Alchemy Emperor of the Divine Dao 2014 โค่นล้มฝ่ายเดียว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2014 โค่นล้มฝ่ายเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2014 โค่นล้มฝ่ายเดียว

 

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว การประลองก็จบลงเสียแล้ว

 

เร็วมาก!

 

แต่เดี๋ยวก่อน…. การประลองในระดับเดียวกันจะจบลงรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? ต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายปกปิดพลังบ่มเพาะเอาไว้แน่ โดยที่แท้จริงแล้วพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะต้องอยู่ในระดับแบ่งแยกวิญญาณ

 

แต่เมื่อลองคิดให้ดีอีกครั้ง แบบนั้นก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

 

ถึงแม้รูปแบบในการบ่มเพาะพลังจะแตกต่างกัน แต่จากการโจมตีเมื่อครู่ก็ทําให้เห็นได้ว่า พลังของเฟิงตังมีพลังอยู่ในระดับนั้น ไม่ใช่ระดับแบ่งแยกวิญญาณจริงๆ

 

บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีศักยภาพระดับราชา เพราะงั้นจึงไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกัน

 

ทุกคนระงับความตกตะลึงเอาไว้ในใจ พวกเขาเป็นเพียงแค่ลูกเรือของเรือขนส่งสินค้าเท่านั้น เพราะงั้นในหมู่พวกเขาจะมีราชาอยู่ได้อย่างไร?

 

ราชาคนไหนบ้างจะยอมมาทํางานเป็นลูกเรือ?

 

“ ข้ามีชื่อว่าหลิวเย่ พลังบ่มเพาะของข้าเทียบเท่ากับระดับสี่นิพพาน ช่วยชี้แนะข้าด้วย” ทางฝั่งของคนในปราสาท รุ่นเยาว์อีกคนกระโดดออกมา

 

“ข้าลุยเอง!”

 

‘ตุบ’

 

จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยกระโดดออกไป แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ในหมัดเดียว โดยที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

 

จิตใจของจอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยสั่นสะท้านอีกครั้ง ราชาอีกคนอย่างนั้นรึ? แต่หากลองมองดูให้ดีๆ ทั้งเฟิงตั้งและหลิวเย่สองคนนี้ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์มากสักเท่าไหร่

 

ราชาคนไหนบ้างที่จะไม่มีกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม?

 

แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ราชาที่ได้เปรียบในการต่อสู้ระดับเดียวกัน เหตุใดพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายถึงได้แข็งแกร่งกว่าขนาดนั้น?

 

คําตอบมีเพียงอย่างเดียว… นั่นเพราะทักษะบ่มเพาะของคนเหล่านี้แข็งแกร่งมากนั่นเอง

 

“ พลังบ่มเพาะของข้าคือระดับตัดวิญญาณหยาง ใครต้องการประลองชี้แนะกับข้าหรือไม่?” ครั้งนี้จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยเป็นฝ่ายออกตัวก่อน และยื่นคําท้าประลองไปยังฝั่งคนของปราสาท

 

“ข้าคือม่อฮัน” รุ่นเยาว์ที่ใบหน้าหล่อเหลา และมีกลิ่นอายทรงพลังผู้หนึ่งก้าวออกมา “พลังของข้าเทียบเท่ากับห้านิพพาน!”

 

ห้านิพพาน!

 

เมื่อคํานี้ถูกพูดออกมา ใครหลายคนทางฝั่งของฉินเหว่ยก็เผยสีหน้าตกตะลึง

 

จักรพรรดิ

 

ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย และความรู้สึกสงสัยก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น หากนับรวมกับพวกเซียวจขึ้นแล้ว นี่ก็คือจักรพรรดิคนที่สี่

 

ในหมู่ประชากรนับพันล้านล้านล้านคน จะมีจักรพรรดิถือกําเนิดขึ้นเพียงคนเดียวเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นหากไม่ใช่ขุมอํานาจระดับราชานิรันดร์ ที่มีทรัพยากรล้ําค่าอย่างยันต์ไม้ท้อผูกชะตาล่ะก็ จะสามารถต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของระดับห้านิพพานได้อย่างไร?

 

ประชากรบนเกาะแห่งนี้นั้นมีอยู่น้อยนิด แต่กลับมีจักรพรรดิอยู่ถึงสี่คน นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง

 

ทักษะบ่มเพาะที่คนเหล่านี้บ่มเพาะ คือทักษะบ้าบอแบบใดกันแน่?

 

หลิงฮันครุ่นคิดไปมา จนจู่ๆ ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คลับคล้ายคลับคลา เขารู้สึกเหมือนกับว่าเคยพบเห็นพลังโจมตีของคนเหล่านี้มาก่อน แต่หลังจากทบทวนดูแล้ว ก็ไม่มีความทรงพลังส่วนไหนเลยที่ตรงกัน

 

ปัง!

 

ม่อฮันกับจอมยุทธฝั่งของฉินเหว่ยเข้าปะทะกัน และสิ้นสุดการประลองภายในหนึ่งกระบวน

 

ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ระดับห้านิพพานคือระดับพลังที่เทียบเท่ากับระดับติดวิญญาณหยาง แถมคนที่สามารถบรรลุเป็นจักรพรรดิได้ จะมีพลังต่อสู้ที่สามารถสู้ข้ามระดับได้สองระดับ เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่การประลองจะจบในพริบตา

 

การประลองแลกเปลี่ยนวรยุทธยังคงดําเนินต่อไป ในการประลองระดับเดียวกัน ทางฝั่งของจอมยุทธบนเกาะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างล้นพ้น หรือต่อให้จอมยุทธของคนฝั่งงคนบนเกาะ มีพลังบ่มเพาะต่ํากว่าหนึ่งหรือสองกระบวนท่า พวกเขาก็ยังสามารถคว้าชัยชนะไปได้อยู่ดี

 

จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยก้มหัวลง และใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย

 

“ข้าไม่คิดเลยว่าพลังของพวกท่านทุกคนจะ… ฮะๆๆ” เซียวจวิ้นหัวเราะ ถึงแม้เขาจะหยุดคําพูดไปกลางคัน แต่ทุกคนก็รับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน

 

ประกายแสงดูถูกปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวจจิ้น “อาจารย์ของข้านั้นไม่ได้มีจิตใจคับแคบ และยินดีที่จะแบ่งปันทักษะบ่มเพาะที่พวกเราฝึกให้แก่พวกเจ้า”

 

ว่าไงนะ!

 

เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่แต่ละคนแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา

 

ทักษะบ่มเพาะไม่ใช่สิ่งที่จะมอบให้คนอื่นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะทักษะบ่มเพาะที่เป็นทักษะบรรพกาลเช่นนี้แล้วยิ่งไม่มีทางเข้าไปใหญ่

 

อย่าว่าแต่พวกเขาเป็นคนนอกเลย ต่อให้เป็นคนใกล้ชิดกัน หรือบิดากับบุตร ก็ยังไม่มีใครที่จะส่งมอบทักษะบ่มเพาะของตนเองให้ง่ายๆ

 

ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่เซียวจนกลับบอกว่าจะแบ่งปันทักษะบ่มเพาะที่ตนเองฝึกฝน ให้แก่พวกเขาอย่างนั้น?

 

ทุกคนมองหน้ากัน และสงสัยว่าตนเองได้ยินอะไรผิดไปรึเปล่า ในโลกนี้มีคนใจดีแบบนี้อยู่ด้วยงั้นรึ?

 

“อันที่จริงทักษะบ่มเพาะของพวกเรานั้นเรียบง่ายมาก สิ่งสําคัญที่คือพลังแห่งความเชื่อ” เซียวจวิ้นกล่าว “พวกเรายึดมั่นในดวงวิญญาณนิรันดร์แห่งสวรรค์และปฐพี เพียงแค่ตั้งอธิษฐานในระหว่างการต่อสู้ ก็จะได้รับมอบพลังอันไร้ขีดจํากัดมาครอบครอง”

 

“หากมีใครยอมเป็นอาสาสมัคร ข้าจะทดสอบดูให้ก็ได้ ว่า พลังต่อสู้ของพวกเจ้าจะเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า หรืออาจจะหลายสิบเท่าได้ในพริบตา”

 

เรื่องเช่นนี้ไม่มีทางที่ทุกคนจะเชื่อได้ลง เพียงแต่เชื่อมั่นในดวงวิญญาณนิรันดร์ ก็สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้สิบเท่างั้นรึ?

 

“ข้าลองเอง!” ใครบางคนกระโดดออกมา เพียงแค่เชื่อมั่นในอะไรบางอย่างไม่ใช่เรื่องเสียหายอยู่แล้ว หากสุดท้ายความเชื่อมั่นที่ว่ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ก็แค่เลิกเชื่อก็พอ

 

เซียวจวิ้นดึงร่างของคนผู้นั้นเข้ามาใกล้ และก้มลงไปกระซิบข้างหู

 

เวลาผ่านไปไม่นาน คนผู้นั้นก็เดินเข้าไปยังลานประลองด้วยใบหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เสี่ยวไห่ เจ้าเป็นคนที่มีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกับข้ามากที่สุด ช่วยมาลองประลองกับข้าหน่อย”

 

“ได้!” จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยอีกคนกระโดดออกมา

 

ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด โดยที่ไม่อาจบอกได้ว่าฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

ไม่เห็นได้ผล!

 

“จงเชื่อมั่นใจดวงวิญญาณนิรันดร์” เซียวจวิ้นเอ่ยแทรก เสียงของเขายืดยาวฟังดูไม่ร้อนรนอะไร

 

ร่างของคนที่เสนอตัวเมื่อกี้หยุดชะงัก ปากของเขาพึมพําอะไรบางอย่างออกมา ก่อนที่จู่ๆ ท่าทางจะกลายเป็นดุร้าย และเริ่มบุกเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ท่าทีของเขากลายเป็นดุร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับพลังต่อสู้ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมสี่ถึงห้าเท่าในพริบตา

 

เหลือเชื่อ เป็นความจริงที่นี่

 

ทุกคนตกตะลึงและพูดไม่ออก ผลลัพธ์เช่นนี้มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่ากินเม็ดยานิรันดร์เข้าไปเสียอีก

 

เพียงแค่เชื่อมั่นใจดวงวิญญาณนิรันดร์ ก็สามารถทําได้พลังต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวได้แล้ว แม้ใครหลายคนจะยังไม่เชื่อ แต่ก็เกิดความรู้สึกอยากลองดู

 

“นายน้อยเชียว ข้าจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะที่ว่าด้วยได้หรือไม่?”

 

“ใช่แล้ว ขอข้าฝึกฝนด้วยได้รึเปล่า?”

 

ใครหลายคนรีบกล่าวออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

 

เซียวจวิ้นยิ้มและกล่าว “อาจารย์ของข้าไม่หวงทักษะของตนเองอยู่แล้ว เพื่อผู้ฝึกตนในโลกวรยุทธผืนเดียวกัน ท่านอาจารย์ย่อมยินดีจะแบ่งปันความสําเร็จให้แก่ทุกคน”

 

“ช้าก่อน!” เสียงคํารามที่ไม่ดังมากดังขึ้น พร้อมกับหลิงฮันได้ทะยานร่างเข้ามายังลานประลอง “ข้าเองก็คันไม้คันมือ อยากจะแลกเปลี่ยนวรยุทธกับพวกเจ้าเหมือนกัน”

 

เมื่อครู่ในที่สุดเขาก็นึกออกแล้วว่า ทําไมพลังโจมตีของจอมยุทธที่อยู่บนเกาะถึงได้ดูคุ้นเคยนัก

 

เขาลองนึกย้อนกลับไปยังโลกบรรพกาล ในตอนที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับแห่งหนึ่งที่มีแม่น้ําลึกลับอยู่ด้านใน ในที่แห่งนั้นมีชนเผ่าที่ตั้งรากฐานตามแม่น้ําอยู่มากมาย โดยที่ชนเผ่าเหล่านั้นได้ ฝึกฝนศาสตร์วรยุทธที่มีรูปแบบแตกต่างออกไป

 

จอมยุทธจากชนเผ่าเหล่านั้น ไม่ได้ฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ หรืออํานาจแห่งเต๋ของสวรรค์ และปฐพี โดยที่ต้นกําเนิดพลังของพวกเขามาจากแม่น้ําลึกลับ

 

หลิงฮันลองเดินไปยังต้นทางของแม่น้ําแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเดินไปถึงปลายทางสุดท้ายได้ ซึ่งมีเพียงเสี่ยวภู่คนเดียวที่ไปถึง และมีการปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้นจนรับบาดเจ็บ

 

พลังของชนเผ่าเหล่านั้นกับคนบนเกาะนี้เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2014 โค่นล้มฝ่ายเดียว

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2014 โค่นล้มฝ่ายเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2014 โค่นล้มฝ่ายเดียว

 

ยังไม่ทันที่ทุกคนจะตั้งตัว การประลองก็จบลงเสียแล้ว

 

เร็วมาก!

 

แต่เดี๋ยวก่อน…. การประลองในระดับเดียวกันจะจบลงรวดเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? ต้องเป็นเพราะอีกฝ่ายปกปิดพลังบ่มเพาะเอาไว้แน่ โดยที่แท้จริงแล้วพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายจะต้องอยู่ในระดับแบ่งแยกวิญญาณ

 

แต่เมื่อลองคิดให้ดีอีกครั้ง แบบนั้นก็ดูจะไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่

 

ถึงแม้รูปแบบในการบ่มเพาะพลังจะแตกต่างกัน แต่จากการโจมตีเมื่อครู่ก็ทําให้เห็นได้ว่า พลังของเฟิงตังมีพลังอยู่ในระดับนั้น ไม่ใช่ระดับแบ่งแยกวิญญาณจริงๆ

 

บางทีอีกฝ่ายอาจจะมีศักยภาพระดับราชา เพราะงั้นจึงไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกัน

 

ทุกคนระงับความตกตะลึงเอาไว้ในใจ พวกเขาเป็นเพียงแค่ลูกเรือของเรือขนส่งสินค้าเท่านั้น เพราะงั้นในหมู่พวกเขาจะมีราชาอยู่ได้อย่างไร?

 

ราชาคนไหนบ้างจะยอมมาทํางานเป็นลูกเรือ?

 

“ ข้ามีชื่อว่าหลิวเย่ พลังบ่มเพาะของข้าเทียบเท่ากับระดับสี่นิพพาน ช่วยชี้แนะข้าด้วย” ทางฝั่งของคนในปราสาท รุ่นเยาว์อีกคนกระโดดออกมา

 

“ข้าลุยเอง!”

 

‘ตุบ’

 

จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยกระโดดออกไป แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ในหมัดเดียว โดยที่ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

 

จิตใจของจอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยสั่นสะท้านอีกครั้ง ราชาอีกคนอย่างนั้นรึ? แต่หากลองมองดูให้ดีๆ ทั้งเฟิงตั้งและหลิวเย่สองคนนี้ ดูอย่างไรก็ไม่ใช่คนที่มีพรสวรรค์มากสักเท่าไหร่

 

ราชาคนไหนบ้างที่จะไม่มีกลิ่นอายอันน่าเกรงขาม?

 

แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่ใช่ราชาที่ได้เปรียบในการต่อสู้ระดับเดียวกัน เหตุใดพลังต่อสู้ของอีกฝ่ายถึงได้แข็งแกร่งกว่าขนาดนั้น?

 

คําตอบมีเพียงอย่างเดียว… นั่นเพราะทักษะบ่มเพาะของคนเหล่านี้แข็งแกร่งมากนั่นเอง

 

“ พลังบ่มเพาะของข้าคือระดับตัดวิญญาณหยาง ใครต้องการประลองชี้แนะกับข้าหรือไม่?” ครั้งนี้จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยเป็นฝ่ายออกตัวก่อน และยื่นคําท้าประลองไปยังฝั่งคนของปราสาท

 

“ข้าคือม่อฮัน” รุ่นเยาว์ที่ใบหน้าหล่อเหลา และมีกลิ่นอายทรงพลังผู้หนึ่งก้าวออกมา “พลังของข้าเทียบเท่ากับห้านิพพาน!”

 

ห้านิพพาน!

 

เมื่อคํานี้ถูกพูดออกมา ใครหลายคนทางฝั่งของฉินเหว่ยก็เผยสีหน้าตกตะลึง

 

จักรพรรดิ

 

ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย และความรู้สึกสงสัยก็ยิ่งทวีคูณเพิ่มมากขึ้น หากนับรวมกับพวกเซียวจขึ้นแล้ว นี่ก็คือจักรพรรดิคนที่สี่

 

ในหมู่ประชากรนับพันล้านล้านล้านคน จะมีจักรพรรดิถือกําเนิดขึ้นเพียงคนเดียวเท่านั้น ยิ่งกว่านั้นหากไม่ใช่ขุมอํานาจระดับราชานิรันดร์ ที่มีทรัพยากรล้ําค่าอย่างยันต์ไม้ท้อผูกชะตาล่ะก็ จะสามารถต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของระดับห้านิพพานได้อย่างไร?

 

ประชากรบนเกาะแห่งนี้นั้นมีอยู่น้อยนิด แต่กลับมีจักรพรรดิอยู่ถึงสี่คน นับว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง

 

ทักษะบ่มเพาะที่คนเหล่านี้บ่มเพาะ คือทักษะบ้าบอแบบใดกันแน่?

 

หลิงฮันครุ่นคิดไปมา จนจู่ๆ ก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่คลับคล้ายคลับคลา เขารู้สึกเหมือนกับว่าเคยพบเห็นพลังโจมตีของคนเหล่านี้มาก่อน แต่หลังจากทบทวนดูแล้ว ก็ไม่มีความทรงพลังส่วนไหนเลยที่ตรงกัน

 

ปัง!

 

ม่อฮันกับจอมยุทธฝั่งของฉินเหว่ยเข้าปะทะกัน และสิ้นสุดการประลองภายในหนึ่งกระบวน

 

ผลลัพธ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก ระดับห้านิพพานคือระดับพลังที่เทียบเท่ากับระดับติดวิญญาณหยาง แถมคนที่สามารถบรรลุเป็นจักรพรรดิได้ จะมีพลังต่อสู้ที่สามารถสู้ข้ามระดับได้สองระดับ เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่การประลองจะจบในพริบตา

 

การประลองแลกเปลี่ยนวรยุทธยังคงดําเนินต่อไป ในการประลองระดับเดียวกัน ทางฝั่งของจอมยุทธบนเกาะเป็นฝ่ายได้เปรียบอย่างล้นพ้น หรือต่อให้จอมยุทธของคนฝั่งงคนบนเกาะ มีพลังบ่มเพาะต่ํากว่าหนึ่งหรือสองกระบวนท่า พวกเขาก็ยังสามารถคว้าชัยชนะไปได้อยู่ดี

 

จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยก้มหัวลง และใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความอับอาย

 

“ข้าไม่คิดเลยว่าพลังของพวกท่านทุกคนจะ… ฮะๆๆ” เซียวจวิ้นหัวเราะ ถึงแม้เขาจะหยุดคําพูดไปกลางคัน แต่ทุกคนก็รับรู้สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจะสื่อได้อย่างชัดเจน

 

ประกายแสงดูถูกปรากฏขึ้นในดวงตาของเซียวจจิ้น “อาจารย์ของข้านั้นไม่ได้มีจิตใจคับแคบ และยินดีที่จะแบ่งปันทักษะบ่มเพาะที่พวกเราฝึกให้แก่พวกเจ้า”

 

ว่าไงนะ!

 

เมื่อได้ยินประโยคเมื่อครู่ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยที่แต่ละคนแสดงสีหน้าไม่เชื่อออกมา

 

ทักษะบ่มเพาะไม่ใช่สิ่งที่จะมอบให้คนอื่นได้ง่ายๆ โดยเฉพาะทักษะบ่มเพาะที่เป็นทักษะบรรพกาลเช่นนี้แล้วยิ่งไม่มีทางเข้าไปใหญ่

 

อย่าว่าแต่พวกเขาเป็นคนนอกเลย ต่อให้เป็นคนใกล้ชิดกัน หรือบิดากับบุตร ก็ยังไม่มีใครที่จะส่งมอบทักษะบ่มเพาะของตนเองให้ง่ายๆ

 

ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่เซียวจนกลับบอกว่าจะแบ่งปันทักษะบ่มเพาะที่ตนเองฝึกฝน ให้แก่พวกเขาอย่างนั้น?

 

ทุกคนมองหน้ากัน และสงสัยว่าตนเองได้ยินอะไรผิดไปรึเปล่า ในโลกนี้มีคนใจดีแบบนี้อยู่ด้วยงั้นรึ?

 

“อันที่จริงทักษะบ่มเพาะของพวกเรานั้นเรียบง่ายมาก สิ่งสําคัญที่คือพลังแห่งความเชื่อ” เซียวจวิ้นกล่าว “พวกเรายึดมั่นในดวงวิญญาณนิรันดร์แห่งสวรรค์และปฐพี เพียงแค่ตั้งอธิษฐานในระหว่างการต่อสู้ ก็จะได้รับมอบพลังอันไร้ขีดจํากัดมาครอบครอง”

 

“หากมีใครยอมเป็นอาสาสมัคร ข้าจะทดสอบดูให้ก็ได้ ว่า พลังต่อสู้ของพวกเจ้าจะเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่า หรืออาจจะหลายสิบเท่าได้ในพริบตา”

 

เรื่องเช่นนี้ไม่มีทางที่ทุกคนจะเชื่อได้ลง เพียงแต่เชื่อมั่นในดวงวิญญาณนิรันดร์ ก็สามารถเพิ่มพลังต่อสู้ได้สิบเท่างั้นรึ?

 

“ข้าลองเอง!” ใครบางคนกระโดดออกมา เพียงแค่เชื่อมั่นในอะไรบางอย่างไม่ใช่เรื่องเสียหายอยู่แล้ว หากสุดท้ายความเชื่อมั่นที่ว่ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ก็แค่เลิกเชื่อก็พอ

 

เซียวจวิ้นดึงร่างของคนผู้นั้นเข้ามาใกล้ และก้มลงไปกระซิบข้างหู

 

เวลาผ่านไปไม่นาน คนผู้นั้นก็เดินเข้าไปยังลานประลองด้วยใบหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “เสี่ยวไห่ เจ้าเป็นคนที่มีพลังต่อสู้ใกล้เคียงกับข้ามากที่สุด ช่วยมาลองประลองกับข้าหน่อย”

 

“ได้!” จอมยุทธทางฝั่งของฉินเหว่ยอีกคนกระโดดออกมา

 

ทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างดุเดือด โดยที่ไม่อาจบอกได้ว่าฝ่ายไหนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบ

 

ไม่เห็นได้ผล!

 

“จงเชื่อมั่นใจดวงวิญญาณนิรันดร์” เซียวจวิ้นเอ่ยแทรก เสียงของเขายืดยาวฟังดูไม่ร้อนรนอะไร

 

ร่างของคนที่เสนอตัวเมื่อกี้หยุดชะงัก ปากของเขาพึมพําอะไรบางอย่างออกมา ก่อนที่จู่ๆ ท่าทางจะกลายเป็นดุร้าย และเริ่มบุกเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง ท่าทีของเขากลายเป็นดุร้ายยิ่งขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับพลังต่อสู้ได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมสี่ถึงห้าเท่าในพริบตา

 

เหลือเชื่อ เป็นความจริงที่นี่

 

ทุกคนตกตะลึงและพูดไม่ออก ผลลัพธ์เช่นนี้มันยอดเยี่ยมยิ่งกว่ากินเม็ดยานิรันดร์เข้าไปเสียอีก

 

เพียงแค่เชื่อมั่นใจดวงวิญญาณนิรันดร์ ก็สามารถทําได้พลังต่อสู้เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัวได้แล้ว แม้ใครหลายคนจะยังไม่เชื่อ แต่ก็เกิดความรู้สึกอยากลองดู

 

“นายน้อยเชียว ข้าจะฝึกฝนทักษะบ่มเพาะที่ว่าด้วยได้หรือไม่?”

 

“ใช่แล้ว ขอข้าฝึกฝนด้วยได้รึเปล่า?”

 

ใครหลายคนรีบกล่าวออกมาด้วยสีหน้าตื่นเต้น

 

เซียวจวิ้นยิ้มและกล่าว “อาจารย์ของข้าไม่หวงทักษะของตนเองอยู่แล้ว เพื่อผู้ฝึกตนในโลกวรยุทธผืนเดียวกัน ท่านอาจารย์ย่อมยินดีจะแบ่งปันความสําเร็จให้แก่ทุกคน”

 

“ช้าก่อน!” เสียงคํารามที่ไม่ดังมากดังขึ้น พร้อมกับหลิงฮันได้ทะยานร่างเข้ามายังลานประลอง “ข้าเองก็คันไม้คันมือ อยากจะแลกเปลี่ยนวรยุทธกับพวกเจ้าเหมือนกัน”

 

เมื่อครู่ในที่สุดเขาก็นึกออกแล้วว่า ทําไมพลังโจมตีของจอมยุทธที่อยู่บนเกาะถึงได้ดูคุ้นเคยนัก

 

เขาลองนึกย้อนกลับไปยังโลกบรรพกาล ในตอนที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับแห่งหนึ่งที่มีแม่น้ําลึกลับอยู่ด้านใน ในที่แห่งนั้นมีชนเผ่าที่ตั้งรากฐานตามแม่น้ําอยู่มากมาย โดยที่ชนเผ่าเหล่านั้นได้ ฝึกฝนศาสตร์วรยุทธที่มีรูปแบบแตกต่างออกไป

 

จอมยุทธจากชนเผ่าเหล่านั้น ไม่ได้ฝึกฝนอํานาจแห่งกฎเกณฑ์ หรืออํานาจแห่งเต๋ของสวรรค์ และปฐพี โดยที่ต้นกําเนิดพลังของพวกเขามาจากแม่น้ําลึกลับ

 

หลิงฮันลองเดินไปยังต้นทางของแม่น้ําแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเดินไปถึงปลายทางสุดท้ายได้ ซึ่งมีเพียงเสี่ยวภู่คนเดียวที่ไปถึง และมีการปะทะที่รุนแรงเกิดขึ้นจนรับบาดเจ็บ

 

พลังของชนเผ่าเหล่านั้นกับคนบนเกาะนี้เหมือนกันไม่มีผิดเพี้ยน

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+