Alchemy Emperor of the Divine Dao 2042 ประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2042 ประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2042 ประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี

 

‘ครืนนน’ ภายในร่างของหลิงฮัน พลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสี่ถูกโคจร และเกิดการสั่นไหวราวกับสวรรค์กําลังแยกออกจากกัน

 

หลิงฮันมีความรู้สึกว่าตัวเขาในตอนนี้ยังห่างไกล จากการที่จะปลดปล่อยพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่อีกมากนัก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วพลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับสูงขึ้นกว่านี้จนทัดเทียมหรืออาจจะเหนือกว่าจี่อู๋หมิงได้

 

ในขณะที่กําลังรับมือกับการโจมตีอันดุดันของหลงปู้เทียน เขาก็ครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะทําให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

 

เขาเคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนแล้ว แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงภาพร่างในหัวที่ยังไม่ได้ลองฝึกฝนจริง

 

วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการสลักรูปแบบอาคมเอาไว้ในร่างกาย

 

วิธีนี้เขาเคยทํามาแล้วในโลกบรรพกาล ซึ่งผลลัพธ์ของมันก็น่าอัศจรรย์มาก แต่เกรงว่าในดินแดนแห่งเซียนคงจะเป็นไปไม่ได้

 

รูปแบบอาคมระดับนิรันดร์นั้นมีขนาดใหญ่เกินไป อย่างเช่นรูปแบบอาคมคุ้มกันคุ้มกันขุนเขา หรือรูปแบบอาคมที่ติดตั้งบนเรือเหาะ ซึ่งพวกมันใหญ่เกินไปที่จะนํามาประทับลงบนกระดูกในร่างกาย อย่างน้อยตัวหลิงฮันในตอนนี้ก็ไม่สามารถทําได้

 

ถ้างั้นจะเปลี่ยนไปใช้อะไรมาประทับลงแทนล่ะ?

 

ตราประทับของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี!

 

แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่มีอํานาจอยู่ในระดับราชานิรันดร์ ตราบใดที่สามารถควบคุม พลังของมันได้สักน้อยนิด พลังต่อสู้ก็จะพุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาล โดยสิ่งที่หลิงฮันต้องทําก็คือการกระตุ้นพลังของมันให้ได้

 

ส่วนจะกระตุ้นอย่างไรน่ะ?

 

วิธีการก็คือต้องทําให้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ทั้งห้าธาตุเชื่อมโยงกัน

 

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่เพียงสี่ธาตุและขาดอยู่อีกหนึ่ง แต่การเชื่อมโยงพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่เข้าหากันก็ยังทําได้อยู่ เพียงแค่อํานาจของมันจะลดทอนลงมามาก

 

แต่ก็ลองดูก่อน

 

หลิงฮันกระตุ้นพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ‘พรึบ’ อักขระที่ดูโบราณและเรียบง่ายปรากฏขึ้น และประทับลงบนกระดูกของเขา เพียงแต่อักขระที่ประทับลงไปก็ค่อยจางหายไปอย่างช้าๆ

 

เขากระตุ้นพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอันที่สองและสาม พร้อมกับประทับอักขระลงบนกระดูกชิ้นที่สองและสาม

 

เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะกระตุ้นพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอันที่สี่ อักขระที่ประทับลงไปบนกระดูกชิ้นแรกก็หมั่นแสงและหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ไม่ไหว… ช้าเกินไป

 

หลิงฮันกล่าวในใจ ก่อนจะทดลองอีกครั้ง

 

“ปัง!”

 

หลิงฮันพยายามกระตุ้นพลังอันเดือดดาลภายในร่างกาย ในขณะที่หลงปู้เทียนโจมตีอย่างดุเดือดและกําราบหลิงฮันอย่างสมบูรณ์ มือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ หมัด และฝ่ามือกระหน่ําจู่โจมใส่ร่างของหลิงฮันอย่างบ้าคลั่ง

 

แต่ถึงแม้จิตใจของหลิงฮันจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กายหยาบของเขาก็ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง ไม่ว่าหลงปู้เทียนจะโจมตีอย่างไรร่างกายของเขาก็ไม่ปรากฏบาดแผลแม้เล็กน้อย ส่งผลให้ตู้เส่าจวิ้นและคนอื่นๆ ที่มองดูอยู่ขมวดคิ้ว

 

มีสัตว์ประหลาดที่พลังป้องกันทนทานขนาดนี้อยู่ได้อย่างไรกัน?

 

หลิงฮันศึกษาทักษะใหม่ภายในร่างกายต่อไป และรู้สึกราวกับว่าเริ่มใกล้จะทําสําเร็จแล้ว

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบเอ็ด”

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบสอง”

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบสาม”

 

ที่ด้านนอกอุปกรณ์มิติ คนอื่นๆ กําลังนับจํานวนกระบวนท่า ซึ่งใกล้จะครบร้อยกระบวนท่าที่ตกลงกันเอาไว้เข้าไปทุกที่แล้ว

 

“ปัง ปัง ปัง” หลงปู้เทียนลงมือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อผู้เล่าจจิ้นบอกให้เขาประมือกับหลิงฮัน นั่นก็หมายความว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอีกต่อไป แต่ในฐานะจอมยุทธ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอยากที่จะเอาชนะ

 

เพราะงั้นเขาจึงได้ปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมา และกระหน่ําโจมตีใส่หลิงฮันอย่างบ้าคลัง

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบเก้า”

 

‘ฮึ่ม’ ในจังหวะนั้นเอง ที่ภายในร่างกายของหลิงฮันก็เกิดประกายแสงส่องสว่างขึ้นมา และออร่าของเขาก็ทรงพลังขึ้นหลายเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ภายในแค่พริบตาเดียวมันก็จางหายไป

 

ปัง!

 

หลิงฮันรับกระบวนท่าสุดท้าย พร้อมกับร่างถูกส่งลอยกระเด็นทะลุพื้นดินไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยฟุตก่อนจะหยุด

 

“กระบวนท่าที่หนึ่งร้อย!”

 

หลงปู้เทียนอยากจะลงมือต่อ แต่ก็ยั้งมือเอาไว้

 

การประลองสิ้นสุดแล้ว

 

เขาทะยานร่างนําออกไปจากแผ่นกระดาน ก่อนที่หลิงฮันจะออกตามมาอย่างเชื่องช้าด้วยใบหน้าเหม่อลอย ราวกับกําลังหมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง

 

“ข้าขอนับเจ้าเป็นสหาย” ตู้เส่าจวิ้นหัวเราะและยื่นมือออกไปหาหลิงฮัน

 

ใบหน้าของหลิงฮันยังคงเหม่อลอยอยู่ เขายื่นมือออกไปอย่างมีนงงและจับมือกับตู้เส่าจวิ้น

 

“ในเมื่อเป็นสหายกันแล้วก็มาดื่มกัน!” ตู้เส่าจวิ้นคว้าข้อมือหลิงฮันและพาเข้าไปยังห้องอาหาร พร้อมกับกล่าวกับบริกร “นําสุราและอาหารชั้นเลิศมาแบบไม่อั้น”

 

“ถ้าหนิวจะกินเนื้อ ก็ต้องเป็นเนื้อของสัตว์อสูรระดับตําหนักอมตะ!” ฮูหนิวรีบกล่าวออกมา นางไม่ใช่คนที่จะเกรงใจคนอื่น

 

มุมปากของตู้เส่าจวิ้นกระตุก ถึงแม้เขาจะมีสถานะที่โดดเด่น แต่ก็ยังไม่ได้สูงส่งถึงขนาดที่จะสามารถกินเนื้อของสัตว์อสูรระดับตําหนักอมตะได้ตามใจชอบ เพียงแต่เขาก็เพิ่งพูดจาโอ้อวดออกไป จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าให้กับบริกร เพื่อสื่อว่านําอาหารแบบนี้ว่ามาให้ด้วย

 

“รับทราบ!” บริกรรีบเร่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

 

หากเนื้อระดับสูงเช่นนี้ขายได้ ในฐานะที่เป็นคนรับแขก เขาเองก็จะได้ส่วนแบ่งเช่นกัน

 

หร่วนตงอยากจะตามเข้าไปในห้องอาหาร แต่ตู้เส่าจจิ้นก็กะพริบตาส่งสัญญาณให้รุ่นเยาว์ชุดเหลืองยื่นมือออกไปกันหร่วนตงเอาไว้

 

“นายน้อยตู้!” หร่วนตงส่งเสียงโอดครวญ

 

“ไสหัวไป!” รุ่นเยาว์ชุดเหลืองกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา เศษสวะเช่นนี้น่ะรีที่คิดจะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขา?

 

ใบหน้าของหร่วนตงขึ้นสีด้วยความอับอาย เขากําหมัดแน่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินจาก

 

ข้าจะจดจําความแค้นครั้งนี้เอาไว้ และจะมาล้างแค้นภายหลัง!

 

เมื่อเห็นร่างของหร่วนตงเดินจากไป รุ่นเยาว์ชุดเหลืองก็กล่าว “นายน้อยตู้ เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นมีความคับแค้นอยู่ในจิตใจ ท่านอยากให้ข้า…”

 

ตู้เส่าจวิ้นยิ้มและกล่าว “แค่มดปลวกตัวจ้อยที่คับแค้นใจจะไปสนใจทําไม? หากเขายื่นมือเส้นจริงๆ ข้าจะเป็นคนสังหารเขาเอง”

 

ทุกคนพยักหน้า ตู้เส่าจวิ้นมีความสามารถที่จะกล่าวเช่นนี้

 

พวกเขาเปลี่ยนความสนใจกลับมาที่อาหารบนโต๊ะ ในขณะที่หลิงฮันยังคงนั่งนิ่งเฉยราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง

 

ตู้เส่าจวิ้นและคนอื่นๆ คิดว่าที่เขานิ่งไปแบบนี้เป็นเพราะซึมที่พ่ายแพ้ให้กับหลงปู้เทียน ทุกคนจึงได้ช่วยกันกล่าวปลอบใจ

 

หลังจากกินดื่มกันเสร็จ ตู้เส่าจวิ้นก็ชวนให้หลิงฮันกับพรรคพวกไปยังที่พักของตนเอง แต่จักรพรรดินีได้ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ และช่วยหลิงฮันกลับโรงเตี้ยม จากมุมมองคนอื่นที่ไม่รู้คงคิดว่า หลิงฮันกําลังอยู่ในสภาพที่มีนเมาเพราะสุรา

 

แต่ความเป็นจริง จิตใจของหลิงฮันในตอนนี้กําลังติดอยู่ในโลกของตนเอง

 

ในตอนที่ถูกหลงปู้เทียนโจมตีครั้งสุดท้าย เขาบังเอิญรู้แจ้งถึงวิธีที่จะกระตุ้นและใช้อํานาจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีได้สําเร็จพอดี

 

หลังจากกลับมาถึงโรงเตี้ยม หลิงฮันก็รีบเข้าสู่หอคอยทมิฬทันที และเริ่มย่อยความเข้าใจที่ใต้ต้นสังสารวัฏ

 

สามวันในโลกภายนอกผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ที่ด้านในหอคอยทมิฬ ภายในร่างกายของหลิงฮันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงซ้ําไปซ้ํามามากมาย บนกระดูกสี่แท่งในร่างของเขา อักขระที่เรียบง่ายถูกประทับเอาไว้และส่องประกายแสงออกมา เพียงแต่ทุกครั้งที่ตราประทับอันที่สี่เริ่มส่องแสง ตราประทับอันแรกก็จะหม่นแสงลง ทําให้ตราประทับทั้งสี่ไม่เชื่อมโยงเข้าหากัน

 

“ถ้าแบบนี้ล่ะ!” เขาลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ‘พรึบ’ ลูกตาทั้งสองของเขาราวกับเป็นคบเพลิงที่ส่องสว่างตัดผ่านความมืดมิด

 

‘พรึบ’ คราวนี้ที่บนด้านกระดูกทั้งสี่แท่ง ตราประทับทั้งสี่ได้ส่องประกายขึ้นมาพร้อมกัน

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2042 ประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2042 ประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2042 ประยุกต์ใช้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี

 

‘ครืนนน’ ภายในร่างของหลิงฮัน พลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีทั้งสี่ถูกโคจร และเกิดการสั่นไหวราวกับสวรรค์กําลังแยกออกจากกัน

 

หลิงฮันมีความรู้สึกว่าตัวเขาในตอนนี้ยังห่างไกล จากการที่จะปลดปล่อยพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่อีกมากนัก เพราะไม่อย่างนั้นแล้วพลังต่อสู้ของเขาจะยกระดับสูงขึ้นกว่านี้จนทัดเทียมหรืออาจจะเหนือกว่าจี่อู๋หมิงได้

 

ในขณะที่กําลังรับมือกับการโจมตีอันดุดันของหลงปู้เทียน เขาก็ครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะทําให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น

 

เขาเคยคิดถึงปัญหานี้มาก่อนแล้ว แต่นั่นก็ยังเป็นเพียงภาพร่างในหัวที่ยังไม่ได้ลองฝึกฝนจริง

 

วิธีการที่ง่ายที่สุดก็คือการสลักรูปแบบอาคมเอาไว้ในร่างกาย

 

วิธีนี้เขาเคยทํามาแล้วในโลกบรรพกาล ซึ่งผลลัพธ์ของมันก็น่าอัศจรรย์มาก แต่เกรงว่าในดินแดนแห่งเซียนคงจะเป็นไปไม่ได้

 

รูปแบบอาคมระดับนิรันดร์นั้นมีขนาดใหญ่เกินไป อย่างเช่นรูปแบบอาคมคุ้มกันคุ้มกันขุนเขา หรือรูปแบบอาคมที่ติดตั้งบนเรือเหาะ ซึ่งพวกมันใหญ่เกินไปที่จะนํามาประทับลงบนกระดูกในร่างกาย อย่างน้อยตัวหลิงฮันในตอนนี้ก็ไม่สามารถทําได้

 

ถ้างั้นจะเปลี่ยนไปใช้อะไรมาประทับลงแทนล่ะ?

 

ตราประทับของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี!

 

แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่มีอํานาจอยู่ในระดับราชานิรันดร์ ตราบใดที่สามารถควบคุม พลังของมันได้สักน้อยนิด พลังต่อสู้ก็จะพุ่งทะยานขึ้นอย่างมหาศาล โดยสิ่งที่หลิงฮันต้องทําก็คือการกระตุ้นพลังของมันให้ได้

 

ส่วนจะกระตุ้นอย่างไรน่ะ?

 

วิธีการก็คือต้องทําให้แก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่ทั้งห้าธาตุเชื่อมโยงกัน

 

ถึงแม้ตอนนี้เขาจะมีแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอยู่เพียงสี่ธาตุและขาดอยู่อีกหนึ่ง แต่การเชื่อมโยงพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี่เข้าหากันก็ยังทําได้อยู่ เพียงแค่อํานาจของมันจะลดทอนลงมามาก

 

แต่ก็ลองดูก่อน

 

หลิงฮันกระตุ้นพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพี ‘พรึบ’ อักขระที่ดูโบราณและเรียบง่ายปรากฏขึ้น และประทับลงบนกระดูกของเขา เพียงแต่อักขระที่ประทับลงไปก็ค่อยจางหายไปอย่างช้าๆ

 

เขากระตุ้นพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอันที่สองและสาม พร้อมกับประทับอักขระลงบนกระดูกชิ้นที่สองและสาม

 

เพียงแต่ยังไม่ทันที่เขาจะกระตุ้นพลังของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีอันที่สี่ อักขระที่ประทับลงไปบนกระดูกชิ้นแรกก็หมั่นแสงและหายไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

ไม่ไหว… ช้าเกินไป

 

หลิงฮันกล่าวในใจ ก่อนจะทดลองอีกครั้ง

 

“ปัง!”

 

หลิงฮันพยายามกระตุ้นพลังอันเดือดดาลภายในร่างกาย ในขณะที่หลงปู้เทียนโจมตีอย่างดุเดือดและกําราบหลิงฮันอย่างสมบูรณ์ มือของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกรงเล็บ หมัด และฝ่ามือกระหน่ําจู่โจมใส่ร่างของหลิงฮันอย่างบ้าคลั่ง

 

แต่ถึงแม้จิตใจของหลิงฮันจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กายหยาบของเขาก็ไร้เทียมทานอย่างแท้จริง ไม่ว่าหลงปู้เทียนจะโจมตีอย่างไรร่างกายของเขาก็ไม่ปรากฏบาดแผลแม้เล็กน้อย ส่งผลให้ตู้เส่าจวิ้นและคนอื่นๆ ที่มองดูอยู่ขมวดคิ้ว

 

มีสัตว์ประหลาดที่พลังป้องกันทนทานขนาดนี้อยู่ได้อย่างไรกัน?

 

หลิงฮันศึกษาทักษะใหม่ภายในร่างกายต่อไป และรู้สึกราวกับว่าเริ่มใกล้จะทําสําเร็จแล้ว

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบเอ็ด”

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบสอง”

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบสาม”

 

ที่ด้านนอกอุปกรณ์มิติ คนอื่นๆ กําลังนับจํานวนกระบวนท่า ซึ่งใกล้จะครบร้อยกระบวนท่าที่ตกลงกันเอาไว้เข้าไปทุกที่แล้ว

 

“ปัง ปัง ปัง” หลงปู้เทียนลงมือรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อผู้เล่าจจิ้นบอกให้เขาประมือกับหลิงฮัน นั่นก็หมายความว่าทั้งสองฝ่ายไม่มีความเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอีกต่อไป แต่ในฐานะจอมยุทธ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังอยากที่จะเอาชนะ

 

เพราะงั้นเขาจึงได้ปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมดออกมา และกระหน่ําโจมตีใส่หลิงฮันอย่างบ้าคลัง

 

“กระบวนท่าที่เก้าสิบเก้า”

 

‘ฮึ่ม’ ในจังหวะนั้นเอง ที่ภายในร่างกายของหลิงฮันก็เกิดประกายแสงส่องสว่างขึ้นมา และออร่าของเขาก็ทรงพลังขึ้นหลายเท่านั้น แต่น่าเสียดายที่ภายในแค่พริบตาเดียวมันก็จางหายไป

 

ปัง!

 

หลิงฮันรับกระบวนท่าสุดท้าย พร้อมกับร่างถูกส่งลอยกระเด็นทะลุพื้นดินไปอย่างน้อยหนึ่งร้อยฟุตก่อนจะหยุด

 

“กระบวนท่าที่หนึ่งร้อย!”

 

หลงปู้เทียนอยากจะลงมือต่อ แต่ก็ยั้งมือเอาไว้

 

การประลองสิ้นสุดแล้ว

 

เขาทะยานร่างนําออกไปจากแผ่นกระดาน ก่อนที่หลิงฮันจะออกตามมาอย่างเชื่องช้าด้วยใบหน้าเหม่อลอย ราวกับกําลังหมกมุ่นอยู่กับอะไรบางอย่าง

 

“ข้าขอนับเจ้าเป็นสหาย” ตู้เส่าจวิ้นหัวเราะและยื่นมือออกไปหาหลิงฮัน

 

ใบหน้าของหลิงฮันยังคงเหม่อลอยอยู่ เขายื่นมือออกไปอย่างมีนงงและจับมือกับตู้เส่าจวิ้น

 

“ในเมื่อเป็นสหายกันแล้วก็มาดื่มกัน!” ตู้เส่าจวิ้นคว้าข้อมือหลิงฮันและพาเข้าไปยังห้องอาหาร พร้อมกับกล่าวกับบริกร “นําสุราและอาหารชั้นเลิศมาแบบไม่อั้น”

 

“ถ้าหนิวจะกินเนื้อ ก็ต้องเป็นเนื้อของสัตว์อสูรระดับตําหนักอมตะ!” ฮูหนิวรีบกล่าวออกมา นางไม่ใช่คนที่จะเกรงใจคนอื่น

 

มุมปากของตู้เส่าจวิ้นกระตุก ถึงแม้เขาจะมีสถานะที่โดดเด่น แต่ก็ยังไม่ได้สูงส่งถึงขนาดที่จะสามารถกินเนื้อของสัตว์อสูรระดับตําหนักอมตะได้ตามใจชอบ เพียงแต่เขาก็เพิ่งพูดจาโอ้อวดออกไป จึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยักหน้าให้กับบริกร เพื่อสื่อว่านําอาหารแบบนี้ว่ามาให้ด้วย

 

“รับทราบ!” บริกรรีบเร่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความสุข

 

หากเนื้อระดับสูงเช่นนี้ขายได้ ในฐานะที่เป็นคนรับแขก เขาเองก็จะได้ส่วนแบ่งเช่นกัน

 

หร่วนตงอยากจะตามเข้าไปในห้องอาหาร แต่ตู้เส่าจจิ้นก็กะพริบตาส่งสัญญาณให้รุ่นเยาว์ชุดเหลืองยื่นมือออกไปกันหร่วนตงเอาไว้

 

“นายน้อยตู้!” หร่วนตงส่งเสียงโอดครวญ

 

“ไสหัวไป!” รุ่นเยาว์ชุดเหลืองกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา เศษสวะเช่นนี้น่ะรีที่คิดจะเข้าร่วมกลุ่มกับพวกเขา?

 

ใบหน้าของหร่วนตงขึ้นสีด้วยความอับอาย เขากําหมัดแน่นอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันหลังเดินจาก

 

ข้าจะจดจําความแค้นครั้งนี้เอาไว้ และจะมาล้างแค้นภายหลัง!

 

เมื่อเห็นร่างของหร่วนตงเดินจากไป รุ่นเยาว์ชุดเหลืองก็กล่าว “นายน้อยตู้ เห็นได้ชัดว่าหมอนั่นมีความคับแค้นอยู่ในจิตใจ ท่านอยากให้ข้า…”

 

ตู้เส่าจวิ้นยิ้มและกล่าว “แค่มดปลวกตัวจ้อยที่คับแค้นใจจะไปสนใจทําไม? หากเขายื่นมือเส้นจริงๆ ข้าจะเป็นคนสังหารเขาเอง”

 

ทุกคนพยักหน้า ตู้เส่าจวิ้นมีความสามารถที่จะกล่าวเช่นนี้

 

พวกเขาเปลี่ยนความสนใจกลับมาที่อาหารบนโต๊ะ ในขณะที่หลิงฮันยังคงนั่งนิ่งเฉยราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง

 

ตู้เส่าจวิ้นและคนอื่นๆ คิดว่าที่เขานิ่งไปแบบนี้เป็นเพราะซึมที่พ่ายแพ้ให้กับหลงปู้เทียน ทุกคนจึงได้ช่วยกันกล่าวปลอบใจ

 

หลังจากกินดื่มกันเสร็จ ตู้เส่าจวิ้นก็ชวนให้หลิงฮันกับพรรคพวกไปยังที่พักของตนเอง แต่จักรพรรดินีได้ปฏิเสธไปอย่างสุภาพ และช่วยหลิงฮันกลับโรงเตี้ยม จากมุมมองคนอื่นที่ไม่รู้คงคิดว่า หลิงฮันกําลังอยู่ในสภาพที่มีนเมาเพราะสุรา

 

แต่ความเป็นจริง จิตใจของหลิงฮันในตอนนี้กําลังติดอยู่ในโลกของตนเอง

 

ในตอนที่ถูกหลงปู้เทียนโจมตีครั้งสุดท้าย เขาบังเอิญรู้แจ้งถึงวิธีที่จะกระตุ้นและใช้อํานาจของแก่นกําเนิดสวรรค์และปฐพีได้สําเร็จพอดี

 

หลังจากกลับมาถึงโรงเตี้ยม หลิงฮันก็รีบเข้าสู่หอคอยทมิฬทันที และเริ่มย่อยความเข้าใจที่ใต้ต้นสังสารวัฏ

 

สามวันในโลกภายนอกผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

ที่ด้านในหอคอยทมิฬ ภายในร่างกายของหลิงฮันได้เกิดการเปลี่ยนแปลงซ้ําไปซ้ํามามากมาย บนกระดูกสี่แท่งในร่างของเขา อักขระที่เรียบง่ายถูกประทับเอาไว้และส่องประกายแสงออกมา เพียงแต่ทุกครั้งที่ตราประทับอันที่สี่เริ่มส่องแสง ตราประทับอันแรกก็จะหม่นแสงลง ทําให้ตราประทับทั้งสี่ไม่เชื่อมโยงเข้าหากัน

 

“ถ้าแบบนี้ล่ะ!” เขาลืมตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน ‘พรึบ’ ลูกตาทั้งสองของเขาราวกับเป็นคบเพลิงที่ส่องสว่างตัดผ่านความมืดมิด

 

‘พรึบ’ คราวนี้ที่บนด้านกระดูกทั้งสี่แท่ง ตราประทับทั้งสี่ได้ส่องประกายขึ้นมาพร้อมกัน

 

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+