Alchemy Emperor of the Divine Dao 2027 ผลพิษสําแดงเดช

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2027 ผลพิษสําแดงเดช at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2027 ผลพิษสําแดงเดช

 

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดหลายวัน พวกหลันเทียนหยางก็พบว่าร่างกายของเสี่ยวกู่นั้น ไม่สามารถทําให้บาดเจ็บได้

 

ไม่สิ ไม่ใช่ว่าทําให้บาดเจ็บไม่ได้ แต่ต่อให้บาดเจ็บไปก็ไม่มีประโยชน์ต่างหาก

 

พวกเขาลองโจมตีทําลายศีรษะของเสี่ยวภู่แล้ว ซึ่งการจะทําเช่นนั้นได้พวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนที่แสนสาหัสมาก แต่แล้วผลลัพธ์ล่ะเป็นอย่างไร? ศีรษะที่ถูกทําลายไปงอกกลับคืนมาใหม่ได้อย่างง่ายดาย

 

เพราะอย่างไรร่างกายของเสี่ยวกู่ก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาอยู่แล้ว หากแท่งกระดูกร่างหลักยังอยู่แค่ศีรษะถูกทําลายจะส่งผลอะไร?

 

“พรีบ” ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่ต้องการพัวพันต่อสู้กับเสี่ยวกู่อีกต่อไป

 

พวกเขาไม่อยากถูกนิกายลงโทษก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่อยากตายอยู่ที่นี่เหมือนกัน

ดังนั้นต่อให้ความลับของที่นี่จะถูกเปิดเผย พวกเขาก็ต้องเลือกที่จะหลบหนีแทนที่จะตายด้วยเงื้อมมือของเสี่ยวกู่

 

ยิ่งกว่านั้น หากเข้าใกล้ปราสาทยิ่งขึ้น พลังต่อสู้ที่หยิบยืมจากรูปปั้นทั้งสองได้ก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะงั้นต่อให้สู้ยืดเยื้ออยู่ข้างล่างหลุมต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

หลิงฮันรอสักพักหนึ่งก่อนจะออกมาจากหอคอยทมิฬและเก็บดาบกลับไป ณ ตอนนี้แก่นพลังของแร่โลหะโดยรอบถูกดูดซับไปแทบจะหมดแล้ว

 

เขาพุ่งทะยานร่างลอยขึ้นออกจากหลุม

 

ภาพที่เขาเห็นคือเสี่ยวคู่ยังคงปะทะกับเธอหยวนหวาและหลันเทียนหยางอยู่ โดยมีเหล่าจอมยุทธบนเกาะกําลังมองดูการต่อสู้อย่างไม่ละสายตา

 

ไม่ใช่ว่าจอมยุทธของเกาะนี้ที่ได้รับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์จะไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกันหรอก? ตอนแรกก็หลิงฮันหนหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังมีบุคคลลึกลับที่รูปร่างเหมือนกันหลิงฮันอีกคน ที่ไร้เทียมทานกว่าในระดับเดียวกัน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

 

การที่เห็นปรมาจารย์ของเกาะนี้สองคนร่วมมือกัน แต่ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของทุกคนลดลงฮวบ

 

“น้องชายหลิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เซียวจขึ้นพุ่งเข้ามาใกล้ทันทีและจ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้าจริงจัง

 

คนที่กําลังสู้กับเจ้าของเกาะและผู้พิทักษ์เกาะนั้นมีรูปลักษณ์เหมือนหลิงฮันไม่ผิดเพี้ยน หากจะบอกว่าทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกันใครจะเชื่อ?

 

“เจ้ากําลังถามข้างั้นรึ?” หลิงฮันมองไปยังเซียวจขึ้น

 

“ไม่ผิด” เซียวจวิ้นกล่าวอย่างองอาจ พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าหลิงฮันก็จริง แต่ตอนนี้ที่นี่มีตัวตนระดับแปดบัวบาน ที่เป็นระดับพลังเทียบเท่ากับระดับตําหนักอมตะอยู่เกือบสิบคน เหตุใดเขาต้องกลัวหลิงฮันกัน?

 

“ข้าไม่รู้” หลิงฮันยักไหล่อย่างไม่แยแส

 

“หลิงฮัน!” เซียวจวิ้นคํารามด้วยน้ําเสียงที่ดังขึ้น

 

“หลิงฮัน พวกเราเองก็ต้องการคําอธิบายเช่นกัน” พวกคนนอกอย่างกลุ่มของฉินเหวยหลายคนเองก็เผยสีหน้าไม่พอใจ

 

พวกเขาเพิ่งจะสะสางปัญหาเรื่องสัตว์อสูรบุกเสร็จไป และใกล้จะได้อิ่มเอมไปกับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์อยู่แล้วแท้ๆ แต่จู่ๆ กลับมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น แถมผู้บุกรุกยังมีรูปลักษณ์เหมือนหลิงฮันอีกด้วย จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์

 

“อธิบายงั้นรึ?” หลิงฮันเค้นเสียงเยาะเย้ย “พวกเจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาบอกให้ข้าอธิบาย?”

 

“อย่าได้ล้ําเส้นเกินไปนัก!” เหล่าคนนอกคําราม

 

“ผู้อาวุโสฉิน ท่านไม่คิดว่าคนผู้นี้น่ารังเกียจเกินไปหน่อยงั้นหรือ!”

 

“ข้าเองก็ขอให้ผู้อาวุโสลงมือจัดการเขาด้วยอีกคน!”

 

ฉินเหว่ยขมวดคิ้วและกล่าว “หลิงฮัน ตอนนี้พวกเราเป็นแขกของเกาะแห่งนี้ ในฐานะของแขก พวกเราไม่ควรสร้างปัญหาให้แก่เจ้าบ้าน”

 

หลิงฮันหัวเราะเสียงดัง “พวกกลุ่มคนโง่ที่กําลังถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว! ข้าเข้าใจนะว่าความรู้สึกโหยหาความแข็งแกร่งมันเป็นอย่างไร แต่พวกเจ้าไม่คิดบ้างว่าบนโลกนี้จะมีคนดี ถึงขนาดยอมแบ่งปันทักษะบ่มเพาะให้คนแปลกหน้าอยู่นะ?”

 

“หรือต่อให้มีจริงๆ คนเหล่านี้ดูเป็นคนดีขนาดนั้นงั้นรึ?”

 

หลันรั่วจื่อรีบขยับเข้ามากล่าวแทรก “นายน้อยหลิง เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว ท่านไม่ต้องการข้าแล้วรึไง?”

 

หลิงฮันยักไหล่อย่างไม่แยแส “เจ้าเองก็เป็นคนที่น่ารังเกียจเช่นกัน!”

 

“เจ้า” ใบหน้าอันงดงามของหลันรั่วจื่อเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับร่างของเกิดอาการสั่นเครือเบาๆ นางคิดอยู่ตลอดว่าตัวนางนั้นมีสถานะที่สูงส่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับเทพธิดาของ นางไม่ว่าบุรุษคนใดก็ต้องห้อมล้อมอยู่รอบตัวนาง

 

การที่ถูกหลิงฮันดูถูกเช่นนี้ แน่นอนว่าความมั่นใจอันเอ่อล้นของนางย่อมได้รับผลกระทบและกลายเป็นเกรี้ยวกราด

 

“ศิษย์น้องหญิง เจ้าเลิกสนใจเขาจะดีกว่า” เซียวจวิ้นแสยะยิ้ม “คนผู้นี้มีเจตนาชั่วร้ายและ มีพฤติกรรมน่าสงสัย ข้าว่าเราสมควรกําจัดเขาทิ้งไปซะ”

 

“เหล่าผู้ปรมาจารย์ทุกคน ได้โปรดจัดการคนผู้นี้ด้วย!” เขากล่าวกับเหล่าจอมยุทธระดับแปดบัวบาน

 

“ข้าลงมือเอง” ชายวัยกลางคนเดินออกมา ที่บริเวณกลางคิ้วของคนผู้นี้ จู่ๆ ก็มีสัญลักษณ์ดอกบัวแปดกลีบปรากฏขึ้นมา

 

ดอกบัวคือสัญลักษณ์บ่งชี้ระดับพลังบ่มเพาะที่คนเหล่านี้ฝึกฝน ซึ่งโดยเวลาปกติแล้วมันจะถูกปกปิดเอาไว้

 

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลยก็ดีนะ ข้าจะได้ประหยัดเวลา”

 

“เป็นแค่จอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่กล้าทําตัวอวดดีต่อหน้าข้างนรี!” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้มอย่าวชั่วร้าย ต่อให้เขาไม่ได้รับพลังอํานาจจากดวงวิญญาณนิรันดร์ ระดับแปดบัวบานก็มีพลังเทียบเท่ากับระดับตําหนักอมตะ สําหรับเขาการกําจัดจอมยุทธระดับแบ่งวิญญาณ ย่อมเป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

 

หลิงฮันเริ่มโคจรพลัง จริงอยู่ที่พลังของตัวเขาเองยังห่างไกลเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของตัวตนระดับตําหนักอมตะได้ แต่เขาก็ยังมีไพ่ลับอยู่

 

“ตึง ตึง ตึง” ชายวัยกลางคนก้าวเดินเข้ามา ฝีเท้าของเขาหนักอึ้งจนทุกการก้าวเดินทําให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้าน

 

“เจ้าหนู ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม

 

“เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เดี๋ยวนี้!” มุมปากของหลิงฮันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสนชั่วร้าย

 

ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างถูกควบแน่นขึ้นมาและระเบิดออก “ตูมมม” รัศมีของคลื่นสายฟ้าแพร่กระจายไปทั่วทิศทาง

 

ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเยาะเย้ย พลังของทักษะนี้ไม่ได้อ่อนแอเลยก็จริง แต่อย่างมากมันก็สามารถทําให้จอมยุทธระดับเจ็ดบัวบานหวาดกลัวเท่านั้น ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับแปดบัวบานเช่นเขา การโจมตีเพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดแม้แต่น้อย

 

ชายวัยควบแน่นโล่แสงคุ้มกันที่เบาบางขึ้นมา “เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ” รัศมีคลื่นอสนีพัวพันรอบโล่แสงสีดํา แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

 

ผลลัพธ์เช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้ว ถ้าจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณสามารถทําลายการป้องกันของตัวตนระดับตําหนักอมตะได้สิถึงจะแปลก

 

เพียงแต่ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ชายวัยกลางคนเพียงคนเดียว ทักษะนี้เป็นการโจมตีแบบไม่เลือกหน้าและแม้แต่ตัวหลิงฮันเองก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ

 

เพราะงั้นรัศมีสายตาอันเกรี้ยวกราดจึงส่งผลกระทบไปยังจอมยุทธของเกาะนี้คนอื่นๆ ด้วย

 

เพียงแค่ว่าคนอื่นๆ นั้นอยู่ห่างไกลออกไป ทําถึงแม้จะได้รับผลกระทบแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยก็แทบจะสามารถเมินเฉยไปได้แล้ว

 

“การแสดงป่าที่จบลงเท่านี้ละเจ้าหนู!” ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างเย้ยหยัน เพียงแต่ในขณะที่เขากําลังจะลงมือปลิดชีวิตหลิงฮันนั่นเอง จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

โล่คุ้มกันของเขากําลังถูกกัดกร่อน!

 

ที่บริเวณรอบด้าน เสียงร้องโอดครวญหลายเสียงขึ้นมา พร้อมกับร่างของคนมากมายได้ทรุดตัวลงกับพื้น โดยที่ร่างกายกําลังเกิดการกัดกร่อน

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

แค่การโจมตีของจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ จะเป็นภัยคุกคามต่อปรมาจารย์ระ ดับแปดบัวบานได้อย่างไรกัน?

 

“อ้ากกก” เสียงร้องทรมานดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา เพ ราะใครก็ตามที่ถูกรัศมีสายฟ้าสัมผัสโดนเข้าร่างกายก็จะสลายกลายเป็นกองโลหิตในทันที!

 

บ้าชัดๆ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

 

ไม่ใช่แค่ทุกคนที่หวาดกลัว แม้แต่ตัวหลิงฮันก็ยังจิตใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวาเล็กน้อยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าพิษของไผ่ครามผลสีชาดจะรุนแรงขนาดนี้

 

ใช่แล้ว… ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็คือการใช้รัศมีอัสนี ในการแพร่กระจายพิษของไผ่ครามผลสีชาด

 

ผลที่เป็นพิษของมันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งตัวตนระดับตําหนักอมตะ

 

“ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ” เหล่าคนที่รอดชีวิตไม่ถูกลูกหลงรีบขยับตัวถอยหลัง พร้อมกับมองไปที่หลิงฮันด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ราวกับกําลังเผชิญหน้าอยู่กับปีศาจ

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2027 ผลพิษสําแดงเดช

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2027 ผลพิษสําแดงเดช at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2027 ผลพิษสําแดงเดช

 

หลังจากการต่อสู้อันดุเดือดหลายวัน พวกหลันเทียนหยางก็พบว่าร่างกายของเสี่ยวกู่นั้น ไม่สามารถทําให้บาดเจ็บได้

 

ไม่สิ ไม่ใช่ว่าทําให้บาดเจ็บไม่ได้ แต่ต่อให้บาดเจ็บไปก็ไม่มีประโยชน์ต่างหาก

 

พวกเขาลองโจมตีทําลายศีรษะของเสี่ยวภู่แล้ว ซึ่งการจะทําเช่นนั้นได้พวกเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนที่แสนสาหัสมาก แต่แล้วผลลัพธ์ล่ะเป็นอย่างไร? ศีรษะที่ถูกทําลายไปงอกกลับคืนมาใหม่ได้อย่างง่ายดาย

 

เพราะอย่างไรร่างกายของเสี่ยวกู่ก็เป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาอยู่แล้ว หากแท่งกระดูกร่างหลักยังอยู่แค่ศีรษะถูกทําลายจะส่งผลอะไร?

 

“พรีบ” ทั้งสองพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า โดยไม่ต้องการพัวพันต่อสู้กับเสี่ยวกู่อีกต่อไป

 

พวกเขาไม่อยากถูกนิกายลงโทษก็จริง แต่พวกเขาก็ไม่อยากตายอยู่ที่นี่เหมือนกัน

ดังนั้นต่อให้ความลับของที่นี่จะถูกเปิดเผย พวกเขาก็ต้องเลือกที่จะหลบหนีแทนที่จะตายด้วยเงื้อมมือของเสี่ยวกู่

 

ยิ่งกว่านั้น หากเข้าใกล้ปราสาทยิ่งขึ้น พลังต่อสู้ที่หยิบยืมจากรูปปั้นทั้งสองได้ก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เพราะงั้นต่อให้สู้ยืดเยื้ออยู่ข้างล่างหลุมต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร

 

หลิงฮันรอสักพักหนึ่งก่อนจะออกมาจากหอคอยทมิฬและเก็บดาบกลับไป ณ ตอนนี้แก่นพลังของแร่โลหะโดยรอบถูกดูดซับไปแทบจะหมดแล้ว

 

เขาพุ่งทะยานร่างลอยขึ้นออกจากหลุม

 

ภาพที่เขาเห็นคือเสี่ยวคู่ยังคงปะทะกับเธอหยวนหวาและหลันเทียนหยางอยู่ โดยมีเหล่าจอมยุทธบนเกาะกําลังมองดูการต่อสู้อย่างไม่ละสายตา

 

ไม่ใช่ว่าจอมยุทธของเกาะนี้ที่ได้รับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์จะไร้เทียมทานในระดับพลังเดียวกันหรอก? ตอนแรกก็หลิงฮันหนหนึ่งแล้ว คราวนี้ยังมีบุคคลลึกลับที่รูปร่างเหมือนกันหลิงฮันอีกคน ที่ไร้เทียมทานกว่าในระดับเดียวกัน นี่มันหมายความว่าอย่างไรกัน?

 

การที่เห็นปรมาจารย์ของเกาะนี้สองคนร่วมมือกัน แต่ก็ยังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลําบาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของทุกคนลดลงฮวบ

 

“น้องชายหลิง นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เซียวจขึ้นพุ่งเข้ามาใกล้ทันทีและจ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้าจริงจัง

 

คนที่กําลังสู้กับเจ้าของเกาะและผู้พิทักษ์เกาะนั้นมีรูปลักษณ์เหมือนหลิงฮันไม่ผิดเพี้ยน หากจะบอกว่าทั้งสองไม่มีความเกี่ยวข้องกันใครจะเชื่อ?

 

“เจ้ากําลังถามข้างั้นรึ?” หลิงฮันมองไปยังเซียวจขึ้น

 

“ไม่ผิด” เซียวจวิ้นกล่าวอย่างองอาจ พลังต่อสู้ของเขาด้อยกว่าหลิงฮันก็จริง แต่ตอนนี้ที่นี่มีตัวตนระดับแปดบัวบาน ที่เป็นระดับพลังเทียบเท่ากับระดับตําหนักอมตะอยู่เกือบสิบคน เหตุใดเขาต้องกลัวหลิงฮันกัน?

 

“ข้าไม่รู้” หลิงฮันยักไหล่อย่างไม่แยแส

 

“หลิงฮัน!” เซียวจวิ้นคํารามด้วยน้ําเสียงที่ดังขึ้น

 

“หลิงฮัน พวกเราเองก็ต้องการคําอธิบายเช่นกัน” พวกคนนอกอย่างกลุ่มของฉินเหวยหลายคนเองก็เผยสีหน้าไม่พอใจ

 

พวกเขาเพิ่งจะสะสางปัญหาเรื่องสัตว์อสูรบุกเสร็จไป และใกล้จะได้อิ่มเอมไปกับวาสนาจากดวงวิญญาณนิรันดร์อยู่แล้วแท้ๆ แต่จู่ๆ กลับมีการต่อสู้ที่รุนแรงเกิดขึ้น แถมผู้บุกรุกยังมีรูปลักษณ์เหมือนหลิงฮันอีกด้วย จึงไม่แปลกที่พวกเขาจะรู้สึกไม่สบอารมณ์

 

“อธิบายงั้นรึ?” หลิงฮันเค้นเสียงเยาะเย้ย “พวกเจ้ามีคุณสมบัติอะไรมาบอกให้ข้าอธิบาย?”

 

“อย่าได้ล้ําเส้นเกินไปนัก!” เหล่าคนนอกคําราม

 

“ผู้อาวุโสฉิน ท่านไม่คิดว่าคนผู้นี้น่ารังเกียจเกินไปหน่อยงั้นหรือ!”

 

“ข้าเองก็ขอให้ผู้อาวุโสลงมือจัดการเขาด้วยอีกคน!”

 

ฉินเหว่ยขมวดคิ้วและกล่าว “หลิงฮัน ตอนนี้พวกเราเป็นแขกของเกาะแห่งนี้ ในฐานะของแขก พวกเราไม่ควรสร้างปัญหาให้แก่เจ้าบ้าน”

 

หลิงฮันหัวเราะเสียงดัง “พวกกลุ่มคนโง่ที่กําลังถูกหลอกใช้โดยไม่รู้ตัว! ข้าเข้าใจนะว่าความรู้สึกโหยหาความแข็งแกร่งมันเป็นอย่างไร แต่พวกเจ้าไม่คิดบ้างว่าบนโลกนี้จะมีคนดี ถึงขนาดยอมแบ่งปันทักษะบ่มเพาะให้คนแปลกหน้าอยู่นะ?”

 

“หรือต่อให้มีจริงๆ คนเหล่านี้ดูเป็นคนดีขนาดนั้นงั้นรึ?”

 

หลันรั่วจื่อรีบขยับเข้ามากล่าวแทรก “นายน้อยหลิง เลิกพูดอะไรไร้สาระได้แล้ว ท่านไม่ต้องการข้าแล้วรึไง?”

 

หลิงฮันยักไหล่อย่างไม่แยแส “เจ้าเองก็เป็นคนที่น่ารังเกียจเช่นกัน!”

 

“เจ้า” ใบหน้าอันงดงามของหลันรั่วจื่อเปลี่ยนไปทันที พร้อมกับร่างของเกิดอาการสั่นเครือเบาๆ นางคิดอยู่ตลอดว่าตัวนางนั้นมีสถานะที่สูงส่ง ด้วยรูปลักษณ์ที่งดงามราวกับเทพธิดาของ นางไม่ว่าบุรุษคนใดก็ต้องห้อมล้อมอยู่รอบตัวนาง

 

การที่ถูกหลิงฮันดูถูกเช่นนี้ แน่นอนว่าความมั่นใจอันเอ่อล้นของนางย่อมได้รับผลกระทบและกลายเป็นเกรี้ยวกราด

 

“ศิษย์น้องหญิง เจ้าเลิกสนใจเขาจะดีกว่า” เซียวจวิ้นแสยะยิ้ม “คนผู้นี้มีเจตนาชั่วร้ายและ มีพฤติกรรมน่าสงสัย ข้าว่าเราสมควรกําจัดเขาทิ้งไปซะ”

 

“เหล่าผู้ปรมาจารย์ทุกคน ได้โปรดจัดการคนผู้นี้ด้วย!” เขากล่าวกับเหล่าจอมยุทธระดับแปดบัวบาน

 

“ข้าลงมือเอง” ชายวัยกลางคนเดินออกมา ที่บริเวณกลางคิ้วของคนผู้นี้ จู่ๆ ก็มีสัญลักษณ์ดอกบัวแปดกลีบปรากฏขึ้นมา

 

ดอกบัวคือสัญลักษณ์บ่งชี้ระดับพลังบ่มเพาะที่คนเหล่านี้ฝึกฝน ซึ่งโดยเวลาปกติแล้วมันจะถูกปกปิดเอาไว้

 

หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเลยก็ดีนะ ข้าจะได้ประหยัดเวลา”

 

“เป็นแค่จอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ แต่กล้าทําตัวอวดดีต่อหน้าข้างนรี!” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้มอย่าวชั่วร้าย ต่อให้เขาไม่ได้รับพลังอํานาจจากดวงวิญญาณนิรันดร์ ระดับแปดบัวบานก็มีพลังเทียบเท่ากับระดับตําหนักอมตะ สําหรับเขาการกําจัดจอมยุทธระดับแบ่งวิญญาณ ย่อมเป็นเรื่องง่ายราวกับพลิกฝ่ามือ

 

หลิงฮันเริ่มโคจรพลัง จริงอยู่ที่พลังของตัวเขาเองยังห่างไกลเกินกว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของตัวตนระดับตําหนักอมตะได้ แต่เขาก็ยังมีไพ่ลับอยู่

 

“ตึง ตึง ตึง” ชายวัยกลางคนก้าวเดินเข้ามา ฝีเท้าของเขาหนักอึ้งจนทุกการก้าวเดินทําให้จิตใจของผู้คนสั่นสะท้าน

 

“เจ้าหนู ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจขนาดนั้นมาจากไหน?” ชายวัยกลางคนแสยะยิ้ม

 

“เดี๋ยวเจ้าก็จะได้รู้เดี๋ยวนี้!” มุมปากของหลิงฮันยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแสนชั่วร้าย

 

ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างถูกควบแน่นขึ้นมาและระเบิดออก “ตูมมม” รัศมีของคลื่นสายฟ้าแพร่กระจายไปทั่วทิศทาง

 

ชายวัยกลางคนอดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มเยาะเย้ย พลังของทักษะนี้ไม่ได้อ่อนแอเลยก็จริง แต่อย่างมากมันก็สามารถทําให้จอมยุทธระดับเจ็ดบัวบานหวาดกลัวเท่านั้น ต่อหน้าปรมาจารย์ระดับแปดบัวบานเช่นเขา การโจมตีเพียงเท่านี้ไม่นับว่าเป็นอันใดแม้แต่น้อย

 

ชายวัยควบแน่นโล่แสงคุ้มกันที่เบาบางขึ้นมา “เปรี้ยะ เปรี้ยะ เปรี้ยะ” รัศมีคลื่นอสนีพัวพันรอบโล่แสงสีดํา แต่ก็ไม่สามารถทะลุผ่านไปได้

 

ผลลัพธ์เช่นนี้นับว่าถูกต้องแล้ว ถ้าจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณสามารถทําลายการป้องกันของตัวตนระดับตําหนักอมตะได้สิถึงจะแปลก

 

เพียงแต่ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ชายวัยกลางคนเพียงคนเดียว ทักษะนี้เป็นการโจมตีแบบไม่เลือกหน้าและแม้แต่ตัวหลิงฮันเองก็อาจจะได้รับบาดเจ็บ

 

เพราะงั้นรัศมีสายตาอันเกรี้ยวกราดจึงส่งผลกระทบไปยังจอมยุทธของเกาะนี้คนอื่นๆ ด้วย

 

เพียงแค่ว่าคนอื่นๆ นั้นอยู่ห่างไกลออกไป ทําถึงแม้จะได้รับผลกระทบแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อยก็แทบจะสามารถเมินเฉยไปได้แล้ว

 

“การแสดงป่าที่จบลงเท่านี้ละเจ้าหนู!” ชายวัยกลางคนยิ้มอย่างเย้ยหยัน เพียงแต่ในขณะที่เขากําลังจะลงมือปลิดชีวิตหลิงฮันนั่นเอง จู่ๆ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

 

โล่คุ้มกันของเขากําลังถูกกัดกร่อน!

 

ที่บริเวณรอบด้าน เสียงร้องโอดครวญหลายเสียงขึ้นมา พร้อมกับร่างของคนมากมายได้ทรุดตัวลงกับพื้น โดยที่ร่างกายกําลังเกิดการกัดกร่อน

 

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

 

แค่การโจมตีของจอมยุทธระดับแบ่งแยกวิญญาณ จะเป็นภัยคุกคามต่อปรมาจารย์ระ ดับแปดบัวบานได้อย่างไรกัน?

 

“อ้ากกก” เสียงร้องทรมานดังขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะหายไปอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา เพ ราะใครก็ตามที่ถูกรัศมีสายฟ้าสัมผัสโดนเข้าร่างกายก็จะสลายกลายเป็นกองโลหิตในทันที!

 

บ้าชัดๆ นี่มันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?

 

ไม่ใช่แค่ทุกคนที่หวาดกลัว แม้แต่ตัวหลิงฮันก็ยังจิตใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดผวาเล็กน้อยเช่นกัน ไม่น่าเชื่อว่าพิษของไผ่ครามผลสีชาดจะรุนแรงขนาดนี้

 

ใช่แล้ว… ทักษะก้อนแสงอสนีทําลายล้างเป็นฉากบังหน้าเท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาก็คือการใช้รัศมีอัสนี ในการแพร่กระจายพิษของไผ่ครามผลสีชาด

 

ผลที่เป็นพิษของมันสามารถสังหารได้แม้กระทั่งตัวตนระดับตําหนักอมตะ

 

“ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ” เหล่าคนที่รอดชีวิตไม่ถูกลูกหลงรีบขยับตัวถอยหลัง พร้อมกับมองไปที่หลิงฮันด้วยความรู้สึกหวาดกลัว ราวกับกําลังเผชิญหน้าอยู่กับปีศาจ

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+