Alchemy Emperor of the Divine Dao 1965 พลังแห่งใจ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1965 พลังแห่งใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1965 พลังแห่งใจ

 

หนึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลิงฮันก็หยุดไต่เขา

 

ไม่ใช่ว่าพวกเขาขึ้นมาถึงจุดบนสุดของยอดเขาแล้ว แต่ภูเขาได้เอียงเป็นพื้นเรียบทําให้ไม่จําเป็นต้องใช้มือปืนอีกต่อไป

 

สตรีทั้งสามปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่หลิงฮันถอนหายใจและกล่าวออกมา “พวกเจ้าหนักไม่เบาเลยนะหากเป็นไปได้ในอนาคตก็ลดน้ําหนักเสียบ้าง”

 

แม้จะปีนขึ้นมาได้เร็ว ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงกดดันที่เขาได้รับนั้นไม่หนักหน่วงแต่ เป็นจิตใจของเขาต่างหากที่ฝืนทนเอาไว้

 

สตรีคนไหนบ้างที่ชอบได้ยินคนตําหนิถึงน้ําหนักของพวกนาง?โดยเฉพาะหลิงฮันที่เป็นบุ รุษของพวกนางด้วยแล้วหลิงถูกสตรีทั้งสามคนล้อมรอบเอาไว้และทุบตีอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ทั้งสี่คนถึงจะมุ่งหน้าเดินทางต่อ

 

ตรงบริเวณนี้ไม่มีทางเดินเป็นถนนภูเขาตามปกติ แต่ปรากฏเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยหินขรุขระแทน

 

แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงร้องของนกกระเรียนดังขึ้น และพบเห็นร่างของนกกระเรียนตนหนึ่ง ได้กระพือปีกเหาะเหินอยู่ โดยที่ด้านหลังของมันมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ คนผู้นั้นเป็นชายชราที่คิ้วและหนวดเคราเป็นสีขาวโพลน กลิ่นอายรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยความองอาจราวกับนักพรตผู้เป็นอมตะ ความเร็วของนกกระเรียนนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันกระพือปีกเพียงไม่กี่ครั้งร่างของมันก็หายไปยังยอดเขา

 

กลุ่มของหลิงฮันทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงนี่มันอะไรกัน? ในเขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพีมีนกกระเรียนอยู่ได้อย่างไร?

 

“อะไรกัน!”

 

ทั้งสี่คนอุทานออกมาด้วยความตะลึงอีกครั้งเนื่องจากจู่ๆเส้นทางที่เป็นหินขรุขระก็หายไปและปรากฏทางเดินที่ทําจากหินหยกแห่งเต๋สีขาวขึ้นมาแทนทางเดินที่ว่านี้ลาดยาวขึ้นไปยังปลายยอดของภูเขา

 

แม้จะยืนอยู่จุดนี้ พวกหลิงฮันก็สามารถมองเห็นตําหนักที่ตั้งอยู่บนยอดเขาได้อย่างชัดเจนผนังของตําหนักเป็นสีทองแดงงดงามที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันองอาจเหนือพรรณนาออกมาตําหนักแห่งนี้ตั้งตระหง่านราวกับอยู่เหนือสวรรค์และห้วงเวลาแห่งยุคสมัย

 

พวกเขามองเห็นแม้แต่ผู้คนมากมายที่กําลังเดินอยู่บนทางเดินแต่ละกําลังเดินก้มหัวขึ้นไปยังยอดเขาอย่างเชื่องช้างราวกับเป็นผู้สักการะ

 

ทุกครั้งที่ผู้สักการะโค้งคํานับ ผนังทองแดงของตําหนักก็ราวกับส่องแสงสว่างขึ้นเล็กน้อยถึงแม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะเบาบางจนแทบไม่มีทางสังเกตเห็นแต่พวกหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิหรือราชาในหมู่ราชาย่อมสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่ว่าได้

 

“นั่นคือพลังแห่งใจ” ซูหนิวกล่าว “ความศรัทธาเองก็เป็นอํานาจประเภทหนึ่งโดยที่อํานาจประเภทนี้นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับสวรรค์และปฐพีและเป็นอิสระต่ออํานาจแห่งเต๋อันยิ่งใหญ่ต่อให้พลังของผู้สักการะจะอ่อนแอแต่หากจิตใจของผู้คนหลายร้อยล้านคนเข้าด้วยกันย่อมเกิดเป็นพลังที่ทรงอํานาจ”

 

หลิงอันพยักหน้า “ก็เหมือนกับอํานาจแห่งจักรภพงั้นสินะ?”

 

“อํานาจทั้งสองต่างกัน อํานาจแห่งจักรภพนั้นจําเป็นต้องก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาก่อน และใช้ธงสัญลักษณ์เป็นตัวกลางเพื่อรวมพลังของทุกคน” ฮูหนิวส่ายหัว ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของขุมอํานาจที่ยิ่งใหญ่ และมีตราประทับสืบทอดของราชานิรันดร์อยู่ในร่าง ความเข้าใจของนางย่อมสูงส่งเป็นอย่างมาก

 

“อํานาจของความศรัทธานั้นอยู่สูงกว่าอํานาจแห่งจักรภพมากเนื่องจากพลังที่ได้รับจะมาจากความเชื่อที่มากน้อยของแต่ละคน

 

“เพียงแค่อํานาจศรัทธาเองก็มีจุดอ่อนเช่นกันหากเกิดกรณีที่ผู้สักการะหมดความศรัทธาขึ้นมา” ซูหนิวหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “ผู้สักการะนั้นจะนําปัญหามาขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด ถ้าหาก ไม่ได้รับการตอบรับความศรัทธาของผู้สักการะก็จะหมดไป”

 

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ถ้าเช่นนั้นที่นี่ก็คงเคยเป็นสถานที่ทําพิธีของราชานิรันดร์มาก่อน แต่วันหนึ่งทุกอย่างก็ล่มสลาย และกลายเป็นหุบเขาสามบุปผาในเวลาต่อมา

 

“ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เห็นเหล่านี้ก็สมควรเป็นภาพลวงตามันคือภาพยุคสมัยแห่งความรุ่ง โรจน์ของสถานที่จัดพิธีกรรมของราชานิรันดร์ที่ถูกทิ้งไว้”ธิดาโร่วเอ่ยแทรก

 

ในขณะที่ทั้งสี่กําลังคุยกัน จู่ๆ ทิวทัศน์ของเส้นทางภูเขาอันงดงามและเหล่าผู้สักการะก็หายไปเพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจําแห่งประวัติศาสตร์เท่านั้น

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนถอนหายใจเบาๆ ในอดีตกาล เจ้าของสถานที่แห่งนี้เคยเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย ตามหลักแล้วเขาสมควรเป็นนิรันดร์ที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้กลับต้องมาหายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์โดยที่ไม่มีใครรับรู้เลยแม้แต่คนเดียว

 

“หึม!” ฮูหนิวเริ่มสูดจมูกฟุดฟิดอีกครั้ง “กลิ่นหอม!”

 

“มีสมุนไพรนิรันดร์อยู่แถวนี้งั้นรึ?” หลิงฮันเอ่ยถาม ความสามารถในการดมกลิ่นของ สาวน้อยผู้นี้นั้นน่ากึ่งหาใครเปรียบ

 

ซูหนิวเอียงหัวครุ่นคิด ก่อนจะกล่าว “น่าจะเป็นสมุนไพรนิรันดร์แต่มันค่อนข้างจะแปลกประหลาด”

 

“ตรงไหนกันที่แปลก?” หลิงฮันถาม

 

“หนิวก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่เอาเป็นว่ามันแปลกมากๆ”

 

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นก็ลองไปดูกัน”

 

เป็นซูหนิวที่ทําหน้าที่นําทาง หลังจากเดินไปได้พักหนึ่งหลิงฮันกับจักรพรรดินีก็เริ่ม ได้กลิ่นของสมุนไพรเช่นกัน

 

พวกเขาตามหาต้นของกลิ่น จนเวลาผ่านไปไม่นานก็มาถึงถ้ําลึกแห่งหนึ่ง

 

กลิ่นหอมของสมุนไพรลอยออกมาจากถ้ําแห่งนี้

 

“มีกลิ่นโลหิตอยู่ด้วย” ฮูหนิวทําจมูกฟุดฟิดอีกครั้งและเผยสีหน้าโหดเหี้ยมนางมีสัมผัสที่ไวต่อจิตสังหารเป็นอย่างมาก

 

หรือจะเป็นเพราะมีคนมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วและมีการต่อสู้แย่งชิงสมุนไพรนิรันดร์เกิดขึ้น? 

 

“ทุกคนระวังตัวด้วย” หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปในถ้ํา

 

พวกจักรพรรดินีเองก็เดินตามมาด้วย เพียงแต่หลังจากสํารวจรอบๆถ้ําแล้วกลับไม่พบอะไรเลย

 

กลิ่นของสมุนไพรยังอยู่ก็จริง แต่ภายในถ้ําไม่มีร่องรอยของสมุนไพรอยู่เลย

“บางทีอาจจะถูกใครเก็บไปแล้ว”

 

“ไปกันเถอะ”

 

ทั้งสี่คนส่ายหัว พวกเขากลับออกจากถ้ําและมุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขาต่อ

 

เมื่อพวกหลิงฮันหายไปจนไม่เห็นตัว ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากถ้ําร่างที่ว่าคือจีอูหมิง

 

ดวงตาของเขาส่องประกายและพึมพํา “ทั้งสี่คนมีแก่นกําเนิดนิรันดร์หากข้าดูดกลืนพวกมัน ได้ แก่นกําเนิดนิรันดร์ของข้าจะต้องยกระดับขึ้นอีกอย่างแน่นอนแต่น่าเสียดายที่สามในสี่คนนั้น ไม่ใช่คนที่จะจัดการด้วยได้ง่ายๆโดยเฉพาะสาวน้อยผู้นั้นที่น่าจะเป็นร่างกําเนิดใหม่ของสหายเก่า”

 

“ช่างมันก่อน ในที่นี้มีปลาให้จับอยู่เป็นฝูง เอาไว้ค่อยหาหนทางดูดกลิ่นแก่นกําเนิดนี้ รันดร์ของทั้งสี่คนภายหลังก็ได้”

 

“โอ้ มีเหยื่อมาอีกแล้ว!”

 

เขาเผยสีหน้าโหดเหี้ยม และค่อยๆ ล่าถอยกลับไปภายในถ้ําหลังจากนั้นกลิ่นของสมุนไพรก็ เริ่มแพร่กระจายออกมา

 

ชายที่เดินผ่านมาหยุดฝีเท้ามองไปยังถ้ํา ก่อนจะเผยสีหน้าดีใจ

 

คนผู้นี้คือจักรพรรดิอันดับที่สิบสามของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงพลังต่อสู้ของเขา นับว่าทรงพลังเป็นอย่างมาก

 

“ครืนน!”

 

หลังจากที่เขาเข้าไปได้ไม่นาน เสียงปะทะอันรุนแรงก็ดังออกมาจากภายในถ้ําแม้ภูเขาแห่งนี้ จะมีโครงสร้างที่ทนทานจนแม้แต่จักรพรรดิในระดับโลกียนิพพานก็ไม่สามารถทําลายทิ้งไว้ แต่การต่อสู้ก็ได้ก่อให้เกิดคลื่นพายุปะทุออกมาจากภายในถ้ํา

 

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในถ้ําก็กลับคืนสู้ความสงบจีอู่หมิงได้เดินออกมาพร้อมกับคราบโลหิตที่ติดอยู่ตรงมุมปาก

 

เขาแลบลิ้นออกมาเลียโลหิตที่ติดอยู่ และยิ้มอย่างพึงพอใจ“เหลือแก่นกําเนิดนิรันดร์อีกเพียงเก้าสรรพสิ่งกลืนสวรรค์ของข้าก็จะบรรลุจุดสูงสุด”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1965 พลังแห่งใจ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1965 พลังแห่งใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1965 พลังแห่งใจ

 

หนึ่งเดือนต่อมา ในที่สุดหลิงฮันก็หยุดไต่เขา

 

ไม่ใช่ว่าพวกเขาขึ้นมาถึงจุดบนสุดของยอดเขาแล้ว แต่ภูเขาได้เอียงเป็นพื้นเรียบทําให้ไม่จําเป็นต้องใช้มือปืนอีกต่อไป

 

สตรีทั้งสามปล่อยมืออย่างไม่เต็มใจ ในขณะที่หลิงฮันถอนหายใจและกล่าวออกมา “พวกเจ้าหนักไม่เบาเลยนะหากเป็นไปได้ในอนาคตก็ลดน้ําหนักเสียบ้าง”

 

แม้จะปีนขึ้นมาได้เร็ว ก็ไม่ได้หมายความว่าแรงกดดันที่เขาได้รับนั้นไม่หนักหน่วงแต่ เป็นจิตใจของเขาต่างหากที่ฝืนทนเอาไว้

 

สตรีคนไหนบ้างที่ชอบได้ยินคนตําหนิถึงน้ําหนักของพวกนาง?โดยเฉพาะหลิงฮันที่เป็นบุ รุษของพวกนางด้วยแล้วหลิงถูกสตรีทั้งสามคนล้อมรอบเอาไว้และทุบตีอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่ทั้งสี่คนถึงจะมุ่งหน้าเดินทางต่อ

 

ตรงบริเวณนี้ไม่มีทางเดินเป็นถนนภูเขาตามปกติ แต่ปรากฏเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยหินขรุขระแทน

 

แต่ทันใดนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเสียงร้องของนกกระเรียนดังขึ้น และพบเห็นร่างของนกกระเรียนตนหนึ่ง ได้กระพือปีกเหาะเหินอยู่ โดยที่ด้านหลังของมันมีคนผู้หนึ่งยืนอยู่ คนผู้นั้นเป็นชายชราที่คิ้วและหนวดเคราเป็นสีขาวโพลน กลิ่นอายรอบตัวของเขาเต็มไปด้วยความองอาจราวกับนักพรตผู้เป็นอมตะ ความเร็วของนกกระเรียนนั้นรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันกระพือปีกเพียงไม่กี่ครั้งร่างของมันก็หายไปยังยอดเขา

 

กลุ่มของหลิงฮันทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยความตกตะลึงนี่มันอะไรกัน? ในเขตแดนลี้ลับแห่งสวรรค์และปฐพีมีนกกระเรียนอยู่ได้อย่างไร?

 

“อะไรกัน!”

 

ทั้งสี่คนอุทานออกมาด้วยความตะลึงอีกครั้งเนื่องจากจู่ๆเส้นทางที่เป็นหินขรุขระก็หายไปและปรากฏทางเดินที่ทําจากหินหยกแห่งเต๋สีขาวขึ้นมาแทนทางเดินที่ว่านี้ลาดยาวขึ้นไปยังปลายยอดของภูเขา

 

แม้จะยืนอยู่จุดนี้ พวกหลิงฮันก็สามารถมองเห็นตําหนักที่ตั้งอยู่บนยอดเขาได้อย่างชัดเจนผนังของตําหนักเป็นสีทองแดงงดงามที่ปลดปล่อยกลิ่นอายอันองอาจเหนือพรรณนาออกมาตําหนักแห่งนี้ตั้งตระหง่านราวกับอยู่เหนือสวรรค์และห้วงเวลาแห่งยุคสมัย

 

พวกเขามองเห็นแม้แต่ผู้คนมากมายที่กําลังเดินอยู่บนทางเดินแต่ละกําลังเดินก้มหัวขึ้นไปยังยอดเขาอย่างเชื่องช้างราวกับเป็นผู้สักการะ

 

ทุกครั้งที่ผู้สักการะโค้งคํานับ ผนังทองแดงของตําหนักก็ราวกับส่องแสงสว่างขึ้นเล็กน้อยถึงแม้การเปลี่ยนแปลงนี้จะเบาบางจนแทบไม่มีทางสังเกตเห็นแต่พวกหลิงฮันที่เป็นจักรพรรดิหรือราชาในหมู่ราชาย่อมสัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงที่ว่าได้

 

“นั่นคือพลังแห่งใจ” ซูหนิวกล่าว “ความศรัทธาเองก็เป็นอํานาจประเภทหนึ่งโดยที่อํานาจประเภทนี้นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอันใดกับสวรรค์และปฐพีและเป็นอิสระต่ออํานาจแห่งเต๋อันยิ่งใหญ่ต่อให้พลังของผู้สักการะจะอ่อนแอแต่หากจิตใจของผู้คนหลายร้อยล้านคนเข้าด้วยกันย่อมเกิดเป็นพลังที่ทรงอํานาจ”

 

หลิงอันพยักหน้า “ก็เหมือนกับอํานาจแห่งจักรภพงั้นสินะ?”

 

“อํานาจทั้งสองต่างกัน อํานาจแห่งจักรภพนั้นจําเป็นต้องก่อตั้งจักรวรรดิขึ้นมาก่อน และใช้ธงสัญลักษณ์เป็นตัวกลางเพื่อรวมพลังของทุกคน” ฮูหนิวส่ายหัว ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดของขุมอํานาจที่ยิ่งใหญ่ และมีตราประทับสืบทอดของราชานิรันดร์อยู่ในร่าง ความเข้าใจของนางย่อมสูงส่งเป็นอย่างมาก

 

“อํานาจของความศรัทธานั้นอยู่สูงกว่าอํานาจแห่งจักรภพมากเนื่องจากพลังที่ได้รับจะมาจากความเชื่อที่มากน้อยของแต่ละคน

 

“เพียงแค่อํานาจศรัทธาเองก็มีจุดอ่อนเช่นกันหากเกิดกรณีที่ผู้สักการะหมดความศรัทธาขึ้นมา” ซูหนิวหยุดพูดไปครู่หนึ่ง “ผู้สักการะนั้นจะนําปัญหามาขอความช่วยเหลืออยู่ตลอด ถ้าหาก ไม่ได้รับการตอบรับความศรัทธาของผู้สักการะก็จะหมดไป”

 

หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ถ้าเช่นนั้นที่นี่ก็คงเคยเป็นสถานที่ทําพิธีของราชานิรันดร์มาก่อน แต่วันหนึ่งทุกอย่างก็ล่มสลาย และกลายเป็นหุบเขาสามบุปผาในเวลาต่อมา

 

“ถ้าเช่นนั้น สิ่งที่เห็นเหล่านี้ก็สมควรเป็นภาพลวงตามันคือภาพยุคสมัยแห่งความรุ่ง โรจน์ของสถานที่จัดพิธีกรรมของราชานิรันดร์ที่ถูกทิ้งไว้”ธิดาโร่วเอ่ยแทรก

 

ในขณะที่ทั้งสี่กําลังคุยกัน จู่ๆ ทิวทัศน์ของเส้นทางภูเขาอันงดงามและเหล่าผู้สักการะก็หายไปเพราะอย่างไรพวกมันก็เป็นเพียงเศษเสี้ยวความทรงจําแห่งประวัติศาสตร์เท่านั้น

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนถอนหายใจเบาๆ ในอดีตกาล เจ้าของสถานที่แห่งนี้เคยเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเจ็ดเป็นอย่างน้อย ตามหลักแล้วเขาสมควรเป็นนิรันดร์ที่เป็นอมตะอย่างแท้จริง แต่ตอนนี้กลับต้องมาหายสาบสูญไปจากหน้าประวัติศาสตร์โดยที่ไม่มีใครรับรู้เลยแม้แต่คนเดียว

 

“หึม!” ฮูหนิวเริ่มสูดจมูกฟุดฟิดอีกครั้ง “กลิ่นหอม!”

 

“มีสมุนไพรนิรันดร์อยู่แถวนี้งั้นรึ?” หลิงฮันเอ่ยถาม ความสามารถในการดมกลิ่นของ สาวน้อยผู้นี้นั้นน่ากึ่งหาใครเปรียบ

 

ซูหนิวเอียงหัวครุ่นคิด ก่อนจะกล่าว “น่าจะเป็นสมุนไพรนิรันดร์แต่มันค่อนข้างจะแปลกประหลาด”

 

“ตรงไหนกันที่แปลก?” หลิงฮันถาม

 

“หนิวก็ไม่รู้จะพูดอย่างไรดี แต่เอาเป็นว่ามันแปลกมากๆ”

 

หลิงฮันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “งั้นก็ลองไปดูกัน”

 

เป็นซูหนิวที่ทําหน้าที่นําทาง หลังจากเดินไปได้พักหนึ่งหลิงฮันกับจักรพรรดินีก็เริ่ม ได้กลิ่นของสมุนไพรเช่นกัน

 

พวกเขาตามหาต้นของกลิ่น จนเวลาผ่านไปไม่นานก็มาถึงถ้ําลึกแห่งหนึ่ง

 

กลิ่นหอมของสมุนไพรลอยออกมาจากถ้ําแห่งนี้

 

“มีกลิ่นโลหิตอยู่ด้วย” ฮูหนิวทําจมูกฟุดฟิดอีกครั้งและเผยสีหน้าโหดเหี้ยมนางมีสัมผัสที่ไวต่อจิตสังหารเป็นอย่างมาก

 

หรือจะเป็นเพราะมีคนมาถึงที่นี่ก่อนหน้านี้แล้วและมีการต่อสู้แย่งชิงสมุนไพรนิรันดร์เกิดขึ้น? 

 

“ทุกคนระวังตัวด้วย” หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปในถ้ํา

 

พวกจักรพรรดินีเองก็เดินตามมาด้วย เพียงแต่หลังจากสํารวจรอบๆถ้ําแล้วกลับไม่พบอะไรเลย

 

กลิ่นของสมุนไพรยังอยู่ก็จริง แต่ภายในถ้ําไม่มีร่องรอยของสมุนไพรอยู่เลย

“บางทีอาจจะถูกใครเก็บไปแล้ว”

 

“ไปกันเถอะ”

 

ทั้งสี่คนส่ายหัว พวกเขากลับออกจากถ้ําและมุ่งหน้าขึ้นไปยังยอดเขาต่อ

 

เมื่อพวกหลิงฮันหายไปจนไม่เห็นตัว ร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวออกมาจากถ้ําร่างที่ว่าคือจีอูหมิง

 

ดวงตาของเขาส่องประกายและพึมพํา “ทั้งสี่คนมีแก่นกําเนิดนิรันดร์หากข้าดูดกลืนพวกมัน ได้ แก่นกําเนิดนิรันดร์ของข้าจะต้องยกระดับขึ้นอีกอย่างแน่นอนแต่น่าเสียดายที่สามในสี่คนนั้น ไม่ใช่คนที่จะจัดการด้วยได้ง่ายๆโดยเฉพาะสาวน้อยผู้นั้นที่น่าจะเป็นร่างกําเนิดใหม่ของสหายเก่า”

 

“ช่างมันก่อน ในที่นี้มีปลาให้จับอยู่เป็นฝูง เอาไว้ค่อยหาหนทางดูดกลิ่นแก่นกําเนิดนี้ รันดร์ของทั้งสี่คนภายหลังก็ได้”

 

“โอ้ มีเหยื่อมาอีกแล้ว!”

 

เขาเผยสีหน้าโหดเหี้ยม และค่อยๆ ล่าถอยกลับไปภายในถ้ําหลังจากนั้นกลิ่นของสมุนไพรก็ เริ่มแพร่กระจายออกมา

 

ชายที่เดินผ่านมาหยุดฝีเท้ามองไปยังถ้ํา ก่อนจะเผยสีหน้าดีใจ

 

คนผู้นี้คือจักรพรรดิอันดับที่สิบสามของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงพลังต่อสู้ของเขา นับว่าทรงพลังเป็นอย่างมาก

 

“ครืนน!”

 

หลังจากที่เขาเข้าไปได้ไม่นาน เสียงปะทะอันรุนแรงก็ดังออกมาจากภายในถ้ําแม้ภูเขาแห่งนี้ จะมีโครงสร้างที่ทนทานจนแม้แต่จักรพรรดิในระดับโลกียนิพพานก็ไม่สามารถทําลายทิ้งไว้ แต่การต่อสู้ก็ได้ก่อให้เกิดคลื่นพายุปะทุออกมาจากภายในถ้ํา

 

เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง ภายในถ้ําก็กลับคืนสู้ความสงบจีอู่หมิงได้เดินออกมาพร้อมกับคราบโลหิตที่ติดอยู่ตรงมุมปาก

 

เขาแลบลิ้นออกมาเลียโลหิตที่ติดอยู่ และยิ้มอย่างพึงพอใจ“เหลือแก่นกําเนิดนิรันดร์อีกเพียงเก้าสรรพสิ่งกลืนสวรรค์ของข้าก็จะบรรลุจุดสูงสุด”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+