Alchemy Emperor of the Divine Dao 1949 ปลอมตัว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1949 ปลอมตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1949 ปลอมตัว

 

ไม่ว่าหลิวเจี้ยจะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากหลิงฮันเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อันจริงๆ

 

ในความเป็นจริง จากที่หลิงฮันคิดแล้ว ในเมื่อแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่จะเลือกผู้เป็นนายด้วยตัวเองล่ะก็ เหตุใดอาณาเขตสวรรค์ไท่อันกับอาณาเขตสวรรค์กว่างลังถึงต้องปะทะกันด้วยล่ะ? ไม่ใช่ว่าทั้งสองฝ่ายร่วมมือช่วยกันไปให้ถึงพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธจะไม่ดีกว่างั้นรึ?

 

เพระาอย่างไรต่อให้สู้กันไปก็ไม่เกิดผลอะไรอยู่ดี

 

น่าเสียดายที่คงไม่มีใครยอมรับความคิดนี้เป็นแน่ เมื่อมีสมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่ใช้พูดย่อมไม่ใช่ปาก แต่เป็นหมัด

 

หลิวเจียผิดหวังอย่างมากที่หลิงฮันเอาแต่ปฏิเสธโดยอ้างว่า “ข้าเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน” สุดท้ายความอดทนของเขาก็หมดไปและเลิกโน้มน้าว

 

หากเป็นแบบนี้ก็ต้องยึดตามแผนเก่า ที่จะเลือกราชาในหมู่ราชามาห้าคน เพื่อสร้างค่ายกลจันทราประกายแสงเจ็ดดาราให้กับเขาและหลิวหาน

 

หลังจากเลือกตัวแทนได้แล้ว งานเลี้ยงก็ดําเนินต่อไปโดยเปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องศาสตร์วรยุทธกันแทน

 

หลิวหานรู้สึกสนใจหลิงฮันมากขึ้นเรื่อยๆ จักรพรรดิที่เป็นสตรีนั้นมีอยู่น้อยนิด ซึ่งด้วยการที่นางเป็นจักรพรรดิ นางจึงไม่มีความคิดจะแต่งงานกับบุรุษที่ด้อยกว่าตน เพราะงั้นตัวเลือกของนางจึงมีไม่มาก

 

“ธิดาหลิวหาน ข้าได้ยินมาว่า ท่านเคยกล่าวว่ามีเพียงบุรุษที่เอาชนะท่านได้เท่านั้นสินะ ถึงจะมีสิทธิเข้าถึงท่าน?” ใครบางคนเห็นว่าหลิวหานกับหลิงฮันกระซิบกระซาบคุยกันถูกคอ จึงรู้สึกริษยาจนต้องกล่าวแทรก

 

แต่ก็นางก็เป็นคนพูดเองนะว่า หากเอาชนะนางไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงนาง เพราะงั้นถ้าหากหลิงฮันคิดจะเข้าหาหลิวหาน ก็ต้องทําตามคําพูดของหลิวหาน โดยการโค่นล้มนางให้ได้ก่อน

 

“ใต้ท้องฟ้านี้ คนที่จะเอาชนะธิดาหลิวหานในระดับเดียวกันได้คงมีเพียงหยิบมือเท่านั้น!”

 

ใครหลายคนที่รู้สึกอิจฉากล่าวแทรกขึ้นมา เพื่อสร้างความแตกร้าวระหว่างหลิวหานกับหลิงฮัน

 

หลิงฮันยิ้มและดื่มสุราโดยที่ไม่กล่าวอะไร ที่เขาพูดคุยกับหลิวหานก็เพราะนางเข้ามาคุยเรื่องทักษะนิรันดร์ด้วย เขาจึงเกิดความรู้สึกสนใจเล็กน้อย

 

ใบหน้าอันงดงามของหลิวหานค่อยๆ กลายเป็นมืดมน แต่จู่ๆก็เปลี่ยนมายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “พี่ชายหลิง ท่านสนใจมาแลกเปลี่ยนวรยุทธกับข้าหรือไม่?”

 

หลิงฮันถูจมูกครุ่นคิด ไม่ใช่ว่าเขาต้องการดูถูกหลิวหาน แต่ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ เกรงว่าหลิวหานคงไม่มีคุณสมบัติจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

 

“เจ้าตัวอัปลักษณ์ ข้าจะแลกเปลี่ยนวรยุทธกับเจ้าเอง” เสียงคํารามอันโหดเหี้ยมดังขึ้น พร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งได้ก้าวเดินเข้ามา อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี และมีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก

 

หลิงฮันพบเห็นบุรุษที่หล่อเหลามามากมาย แต่ก็เทียบไม่ติดแม้แต่หนึ่งในสิบของรุ่นเยาว์ผู้นี้

 

ยิ่งกว่านั้นใบหน้าของรุ่นเยาว์ผู้นี้ก็ยังอ่อนหวานมากด้วย หากใช้เขาสวมใส่ชุดของสตรีล่ะก็ จะต้องกลายเป็นสตรงดงามล่มเมืองแน่นอน

 

ช่างบังเอิญเหลือเกินที่หลิงฮันก็เคยพบเห็นรุ่นเยาว์ผู้นี้ในตอนที่สวมใส่ชุดสตรี

 

นั่นเพราะรุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฮูหนิว!

 

ด้วยทักษะระดับนิรันดร์ การจะซ่อนลูกกระเดือก หรือลดขนาดของหน้าอกนั้น เป็นเพียงเรื่องจิ๊บจ๊อย

 

อัปลักษณ์งั้นรึ?

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ คนอย่างน้อยกว่าครึ่งก็กลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที

 

เจ้ากล้าบอกว่าธิดาหลิวหานอัปลักษณ์งั้นรึ? เจ้าไม่รู้รึไงว่านางเป็นถึงสตรีที่ถูกขนานนามว่าเป็นสตรีที่งดงามอันดับสองของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่ง ซึ่งเป็นรองเพียงซูหย่าหรงแห่งนิกายอัคคีทมิฬมืดเท่านั้น

 

ถ้าหากหลิวหานอัปลักษณ์ล่ะก็ ใต้ท้องฟ้านี้จะยังมีสตรีคนใดบ้างที่งดงาม?

 

เพียงเมื่อทุกคนหันไปมองฮูหนิว พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกันว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างหล่อเหลายิ่งนัก ถึงแม้ความหล่อของบุรุษจะไม่สามารถนํามาเทียบกับความงดงามของสตรีได้ แต่เมื่อลองมองฮูหนิวกับหลิวหานสลับไปมา ทุกคนก็ได้ข้อสรุปตรงกันว่าฮูหนิวนั้นดูดีกว่าหลิวหาน

 

คิ้วของหลิวหานขมวดเข้าหากัน นางไม่คาดคิดว่าจะถูกเรียกว่าอัปลักษณ์ต่อหน้าหลิงฮันเช่นนี้ นางโมโหจนกํามือแน่น แต่ทว่าเมื่อหันไปเห็นรูปลักษณ์ของฮูหนิว ความโกรธเคืองที่นางมีก็สลายหายไปสิ้น และเกิดเป็นความรู้สึกใจเต้นแรงจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแทน

 

นางไม่เคยเชื่อในรักแรกพบมาก่อน เพราะนางไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนงี่เง่าขนาดนั้น เพียง แต่เมื่อได้เห็นฮูหนิว หัวใจของนางก็ไม่อาจหยุดเต้นรัวได้เลย

 

“ตกลง มาประลองกัน” หลิวหานพยักหน้าและเหาะเหินขึ้นท้องฟ้า

 

ฮูหนิวมองตาม สตรีอัปลักษณ์ผู้นี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักที่กล้ามายั่วยวนหลิงฮันของนาง เพราะงั้นนางจึงตั้งใจจะทุบตีอีกฝ่ายให้เละ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับหลิงฮันของนางอีก

 

“พรึบ พรีบ” ทั้งสองเดินขึ้นไปยืนกลางอากาศ

 

หลิวหานมองไปยังฮูหนิวและรู้สึกอ่อนไหวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รุ่นเยาว์ผู้นี้แม้จะไม่ได้ดูองอาจ แต่ก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาและดวงตาที่น่าดึงดูด จนหัวใจของนางเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากร่าง

 

นางตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้ฮูหนิวไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ นางก็จะยอมให้อีกฝ่ายชนะ

 

เพียงแต่ทันทีที่ฮูหนิวลงมือ ใบหน้าของนางก็ต้องเปลี่ยนไป

 

แข็งแกร่ง!

 

อีกฝ่ายไม่ใช่ราชา หรือราชาในหมู่ราชา แต่เป็นจักรพรรดิ

 

ไม่ใช่แค่นางคนเดียวที่ตกตะลึง แต่คนอื่นๆเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน

 

จักรพรรดินั้นเปรียบเสมือนดวงดาวอันสันโดษบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เนื่องจากมีจํานวนอยู่น้อยนิด เพียงแต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่หลิงฮันเท่านั้นที่ปรากฏตัวในฐานะจักรพรรดิ แต่รุ่นเยาว์ผู้นี้เองก็เช่นกัน

 

ถึงแม้อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ระยะเวลาก็เพิ่งผ่านมาไม่กี่ร้อยล้านปีเท่านั้น เพราะงั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่สมควรน่าอัศจรรย์ขนาดนี้

 

หลิวหานรีบระเบิดพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมาเพื่อต่อกรกับฮูหนิว แต่ก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว

 

ไม่มีใครคิดว่านางล้มมวยแม้แต่คนเดียว

 

ฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นางสยายปีกด้านหลังทําให้เคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งกว่าอสนี ที่แขนทั้งสองข้างของเขามีตราประทับรูปร่างมัจฉาขนาดมหึมาพัวพันเอาไว้ ซึ่งถึงแม้มันจะเป็นเพียงมัจฉา แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมากลับน่าเกรงขามยิ่งกว่ามังกรเสียอีก

 

“สัตว์อสูรต้นกําเนิด… มัจฉาวายุภักษ์!” ใครบางคนอุทานออกมา

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหตุใดรุ่นเยาว์ผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ที่แท้เขาก็มีสายเลือดของสัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชา หรืออาจจะฝึกฝนแม้กระทั่งทักษะระดับราชานิรันดร์ด้วยเมีตํานานกล่าวว่า สัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชานั้น มีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ราชานิรันดร์ระดับแปดเป็นอย่างน้อย โดยที่บางคนสามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้ และสามารถเมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียน

 

ฮูหนิวระเบิดการโจมตีพร้อมกับคํารามเสียงดังที่ด้านหลังของนางปรากฏเงาของมัจฉาขนาดมหึมา ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายบรรพบาล นิรันดร์แห่งยุคบรรพกาล ที่ข้ามผ่านห้วงกาลเวลามาจากกระแสเวลา

 

“ตูม” ด้วยคลื่นพลังของการโจมตี ร่างของหลิวหานก็ถูกซัดกระเด็นใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นซีดเผือด และผมเผ้ากระเซอะกระเชิง

 

ตัวตนระดับจักรพรรดิถูกโค่นล้มอย่างง่ายดายเพียงนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1949 ปลอมตัว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1949 ปลอมตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1949 ปลอมตัว

 

ไม่ว่าหลิวเจี้ยจะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากหลิงฮันเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อันจริงๆ

 

ในความเป็นจริง จากที่หลิงฮันคิดแล้ว ในเมื่อแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่จะเลือกผู้เป็นนายด้วยตัวเองล่ะก็ เหตุใดอาณาเขตสวรรค์ไท่อันกับอาณาเขตสวรรค์กว่างลังถึงต้องปะทะกันด้วยล่ะ? ไม่ใช่ว่าทั้งสองฝ่ายร่วมมือช่วยกันไปให้ถึงพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธจะไม่ดีกว่างั้นรึ?

 

เพระาอย่างไรต่อให้สู้กันไปก็ไม่เกิดผลอะไรอยู่ดี

 

น่าเสียดายที่คงไม่มีใครยอมรับความคิดนี้เป็นแน่ เมื่อมีสมบัติเข้ามาเกี่ยวข้อง สิ่งที่ใช้พูดย่อมไม่ใช่ปาก แต่เป็นหมัด

 

หลิวเจียผิดหวังอย่างมากที่หลิงฮันเอาแต่ปฏิเสธโดยอ้างว่า “ข้าเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ไท่อัน” สุดท้ายความอดทนของเขาก็หมดไปและเลิกโน้มน้าว

 

หากเป็นแบบนี้ก็ต้องยึดตามแผนเก่า ที่จะเลือกราชาในหมู่ราชามาห้าคน เพื่อสร้างค่ายกลจันทราประกายแสงเจ็ดดาราให้กับเขาและหลิวหาน

 

หลังจากเลือกตัวแทนได้แล้ว งานเลี้ยงก็ดําเนินต่อไปโดยเปลี่ยนหัวข้อไปคุยเรื่องศาสตร์วรยุทธกันแทน

 

หลิวหานรู้สึกสนใจหลิงฮันมากขึ้นเรื่อยๆ จักรพรรดิที่เป็นสตรีนั้นมีอยู่น้อยนิด ซึ่งด้วยการที่นางเป็นจักรพรรดิ นางจึงไม่มีความคิดจะแต่งงานกับบุรุษที่ด้อยกว่าตน เพราะงั้นตัวเลือกของนางจึงมีไม่มาก

 

“ธิดาหลิวหาน ข้าได้ยินมาว่า ท่านเคยกล่าวว่ามีเพียงบุรุษที่เอาชนะท่านได้เท่านั้นสินะ ถึงจะมีสิทธิเข้าถึงท่าน?” ใครบางคนเห็นว่าหลิวหานกับหลิงฮันกระซิบกระซาบคุยกันถูกคอ จึงรู้สึกริษยาจนต้องกล่าวแทรก

 

แต่ก็นางก็เป็นคนพูดเองนะว่า หากเอาชนะนางไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าถึงนาง เพราะงั้นถ้าหากหลิงฮันคิดจะเข้าหาหลิวหาน ก็ต้องทําตามคําพูดของหลิวหาน โดยการโค่นล้มนางให้ได้ก่อน

 

“ใต้ท้องฟ้านี้ คนที่จะเอาชนะธิดาหลิวหานในระดับเดียวกันได้คงมีเพียงหยิบมือเท่านั้น!”

 

ใครหลายคนที่รู้สึกอิจฉากล่าวแทรกขึ้นมา เพื่อสร้างความแตกร้าวระหว่างหลิวหานกับหลิงฮัน

 

หลิงฮันยิ้มและดื่มสุราโดยที่ไม่กล่าวอะไร ที่เขาพูดคุยกับหลิวหานก็เพราะนางเข้ามาคุยเรื่องทักษะนิรันดร์ด้วย เขาจึงเกิดความรู้สึกสนใจเล็กน้อย

 

ใบหน้าอันงดงามของหลิวหานค่อยๆ กลายเป็นมืดมน แต่จู่ๆก็เปลี่ยนมายิ้มอย่างมีเสน่ห์ “พี่ชายหลิง ท่านสนใจมาแลกเปลี่ยนวรยุทธกับข้าหรือไม่?”

 

หลิงฮันถูจมูกครุ่นคิด ไม่ใช่ว่าเขาต้องการดูถูกหลิวหาน แต่ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ เกรงว่าหลิวหานคงไม่มีคุณสมบัติจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

 

“เจ้าตัวอัปลักษณ์ ข้าจะแลกเปลี่ยนวรยุทธกับเจ้าเอง” เสียงคํารามอันโหดเหี้ยมดังขึ้น พร้อมกับร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งได้ก้าวเดินเข้ามา อีกฝ่ายมีรูปลักษณ์อยู่ในช่วงอายุสิบเจ็ดสิบแปดปี และมีใบหน้าที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก

 

หลิงฮันพบเห็นบุรุษที่หล่อเหลามามากมาย แต่ก็เทียบไม่ติดแม้แต่หนึ่งในสิบของรุ่นเยาว์ผู้นี้

 

ยิ่งกว่านั้นใบหน้าของรุ่นเยาว์ผู้นี้ก็ยังอ่อนหวานมากด้วย หากใช้เขาสวมใส่ชุดของสตรีล่ะก็ จะต้องกลายเป็นสตรงดงามล่มเมืองแน่นอน

 

ช่างบังเอิญเหลือเกินที่หลิงฮันก็เคยพบเห็นรุ่นเยาว์ผู้นี้ในตอนที่สวมใส่ชุดสตรี

 

นั่นเพราะรุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นฮูหนิว!

 

ด้วยทักษะระดับนิรันดร์ การจะซ่อนลูกกระเดือก หรือลดขนาดของหน้าอกนั้น เป็นเพียงเรื่องจิ๊บจ๊อย

 

อัปลักษณ์งั้นรึ?

 

เมื่อได้ยินคําพูดนี้ คนอย่างน้อยกว่าครึ่งก็กลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที

 

เจ้ากล้าบอกว่าธิดาหลิวหานอัปลักษณ์งั้นรึ? เจ้าไม่รู้รึไงว่านางเป็นถึงสตรีที่ถูกขนานนามว่าเป็นสตรีที่งดงามอันดับสองของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่ง ซึ่งเป็นรองเพียงซูหย่าหรงแห่งนิกายอัคคีทมิฬมืดเท่านั้น

 

ถ้าหากหลิวหานอัปลักษณ์ล่ะก็ ใต้ท้องฟ้านี้จะยังมีสตรีคนใดบ้างที่งดงาม?

 

เพียงเมื่อทุกคนหันไปมองฮูหนิว พวกเขาก็รู้สึกเหมือนกันว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างหล่อเหลายิ่งนัก ถึงแม้ความหล่อของบุรุษจะไม่สามารถนํามาเทียบกับความงดงามของสตรีได้ แต่เมื่อลองมองฮูหนิวกับหลิวหานสลับไปมา ทุกคนก็ได้ข้อสรุปตรงกันว่าฮูหนิวนั้นดูดีกว่าหลิวหาน

 

คิ้วของหลิวหานขมวดเข้าหากัน นางไม่คาดคิดว่าจะถูกเรียกว่าอัปลักษณ์ต่อหน้าหลิงฮันเช่นนี้ นางโมโหจนกํามือแน่น แต่ทว่าเมื่อหันไปเห็นรูปลักษณ์ของฮูหนิว ความโกรธเคืองที่นางมีก็สลายหายไปสิ้น และเกิดเป็นความรู้สึกใจเต้นแรงจนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงแทน

 

นางไม่เคยเชื่อในรักแรกพบมาก่อน เพราะนางไม่คิดว่าตนเองจะเป็นคนงี่เง่าขนาดนั้น เพียง แต่เมื่อได้เห็นฮูหนิว หัวใจของนางก็ไม่อาจหยุดเต้นรัวได้เลย

 

“ตกลง มาประลองกัน” หลิวหานพยักหน้าและเหาะเหินขึ้นท้องฟ้า

 

ฮูหนิวมองตาม สตรีอัปลักษณ์ผู้นี้ช่างน่ารังเกียจยิ่งนักที่กล้ามายั่วยวนหลิงฮันของนาง เพราะงั้นนางจึงตั้งใจจะทุบตีอีกฝ่ายให้เละ เพื่อที่อีกฝ่ายจะได้ไม่กล้ามายุ่งกับหลิงฮันของนางอีก

 

“พรึบ พรีบ” ทั้งสองเดินขึ้นไปยืนกลางอากาศ

 

หลิวหานมองไปยังฮูหนิวและรู้สึกอ่อนไหวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ รุ่นเยาว์ผู้นี้แม้จะไม่ได้ดูองอาจ แต่ก็มีใบหน้าที่หล่อเหลาและดวงตาที่น่าดึงดูด จนหัวใจของนางเต้นรัวราวกับจะหลุดออกจากร่าง

 

นางตัดสินใจแล้วว่า ต่อให้ฮูหนิวไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ นางก็จะยอมให้อีกฝ่ายชนะ

 

เพียงแต่ทันทีที่ฮูหนิวลงมือ ใบหน้าของนางก็ต้องเปลี่ยนไป

 

แข็งแกร่ง!

 

อีกฝ่ายไม่ใช่ราชา หรือราชาในหมู่ราชา แต่เป็นจักรพรรดิ

 

ไม่ใช่แค่นางคนเดียวที่ตกตะลึง แต่คนอื่นๆเองก็พูดไม่ออกเช่นกัน

 

จักรพรรดินั้นเปรียบเสมือนดวงดาวอันสันโดษบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า เนื่องจากมีจํานวนอยู่น้อยนิด เพียงแต่ตอนนี้ ไม่ใช่แค่หลิงฮันเท่านั้นที่ปรากฏตัวในฐานะจักรพรรดิ แต่รุ่นเยาว์ผู้นี้เองก็เช่นกัน

 

ถึงแม้อํานาจแห่งสวรรค์และปฐพีของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ระยะเวลาก็เพิ่งผ่านมาไม่กี่ร้อยล้านปีเท่านั้น เพราะงั้นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจึงไม่สมควรน่าอัศจรรย์ขนาดนี้

 

หลิวหานรีบระเบิดพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมาเพื่อต่อกรกับฮูหนิว แต่ก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างรวดเร็ว

 

ไม่มีใครคิดว่านางล้มมวยแม้แต่คนเดียว

 

ฮูหนิวนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก นางสยายปีกด้านหลังทําให้เคลื่อนที่ได้รวดเร็วยิ่งกว่าอสนี ที่แขนทั้งสองข้างของเขามีตราประทับรูปร่างมัจฉาขนาดมหึมาพัวพันเอาไว้ ซึ่งถึงแม้มันจะเป็นเพียงมัจฉา แต่กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมากลับน่าเกรงขามยิ่งกว่ามังกรเสียอีก

 

“สัตว์อสูรต้นกําเนิด… มัจฉาวายุภักษ์!” ใครบางคนอุทานออกมา

 

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เหตุใดรุ่นเยาว์ผู้นี้ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้ ที่แท้เขาก็มีสายเลือดของสัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชา หรืออาจจะฝึกฝนแม้กระทั่งทักษะระดับราชานิรันดร์ด้วยเมีตํานานกล่าวว่า สัตว์อสูรต้นกําเนิดระดับราชานั้น มีพลังบ่มเพาะอยู่ที่ราชานิรันดร์ระดับแปดเป็นอย่างน้อย โดยที่บางคนสามารถบรรลุเป็นราชานิรันดร์ระดับเก้าได้ และสามารถเมินเฉยต่อทุกสรรพสิ่งทั่วทั้งดินแดนแห่งเซียน

 

ฮูหนิวระเบิดการโจมตีพร้อมกับคํารามเสียงดังที่ด้านหลังของนางปรากฏเงาของมัจฉาขนาดมหึมา ที่อัดแน่นไปด้วยกลิ่นอายบรรพบาล นิรันดร์แห่งยุคบรรพกาล ที่ข้ามผ่านห้วงกาลเวลามาจากกระแสเวลา

 

“ตูม” ด้วยคลื่นพลังของการโจมตี ร่างของหลิวหานก็ถูกซัดกระเด็นใบหน้าอันงดงามของนางกลายเป็นซีดเผือด และผมเผ้ากระเซอะกระเชิง

 

ตัวตนระดับจักรพรรดิถูกโค่นล้มอย่างง่ายดายเพียงนี้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+