Alchemy Emperor of the Divine Dao 1983 ยกระดับในศาสตร์ปรุงยา

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1983 ยกระดับในศาสตร์ปรุงยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1983 ยกระดับในศาสตร์ปรุงยา

 

ที่ทางเข้าหุบเขาไม่มีราชานิรันดร์เฝ้าคอยอยู่

 

เขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีการเข้าร่วมอย่างเป็นวงกว้าง ที่แม้แต่ผู้สืบทอดของราชานิรันดร์ระดับแปด อย่างเอี๋ยนเซียนอู่ก็ยังเข้าร่วมด้วย เพราะงั้นแทนที่ราชานิรันดร์จะมาคอยคุ้มครองรุ่นเยาว์ด้วยตนเอง พวกเขาจึงเลือกที่จะมอบไพ่ลับสําหรับรักษาชีวิต ให้เหล่ารุ่นเยาว์ของตนเองแทน

 

ซึ่งความจริงย่อมเป็นเช่นนั้น ราชาในหมู่ราชาหรือจักรพรรดิหลายคน ต้องมีไพ่ลับที่ราชานิรันดร์มอบเอาไว้ให้อยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาพบเจอ กับสัตว์ประหลาดอย่างจี่อู่หมิง ที่ไฟลับเหล่านั้นไม่สามารถใช้งานได้ พวกเขาจึงถูกสังหารอย่างง่ายดาย

 

เพราะงั้นในการเดินทางเข้าเขตแดนลี้ลับครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง หรือ อาณาเขตสวรรค์ไต่อัน ต่างก็ยังรับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเทียบกันแล้วความสูญเสียของทางฝั่งของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งนั้นรุนแรงยิ่งกว่า

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนส่ายหัวถอนหายใจ ก่อนจะเดินทางออกจากหุบเขา เพื่อกลับสู่ถิ่นฐานของตนเอง

 

แน่นอนว่าสถานที่ที่พวกเขาจะกลับคือเมืองวิถีโอสถ

 

แม้การเดินทางกลับเมืองวิถีโอสถจะกินเวลานาน แต่พวกหลิงฮันก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ในระหว่างการเดินทาง มีหลายครั้งที่พวกเขาเข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อฝึกฝน ด้วยความช่วยเหลือของต้นสังสารวัฏ ทั้งพัฒนาการของพวกเขา และวันเวลาได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จนพวกเขากลับมาถึงเมืองวิถีโอสถในสิบปีต่อมา

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนมีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม

หลิงฮัน จักรพรรดินี และฮูหนิวต่างขัดเกลาพลังในระดับห้านิพพานจนถึงขั้นสมบูรณ์ และมีความก้าวหน้าในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์อย่างน่าอัศจรรย์ แถมยังซึมซับแก่นแท้แห่งเต๋าทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ในส่วนของทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์นั้น พวกเขาเองก็ใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญแล้วเช่นกัน ยิ่งพวกเขาชํานาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารมากขึ้น ทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์ก็จะยิ่งทรงพลังขึ้น อย่างไม่มีขีดจํากัด

 

ส่วนทางด้านของธิดาโรวนั้น นางด้อยกว่าทั้งสามอยู่บางส่วน แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงราชาในหมู่ราชาชั้นแนวหน้า เมื่อทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณไปแล้ว แม้ความต่างชั้นในพลังต่อสู้ของนางกับพวกหลิงฮันจะยังมีอยู่ แต่ความต่างที่ว่าก็จะลดลงมาหลายเท่า อย่างนั้นเมื่อถึงตอนนั้นนางก็คงไม่ถูกกําราบอย่างสมบูรณ์อีกต่อไป แต่สามารถรับมือตอบโต้ได้บ้าง

 

มีเพียงสตรีนกอมตะที่ยังคงไม่มีการพัฒนาใดๆ แต่โชคยังดีที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งนั้นมีอายุขัยที่ยาวนาน นางจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอายุขัย

 

กลุ่มของพวกเขาทั้งห้าคนทําตัวไม่โดดเด่น และกลับเข้าเมืองวิถีโอสถอย่างเงียบๆ โดยที่แทบไม่มีใครรับรู้เลย ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ออกไปจากเมืองนี้แม้แต่ก้าวเดียว

 

หลิงฮันมุ่งหน้าไปหาปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นอันดับแรก และเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ระหว่างการเดินทางให้ฟัง ซึ่งนั่นทําให้ปรมาจารย์จื่อเฉิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก

เหตุใดศิษย์ผู้นี้ถึงได้เป็นตัวสร้างปัญหาขนาดนี้?

 

การที่สังหารจักรพรรดิที่เป็นผู้สืบทอด ของราชานิรันดร์ระดับห้า ระดับหก ระดับเจ็ด หรีอระดับแปดลงไป มีรีที่เรื่องนี้จะสะสางได้ง่ายๆ เหมือนกับคราวของตําหนักเมฆาอัสนีกับตระกูลจื่อเหอที่เป็นราชานิรันดร์ระดับหนึ่งก่อนหน้านี้?

 

โชคยังดีที่เบื้องหลังฮันยังมีตําหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่

 

ขุมอํานาจนี้ไม่ใช่ขุมอํานาจราชานิรันดร์ทั่วไป แต่เป็นถึงขุมอํานาจที่มีราชานิรันดร์ระดับเก้า ซึ่งเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนแห่งเซียนปกครองอยู่!

 

ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่ตําหนิอะไรหลิงฮันในเรื่องนี้ และจะพยายามฝึกฝนหลิงฮันให้บรรลุ เป็นนักปรุงยาระดับห้าให้ได้ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นหลิงฮันจะมีสถานะทัดเทียมได้กับราชานิรันดร์ และต่อให้เป็นราชานิรันดร์ระดับสูงก็ต้องยอมไว้หน้า

 

หลิงฮันกลับที่พักของตน และเริ่มมุ่งมั่นฝึกฝนศาสตร์ปรุงยา

 

ตัวเขาในตอนนี้ติดอยู่ที่คอขวดของศาสตร์วรยุทธแล้ว โดยที่หากเขาต้องการจะทะลวงผ่านระดับแบกวิญญาณล่ะก็ เขาต้องไปยังสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง

 

อย่างเขากับจักรพรรดินีนั้น หากพวกเขาจะทะลวงผ่านไปยังระดับตัดวิญญาณหยางล่ะก็ พวกเขาจําเป็นต้องไปยังสถานที่ที่เรียกว่ามหาสมุทรวิญญาณหยาง

 

ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกนั้น มีมหาสมุทรวิญญาณหยางมากกว่าหนึ่งแห่ง และมหาสมุทรวิญญาณหยางที่ใกล้กับอาณาเขตสวรรค์ไต่อันที่สุด ก็เป็นสถานที่ที่อาณาเขตสวรรค์เจ็ดแห่งใช้ร่วม ทุกครั้งที่มหาสมุทรวิญญาณหยางเปิดออก จอมยุทธระดับโลกียนิพพานสูงสุดมากมาย จะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อพยายามทะลวงผ่าน ระดับแบ่งแยกวิญญาณ

 

แต่ปัญหาคือมหาสมุทรวิญญาณหยาง จะเปิดออกในทุกๆหนึ่งร้อยล้านปีเท่านั้น หลิงฮันถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ต้องรออีกเพียงสามร้อยปีเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นหากพลาดหาสมุทรวิญญาณหยางนี้ไปล่ะก็ เขาคงต้องออกจากอาณาเขตสวรรค์ไม่อัน ไปตามหาสมุทรวิญญาณหยางอันที่กําลังจะเปิดออก หรือไม่ก็รอไปอีกหลายล้านปี ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีความอดทนถึงขนาดนั้น

 

เพียงแค่สามร้อยปี เขายังรอไหว

 

เขาทําความเข้าใจภายใต้ต้นสังสารวัฏอย่างไม่หยุดหย่อน และฝึกหลอมเม็ดยาหอคอยทมิฬ

 

เมื่อเวลาของโลกภายนอกผ่านไปเจ็ดสิบปี และภายในหอคอยทมิฬผ่านไปแล้วเก้าหมื่นปี หลิงฮันก็ก้าวผ่านขั้นตอนสําคัญ และบรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวได้ในที่สุด

 

ความสําเร็จที่น่าอัศจรรย์นี้ เกรงว่านักปรุงยาทุกคนจะต้องอิจฉาริษยาอย่างแน่นอน!

 

หลิงฮันยังคงเก็บอยู่ในหอคอยทมิฬไม่ออกไปไหน และฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งต่อ

 

ระดับของทักษะห้วงจิตปรับแต่ง คือตัววัดความแข็งแกร่งของนักปรุงยา

 

โดยปกติแล้วปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสี่ จะต้องมีทักษะห้วงจิตปรับแต่งอยู่ในขั้นห้าเป็นอย่างน้อย กล่าวได้ว่าห้วงจิตปรับแต่งขั้นนี้ คือข้อจํากัดต่ําสุดในการเป็นนักปรุงยาสี่ดาว เพราะงั้นตอนนี้หลิงฮันจึงต้องยกระดับทักษะห้วงจิตปรับแต่งของตนเองให้พัฒนาขึ้นไปอีก ตราบใดที่ 1 ทักษะของเขาบรรลุขั้นห้า เขาก็จะเปิดประตูก้าวเข้าสู่การเป็นนักปรุงยาระดับสี่ ซึ่งเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาได้

 

หลิงฮันทําการหลอมเม็ดยาทั้งวันทั้งคืน เพื่อยกระดับทักษะห้วงจิตปรับแต่งของตนเอง

 

การปรุงยาไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ จําเป็นต้องเผาผลาญสมุนไพรจํานวนมหาศาล

 

คิดว่าสมุนไพรนิรันดร์นั้นหายากขนาดไหน?

 

ถือว่าโชคดีมากที่หลิงฮันนั้น เป็นประมุขในอนาคตของเมืองวิถีโอสถ และมีอาจารย์เป็น เซียนจอมหาเงิน ที่ไม่รู้ว่าในระยะเวลาหลายพันล้านปีมานี้ เขาสะสมความมั่งคั่งมาได้ จนน่าอัศจรรย์ขนาดไหน ไม่ว่าวัตถุดิบสมุนไพรใดที่หลิงฮันต้องการ อาจารย์ของเขาก็จะมอบมันมาให้ โดยที่รับประกันเลยว่า ไม่มีเม็ดยาใดหลิงฮันต้องการหลอมแล้วจะหลอมไม่ได้

 

ระยะเวลาผ่านไปอีกหนึ่งร้อยสามสิบปี ทักษะห้วงจิตปรับแต่งของหลิงฮันก็พัฒนา เขาบรรลุห้วงจิตปรับแต่งขั้นได้สําเร็จ ซึ่งอยู่ห่างจากการเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาอีกก้าวเดียว

 

เพียงแต่ก้าวเดียวที่ว่านี้ เป็นก้าวเดินที่ยากลําบากมาก

 

ในเมืองวิถีโอสถมีนักปรุงยาอยู่มากมายเท่าไหร่?

 

แน่นอนว่าไม่ได้มีมากมาย จํานวนของนักปรุงยาสามดาวมีอยู่ราวๆพันคน โดยที่เจ็ดในสิบส่วนสามารถปรับแต่งเม็ดยาได้สามขั้น และอีกสามส่วนปรับแต่งเม็ดยาได้สี่ขั้น และจะมีสักกี่คนที่บรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวได้?

 

จากระยะเวลาที่ผ่านมายาวนาน มีเพียงศิษย์ทั้งสามคนของปรมาจารย์จื่อเฉิง และลู่จิ้นเท่านั้นที่ทําสําเร็จ

 

เพียงเท่านี้ก็ทําให้มองออกแล้วว่ามันยากลําบากขนาดไหน

 

ตัวของหลิงฮันถึงแม้จะเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยา แต่ถ้าหากจะให้บรรลุเป็นนักปรุงยาสีดาวล่ะก็ ต่อให้มีหอคอยทมิฬกับต้นสังสารวัฏก็ยังต้องใช้เวลานานอยู่

 

เขาฝึกฝนอย่างหนักอยู่ในหอคอยทมิฬต่อไป โดยไม่สนใจโลกภายนอก เพียงพริบตาเดียวเวลาผ่านก็พ้นไปอีกห้าสิบปี และเหลืออีกสามปีมหาสมุทรวิญญาณหยางก็จะเปิดออกแล้ว

 

หลิงฮันตั้งใจว่าจะออกเดินออกเลย แต่จู่ๆก็ถูกปรมาจารย์จื่อเฉิงเรียกไปพบ

 

“ข้าจะหลอมเม็ดยากําเนิดสามชาติภพ เจ้าจงคอยดูอยู่ด้านข้าง” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกลาว

 

เม็ดยากําเนิดสามชาติภพคือเม็ดยาสี่ดาว และเป็นหนึ่งในเม็ดยาที่ดาวที่หลอมยากที่สุด

 

เหตุใดจู่ๆอาจารย์ของเขาถึงต้องหลอมเม็ดยาชนิดนี้กัน?

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 1983 ยกระดับในศาสตร์ปรุงยา

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 1983 ยกระดับในศาสตร์ปรุงยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 1983 ยกระดับในศาสตร์ปรุงยา

 

ที่ทางเข้าหุบเขาไม่มีราชานิรันดร์เฝ้าคอยอยู่

 

เขตแดนลี้ลับแห่งนี้มีการเข้าร่วมอย่างเป็นวงกว้าง ที่แม้แต่ผู้สืบทอดของราชานิรันดร์ระดับแปด อย่างเอี๋ยนเซียนอู่ก็ยังเข้าร่วมด้วย เพราะงั้นแทนที่ราชานิรันดร์จะมาคอยคุ้มครองรุ่นเยาว์ด้วยตนเอง พวกเขาจึงเลือกที่จะมอบไพ่ลับสําหรับรักษาชีวิต ให้เหล่ารุ่นเยาว์ของตนเองแทน

 

ซึ่งความจริงย่อมเป็นเช่นนั้น ราชาในหมู่ราชาหรือจักรพรรดิหลายคน ต้องมีไพ่ลับที่ราชานิรันดร์มอบเอาไว้ให้อยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องมาพบเจอ กับสัตว์ประหลาดอย่างจี่อู่หมิง ที่ไฟลับเหล่านั้นไม่สามารถใช้งานได้ พวกเขาจึงถูกสังหารอย่างง่ายดาย

 

เพราะงั้นในการเดินทางเข้าเขตแดนลี้ลับครั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นอาณาเขตสวรรค์กว่างล๋ง หรือ อาณาเขตสวรรค์ไต่อัน ต่างก็ยังรับความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ แต่เมื่อเทียบกันแล้วความสูญเสียของทางฝั่งของอาณาเขตสวรรค์กว่างสิ่งนั้นรุนแรงยิ่งกว่า

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนส่ายหัวถอนหายใจ ก่อนจะเดินทางออกจากหุบเขา เพื่อกลับสู่ถิ่นฐานของตนเอง

 

แน่นอนว่าสถานที่ที่พวกเขาจะกลับคือเมืองวิถีโอสถ

 

แม้การเดินทางกลับเมืองวิถีโอสถจะกินเวลานาน แต่พวกหลิงฮันก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ในระหว่างการเดินทาง มีหลายครั้งที่พวกเขาเข้าไปยังหอคอยทมิฬเพื่อฝึกฝน ด้วยความช่วยเหลือของต้นสังสารวัฏ ทั้งพัฒนาการของพวกเขา และวันเวลาได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว จนพวกเขากลับมาถึงเมืองวิถีโอสถในสิบปีต่อมา

 

พวกหลิงฮันทั้งสี่คนมีพัฒนาการที่ยอดเยี่ยม

หลิงฮัน จักรพรรดินี และฮูหนิวต่างขัดเกลาพลังในระดับห้านิพพานจนถึงขั้นสมบูรณ์ และมีความก้าวหน้าในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์อย่างน่าอัศจรรย์ แถมยังซึมซับแก่นแท้แห่งเต๋าทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ครบถ้วนแล้ว ในส่วนของทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์นั้น พวกเขาเองก็ใช้มันได้อย่างเชี่ยวชาญแล้วเช่นกัน ยิ่งพวกเขาชํานาญในอํานาจแห่งกฎเกณฑ์สังหารมากขึ้น ทักษะเก้าดาบพินาศสวรรค์ก็จะยิ่งทรงพลังขึ้น อย่างไม่มีขีดจํากัด

 

ส่วนทางด้านของธิดาโรวนั้น นางด้อยกว่าทั้งสามอยู่บางส่วน แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นถึงราชาในหมู่ราชาชั้นแนวหน้า เมื่อทะลวงผ่านระดับแบ่งแยกวิญญาณไปแล้ว แม้ความต่างชั้นในพลังต่อสู้ของนางกับพวกหลิงฮันจะยังมีอยู่ แต่ความต่างที่ว่าก็จะลดลงมาหลายเท่า อย่างนั้นเมื่อถึงตอนนั้นนางก็คงไม่ถูกกําราบอย่างสมบูรณ์อีกต่อไป แต่สามารถรับมือตอบโต้ได้บ้าง

 

มีเพียงสตรีนกอมตะที่ยังคงไม่มีการพัฒนาใดๆ แต่โชคยังดีที่จอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งนั้นมีอายุขัยที่ยาวนาน นางจึงไม่ต้องกังวลเรื่องอายุขัย

 

กลุ่มของพวกเขาทั้งห้าคนทําตัวไม่โดดเด่น และกลับเข้าเมืองวิถีโอสถอย่างเงียบๆ โดยที่แทบไม่มีใครรับรู้เลย ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้ออกไปจากเมืองนี้แม้แต่ก้าวเดียว

 

หลิงฮันมุ่งหน้าไปหาปรมาจารย์จื่อเฉิงเป็นอันดับแรก และเล่าสถานการณ์คร่าวๆ ระหว่างการเดินทางให้ฟัง ซึ่งนั่นทําให้ปรมาจารย์จื่อเฉิงตกตะลึงจนพูดไม่ออก

เหตุใดศิษย์ผู้นี้ถึงได้เป็นตัวสร้างปัญหาขนาดนี้?

 

การที่สังหารจักรพรรดิที่เป็นผู้สืบทอด ของราชานิรันดร์ระดับห้า ระดับหก ระดับเจ็ด หรีอระดับแปดลงไป มีรีที่เรื่องนี้จะสะสางได้ง่ายๆ เหมือนกับคราวของตําหนักเมฆาอัสนีกับตระกูลจื่อเหอที่เป็นราชานิรันดร์ระดับหนึ่งก่อนหน้านี้?

 

โชคยังดีที่เบื้องหลังฮันยังมีตําหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่

 

ขุมอํานาจนี้ไม่ใช่ขุมอํานาจราชานิรันดร์ทั่วไป แต่เป็นถึงขุมอํานาจที่มีราชานิรันดร์ระดับเก้า ซึ่งเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในดินแดนแห่งเซียนปกครองอยู่!

 

ปรมาจารย์จื่อเฉิงไม่ตําหนิอะไรหลิงฮันในเรื่องนี้ และจะพยายามฝึกฝนหลิงฮันให้บรรลุ เป็นนักปรุงยาระดับห้าให้ได้ ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นหลิงฮันจะมีสถานะทัดเทียมได้กับราชานิรันดร์ และต่อให้เป็นราชานิรันดร์ระดับสูงก็ต้องยอมไว้หน้า

 

หลิงฮันกลับที่พักของตน และเริ่มมุ่งมั่นฝึกฝนศาสตร์ปรุงยา

 

ตัวเขาในตอนนี้ติดอยู่ที่คอขวดของศาสตร์วรยุทธแล้ว โดยที่หากเขาต้องการจะทะลวงผ่านระดับแบกวิญญาณล่ะก็ เขาต้องไปยังสถานที่ที่เฉพาะเจาะจง

 

อย่างเขากับจักรพรรดินีนั้น หากพวกเขาจะทะลวงผ่านไปยังระดับตัดวิญญาณหยางล่ะก็ พวกเขาจําเป็นต้องไปยังสถานที่ที่เรียกว่ามหาสมุทรวิญญาณหยาง

 

ดินแดนแห่งเซียนฝั่งตะวันออกนั้น มีมหาสมุทรวิญญาณหยางมากกว่าหนึ่งแห่ง และมหาสมุทรวิญญาณหยางที่ใกล้กับอาณาเขตสวรรค์ไต่อันที่สุด ก็เป็นสถานที่ที่อาณาเขตสวรรค์เจ็ดแห่งใช้ร่วม ทุกครั้งที่มหาสมุทรวิญญาณหยางเปิดออก จอมยุทธระดับโลกียนิพพานสูงสุดมากมาย จะมุ่งหน้าไปที่นั่นเพื่อพยายามทะลวงผ่าน ระดับแบ่งแยกวิญญาณ

 

แต่ปัญหาคือมหาสมุทรวิญญาณหยาง จะเปิดออกในทุกๆหนึ่งร้อยล้านปีเท่านั้น หลิงฮันถือว่าโชคดีเป็นอย่างมาก ที่ต้องรออีกเพียงสามร้อยปีเท่านั้น เพราะไม่เช่นนั้นหากพลาดหาสมุทรวิญญาณหยางนี้ไปล่ะก็ เขาคงต้องออกจากอาณาเขตสวรรค์ไม่อัน ไปตามหาสมุทรวิญญาณหยางอันที่กําลังจะเปิดออก หรือไม่ก็รอไปอีกหลายล้านปี ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่มีความอดทนถึงขนาดนั้น

 

เพียงแค่สามร้อยปี เขายังรอไหว

 

เขาทําความเข้าใจภายใต้ต้นสังสารวัฏอย่างไม่หยุดหย่อน และฝึกหลอมเม็ดยาหอคอยทมิฬ

 

เมื่อเวลาของโลกภายนอกผ่านไปเจ็ดสิบปี และภายในหอคอยทมิฬผ่านไปแล้วเก้าหมื่นปี หลิงฮันก็ก้าวผ่านขั้นตอนสําคัญ และบรรลุเป็นนักปรุงยาสามดาวได้ในที่สุด

 

ความสําเร็จที่น่าอัศจรรย์นี้ เกรงว่านักปรุงยาทุกคนจะต้องอิจฉาริษยาอย่างแน่นอน!

 

หลิงฮันยังคงเก็บอยู่ในหอคอยทมิฬไม่ออกไปไหน และฝึกฝนทักษะห้วงจิตปรับแต่งต่อ

 

ระดับของทักษะห้วงจิตปรับแต่ง คือตัววัดความแข็งแกร่งของนักปรุงยา

 

โดยปกติแล้วปรมาจารย์นักปรุงยาระดับสี่ จะต้องมีทักษะห้วงจิตปรับแต่งอยู่ในขั้นห้าเป็นอย่างน้อย กล่าวได้ว่าห้วงจิตปรับแต่งขั้นนี้ คือข้อจํากัดต่ําสุดในการเป็นนักปรุงยาสี่ดาว เพราะงั้นตอนนี้หลิงฮันจึงต้องยกระดับทักษะห้วงจิตปรับแต่งของตนเองให้พัฒนาขึ้นไปอีก ตราบใดที่ 1 ทักษะของเขาบรรลุขั้นห้า เขาก็จะเปิดประตูก้าวเข้าสู่การเป็นนักปรุงยาระดับสี่ ซึ่งเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาได้

 

หลิงฮันทําการหลอมเม็ดยาทั้งวันทั้งคืน เพื่อยกระดับทักษะห้วงจิตปรับแต่งของตนเอง

 

การปรุงยาไม่หยุดหย่อนเช่นนี้ จําเป็นต้องเผาผลาญสมุนไพรจํานวนมหาศาล

 

คิดว่าสมุนไพรนิรันดร์นั้นหายากขนาดไหน?

 

ถือว่าโชคดีมากที่หลิงฮันนั้น เป็นประมุขในอนาคตของเมืองวิถีโอสถ และมีอาจารย์เป็น เซียนจอมหาเงิน ที่ไม่รู้ว่าในระยะเวลาหลายพันล้านปีมานี้ เขาสะสมความมั่งคั่งมาได้ จนน่าอัศจรรย์ขนาดไหน ไม่ว่าวัตถุดิบสมุนไพรใดที่หลิงฮันต้องการ อาจารย์ของเขาก็จะมอบมันมาให้ โดยที่รับประกันเลยว่า ไม่มีเม็ดยาใดหลิงฮันต้องการหลอมแล้วจะหลอมไม่ได้

 

ระยะเวลาผ่านไปอีกหนึ่งร้อยสามสิบปี ทักษะห้วงจิตปรับแต่งของหลิงฮันก็พัฒนา เขาบรรลุห้วงจิตปรับแต่งขั้นได้สําเร็จ ซึ่งอยู่ห่างจากการเป็นปรมาจารย์นักปรุงยาอีกก้าวเดียว

 

เพียงแต่ก้าวเดียวที่ว่านี้ เป็นก้าวเดินที่ยากลําบากมาก

 

ในเมืองวิถีโอสถมีนักปรุงยาอยู่มากมายเท่าไหร่?

 

แน่นอนว่าไม่ได้มีมากมาย จํานวนของนักปรุงยาสามดาวมีอยู่ราวๆพันคน โดยที่เจ็ดในสิบส่วนสามารถปรับแต่งเม็ดยาได้สามขั้น และอีกสามส่วนปรับแต่งเม็ดยาได้สี่ขั้น และจะมีสักกี่คนที่บรรลุเป็นนักปรุงยาสี่ดาวได้?

 

จากระยะเวลาที่ผ่านมายาวนาน มีเพียงศิษย์ทั้งสามคนของปรมาจารย์จื่อเฉิง และลู่จิ้นเท่านั้นที่ทําสําเร็จ

 

เพียงเท่านี้ก็ทําให้มองออกแล้วว่ามันยากลําบากขนาดไหน

 

ตัวของหลิงฮันถึงแม้จะเป็นสุดยอดอัจฉริยะแห่งศาสตร์ปรุงยา แต่ถ้าหากจะให้บรรลุเป็นนักปรุงยาสีดาวล่ะก็ ต่อให้มีหอคอยทมิฬกับต้นสังสารวัฏก็ยังต้องใช้เวลานานอยู่

 

เขาฝึกฝนอย่างหนักอยู่ในหอคอยทมิฬต่อไป โดยไม่สนใจโลกภายนอก เพียงพริบตาเดียวเวลาผ่านก็พ้นไปอีกห้าสิบปี และเหลืออีกสามปีมหาสมุทรวิญญาณหยางก็จะเปิดออกแล้ว

 

หลิงฮันตั้งใจว่าจะออกเดินออกเลย แต่จู่ๆก็ถูกปรมาจารย์จื่อเฉิงเรียกไปพบ

 

“ข้าจะหลอมเม็ดยากําเนิดสามชาติภพ เจ้าจงคอยดูอยู่ด้านข้าง” ปรมาจารย์จื่อเฉิงกลาว

 

เม็ดยากําเนิดสามชาติภพคือเม็ดยาสี่ดาว และเป็นหนึ่งในเม็ดยาที่ดาวที่หลอมยากที่สุด

 

เหตุใดจู่ๆอาจารย์ของเขาถึงต้องหลอมเม็ดยาชนิดนี้กัน?

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+