหน้านี้ปรมาจารย์จื่อเฉิงมีสถานะสูงกว่านักปรุงยาลู่จิ้น แต่ถ้าหากที่เขากล่าวมาเป็นความจริง สถานะของทั้งคู่ก็จะกลายมาเป็นทัดเทียมกัน

ปรมาจารย์จื่อเฉิงชะงักเล็กน้อย และอดคิดไม่ได้ว่า เรื่องที่ลู่จิ้นบรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาว กับเรื่องที่จ้าวชิงเฟิงสามารถผ่านเข้ามายังที่นี่ได้นั้น ช่างบางเอิญเกิดขึ้นพร้อมกันเสียจริง

ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ง่ายแล้ว!

ใบหน้าของปรมาจารย์จื่อเฉิงยังคงแน่นิ่งไม่เปลี่ยน “มีข้อพิสูจน์หรือไม่? ”

“นี่คือเม็ดยาสี่ดาวที่ข้าหลอมสำเร็จเมื่อสิบวันก่อน เชิญตรวจสอบดูได้! ” ลู่จิ้นดีดนิ้ว ‘พรึบ’ ก้อนแสงสีขาวบางอย่างถูกส่งลอยออกไปหาปรมาจารย์ชิวเย่

ไม่รู้ว่าทำไมเขาจึงไม่ส่งเม็ดยาให้กับปรมาจารย์จื่อเฉิง แต่ส่งให้กับปรมาจารย์ชิวเย่แทน

ปรมาจารย์ชิวเย่ที่กำลังถือขวดสุราอยู่ในมือ เมื่อเห็นว่าขวดเม็ดยาลอยเข้ามา เขาก็ยื่นมือออกไปคว้าขวดเม็ดยามาอยู่ที่มือ สีหน้าของเขาชะงักเล็กน้อย ก่อนจะวางขวดสุราลงและแก้ผนึกบนขวดยา

เม็ดยานิรันดร์สี่ดาวคือเม็ดยาที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก ออร่าที่เล็ดลอดออกมาเพียงเล็กน้อยถือว่าเป็นความเสียหายครั้งใหญ่ เพราะงั้นจึงต้องผนึกเอาไว้

ปรมาจารย์จื่อเฉิง และปรมาจารย์เทียนซินขยับเข้ามาใกล้เพื่อดูด้วยกัน

ผู้คนโดยรอบก็เช่นกัน พวกเขาเขย่งเท้ายื่นหน้ายื่นตาโดยไม่รู้ตัว

‘พรึบ’ แต่ยังไม่ทันที่จะเห็นเม็ดยา คลื่นพลังสีครามภายในขวดก็ควบแน่นรวบกัน กลายเป็นจิ้งจอกน้อยดวงตาโตแสนน่ารัก

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด