Alchemy Emperor of the Divine Dao 1952 ขอคําชี้แนะ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1952 ขอคําชี้แนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1952 ขอคําชี้แนะ

หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่าย โดยที่ไม่กล่าวอะไรตอบกลับ

ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเหยียดหยาม และคร้านจะสนใจ

ชายหนุ่มผู้นั้นเกรี้ยวกราดขึ้นมา พร้อมกับยกระดับน้ำเสียงขึ้น “ผู้น้อยหลิวซิง คือศิษย์คนที่เก้าของปรมาจารย์เซียวลีสิง ศิษย์หลานคารวะอาจารย์ลุงสี่! ข้าหวังว่าอาจารย์ลุงสี่คงจะไม่มีสายตาที่สูงส่งเกินไป จนไม่เห็นรุ่นเยาว์ของตนเองอยู่ในสายตาใช่หรือไม่?”

เซียวลี่สิงคือศิษย์คนที่สองของปรมาจารย์จ่อเฉิง ที่นานมาแล้วได้เดินทางไปตั้งหลักอยู่ที่อาณาเขตสวรรค์สื้อหยุน ซึ่งในตอนนี้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ ปรมาจารย์นักปรุงยาที่สูงส่งแห่งอาณาเขตสวรรค์สื้อหยุน

ด้วยเหตุนี้หลิวซิงจึงมีสถานะเป็นศิษย์หลานของหลิงฮัน

ด้วยการที่ศิษย์ทั้งสามของปรมาจารย์จ่อเฉิงนั้นสนิทชิดเชื้อกัน เหล่าศิษย์ของทั้งสามจึงสนิทสนมกันตามไปด้วย หลิวซิงนั้นมีอายุและนิสัยใกล้เคียงกับจูจือจวิน ทั้งสองจึงกลายเป็นสหายกัน

หลิวซิงเป็นสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา เพราะงั้นถึงแม้เขาจะยังเยาว์วัย แต่ก็ไม่รู้ว่ามีนักปรุงยาอาวุโสมากมายกี่คนแล้ว ที่เรียกเขาว่าอาจารย์ลุง หรือแม้กระทั่งอาจารย์ปู่ โดยที่เรื่องนี้เป็นความภาคภูมิใจของเขามาโดยตลอด

แต่ไม่คาดคิดว่า วันหนึ่งเขาจะต้องกลับกลายมาเรียกคนที่เยาว์วัยกว่าตนเองว่าอาจารย์ลุงแทน!

ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ และจากการที่สหายของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม หลิวซิงจึงปรากฏตัวขวางทางหลิงฮัน เนื่องจากว่าเขามีสถานะเป็นรุ่นเยาว์ เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินหลิงฮัน แต่ตั้งใจจะมาทําให้อีกฝ่ายได้รับความอัปยศแทน

หลิงฮันมองไปยังดวงตาของหลิวเซียงพร้อมกับกล่าว “ไม่จําเป็นต้องมากพิธี”

ไม่จําเป็นต้องมากพิธีงั้นรึ?” ข้าไม่ได้มาคารวะเจ้าจริงๆ เสียหน่อย!

“อาจารย์ลุงสี่ทั้งเยาว์วัยและมีอนาคตไกล ดูจากรูปลักษณ์ของอาจารย์ลุงสี่แล้ว อายุของอาจารย์ลุงคงยังไม่เกินหนึ่งแสนปีเลยใช่หรือไม่?” ใบหน้าของหลิวซิงปรากฏรอยยิ้มจอมปลอมเพื่อจงใจยกยอหลิงฮัน

ยิ่งหลิงฮันดูสูงส่งเท่าไหร่ เมื่อตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บหนักเท่านั้น

แต่เดิมในช่วงระยะเวลาปกตินั้น อายุของหลิงฮันคือสองร้อยปีเท่านั้น เนื่องจากต้นสังสารวัฏช่วยเร่งเวลาในห้วงจิตใจเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อร่างกาย แต่ในระยะหลังไม่นานมานี้ เมื่อหลิงฮันเข้าไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลา และหอคอยทมิฬสามารถเร่งการไหลของเวลาได้พันเท่า อายุจริงๆ ของเขาจึงอยู่ที่หนึ่งหมื่นปีแล้ว

แต่แน่นอนว่าสําหรับดินแดนแห่งเซียนแล้ว ระยะเวลาหนึ่งหมื่นปีก็ไม่ต่างอะไรกับการกะพริบตา อายุของปรมาจารย์ส่วนใหญ่นั้นอยู่ที่หมื่นล้าน หรือร้อยล้านปีด้วยซ้ำ

“ฮึ่ม รอยยิ้มของเจ้าช่างปลอมยิ่งนัก ถ้าได้คิดยิ้มอีกเชียวนะ ไม่งั้นหนิวจะชัดเจ้าให้เละ!” ฮูหนิวจ้องมองด้วยแววตาโหดเหี้ยม นอกจากเรื่องทําลูกกับหลิงฮันแล้ว นางมีนิสัยที่เหมือนเด็กน้อยเป็นอย่างมาก

หากนางไม่พอใจอะไร นางก็จะกล่าวออกมาทันที

หลิวซิงไม่อาจต้านทานออร่าอันทรงพลังของฮูหนิวไหว เพียงแค่สายตาที่จดจ้องมาของนาง ก็ทําให้เขาหวาดกลัวจนนี่แทบราด

เขาเป็นอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยาก็จริง แต่แทบไม่มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธเลย แม้แต่ราชาก็ไม่ใช่ เพราะงั้นมีรีที่เขาจะต้านทานออร่าของฮูหนิวไหว?

“รุ่นเยาว์ชื่นชมในตัวอาจารย์ลุงสี่มานานแล้ว เลยอยากได้คําชี้แนะเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาจากอาจารย์ลุงเสียหน่อย” เขากล่าวช้าลงและจงใจเร่งน้ำเสียงให้ดังขึ้น

ซึ่งเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างมากมายในทันที

จูเฟิงคือปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาว ถึงแม้เมืองวิถีโอสถจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักปรุงยา แต่ก็ใช่ว่าในสถานที่อื่นจะไม่มีนักปรุงยา กลับกันเลยต่างหาก นักปรุงยานั้นมีอยู่ทุกที่ แต่กว่าเก้าในสิบส่วนล้วนเป็นนักปรุงยาจากเมืองวิถีโอสถ โดยมีเพียงส่วนน้อยมากจริงๆ ที่เป็นนักปรุงยาสันโดษ

อย่างจูเฟิงที่อยู่ในเมืองผนึกแปรผัน นอกจากเขาจะได้รับการคุ้มครองจากราชานิรันดร์ผู่หยุนแล้ว เขายังมีโอกาสได้รับสมุนไพรนิรันดร์ง่ายๆ อีกด้วย

เพราะเหตุนี้งานเฉลิมฉลองในครั้งนี้จึงมีนักปรุงยามาเข้าร่วมมากมาย ในมุมของเหล่านักปรุงยา นักปรุงยาที่สามารถใช้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้ตั้งแต่ห้าขั้นหรือหกขึ้นไปนั้น คือปรมาจารย์ที่ควรค่าแก่การเคารพเป็นอย่างยิ่ง

แล้วหลิวซิงล่ะเป็นใครกัน?

ใครหลายคนต่างรู้กันว่าเขาคือศิษย์ที่ปรมาจารย์เชียวลี่สิ่งภาคภูมิใจ หลังจากเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยามาได้ไม่กี่ปี ไม่เพียงหลิวซิงจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาวได้ แต่ทักษะห้วงจิตปรับแต่งยังยกระดับขึ้นมาถึงขั้นสองแล้วด้วย ในอนาคตภายภาคหน้า เขาจะต้องกลายเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาที่น่ายําเกรงได้อย่างแน่นอน

เพราะงั้นหากแม้แต่หลิวซิงก็ยังต้องเรียกว่าอาจารย์ลุง ไม่ใช่ว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นตัวตนในระดับปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวหรอกรึ?

ใครหลายคนรีบกวาดสายตามองหาในทันที

แต่ทว่าหลังจากสายตาของทุกคนกวาดมอง สิ่งที่พวกเขาพบกลับไม่ใช่คนที่ดูเหมือนปรมาจารย์

แต่เป็นรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ที่มีสตรีสี่คนอยู่รอบข้างแทน

แต่พูดก็พูดเถอะ สตรีทั้งสี่เหล่านี้ช่างงดงามเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคนใดก็มีเสน่ห์มากมายที่จะทําให้จิตใจสั่นไหว

ซึ่งเป้าหมายที่หลิวซิงจ้องมองอยู่ก็คือ ชายหนุ่มในกลุ่มสตรี!

เหลือเชื่อ รุ่นเยาว์ผู้นี้คืออาจารย์ลุงของหลิวซิงจริงๆ รึ?

เป็นไปได้อย่างไร?

หลิงฮันมองไปที่หลิวซิง เมื่อเห็นใบหน้าเหยียดหยามของอีกฝ่าย หลิงฮันก็มั่นใจว่าหลิวซิงจงใจสร้างเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ท่ามกลางสายตาของเหล่าสาธารณชน หากหลิงฮันปฏิเสธไม่ให้การชี้แนะ ภาพลักษณ์ของเขาคงจะย่ำแย่ในสายตาคนอื่นเป็นแน่

“อาจารย์ลุงสี่ ท่านคงจะไม่ได้กําลังประหม่าอยู่ใช่หรือไม่?” หลิวซิงกล่าวเสริม ประโยคนี้เปรียบเสมือนการโยนหินเพื่อปิดกั้นทางหนีของหลิงฮัน

หลิวซิงแสยะยิ้มในใจ บังอาจมารังแกสหายรักของข้าสินะ? มาดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “การให้คําชี้แนะปัญหาแก่รุ่นเยาว์ เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสอยู่แล้ว เจ้าไม่เข้าใจเรื่องใดเชิญถามมาได้เ”

เด็กน้อยผู้นี้คิดว่าเขาเพียงเป็นนักปรุงยาสองดาว ที่บรรลุห้วงจิตปรับแต่งแค่สามขั้นงั้นรึ? ด้วยความช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฏ ทําให้ตอนนี้ความเข้าใจทางทฤษฎีเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาของเขาสูงส่งเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาขาดมีแค่ประสบการณ์ในการปฏิบัติจริงเท่านั้น

รอยยิ้มของหลิวซิงค่อยๆ กว้างขึ้น “ตอนนี้รุ่นเยาว์กําลังฝึกหลอมเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศอยู่ปัญหาที่รุ่นเยาว์พบคืออัตราส่วนในการใช้ส่วนผสมสมุนไพร ได้โปรดอาจารย์ลุงสี่ช่วยให้คําชี้แนะด้วย”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนต่างก็ส่ายหัวในใจ

เม็ดยาในโลกนี้มีจํานวนอยู่มากมาย แต่ในความเป็นจริงจํานวนเม็ดยาที่หลอมได้จริงๆ กลับมีไม่มาก เนื่องจากการฝึกฝนเม็ดยาแต่ละชนิดใช้เวลานานเกินไป

หลิงฮันนั้นเยาว์วัยถึงขนาดที่อาจไม่ใช่แม้กระทั่งนักปรุงยาสองดาวด้วยซ้ำ แต่หลิวซิงกลับถามปัญหาเกี่ยวกับเม็ดยาสามดาวออกไป ไม่ใช่ว่าเป็นการจงใจทําให้อีกฝ่ายอับอายงั้นรี?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1952 ขอคําชี้แนะ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1952 ขอคําชี้แนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1952 ขอคําชี้แนะ

หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่าย โดยที่ไม่กล่าวอะไรตอบกลับ

ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเหยียดหยาม และคร้านจะสนใจ

ชายหนุ่มผู้นั้นเกรี้ยวกราดขึ้นมา พร้อมกับยกระดับน้ำเสียงขึ้น “ผู้น้อยหลิวซิง คือศิษย์คนที่เก้าของปรมาจารย์เซียวลีสิง ศิษย์หลานคารวะอาจารย์ลุงสี่! ข้าหวังว่าอาจารย์ลุงสี่คงจะไม่มีสายตาที่สูงส่งเกินไป จนไม่เห็นรุ่นเยาว์ของตนเองอยู่ในสายตาใช่หรือไม่?”

เซียวลี่สิงคือศิษย์คนที่สองของปรมาจารย์จ่อเฉิง ที่นานมาแล้วได้เดินทางไปตั้งหลักอยู่ที่อาณาเขตสวรรค์สื้อหยุน ซึ่งในตอนนี้เขาเป็นที่รู้จักในฐานะ ปรมาจารย์นักปรุงยาที่สูงส่งแห่งอาณาเขตสวรรค์สื้อหยุน

ด้วยเหตุนี้หลิวซิงจึงมีสถานะเป็นศิษย์หลานของหลิงฮัน

ด้วยการที่ศิษย์ทั้งสามของปรมาจารย์จ่อเฉิงนั้นสนิทชิดเชื้อกัน เหล่าศิษย์ของทั้งสามจึงสนิทสนมกันตามไปด้วย หลิวซิงนั้นมีอายุและนิสัยใกล้เคียงกับจูจือจวิน ทั้งสองจึงกลายเป็นสหายกัน

หลิวซิงเป็นสุดยอดอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยา เพราะงั้นถึงแม้เขาจะยังเยาว์วัย แต่ก็ไม่รู้ว่ามีนักปรุงยาอาวุโสมากมายกี่คนแล้ว ที่เรียกเขาว่าอาจารย์ลุง หรือแม้กระทั่งอาจารย์ปู่ โดยที่เรื่องนี้เป็นความภาคภูมิใจของเขามาโดยตลอด

แต่ไม่คาดคิดว่า วันหนึ่งเขาจะต้องกลับกลายมาเรียกคนที่เยาว์วัยกว่าตนเองว่าอาจารย์ลุงแทน!

ด้วยความรู้สึกไม่พอใจ และจากการที่สหายของเขาไม่ได้รับความเป็นธรรม หลิวซิงจึงปรากฏตัวขวางทางหลิงฮัน เนื่องจากว่าเขามีสถานะเป็นรุ่นเยาว์ เขาจึงไม่กล้าล่วงเกินหลิงฮัน แต่ตั้งใจจะมาทําให้อีกฝ่ายได้รับความอัปยศแทน

หลิงฮันมองไปยังดวงตาของหลิวเซียงพร้อมกับกล่าว “ไม่จําเป็นต้องมากพิธี”

ไม่จําเป็นต้องมากพิธีงั้นรึ?” ข้าไม่ได้มาคารวะเจ้าจริงๆ เสียหน่อย!

“อาจารย์ลุงสี่ทั้งเยาว์วัยและมีอนาคตไกล ดูจากรูปลักษณ์ของอาจารย์ลุงสี่แล้ว อายุของอาจารย์ลุงคงยังไม่เกินหนึ่งแสนปีเลยใช่หรือไม่?” ใบหน้าของหลิวซิงปรากฏรอยยิ้มจอมปลอมเพื่อจงใจยกยอหลิงฮัน

ยิ่งหลิงฮันดูสูงส่งเท่าไหร่ เมื่อตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บหนักเท่านั้น

แต่เดิมในช่วงระยะเวลาปกตินั้น อายุของหลิงฮันคือสองร้อยปีเท่านั้น เนื่องจากต้นสังสารวัฏช่วยเร่งเวลาในห้วงจิตใจเท่านั้น ไม่ได้ส่งผลใดๆ ต่อร่างกาย แต่ในระยะหลังไม่นานมานี้ เมื่อหลิงฮันเข้าไปยังห้องบ่มเพาะกาลเวลา และหอคอยทมิฬสามารถเร่งการไหลของเวลาได้พันเท่า อายุจริงๆ ของเขาจึงอยู่ที่หนึ่งหมื่นปีแล้ว

แต่แน่นอนว่าสําหรับดินแดนแห่งเซียนแล้ว ระยะเวลาหนึ่งหมื่นปีก็ไม่ต่างอะไรกับการกะพริบตา อายุของปรมาจารย์ส่วนใหญ่นั้นอยู่ที่หมื่นล้าน หรือร้อยล้านปีด้วยซ้ำ

“ฮึ่ม รอยยิ้มของเจ้าช่างปลอมยิ่งนัก ถ้าได้คิดยิ้มอีกเชียวนะ ไม่งั้นหนิวจะชัดเจ้าให้เละ!” ฮูหนิวจ้องมองด้วยแววตาโหดเหี้ยม นอกจากเรื่องทําลูกกับหลิงฮันแล้ว นางมีนิสัยที่เหมือนเด็กน้อยเป็นอย่างมาก

หากนางไม่พอใจอะไร นางก็จะกล่าวออกมาทันที

หลิวซิงไม่อาจต้านทานออร่าอันทรงพลังของฮูหนิวไหว เพียงแค่สายตาที่จดจ้องมาของนาง ก็ทําให้เขาหวาดกลัวจนนี่แทบราด

เขาเป็นอัจฉริยะในศาสตร์ปรุงยาก็จริง แต่แทบไม่มีพรสวรรค์ในศาสตร์วรยุทธเลย แม้แต่ราชาก็ไม่ใช่ เพราะงั้นมีรีที่เขาจะต้านทานออร่าของฮูหนิวไหว?

“รุ่นเยาว์ชื่นชมในตัวอาจารย์ลุงสี่มานานแล้ว เลยอยากได้คําชี้แนะเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาจากอาจารย์ลุงเสียหน่อย” เขากล่าวช้าลงและจงใจเร่งน้ำเสียงให้ดังขึ้น

ซึ่งเป็นการดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้างมากมายในทันที

จูเฟิงคือปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาว ถึงแม้เมืองวิถีโอสถจะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของนักปรุงยา แต่ก็ใช่ว่าในสถานที่อื่นจะไม่มีนักปรุงยา กลับกันเลยต่างหาก นักปรุงยานั้นมีอยู่ทุกที่ แต่กว่าเก้าในสิบส่วนล้วนเป็นนักปรุงยาจากเมืองวิถีโอสถ โดยมีเพียงส่วนน้อยมากจริงๆ ที่เป็นนักปรุงยาสันโดษ

อย่างจูเฟิงที่อยู่ในเมืองผนึกแปรผัน นอกจากเขาจะได้รับการคุ้มครองจากราชานิรันดร์ผู่หยุนแล้ว เขายังมีโอกาสได้รับสมุนไพรนิรันดร์ง่ายๆ อีกด้วย

เพราะเหตุนี้งานเฉลิมฉลองในครั้งนี้จึงมีนักปรุงยามาเข้าร่วมมากมาย ในมุมของเหล่านักปรุงยา นักปรุงยาที่สามารถใช้ทักษะห้วงจิตปรับแต่งได้ตั้งแต่ห้าขั้นหรือหกขึ้นไปนั้น คือปรมาจารย์ที่ควรค่าแก่การเคารพเป็นอย่างยิ่ง

แล้วหลิวซิงล่ะเป็นใครกัน?

ใครหลายคนต่างรู้กันว่าเขาคือศิษย์ที่ปรมาจารย์เชียวลี่สิ่งภาคภูมิใจ หลังจากเข้าสู่ศาสตร์ปรุงยามาได้ไม่กี่ปี ไม่เพียงหลิวซิงจะบรรลุเป็นนักปรุงยาสองดาวได้ แต่ทักษะห้วงจิตปรับแต่งยังยกระดับขึ้นมาถึงขั้นสองแล้วด้วย ในอนาคตภายภาคหน้า เขาจะต้องกลายเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาที่น่ายําเกรงได้อย่างแน่นอน

เพราะงั้นหากแม้แต่หลิวซิงก็ยังต้องเรียกว่าอาจารย์ลุง ไม่ใช่ว่าคนผู้นั้นจะต้องเป็นตัวตนในระดับปรมาจารย์นักปรุงยาสี่ดาวหรอกรึ?

ใครหลายคนรีบกวาดสายตามองหาในทันที

แต่ทว่าหลังจากสายตาของทุกคนกวาดมอง สิ่งที่พวกเขาพบกลับไม่ใช่คนที่ดูเหมือนปรมาจารย์

แต่เป็นรุ่นเยาว์ผู้หนึ่ง ที่มีสตรีสี่คนอยู่รอบข้างแทน

แต่พูดก็พูดเถอะ สตรีทั้งสี่เหล่านี้ช่างงดงามเป็นอย่างมาก ไม่ว่าคนใดก็มีเสน่ห์มากมายที่จะทําให้จิตใจสั่นไหว

ซึ่งเป้าหมายที่หลิวซิงจ้องมองอยู่ก็คือ ชายหนุ่มในกลุ่มสตรี!

เหลือเชื่อ รุ่นเยาว์ผู้นี้คืออาจารย์ลุงของหลิวซิงจริงๆ รึ?

เป็นไปได้อย่างไร?

หลิงฮันมองไปที่หลิวซิง เมื่อเห็นใบหน้าเหยียดหยามของอีกฝ่าย หลิงฮันก็มั่นใจว่าหลิวซิงจงใจสร้างเหตุการณ์นี้ขึ้นมา ท่ามกลางสายตาของเหล่าสาธารณชน หากหลิงฮันปฏิเสธไม่ให้การชี้แนะ ภาพลักษณ์ของเขาคงจะย่ำแย่ในสายตาคนอื่นเป็นแน่

“อาจารย์ลุงสี่ ท่านคงจะไม่ได้กําลังประหม่าอยู่ใช่หรือไม่?” หลิวซิงกล่าวเสริม ประโยคนี้เปรียบเสมือนการโยนหินเพื่อปิดกั้นทางหนีของหลิงฮัน

หลิวซิงแสยะยิ้มในใจ บังอาจมารังแกสหายรักของข้าสินะ? มาดูว่าข้าจะจัดการเจ้าอย่างไร!

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย “การให้คําชี้แนะปัญหาแก่รุ่นเยาว์ เป็นหน้าที่ของผู้อาวุโสอยู่แล้ว เจ้าไม่เข้าใจเรื่องใดเชิญถามมาได้เ”

เด็กน้อยผู้นี้คิดว่าเขาเพียงเป็นนักปรุงยาสองดาว ที่บรรลุห้วงจิตปรับแต่งแค่สามขั้นงั้นรึ? ด้วยความช่วยเหลือจากต้นสังสารวัฏ ทําให้ตอนนี้ความเข้าใจทางทฤษฎีเกี่ยวกับศาสตร์ปรุงยาของเขาสูงส่งเป็นอย่างมาก สิ่งที่เขาขาดมีแค่ประสบการณ์ในการปฏิบัติจริงเท่านั้น

รอยยิ้มของหลิวซิงค่อยๆ กว้างขึ้น “ตอนนี้รุ่นเยาว์กําลังฝึกหลอมเม็ดยาอัฐิคชสารสี่ทิศอยู่ปัญหาที่รุ่นเยาว์พบคืออัตราส่วนในการใช้ส่วนผสมสมุนไพร ได้โปรดอาจารย์ลุงสี่ช่วยให้คําชี้แนะด้วย”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ทุกคนต่างก็ส่ายหัวในใจ

เม็ดยาในโลกนี้มีจํานวนอยู่มากมาย แต่ในความเป็นจริงจํานวนเม็ดยาที่หลอมได้จริงๆ กลับมีไม่มาก เนื่องจากการฝึกฝนเม็ดยาแต่ละชนิดใช้เวลานานเกินไป

หลิงฮันนั้นเยาว์วัยถึงขนาดที่อาจไม่ใช่แม้กระทั่งนักปรุงยาสองดาวด้วยซ้ำ แต่หลิวซิงกลับถามปัญหาเกี่ยวกับเม็ดยาสามดาวออกไป ไม่ใช่ว่าเป็นการจงใจทําให้อีกฝ่ายอับอายงั้นรี?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+