Alchemy Emperor of the Divine Dao 1960 ไร้ชื่อและอุปกรณ์นิรันดร์

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1960 ไร้ชื่อและอุปกรณ์นิรันดร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1960 ไร้ชื่อและอุปกรณ์นิรันดร์

 

จี่อู๋หมิงงั้นรึ?

 

ทุกคนมองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัว คนผู้นี้สมกับชื่ออู๋หมิงจริงๆ เนื่องจากไม่มีใครเคยรู้จักเขามาก่อน *อู๋หมิง = ไร้นาม”

 

เพียงแต่ทันใดนั้นใบหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที คนผู้นี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ที่ยั่วยุพวกเขาทุกคนโดยการโจมตีไม่เลือกหน้าเช่นนี้

 

“เจ้าคิดจะทําอะไรกันแน่?” จักรพรรดิผู้หนึ่งเอ่ยถาม

 

เหตุผลที่เขาเลือกถามแทนที่จะลงมือเลยนั้น เป็นเพราะการโจมตีของจี่อู๋หมิงก่อนหน้านี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก หากอีกฝ่ายไม่มั่นใจในพลังของตนเองล่ะก็ มีรึที่จะกล้าทําเช่นนั้น?

 

“ข้าแค่อยากเห็นพลังของพวกเจ้าก็เท่านั้น” จี่อู๋หมิงอย่างไม่ทุกข์ร้อน

 

คําตอบเช่นนี้ทําให้ใครหลายคนโมโหขึ้นมาทันใด อยากเห็นพลังของทุกคนก็เลยโจมตีโดยไม่พูดพล่ามแม้แต่คําเดียวน่ะรึ? ถ้าหากพวกข้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาล่ะจะทําอย่างไร? แน่นอนว่าพวกเขาได้แค่คิดและไม่กล่าวออกไป ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ ใครบ้างจะหวาดกลัวที่ต้องต่อสู้?

 

คนของอาณาเขตสวรรค์กว่างลง มองไปยังซูหย่าหรงกับถังหมิงหลง ในขณะที่คนของอาณาเขตสวรรค์ไม่อัน มองไปยังหลิงฮันกับฮูหนิว

 

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นซูหย่าหรง หรือถังหลงหมิง พวกเขาก็ทําเพียงจ้องมองไปยังจี่หมิงหลงเท่านั้น ไม่สิ หากจะพูดให้ถูกคือทั้งสองจดจ้องไปยังคันธนูสีเงินในมือของอีกฝ่ายต่างหาก

 

ฮูหนิวเองก็เค้นเสียงและกล่าวออกมา “หนิวรู้สึกเหมือนจะมีความทรงจําเกี่ยวกับคันธนูอันนั้น”

 

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรบมือทําท่านึกออกและกล่าว “มันคือธนูสวรรค์ไร้พรม

แดน!”

 

“แล้วมันคืออะไรกัน?” หลิงฮันเอ่ยถาม

 

“หนิวก็ไม่รู้มากนัก ความทรงจําเกี่ยวกับมันค่อนข้างเลือนราง เท่าที่รู้คือมันเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ชิ้นหนึ่ง ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก” ฮูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ถูกแล้ว เป็นธนูสวรรค์ไร้พรมแดนจริงๆ!” ซูหย่าหรงเอ่ยแทรก “ตัวคันธนูทํามาจากกิ่งก้านของต้นพฤกษาโลกา ส่วนสายธนูทํามาจากเส้นเอ็นของจ้าวมังกรราชานิรันดร์ระดับเก้า เพียงแต่ดึงสายธนู อํานาจของมันก็สามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งสวรรค์ชั้นฟ้า”

 

ต้นพฤกษาโลกา จ้าวมังกรราชานิรันดร์ระดับเก้า!

 

ต้นพฤกษาโลกานั้นเป็นหนึ่งในเก้าพฤกษาบรรพบุรุษ ของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ด้วยการที่คันธนูทํามาจากกิ่งก้านของมัน ย่อมไม่มีสิ่งใดเหนือชั้นไปกว่านี้แล้ว ส่วนเส้นเอ็นของจ้าวมังกรราชานิรันดร์ระดับเก้านั้นยิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เนื่องจากแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเป็นเพียงพลังอํานาจที่เทียบกับราชานิรันดร์เท่านั้น ในขณะที่ราชานิรันดร์ระดับก้าวนั้น คือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของราชานิรันดร์

 

เมื่อสองสิ่งถูกนํามารวมเข้าด้วยกันเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ ความล้ำค่าของมันย่อมมากมายเกินจะจินตนาการได้

 

เพราะงั้นตราบใดที่เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เหล่าราชานิรันดร์จะต้องตกตะลึง และไล่ล่าจี่อู๋หมิง ไม่ว่าจะเป็นจากในเงามืดหรือซึ่งๆ ก็ตาม

 

หลิงฮันมีท่าทีระมัดระวังเล็กน้อย แน่นอนว่าตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มาล่วงเกินเขา เขาก็ไม่มีทางปล้นชิงอีกฝ่ายเพียงเพราะครอบครองสมบัติล้ำค่า แต่เมื่อครู่ที่จี่อู๋หมิงลงมือโดยไม่พูดพล่ามแม้แต่คําเดียวนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่หลิงฮันและพร้อมจะลงมือแล้ว

 

“ฮ่าๆ ช่างมีแววตาที่เฉียบคมนัก” จี่อู๋หมิงหัวเราะ “หุบเขาสามบุปผาอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ หวังว่าพวกเจ้าทุกคนคงไม่รังเกียจที่จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกคนนะ?”

 

“ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ใดกัน?” ซูหย่าหรงเอ่ยถาม

 

“ข้าคือบุรุษที่ออกเดินทางไปทั่วหล้า ไม่ได้ยึดติดกับอาณาเขตสวรรค์ไหน” จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างครุมเครือเป็นอย่างมาก อันที่จริงตั้งแต่ที่เขาบอกว่าตนเองชื่ออู๋หมิง ก็ทําให้ผู้คนคาดเดาตัวตนของเขายากแล้ว

 

ซูหย่าหรงกล่าว “สมบัติแห่งสวรรค์และปฐพี ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนมีสิทธิครอบครอง หากเจ้าต้องการก็ขึ้นอยู่กับวาสนาและพลังของตัวเจ้าเอง”

 

“ข้ามั่นใจในพลังของตัวเองอยู่แล้ว” จี่อู๋หมิงหัวเราะ ดวงตาของเขากวาดมองทุกคน ก่อนจะเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดและปิดตานั่งลง

 

การกระทําของเขาทําให้ทุกคนโมโหขึ้นมา “หมอนี่เพิ่งลอบโจมตีพวกเขาไปแท้ แต่ยังกล้ามานั่งอยู่ต่อหน้าพวกเขาอีกงั้นรึ?”

 

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นซูหย่าหรงหรือถงหมิงหลงก็ไม่ได้คิดจะลงมือ เพราะงั้นจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลิงจึงทําได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้

 

ทางด้านของอาณาเขตสวรรค์ไต่อัน หลิงฮันรู้สึกสนใจจี่อู๋หมิงเป็นอย่างมาก สัญชาตญาณของเขาบอกว่า จี่อู๋หมิงผู้นี้นั้นเป็นอัจฉริยะในระดับเดียวกันกับ ซูหย่าหรงและถังหมิงหลง ซึ่งเหมาะสมจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาและทําให้จิตวิญญาณสู้รบของเขาลุกโชน

 

“เขตแดนลี้ลับเบิดออกแล้ว!” เพียงแต่ในตอนนั้น จู่ๆ ใครบางคนก็อุทานออกมา

 

ณ เวลาทางเข้าหุบเขา เมฆหมอกเกิดการสลายตัวอย่างรวดเร็ว และปรากฏเส้นทางที่เอียงลาดลงไปด้านล่าง ทางเดินที่ว่านั้นมาขนาดกว้างหลายพันฟุต และดูเรียบราวกับถูกตัดด้วยดาบ

 

โขดหินต่างๆ เองก็ปรากฏร่องรอยถูกของมีคมตัดเช่นกัน ซึ่งร่องรอยเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจากการสึกกร่อนทั่วไป

 

“มีคํากล่าวว่าหลังจากการต่อสู้ระหว่างราชานิรันดร์ที่ทรงพลัง สนามรบก็ได้แปรสภาพกลายเป็นเขตแดนลี้ลับ” ใครบางคนกล่าว

 

นั่นคือต้นกําเนิดของหุบเขาสามบุปผางั้นรึ?

 

เมฆหมอกบริเวณด้านหน้าทางเข้า สลายหายไปด้วยความเร็วที่มากขึ้น ทําให้พื้นที่การมองเห็นชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

 

“ลุย!” ใครบางคนรีบกระโดดเข้าสู่หุบเขา

 

ไม่เกี่ยวว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ตราบใดที่ไปถึงพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธได้ ทุกคนย่อมมีโอกาสเป็นผู้ถูกเลือก

 

“พวกเราก็ไปกันเถอะ!” ฮูหนิวดึงแขนหลิงฮันและกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

“ตกลง ไปกันเลย” หลิงฮันหัวเราะ และนําสตรีนกอมตะเข้าสู่หอคอยทมิฬ ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณขึ้นไปไม่สามารถเข้าสู่หุบเขาได้ แล้วจอมยุทธระดับต่ำกว่าจะสามารถเข้าออกหุบเขาได้ตามใจชอบ

 

สถานที่แห่งนี้คือเขตแดนลี้ลับสําหรับ จอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้น

 

ฮูหนิวเดินนลากหลิงฮัน ในขณะที่หลิงฮันเดินเคียงคู่ไปกับจักรพรรดินี และมีธิดาโร๋วตามหลัง

พวกเอี๋ยนเซียนลู่และคนอื่นๆ เองก็เริ่มออกเดินทางเช่นกัน พวกเขาร่วมกลุ่มกันเป็นพันธมิตรเพื่อใช้ค่ายกลเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง

 

เส้นทางของหุบเขานั้น ยิ่งเดินลงไปลึกก็ยิ่งมีพื้นที่กว้างขึ้น ในหุบเขาแห่งนี้ จะมีอํานาจแห่งปฐพีพรั่งพรูออกมาเป็นระยะ และควบแน่นกลายเป็นบุปผาแห่งเต๋าที่งดเงา

 

แต่ความงดงามนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปสัมผัสโดนแม้แต่น้อย

 

หากสัมผัสโดนล่ะก็ ต่อให้ไม่ถึงกับตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีความเป็นไปได้ที่จะไม่อาจรักษาบาดแผลได้ไปตลอดชีวิต

 

บุปผาแห่งเต๋แม้จะดูเหมือนล่องลอยไปมาอย่างเชื่องช้า แต่ความจริงกลับเคลื่อนที่รวดเร็ว การเคลื่อนย้ายในพริบตา เพราะงั้นจึงต้องระวังให้ดี

 

ยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ จํานวนของบุปผาแห่งเต๋ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนแทบปกคลุมไปทั่วทางเดิน

 

พวกหลิงฮันระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ แม้แต่ฮูหนิวเองก็กล้าเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวัง

 

หลังจากเวลาผ่านไปสามวัน ในที่สุดทางลาด ก็กลายเป็นทางเรียบ

 

ที่นี่คือก้นหุบเขางั้นรึ?

 

“เสียงระฆังแห่งความตายนี้ดังเพื่อใคร?” น้ำเสียงโทนต่ำและหนักอึ้งดังขึ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1960 ไร้ชื่อและอุปกรณ์นิรันดร์

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1960 ไร้ชื่อและอุปกรณ์นิรันดร์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1960 ไร้ชื่อและอุปกรณ์นิรันดร์

 

จี่อู๋หมิงงั้นรึ?

 

ทุกคนมองหน้ากันพร้อมกับส่ายหัว คนผู้นี้สมกับชื่ออู๋หมิงจริงๆ เนื่องจากไม่มีใครเคยรู้จักเขามาก่อน *อู๋หมิง = ไร้นาม”

 

เพียงแต่ทันใดนั้นใบหน้าของทุกคนก็แสดงออกถึงความเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที คนผู้นี้ช่างกล้าหาญยิ่งนัก ที่ยั่วยุพวกเขาทุกคนโดยการโจมตีไม่เลือกหน้าเช่นนี้

 

“เจ้าคิดจะทําอะไรกันแน่?” จักรพรรดิผู้หนึ่งเอ่ยถาม

 

เหตุผลที่เขาเลือกถามแทนที่จะลงมือเลยนั้น เป็นเพราะการโจมตีของจี่อู๋หมิงก่อนหน้านี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก หากอีกฝ่ายไม่มั่นใจในพลังของตนเองล่ะก็ มีรึที่จะกล้าทําเช่นนั้น?

 

“ข้าแค่อยากเห็นพลังของพวกเจ้าก็เท่านั้น” จี่อู๋หมิงอย่างไม่ทุกข์ร้อน

 

คําตอบเช่นนี้ทําให้ใครหลายคนโมโหขึ้นมาทันใด อยากเห็นพลังของทุกคนก็เลยโจมตีโดยไม่พูดพล่ามแม้แต่คําเดียวน่ะรึ? ถ้าหากพวกข้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมาล่ะจะทําอย่างไร? แน่นอนว่าพวกเขาได้แค่คิดและไม่กล่าวออกไป ในฐานะที่เป็นจอมยุทธ ใครบ้างจะหวาดกลัวที่ต้องต่อสู้?

 

คนของอาณาเขตสวรรค์กว่างลง มองไปยังซูหย่าหรงกับถังหมิงหลง ในขณะที่คนของอาณาเขตสวรรค์ไม่อัน มองไปยังหลิงฮันกับฮูหนิว

 

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นซูหย่าหรง หรือถังหลงหมิง พวกเขาก็ทําเพียงจ้องมองไปยังจี่หมิงหลงเท่านั้น ไม่สิ หากจะพูดให้ถูกคือทั้งสองจดจ้องไปยังคันธนูสีเงินในมือของอีกฝ่ายต่างหาก

 

ฮูหนิวเองก็เค้นเสียงและกล่าวออกมา “หนิวรู้สึกเหมือนจะมีความทรงจําเกี่ยวกับคันธนูอันนั้น”

 

นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะปรบมือทําท่านึกออกและกล่าว “มันคือธนูสวรรค์ไร้พรม

แดน!”

 

“แล้วมันคืออะไรกัน?” หลิงฮันเอ่ยถาม

 

“หนิวก็ไม่รู้มากนัก ความทรงจําเกี่ยวกับมันค่อนข้างเลือนราง เท่าที่รู้คือมันเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ชิ้นหนึ่ง ที่ทรงพลังเป็นอย่างมาก” ฮูหนิวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง

 

“ถูกแล้ว เป็นธนูสวรรค์ไร้พรมแดนจริงๆ!” ซูหย่าหรงเอ่ยแทรก “ตัวคันธนูทํามาจากกิ่งก้านของต้นพฤกษาโลกา ส่วนสายธนูทํามาจากเส้นเอ็นของจ้าวมังกรราชานิรันดร์ระดับเก้า เพียงแต่ดึงสายธนู อํานาจของมันก็สามารถบดขยี้ได้แม้กระทั่งสวรรค์ชั้นฟ้า”

 

ต้นพฤกษาโลกา จ้าวมังกรราชานิรันดร์ระดับเก้า!

 

ต้นพฤกษาโลกานั้นเป็นหนึ่งในเก้าพฤกษาบรรพบุรุษ ของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ด้วยการที่คันธนูทํามาจากกิ่งก้านของมัน ย่อมไม่มีสิ่งใดเหนือชั้นไปกว่านี้แล้ว ส่วนเส้นเอ็นของจ้าวมังกรราชานิรันดร์ระดับเก้านั้นยิ่งน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า เนื่องจากแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีเป็นเพียงพลังอํานาจที่เทียบกับราชานิรันดร์เท่านั้น ในขณะที่ราชานิรันดร์ระดับก้าวนั้น คือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของราชานิรันดร์

 

เมื่อสองสิ่งถูกนํามารวมเข้าด้วยกันเป็นอุปกรณ์นิรันดร์ ความล้ำค่าของมันย่อมมากมายเกินจะจินตนาการได้

 

เพราะงั้นตราบใดที่เรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เหล่าราชานิรันดร์จะต้องตกตะลึง และไล่ล่าจี่อู๋หมิง ไม่ว่าจะเป็นจากในเงามืดหรือซึ่งๆ ก็ตาม

 

หลิงฮันมีท่าทีระมัดระวังเล็กน้อย แน่นอนว่าตราบใดที่อีกฝ่ายไม่มาล่วงเกินเขา เขาก็ไม่มีทางปล้นชิงอีกฝ่ายเพียงเพราะครอบครองสมบัติล้ำค่า แต่เมื่อครู่ที่จี่อู๋หมิงลงมือโดยไม่พูดพล่ามแม้แต่คําเดียวนั้น ได้สร้างความไม่พอใจให้แก่หลิงฮันและพร้อมจะลงมือแล้ว

 

“ฮ่าๆ ช่างมีแววตาที่เฉียบคมนัก” จี่อู๋หมิงหัวเราะ “หุบเขาสามบุปผาอยู่ใกล้แค่เอื้อมนี้ หวังว่าพวกเจ้าทุกคนคงไม่รังเกียจที่จะมีคู่แข่งเพิ่มขึ้นอีกคนนะ?”

 

“ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นคนของอาณาเขตสวรรค์ใดกัน?” ซูหย่าหรงเอ่ยถาม

 

“ข้าคือบุรุษที่ออกเดินทางไปทั่วหล้า ไม่ได้ยึดติดกับอาณาเขตสวรรค์ไหน” จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างครุมเครือเป็นอย่างมาก อันที่จริงตั้งแต่ที่เขาบอกว่าตนเองชื่ออู๋หมิง ก็ทําให้ผู้คนคาดเดาตัวตนของเขายากแล้ว

 

ซูหย่าหรงกล่าว “สมบัติแห่งสวรรค์และปฐพี ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนมีสิทธิครอบครอง หากเจ้าต้องการก็ขึ้นอยู่กับวาสนาและพลังของตัวเจ้าเอง”

 

“ข้ามั่นใจในพลังของตัวเองอยู่แล้ว” จี่อู๋หมิงหัวเราะ ดวงตาของเขากวาดมองทุกคน ก่อนจะเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดและปิดตานั่งลง

 

การกระทําของเขาทําให้ทุกคนโมโหขึ้นมา “หมอนี่เพิ่งลอบโจมตีพวกเขาไปแท้ แต่ยังกล้ามานั่งอยู่ต่อหน้าพวกเขาอีกงั้นรึ?”

 

เพียงแต่ไม่ว่าจะเป็นซูหย่าหรงหรือถงหมิงหลงก็ไม่ได้คิดจะลงมือ เพราะงั้นจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลิงจึงทําได้เพียงระงับความโกรธเอาไว้

 

ทางด้านของอาณาเขตสวรรค์ไต่อัน หลิงฮันรู้สึกสนใจจี่อู๋หมิงเป็นอย่างมาก สัญชาตญาณของเขาบอกว่า จี่อู๋หมิงผู้นี้นั้นเป็นอัจฉริยะในระดับเดียวกันกับ ซูหย่าหรงและถังหมิงหลง ซึ่งเหมาะสมจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาและทําให้จิตวิญญาณสู้รบของเขาลุกโชน

 

“เขตแดนลี้ลับเบิดออกแล้ว!” เพียงแต่ในตอนนั้น จู่ๆ ใครบางคนก็อุทานออกมา

 

ณ เวลาทางเข้าหุบเขา เมฆหมอกเกิดการสลายตัวอย่างรวดเร็ว และปรากฏเส้นทางที่เอียงลาดลงไปด้านล่าง ทางเดินที่ว่านั้นมาขนาดกว้างหลายพันฟุต และดูเรียบราวกับถูกตัดด้วยดาบ

 

โขดหินต่างๆ เองก็ปรากฏร่องรอยถูกของมีคมตัดเช่นกัน ซึ่งร่องรอยเหล่านี้ไม่มีทางเกิดขึ้นจากการสึกกร่อนทั่วไป

 

“มีคํากล่าวว่าหลังจากการต่อสู้ระหว่างราชานิรันดร์ที่ทรงพลัง สนามรบก็ได้แปรสภาพกลายเป็นเขตแดนลี้ลับ” ใครบางคนกล่าว

 

นั่นคือต้นกําเนิดของหุบเขาสามบุปผางั้นรึ?

 

เมฆหมอกบริเวณด้านหน้าทางเข้า สลายหายไปด้วยความเร็วที่มากขึ้น ทําให้พื้นที่การมองเห็นชัดเจนยิ่งกว่าเดิม

 

“ลุย!” ใครบางคนรีบกระโดดเข้าสู่หุบเขา

 

ไม่เกี่ยวว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ตราบใดที่ไปถึงพฤกษาอสนีบาตเพลิงพิโรธได้ ทุกคนย่อมมีโอกาสเป็นผู้ถูกเลือก

 

“พวกเราก็ไปกันเถอะ!” ฮูหนิวดึงแขนหลิงฮันและกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

 

“ตกลง ไปกันเลย” หลิงฮันหัวเราะ และนําสตรีนกอมตะเข้าสู่หอคอยทมิฬ ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณขึ้นไปไม่สามารถเข้าสู่หุบเขาได้ แล้วจอมยุทธระดับต่ำกว่าจะสามารถเข้าออกหุบเขาได้ตามใจชอบ

 

สถานที่แห่งนี้คือเขตแดนลี้ลับสําหรับ จอมยุทธระดับโลกียนิพพานเท่านั้น

 

ฮูหนิวเดินนลากหลิงฮัน ในขณะที่หลิงฮันเดินเคียงคู่ไปกับจักรพรรดินี และมีธิดาโร๋วตามหลัง

พวกเอี๋ยนเซียนลู่และคนอื่นๆ เองก็เริ่มออกเดินทางเช่นกัน พวกเขาร่วมกลุ่มกันเป็นพันธมิตรเพื่อใช้ค่ายกลเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ตนเอง

 

เส้นทางของหุบเขานั้น ยิ่งเดินลงไปลึกก็ยิ่งมีพื้นที่กว้างขึ้น ในหุบเขาแห่งนี้ จะมีอํานาจแห่งปฐพีพรั่งพรูออกมาเป็นระยะ และควบแน่นกลายเป็นบุปผาแห่งเต๋าที่งดเงา

 

แต่ความงดงามนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปสัมผัสโดนแม้แต่น้อย

 

หากสัมผัสโดนล่ะก็ ต่อให้ไม่ถึงกับตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีความเป็นไปได้ที่จะไม่อาจรักษาบาดแผลได้ไปตลอดชีวิต

 

บุปผาแห่งเต๋แม้จะดูเหมือนล่องลอยไปมาอย่างเชื่องช้า แต่ความจริงกลับเคลื่อนที่รวดเร็ว การเคลื่อนย้ายในพริบตา เพราะงั้นจึงต้องระวังให้ดี

 

ยิ่งลงไปลึกเท่าไหร่ จํานวนของบุปผาแห่งเต๋ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น จนแทบปกคลุมไปทั่วทางเดิน

 

พวกหลิงฮันระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ แม้แต่ฮูหนิวเองก็กล้าเคลื่อนไหวอย่างไม่ระมัดระวัง

 

หลังจากเวลาผ่านไปสามวัน ในที่สุดทางลาด ก็กลายเป็นทางเรียบ

 

ที่นี่คือก้นหุบเขางั้นรึ?

 

“เสียงระฆังแห่งความตายนี้ดังเพื่อใคร?” น้ำเสียงโทนต่ำและหนักอึ้งดังขึ้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+