Alchemy Emperor of the Divine Dao 1972 เบื้องลึก

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1972 เบื้องลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1972 เบื้องลึก

 

หลิงฮันเค้นเสียง และกวัดแกว่งดาบโจมตีใส่จี่อู๋หมิง

 

ตอนนี้แม้กระทั่งซูหย่าหรงก็กําลังไล่ตามจี่อู๋หมิงอยู่เช่นกัน เขาจึงไม่มีใครมาคอยขัดขวาง

 

“เจ้าหนู ยังไม่ถึงคราวของเจ้า!” จี่อู๋หมิงเคลื่อนไหวร่างหลบหลีกราวกับปลาแหวกว่ายน้ํา ที่ ไม่ว่าคลื่นน้ําจะรุนแรงแค่ไหน เขาก็สามารถผ่านไปได้อย่างลื่นไหล

 

พลังของหลิงฮันยังฟื้นฟูกลับมาไม่เต็มที่ เขาจึงไม่อาจหยุดยั้งจี่อู๋หมิงได้ และทําได้เพียงมองอีก ฝ่ายกลืนกินราชาในหมู่ราชา ของอาณาเขตสวรรค์ไต่อันไปที่ละคน

 

“ในร่างเจ้ามีสิ่งที่ข้าต้องการอยู่” จี่อู๋หมิงหยุดเคลื่อนไหวและมองไปยังหลิงฮัน “เพียงแต่อาหารจานหลักเช่นเจ้านั้น ก็เก็บไว้กินท้ายสุดถึงจะอร่อย”

 

จากคําพูดนี้ อีกฝ่ายต้องสัมผัสถึงแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี อย่างวารีพลังหยิน เร้นลับและเพลิงเก้าสวรรค์ได้เป็นแน่ แต่ประเด็นก็คือจอมยุทธระดับห้านิพพาน จะมีสัมผัสสวรรค์ที่เฉียบคมขนาดนั้นได้อย่างไร?

 

จี่อู๋หมิงคือใครกันแน่?

 

หากหลิงฮันได้ยินบทสนทนา ระหว่างถังหมิงหลงกับจี่อู๋หมิง เขาจะต้องเข้าใจถึงเหตุการณ์นั้นได้ทันที อีกฝ่ายนั้นไม่ใช่จอมยุทธทั่วไป แต่เป็นถึงร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า เพราะงั้นจะเป็นเรื่องแปลกอะไร หากอีกฝ่ายจะมีความสามารถที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะ?

 

หลิงฮัน จักพรรดินี ฮูหนิว และซูหย่าหรงทําการไล่ตามจี่อู๋หมิง

 

เมื่อทั้งสี่คนร่วมมือกัน ย่อมเป็นการรวมกลุ่มกันที่ไร้เทียมทานที่สุดในระดับโลกียนิพพาน

 

แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้น แต่จี่อู๋หมิงก็เลือกที่จะไม่ปะทะกับทั้งสี่คน และเคลื่อนไหวร่างกายไปกลืนกินจอมยุทธคนอื่นๆ

 

ร่างของเขาเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลราวกับปลา และเป็นอิสระจากการโจมตีของทั้งสี่คน แม้จะมีบางครั้งที่ไม่สามารถหลบการโจมตีพ้น แต่เขาก็นําคันธนูขึ้นมาปัดป้องสลายการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนทําได้เพียงไล่ตามหลังจี่อู๋หมิง และสัมผัสโดนตัวอีกฝ่ายไม่ได้แม้ปลายนิ้ว

 

หลิงฮันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรีบนําธิดาโร่วเข้าไปยังหอคอยทมิฬ

 

ทั้งๆที่เป็นจักรพรรดิในระดับห้านิพพานเหมือนกันแท้ๆ แต่จี่อู๋หมิงกลับหยอกล้อจักรพรรดิถึงสี่คนได้ ราวกับเป็นลูกไก่ในกํามือ

 

หลิงฮันโจมตีช้าลง และตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวจี่อู๋หมิงอย่างถี่ถ้วน

 

ระดับพลังของจี่อู๋หมิงนั้นเท่ากับพวกเขาก็จริง แต่ความเชี่ยวชาญในการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายนั้น บรรลุไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว เพราะงั้นอีกฝ่ายถึงได้สามารถหลบหลีกการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

แต่ถึงแม้หลิงฮันจะรู้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถทําอะไร แต่ได้แต่ไล่ตามหลังอีกฝ่ายไป

 

ความเข้าใจในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์นั้น จําเป็นต้องใช้ระยะเวลามากมายนับไม่ถ้วนในการฝึกฝน

 

เขาลองมองไปยังการเพลิงชีวิตของจี่อู๋หมิง และพบว่าอายุของอีกฝ่ายอยู่ที่ราวๆหนึ่งหมื่นปี ซึ่งไม่ได้แตกต่างไปจากเขามากนัก ทั้งที่เป็ดแบบนั้น แต่ความเชี่ยวชาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของพวกเขา กลับแตกต่างกันราวกับอยู่คนละโลก

 

หลิงฮันไม่อาจยอมรับได้ จะบอกว่ามีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็บรรลุจุดสูงสุดของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่คนอื่นๆต้องใช้เวลาถึงหลายร้อยล้านถึงหลายหมื่นล้านปีได้งั้นรึ?

 

ยังคงย้ําคําเดิมว่า หากหลิงฮันรู้ว่าในชีวิตที่แล้วจี่อู๋หมิงเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเก้า เขาจะเข้าใจได้ในทันที

 

สถานการณ์ดําเนินไปต่อ โดยที่ตอนนี้ผู้เหลือรอดมีเพียงจักรพรรดิอย่างเอี้ยนเซียนลู่ซานถงและเหลาซงเท่านั้น เมื่อไม่จําเป็นต้องรับมือกับจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงแล้ว ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาก็ยังพอรับมือกับจี่อู๋หมิงได้สองสามกระบวนท่า

 

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง นอกจากจี่อู๋หมิงแล้ว ผู้รอดชีวิตก็เหลืออยู่เพียงเจ็ดคน ซึ่ง ทั้งหมดคือจักรพรรดิ

 

“พอแล้ว”จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างไม่แยแส “พวกเจ้าไม่อาจทําอะไรข้าได้อยู่แล้ว ซึ่งข้าก็ไม่อยากสิ้นเปลืองไพ่ลับไปกับพวกเจ้าเช่นกัน ทําไมพวกเราไม่มานั่งทําความเข้าใจแก่นแท้แห่งเต๋าด้วยกันล่ะ?”

 

“อย่าได้เพ้อฝัน!” ซูหย่าหรงคํารามและกระหน่ําโจมตี

 

จิตวิญญาณของหลิงฮันเองก็ลุกโชนเช่นกัน คู่ต่อสู้เช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ถ้าหากเขาประมือกับจี่อู๋หมิง ผลลัพธ์ประโยชน์ที่ได้รับย่อมมากมายมหาศาล เนื่องจากในด้านของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์อีกฝ่ายเรียกได้ว่าอยู่ในระดับของปรมาจารย์

 

พวกเอี้ยนเซียนอู่ทั้งสามคนเองก็ร่วมมือช่วยกันโจมตีจี่อู๋หมิง แต่ถึงแม้จักรพรรดิถึงเจ็ดคนจะร่วมมือกัน จี่อู๋หมิงก็ยังมีท่าทีสงบนิ่ง และหาจังหวะโจมตีสร้างภัยคุกคามให้กับซานจี้กง และเหลาซึ่งได้

 

ในหมู่จักรพรรดิเจ็ดคน ทั้งสองคือจักรพรรดิที่อ่อนแอที่สุด จึงยากที่จะรับมือกับจี่อู๋หมิงได้

 

เพียงแต่จี่อู๋หมิงผู้นี้ก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้อย่างแท้จริง การลงมือแต่ละครั้งของเขานับว่าเฉียบคมมาก แม้สมองจะไม่สั่งการว่าต้องสู้อย่างไร ร่างกายของเขาก็ตอบโต้กลับไปได้ด้วยตัวเอง

 

หลิงฮันยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

 

“ข้าน่ะรึ? ก็แค่จอมยุทธไร้นามที่ไม่มีความสําคัญอะไร” จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างไม่แยแส “ขอกล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้าย พวกเจ้าจะหยุดแค่นี้หรือไม่?”

 

หลิงฮันเป็นคนแรกที่หยุดมือ ถึงแม้เขาจะอยากโค่นล้มจี่อู๋หมิงสักแค่ไหน ก็คงไม่อาจทําอะไรอีกฝ่ายได้ แต่แน่นอนว่าหากเป็นการปะทะตัวต่อตัวล่ะก็ เขาไม่มีทางหวาดกลัวอย่างแน่นอน ประการแรกคือจี่อู๋หมิงจะสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขามาได้งั้นรึ?

 

นอกจากนั้นเขาก็ยังสามารถ ปลดปล่อยอํานาจอันไร้เทียมทานของเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับได้อีก

 

ที่สําคัญสุดเลยคือตัวเขาในตอนนี้ ยังฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมายังได้ไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ํา แถมเขาก็ยังไม่ได้ยืมพลังของหอคอยทมิฬมาใช้ด้วย

 

เมื่อหลิงฮันหยุดมือ จักรพรรดินีและฮูหนิวเองก็หยุดมือตาม ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่สบอารมณ์ก็ตามที ต่อนางพวกนาง พวกอู่เซียนอู่ทั้งสามคนเองก็หยุดมือด้วย โดยในตอนนี้มีเพียงซูหย่าหรงเพียงคนเดียว ที่ยังคงโจมตีจี่อู๋หมิงอย่างเกรี้ยวกราด

 

“เบื้องล่างภูเขาชิงเฟิงอสูรกระต่ายกําลังตาปรือ ด้านข้างสายน้ําอสนีมังกรกําลังสําแดงอํานาจ” จู่ๆจี่อู๋หมิงก็กล่าวพร่ําเพ้อออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

“จะ… จะ… เจ้า” สีหน้าของซูหย่าหรงเปลี่ยนไป และหยุดมือในทันที แม้กระทั่งร่างกาย นางก็ยังสั่นเพิ่มด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่เกินจะพรรณนา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1972 เบื้องลึก

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1972 เบื้องลึก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1972 เบื้องลึก

 

หลิงฮันเค้นเสียง และกวัดแกว่งดาบโจมตีใส่จี่อู๋หมิง

 

ตอนนี้แม้กระทั่งซูหย่าหรงก็กําลังไล่ตามจี่อู๋หมิงอยู่เช่นกัน เขาจึงไม่มีใครมาคอยขัดขวาง

 

“เจ้าหนู ยังไม่ถึงคราวของเจ้า!” จี่อู๋หมิงเคลื่อนไหวร่างหลบหลีกราวกับปลาแหวกว่ายน้ํา ที่ ไม่ว่าคลื่นน้ําจะรุนแรงแค่ไหน เขาก็สามารถผ่านไปได้อย่างลื่นไหล

 

พลังของหลิงฮันยังฟื้นฟูกลับมาไม่เต็มที่ เขาจึงไม่อาจหยุดยั้งจี่อู๋หมิงได้ และทําได้เพียงมองอีก ฝ่ายกลืนกินราชาในหมู่ราชา ของอาณาเขตสวรรค์ไต่อันไปที่ละคน

 

“ในร่างเจ้ามีสิ่งที่ข้าต้องการอยู่” จี่อู๋หมิงหยุดเคลื่อนไหวและมองไปยังหลิงฮัน “เพียงแต่อาหารจานหลักเช่นเจ้านั้น ก็เก็บไว้กินท้ายสุดถึงจะอร่อย”

 

จากคําพูดนี้ อีกฝ่ายต้องสัมผัสถึงแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี อย่างวารีพลังหยิน เร้นลับและเพลิงเก้าสวรรค์ได้เป็นแน่ แต่ประเด็นก็คือจอมยุทธระดับห้านิพพาน จะมีสัมผัสสวรรค์ที่เฉียบคมขนาดนั้นได้อย่างไร?

 

จี่อู๋หมิงคือใครกันแน่?

 

หากหลิงฮันได้ยินบทสนทนา ระหว่างถังหมิงหลงกับจี่อู๋หมิง เขาจะต้องเข้าใจถึงเหตุการณ์นั้นได้ทันที อีกฝ่ายนั้นไม่ใช่จอมยุทธทั่วไป แต่เป็นถึงร่างกําเนิดใหม่ของราชานิรันดร์ระดับเก้า เพราะงั้นจะเป็นเรื่องแปลกอะไร หากอีกฝ่ายจะมีความสามารถที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะ?

 

หลิงฮัน จักพรรดินี ฮูหนิว และซูหย่าหรงทําการไล่ตามจี่อู๋หมิง

 

เมื่อทั้งสี่คนร่วมมือกัน ย่อมเป็นการรวมกลุ่มกันที่ไร้เทียมทานที่สุดในระดับโลกียนิพพาน

 

แม้ความจริงจะเป็นเช่นนั้น แต่จี่อู๋หมิงก็เลือกที่จะไม่ปะทะกับทั้งสี่คน และเคลื่อนไหวร่างกายไปกลืนกินจอมยุทธคนอื่นๆ

 

ร่างของเขาเคลื่อนไหวได้ลื่นไหลราวกับปลา และเป็นอิสระจากการโจมตีของทั้งสี่คน แม้จะมีบางครั้งที่ไม่สามารถหลบการโจมตีพ้น แต่เขาก็นําคันธนูขึ้นมาปัดป้องสลายการโจมตีได้อย่างง่ายดาย

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนทําได้เพียงไล่ตามหลังจี่อู๋หมิง และสัมผัสโดนตัวอีกฝ่ายไม่ได้แม้ปลายนิ้ว

 

หลิงฮันไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องรีบนําธิดาโร่วเข้าไปยังหอคอยทมิฬ

 

ทั้งๆที่เป็นจักรพรรดิในระดับห้านิพพานเหมือนกันแท้ๆ แต่จี่อู๋หมิงกลับหยอกล้อจักรพรรดิถึงสี่คนได้ ราวกับเป็นลูกไก่ในกํามือ

 

หลิงฮันโจมตีช้าลง และตรวจสอบทุกการเคลื่อนไหวจี่อู๋หมิงอย่างถี่ถ้วน

 

ระดับพลังของจี่อู๋หมิงนั้นเท่ากับพวกเขาก็จริง แต่ความเชี่ยวชาญในการใช้อํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของอีกฝ่ายนั้น บรรลุไปจนถึงระดับสูงสุดแล้ว เพราะงั้นอีกฝ่ายถึงได้สามารถหลบหลีกการโจมตีของพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

แต่ถึงแม้หลิงฮันจะรู้เช่นนี้แล้ว ก็ไม่สามารถทําอะไร แต่ได้แต่ไล่ตามหลังอีกฝ่ายไป

 

ความเข้าใจในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์นั้น จําเป็นต้องใช้ระยะเวลามากมายนับไม่ถ้วนในการฝึกฝน

 

เขาลองมองไปยังการเพลิงชีวิตของจี่อู๋หมิง และพบว่าอายุของอีกฝ่ายอยู่ที่ราวๆหนึ่งหมื่นปี ซึ่งไม่ได้แตกต่างไปจากเขามากนัก ทั้งที่เป็ดแบบนั้น แต่ความเชี่ยวชาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ของพวกเขา กลับแตกต่างกันราวกับอยู่คนละโลก

 

หลิงฮันไม่อาจยอมรับได้ จะบอกว่ามีอัจฉริยะระดับสัตว์ประหลาด ที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่ปีก็บรรลุจุดสูงสุดของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ที่คนอื่นๆต้องใช้เวลาถึงหลายร้อยล้านถึงหลายหมื่นล้านปีได้งั้นรึ?

 

ยังคงย้ําคําเดิมว่า หากหลิงฮันรู้ว่าในชีวิตที่แล้วจี่อู๋หมิงเป็นถึงราชานิรันดร์ระดับเก้า เขาจะเข้าใจได้ในทันที

 

สถานการณ์ดําเนินไปต่อ โดยที่ตอนนี้ผู้เหลือรอดมีเพียงจักรพรรดิอย่างเอี้ยนเซียนลู่ซานถงและเหลาซงเท่านั้น เมื่อไม่จําเป็นต้องรับมือกับจอมยุทธของอาณาเขตสวรรค์กว่างลงแล้ว ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาก็ยังพอรับมือกับจี่อู๋หมิงได้สองสามกระบวนท่า

 

หลังจากเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมง นอกจากจี่อู๋หมิงแล้ว ผู้รอดชีวิตก็เหลืออยู่เพียงเจ็ดคน ซึ่ง ทั้งหมดคือจักรพรรดิ

 

“พอแล้ว”จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างไม่แยแส “พวกเจ้าไม่อาจทําอะไรข้าได้อยู่แล้ว ซึ่งข้าก็ไม่อยากสิ้นเปลืองไพ่ลับไปกับพวกเจ้าเช่นกัน ทําไมพวกเราไม่มานั่งทําความเข้าใจแก่นแท้แห่งเต๋าด้วยกันล่ะ?”

 

“อย่าได้เพ้อฝัน!” ซูหย่าหรงคํารามและกระหน่ําโจมตี

 

จิตวิญญาณของหลิงฮันเองก็ลุกโชนเช่นกัน คู่ต่อสู้เช่นนี้หาได้ยากยิ่ง ถ้าหากเขาประมือกับจี่อู๋หมิง ผลลัพธ์ประโยชน์ที่ได้รับย่อมมากมายมหาศาล เนื่องจากในด้านของอํานาจแห่งกฎเกณฑ์อีกฝ่ายเรียกได้ว่าอยู่ในระดับของปรมาจารย์

 

พวกเอี้ยนเซียนอู่ทั้งสามคนเองก็ร่วมมือช่วยกันโจมตีจี่อู๋หมิง แต่ถึงแม้จักรพรรดิถึงเจ็ดคนจะร่วมมือกัน จี่อู๋หมิงก็ยังมีท่าทีสงบนิ่ง และหาจังหวะโจมตีสร้างภัยคุกคามให้กับซานจี้กง และเหลาซึ่งได้

 

ในหมู่จักรพรรดิเจ็ดคน ทั้งสองคือจักรพรรดิที่อ่อนแอที่สุด จึงยากที่จะรับมือกับจี่อู๋หมิงได้

 

เพียงแต่จี่อู๋หมิงผู้นี้ก็เชี่ยวชาญในการต่อสู้อย่างแท้จริง การลงมือแต่ละครั้งของเขานับว่าเฉียบคมมาก แม้สมองจะไม่สั่งการว่าต้องสู้อย่างไร ร่างกายของเขาก็ตอบโต้กลับไปได้ด้วยตัวเอง

 

หลิงฮันยิ่งรู้สึกสงสัยมากขึ้นกว่าเดิม “เจ้าเป็นใครกันแน่?”

 

“ข้าน่ะรึ? ก็แค่จอมยุทธไร้นามที่ไม่มีความสําคัญอะไร” จี่อู๋หมิงกล่าวอย่างไม่แยแส “ขอกล่าวเตือนเป็นครั้งสุดท้าย พวกเจ้าจะหยุดแค่นี้หรือไม่?”

 

หลิงฮันเป็นคนแรกที่หยุดมือ ถึงแม้เขาจะอยากโค่นล้มจี่อู๋หมิงสักแค่ไหน ก็คงไม่อาจทําอะไรอีกฝ่ายได้ แต่แน่นอนว่าหากเป็นการปะทะตัวต่อตัวล่ะก็ เขาไม่มีทางหวาดกลัวอย่างแน่นอน ประการแรกคือจี่อู๋หมิงจะสามารถทะลวงผ่านการป้องกันของเขามาได้งั้นรึ?

 

นอกจากนั้นเขาก็ยังสามารถ ปลดปล่อยอํานาจอันไร้เทียมทานของเพลิงเก้าสวรรค์และวารีพลังหยินเร้นลับได้อีก

 

ที่สําคัญสุดเลยคือตัวเขาในตอนนี้ ยังฟื้นฟูพลังต่อสู้กลับมายังได้ไม่เต็มที่เลยด้วยซ้ํา แถมเขาก็ยังไม่ได้ยืมพลังของหอคอยทมิฬมาใช้ด้วย

 

เมื่อหลิงฮันหยุดมือ จักรพรรดินีและฮูหนิวเองก็หยุดมือตาม ถึงแม้ว่าพวกนางจะไม่สบอารมณ์ก็ตามที ต่อนางพวกนาง พวกอู่เซียนอู่ทั้งสามคนเองก็หยุดมือด้วย โดยในตอนนี้มีเพียงซูหย่าหรงเพียงคนเดียว ที่ยังคงโจมตีจี่อู๋หมิงอย่างเกรี้ยวกราด

 

“เบื้องล่างภูเขาชิงเฟิงอสูรกระต่ายกําลังตาปรือ ด้านข้างสายน้ําอสนีมังกรกําลังสําแดงอํานาจ” จู่ๆจี่อู๋หมิงก็กล่าวพร่ําเพ้อออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

 

“จะ… จะ… เจ้า” สีหน้าของซูหย่าหรงเปลี่ยนไป และหยุดมือในทันที แม้กระทั่งร่างกาย นางก็ยังสั่นเพิ่มด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่เกินจะพรรณนา

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+