Alchemy Emperor of the Divine Dao 2068 ร่างมนุษทมิฬ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2068 ร่างมนุษทมิฬ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2068 ร่างมนุษทมิฬ   เผ่าชิงถงคือเผ่าของนักบวชชราน่าชวีที่ตอนแรกพยายามจะดึงตัวหลิงฮันให้เข้าร่วมกับตนเองอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าตอนนี้นักบวชชรากลับไม่แม้แต่จะมาพบพวกเขาด้วยตนเอง และส่งรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งมาแทน   เหตุผลนั้นง่ายมาก ถึงแม้การประลองจะยังไม่เริ่ม แต่ผลลัพธ์ก็เผยออกมาให้เห็นแล้ว   นักบวชชราน่าซวีกําลังอารมณ์บูดบึง จึงคร้านจะตอบคําถามใดๆจากหลิงฮัน   หลิงฮันพูดคุยกับรุ่นเยาว์ที่ถูกส่งมาและต่อรองผลตอบแทนให้สูงขึ้น   สุดท้ายเผ่าชิงถงก็รับปากว่าจะมอบผงกระดูกมังกรสวรรค์ให้พวกหลิงฮัน ในจํานวนที่มากพอที่จะทําให้วาสนาร้อยมังกรชําระล้างกายาเพิ่มพูนถึงสิบเท่า   แน่นอนว่าพวกเขาก็มีเงื่อนไขด้วยว่า ไม่ใช่แค่เข้าร่วมการประลองแล้วจะได้รับรางวัล แต่พวกหลิงฮันต้องชนะและนําลูกแก้วมังกรมาให้กับเผ่าชิงถงด้วย   เพราะอย่างไรกลุ่มของพวกหลิงฮันก็มีแค่ห้าคนเท่านั้น ผงกระดูกมังกรสวรรค์ที่ต้องมอบให้เป็นรางวัลจึงอยู่ในจํานวนที่พอรับได้   แต่ถึงอย่างไรเผ่าชิงถงก็ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้เท่าไหร่ เพราะกลุ่มของหลิงฮันนั้นอ่อนแอเกินไป   แม่ในประวัติศาสตร์จะมีกลุ่มที่อ่อนแอเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะให้เห็นอยู่ แต่ในการประลองครั้งนี้ความต่างในจํานวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมีมากเกินไป   ส่วนทางด้านของอีกห้าเผ่านั้นพวกเขาไม่มีความหวังที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีจอมยุทธจากภายนอกคนไหนเลยที่เป็นตัวแทนให้พวกเขา ทําให้ในการประลองครั้งนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูการแสดงเพียงอย่างเดียว   เรื่องของพวกหลิงฮันทั้งห้าคนกลายเป็นเรื่องตลกสําหรับเผ่าทั้งห้า และเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายไปทั่วเมืองชิงหลง คนในเมืองทุกคนก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน   ท่ามกลางความคาดหวัง ในที่สุดการประลองก็ใกล้จะถึงเวลาเปิดม่าน   เหล่าจอมยุทธจากภายนอกทุกคนถูกพาไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หุบเขาเดียวกันกับที่มีผงกระดูกมังกรสวรรค์ หุบเขาแห่งนี้เป็นหุบเขาแนวราบยาวและมีทางเข้าทั้งหมดเจ็ดทางสําหรับเจ็ดเผ่า แต่ในการประลองครั้งนี้มีเพียงสองเผ่าเท่านั้นที่เข้าร่วมได้   พวกหลิงฮันกับคู่หมิงเดินผ่านทางเข้าเข้าไป และเบื้องหน้าได้มีโขดหินขวางทางอยู่   โขดหินนี้ถูกเรียกว่าหินทลายมังกร มันตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปีแล้ว และจะหายไปเมื่อการ ประลองเริ่มขึ้นเท่านั้น สําหรับโขดหินนี้ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ไม่สามารถทําอะไรได้   พวกหล็งฮันทั้งห้าคนยืนอยู่หน้าโขดหินขนาดใหญ่เพื่อรอคอยเวลาอยู่เงียบๆ   กฎของการประลองนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน การประลองนั้นจะใช้เวลาทั้งหมดสิบวัน โดยที่หลังจากผ่านสิบวัน ไปตัวแทนจากเผ่าใดมีจํานวนเหลือรอดมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ   หากมองในมุมนี้ กลุ่มไหนที่มีจํานวนคนเยอะกว่าย่อมได้เปรียบ   “ที่ต้องทําคือแค่สังหารพวกมันให้หมด!” จ่อหมิงกล่าวอย่างไม่แยแสราวกับศัตรูเป็นเพียงหมูหมา   ซูหนิวพร้อมสู้อย่างเต็มที่ นางถมือไปมาและโหยหายอยากลองทะลวงรูทหารของใครสักคนเต็มที่แล้ว นางเตรียมพร้อมถึงขนาดเตรียมแท่งเหล็กยาวที่เป็นแร่โลหะถึงนิรันดร์สี่ดาวเอาไว้ด้วย   “ครื้นน” ทันใดนั้นจู่ๆ หินทลายมังกรก็มีการสั่นไหวและเคลื่อนที่ขยับเข้าไปด้านในหุบเขา พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือนไปมา และหินทลายมังกรได้หายไปจากสายตาพวกเขาทุกคน   นี่คือสัญญาณเปิดม่านของการประลองเจ็ดเผ่าอย่างเป็นทางการ   “พริบ พรบ พรึบ” ทันทีหลังจากนั้นก่อนควันสีดํามากมายก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาด้านข้างพวกหลิงฮันทั้งห้าคน พวกมันแปรสภาพกลายเป็นร่างมนุษย์สีดํา นอกจากแขนที่เหยียดยาวแล้ว พวกมันก็ไม่มีทั้งใบหน้าหรือเท้า และลอยอยู่เหนือพื้นดินราวๆครึ่งฟุต   สิ่งนี้คืออะไรกัน?   พวกหลิงฮันทั้งห้าทั้งท่าป้องกันพร้อมเพรียงกัน และฮูหนิวได้ชี้นิ้วออกไปเพื่อปลดปล่อยคลื่นแสงเข้าใส่ก่อนควันสีดํา   ฉัวะ คลื่นแสงทะลวงผ่านบริเวณหัวใจของร่างมนุษย์ทมิฬจนเป็นรู แต่ทว่าร่างของมันกลับไม่สลายไปและกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งแทน   ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ไม่โจมตีตอบโต้ใดๆ ใส่พวกหลิงฮันราวกับเป็นเพียงก้อนควันธรรมดา   หลิงฮันจ้องมองและพบว่าที่บริเวณศีรษะของร่างมนุษย์ทมิฬหล่านี้ มีตราประทับที่เลือนรางปรากฏอยู่   เขาเคยเห็นตราประทับแบบนี้มาก่อน มันคือสัญลักษณ์ของเผ่าชิงถง   โอ้ หรือว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะเป็นพรรคพวกของพวกเขา?   แต่แล้วพวกมันใช้ทําอะไรได้ล่ะ? พวกมันส์ได้รึเปล่า?   หลิงฮันฉุดคิดถึงเรื่องที่ผู้เส่าจขึ้นเคยกล่าวว่า “ฝ่ายที่แข็งแกร่งอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปขึ้นมา หรือว่านั่นจะหมายถึงร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้กัน?   ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ก็เคลื่อนที่ขยับลอยไปทิศทางเบื้องหน้า   “ตามพวกมันไป”   ทั้งห้าคนเดินไปพร้อมกับเหล่าร่างมนุษย์ทมิฬ หากมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายของพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางของหุบเขา เพราะทางเข้าทั้งเจ็ดทางของเผ่าทั้งเจ็ดนั้นจะมาบรรจบกันที่ตรงกลางนั่นเอง   หลิงฮันมองดูและพบว่าจํานวนของร่างมนุษย์ทมิฬนั้นมีอยู่ด้วยกันราวๆ สองร้อยกว่าตัว แต่ไม่ถึงสามร้อยตัว จํานวนของพวกมันเกือบจะเทียบได้กับจํานวนของจอมยุทธจากภายนอก   หม หรือนี่จะเป็นกําลังเสริมที่มาทดแทนจํานวนคนที่ขาดไปกัน?   เพราะแบบนี้รึเปล่าถึงได้บอกว่ากลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดไม่อาจจะชนะเสมอไป?   ก็เป็นไปได้   แต่ถ้าเป็นแบบนั้นร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะต้องแข็งแกร่งมากเป็นแน่ เพราะหากพวกมันถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย พวกมันจะมีประโยชน์?   หลิงฮันนับจํานวนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้มีด้วยกันอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบสองตัว   ถ้าอย่างนั้นก็รอดู อีกไม่นานคําตอบก็จะปรากฏตรงหน้าแล้ว   พวกเขาเดินหน้าต่อไปอีกสักพักก็มาถึงจุดศูนย์กลางของหุบเขา บริเวณแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มี ทางแยกเจ็ดทาง และมีจํานวนมากมายเดินออกมาจากทางแยกที่สองถัดจากทางแยกของพวกเขา   เป็นกลุ่มพันธมิตรของพวกเทียนชิงเย่   และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มร่างมนุษย์ทมิฬห้ากลุ่มก็ปรากฏตัวออกมาจากทางแยกอีกห้าทางที่เหลือ เมื่อลองนับจํานวนของพวกมันดูแล้ว แต่ละกลุ่มมีจํานวนอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบเจ็ดตนเท่ากัน   หลิงฮันมองกลับไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่และนับจํานวนคนในใจ   1.สองร้อยสามสิบเจ็ด   กล่าวคือหลังจากเข้ามายังหุบเขาแล้ว สวรรค์และปฐพี่จะใช้กลุ่มที่มีจํานวนคนมากที่สุดเป็นตัวตั้ง และกลุ่มอื่นๆอีกหกกลุ่มจะมีร่างมนุษย์ทมิฬทําหน้านี้ทดแทนจํานวนคนที่ขาดไป   เพราะงั้นกลุ่มของหลิงชั้นที่มีร่างเงาทมิฬอยู่สองร้อยสามสิบสองตน หากนับรวมกับพวกเขาทั้งห้าคนแล้ว จํานวนคนก็จะกลายเป็นสองร้อยสามสิบเจ็ด   กลุ่มของเทียนชิงเต่ไม่เคยเห็นร่างมนุษย์ทมิฬมก่อน เพราะงั้นทุกคนจึงเผยสีหน้าประหลาดใจ   สิ่งนี้คืออะไรกัน?   แต่ทันใดนั้นเอง ร่างมนุษย์ทมิฬทั้งหมดก็เริ่มลงมือ   บางตัวโจมตีไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่ บางตัวโจมตีมายังกลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคน ร่างเงาทมิฬทั้งหมดเผยท่าทางโหดเหี้ยมผิดกับท่าที่นิ่งสงบก่อนหน้านี้ พวกมันโจมตีราวกับว่าหากมีใครที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า พวกมันก็จะลงมือสังหารอย่างไม่ลังเล   “ปัง” ร่างเงาทมิฬร่างหนึ่งพุ่งทะยานใช้แขนโจมตีมายังหลิงชั้น แขนของมันเต็มไปด้วยลวดลายสีดํามากมาย ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมา หลิงฮันเค้นเสียงและปล่อยหมัดตอบโต้ร่างเงาทมิฬ  

ตอนที่ 2068 ร่างมนุษทมิฬ

 

เผ่าชิงถงคือเผ่าของนักบวชชราน่าชวีที่ตอนแรกพยายามจะดึงตัวหลิงฮันให้เข้าร่วมกับตนเองอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าตอนนี้นักบวชชรากลับไม่แม้แต่จะมาพบพวกเขาด้วยตนเอง และส่งรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งมาแทน

 

เหตุผลนั้นง่ายมาก ถึงแม้การประลองจะยังไม่เริ่ม แต่ผลลัพธ์ก็เผยออกมาให้เห็นแล้ว

 

นักบวชชราน่าซวีกําลังอารมณ์บูดบึง จึงคร้านจะตอบคําถามใดๆจากหลิงฮัน

 

หลิงฮันพูดคุยกับรุ่นเยาว์ที่ถูกส่งมาและต่อรองผลตอบแทนให้สูงขึ้น

 

สุดท้ายเผ่าชิงถงก็รับปากว่าจะมอบผงกระดูกมังกรสวรรค์ให้พวกหลิงฮัน ในจํานวนที่มากพอที่จะทําให้วาสนาร้อยมังกรชําระล้างกายาเพิ่มพูนถึงสิบเท่า

 

แน่นอนว่าพวกเขาก็มีเงื่อนไขด้วยว่า ไม่ใช่แค่เข้าร่วมการประลองแล้วจะได้รับรางวัล แต่พวกหลิงฮันต้องชนะและนําลูกแก้วมังกรมาให้กับเผ่าชิงถงด้วย

 

เพราะอย่างไรกลุ่มของพวกหลิงฮันก็มีแค่ห้าคนเท่านั้น ผงกระดูกมังกรสวรรค์ที่ต้องมอบให้เป็นรางวัลจึงอยู่ในจํานวนที่พอรับได้

 

แต่ถึงอย่างไรเผ่าชิงถงก็ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้เท่าไหร่ เพราะกลุ่มของหลิงฮันนั้นอ่อนแอเกินไป

 

แม่ในประวัติศาสตร์จะมีกลุ่มที่อ่อนแอเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะให้เห็นอยู่ แต่ในการประลองครั้งนี้ความต่างในจํานวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมีมากเกินไป

 

ส่วนทางด้านของอีกห้าเผ่านั้นพวกเขาไม่มีความหวังที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีจอมยุทธจากภายนอกคนไหนเลยที่เป็นตัวแทนให้พวกเขา ทําให้ในการประลองครั้งนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูการแสดงเพียงอย่างเดียว

 

เรื่องของพวกหลิงฮันทั้งห้าคนกลายเป็นเรื่องตลกสําหรับเผ่าทั้งห้า และเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายไปทั่วเมืองชิงหลง คนในเมืองทุกคนก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน

 

ท่ามกลางความคาดหวัง ในที่สุดการประลองก็ใกล้จะถึงเวลาเปิดม่าน

 

เหล่าจอมยุทธจากภายนอกทุกคนถูกพาไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หุบเขาเดียวกันกับที่มีผงกระดูกมังกรสวรรค์ หุบเขาแห่งนี้เป็นหุบเขาแนวราบยาวและมีทางเข้าทั้งหมดเจ็ดทางสําหรับเจ็ดเผ่า แต่ในการประลองครั้งนี้มีเพียงสองเผ่าเท่านั้นที่เข้าร่วมได้

 

พวกหลิงฮันกับคู่หมิงเดินผ่านทางเข้าเข้าไป และเบื้องหน้าได้มีโขดหินขวางทางอยู่

 

โขดหินนี้ถูกเรียกว่าหินทลายมังกร มันตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปีแล้ว และจะหายไปเมื่อการ ประลองเริ่มขึ้นเท่านั้น สําหรับโขดหินนี้ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ไม่สามารถทําอะไรได้

 

พวกหล็งฮันทั้งห้าคนยืนอยู่หน้าโขดหินขนาดใหญ่เพื่อรอคอยเวลาอยู่เงียบๆ

 

กฎของการประลองนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน การประลองนั้นจะใช้เวลาทั้งหมดสิบวัน โดยที่หลังจากผ่านสิบวัน ไปตัวแทนจากเผ่าใดมีจํานวนเหลือรอดมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ

 

หากมองในมุมนี้ กลุ่มไหนที่มีจํานวนคนเยอะกว่าย่อมได้เปรียบ

 

“ที่ต้องทําคือแค่สังหารพวกมันให้หมด!” จ่อหมิงกล่าวอย่างไม่แยแสราวกับศัตรูเป็นเพียงหมูหมา

 

ซูหนิวพร้อมสู้อย่างเต็มที่ นางถมือไปมาและโหยหายอยากลองทะลวงรูทหารของใครสักคนเต็มที่แล้ว นางเตรียมพร้อมถึงขนาดเตรียมแท่งเหล็กยาวที่เป็นแร่โลหะถึงนิรันดร์สี่ดาวเอาไว้ด้วย

 

“ครื้นน” ทันใดนั้นจู่ๆ หินทลายมังกรก็มีการสั่นไหวและเคลื่อนที่ขยับเข้าไปด้านในหุบเขา พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือนไปมา และหินทลายมังกรได้หายไปจากสายตาพวกเขาทุกคน

 

นี่คือสัญญาณเปิดม่านของการประลองเจ็ดเผ่าอย่างเป็นทางการ

 

“พริบ พรบ พรึบ” ทันทีหลังจากนั้นก่อนควันสีดํามากมายก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาด้านข้างพวกหลิงฮันทั้งห้าคน พวกมันแปรสภาพกลายเป็นร่างมนุษย์สีดํา นอกจากแขนที่เหยียดยาวแล้ว พวกมันก็ไม่มีทั้งใบหน้าหรือเท้า และลอยอยู่เหนือพื้นดินราวๆครึ่งฟุต

 

สิ่งนี้คืออะไรกัน?

 

พวกหลิงฮันทั้งห้าทั้งท่าป้องกันพร้อมเพรียงกัน และฮูหนิวได้ชี้นิ้วออกไปเพื่อปลดปล่อยคลื่นแสงเข้าใส่ก่อนควันสีดํา

 

ฉัวะ คลื่นแสงทะลวงผ่านบริเวณหัวใจของร่างมนุษย์ทมิฬจนเป็นรู แต่ทว่าร่างของมันกลับไม่สลายไปและกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งแทน

 

ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ไม่โจมตีตอบโต้ใดๆ ใส่พวกหลิงฮันราวกับเป็นเพียงก้อนควันธรรมดา

 

หลิงฮันจ้องมองและพบว่าที่บริเวณศีรษะของร่างมนุษย์ทมิฬหล่านี้ มีตราประทับที่เลือนรางปรากฏอยู่

 

เขาเคยเห็นตราประทับแบบนี้มาก่อน มันคือสัญลักษณ์ของเผ่าชิงถง

 

โอ้ หรือว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะเป็นพรรคพวกของพวกเขา?

 

แต่แล้วพวกมันใช้ทําอะไรได้ล่ะ? พวกมันส์ได้รึเปล่า?

 

หลิงฮันฉุดคิดถึงเรื่องที่ผู้เส่าจขึ้นเคยกล่าวว่า “ฝ่ายที่แข็งแกร่งอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปขึ้นมา หรือว่านั่นจะหมายถึงร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้กัน?

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ก็เคลื่อนที่ขยับลอยไปทิศทางเบื้องหน้า

 

“ตามพวกมันไป”

 

ทั้งห้าคนเดินไปพร้อมกับเหล่าร่างมนุษย์ทมิฬ หากมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายของพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางของหุบเขา เพราะทางเข้าทั้งเจ็ดทางของเผ่าทั้งเจ็ดนั้นจะมาบรรจบกันที่ตรงกลางนั่นเอง

 

หลิงฮันมองดูและพบว่าจํานวนของร่างมนุษย์ทมิฬนั้นมีอยู่ด้วยกันราวๆ สองร้อยกว่าตัว แต่ไม่ถึงสามร้อยตัว จํานวนของพวกมันเกือบจะเทียบได้กับจํานวนของจอมยุทธจากภายนอก

 

หม หรือนี่จะเป็นกําลังเสริมที่มาทดแทนจํานวนคนที่ขาดไปกัน?

 

เพราะแบบนี้รึเปล่าถึงได้บอกว่ากลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดไม่อาจจะชนะเสมอไป?

 

ก็เป็นไปได้

 

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะต้องแข็งแกร่งมากเป็นแน่ เพราะหากพวกมันถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย พวกมันจะมีประโยชน์?

 

หลิงฮันนับจํานวนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้มีด้วยกันอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบสองตัว

 

ถ้าอย่างนั้นก็รอดู อีกไม่นานคําตอบก็จะปรากฏตรงหน้าแล้ว

 

พวกเขาเดินหน้าต่อไปอีกสักพักก็มาถึงจุดศูนย์กลางของหุบเขา บริเวณแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มี ทางแยกเจ็ดทาง และมีจํานวนมากมายเดินออกมาจากทางแยกที่สองถัดจากทางแยกของพวกเขา

 

เป็นกลุ่มพันธมิตรของพวกเทียนชิงเย่

 

และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มร่างมนุษย์ทมิฬห้ากลุ่มก็ปรากฏตัวออกมาจากทางแยกอีกห้าทางที่เหลือ เมื่อลองนับจํานวนของพวกมันดูแล้ว แต่ละกลุ่มมีจํานวนอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบเจ็ดตนเท่ากัน

 

หลิงฮันมองกลับไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่และนับจํานวนคนในใจ

 

1.สองร้อยสามสิบเจ็ด

 

กล่าวคือหลังจากเข้ามายังหุบเขาแล้ว สวรรค์และปฐพี่จะใช้กลุ่มที่มีจํานวนคนมากที่สุดเป็นตัวตั้ง และกลุ่มอื่นๆอีกหกกลุ่มจะมีร่างมนุษย์ทมิฬทําหน้านี้ทดแทนจํานวนคนที่ขาดไป

 

เพราะงั้นกลุ่มของหลิงชั้นที่มีร่างเงาทมิฬอยู่สองร้อยสามสิบสองตน หากนับรวมกับพวกเขาทั้งห้าคนแล้ว จํานวนคนก็จะกลายเป็นสองร้อยสามสิบเจ็ด

 

กลุ่มของเทียนชิงเต่ไม่เคยเห็นร่างมนุษย์ทมิฬมก่อน เพราะงั้นทุกคนจึงเผยสีหน้าประหลาดใจ

 

สิ่งนี้คืออะไรกัน?

 

แต่ทันใดนั้นเอง ร่างมนุษย์ทมิฬทั้งหมดก็เริ่มลงมือ

 

บางตัวโจมตีไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่ บางตัวโจมตีมายังกลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคน ร่างเงาทมิฬทั้งหมดเผยท่าทางโหดเหี้ยมผิดกับท่าที่นิ่งสงบก่อนหน้านี้ พวกมันโจมตีราวกับว่าหากมีใครที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า พวกมันก็จะลงมือสังหารอย่างไม่ลังเล

 

“ปัง” ร่างเงาทมิฬร่างหนึ่งพุ่งทะยานใช้แขนโจมตีมายังหลิงชั้น แขนของมันเต็มไปด้วยลวดลายสีดํามากมาย ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมา

หลิงฮันเค้นเสียงและปล่อยหมัดตอบโต้ร่างเงาทมิฬ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Alchemy Emperor of the Divine Dao 2068 ร่างมนุษทมิฬ

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 2068 ร่างมนุษทมิฬ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 2068 ร่างมนุษทมิฬ   เผ่าชิงถงคือเผ่าของนักบวชชราน่าชวีที่ตอนแรกพยายามจะดึงตัวหลิงฮันให้เข้าร่วมกับตนเองอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าตอนนี้นักบวชชรากลับไม่แม้แต่จะมาพบพวกเขาด้วยตนเอง และส่งรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งมาแทน   เหตุผลนั้นง่ายมาก ถึงแม้การประลองจะยังไม่เริ่ม แต่ผลลัพธ์ก็เผยออกมาให้เห็นแล้ว   นักบวชชราน่าซวีกําลังอารมณ์บูดบึง จึงคร้านจะตอบคําถามใดๆจากหลิงฮัน   หลิงฮันพูดคุยกับรุ่นเยาว์ที่ถูกส่งมาและต่อรองผลตอบแทนให้สูงขึ้น   สุดท้ายเผ่าชิงถงก็รับปากว่าจะมอบผงกระดูกมังกรสวรรค์ให้พวกหลิงฮัน ในจํานวนที่มากพอที่จะทําให้วาสนาร้อยมังกรชําระล้างกายาเพิ่มพูนถึงสิบเท่า   แน่นอนว่าพวกเขาก็มีเงื่อนไขด้วยว่า ไม่ใช่แค่เข้าร่วมการประลองแล้วจะได้รับรางวัล แต่พวกหลิงฮันต้องชนะและนําลูกแก้วมังกรมาให้กับเผ่าชิงถงด้วย   เพราะอย่างไรกลุ่มของพวกหลิงฮันก็มีแค่ห้าคนเท่านั้น ผงกระดูกมังกรสวรรค์ที่ต้องมอบให้เป็นรางวัลจึงอยู่ในจํานวนที่พอรับได้   แต่ถึงอย่างไรเผ่าชิงถงก็ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้เท่าไหร่ เพราะกลุ่มของหลิงฮันนั้นอ่อนแอเกินไป   แม่ในประวัติศาสตร์จะมีกลุ่มที่อ่อนแอเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะให้เห็นอยู่ แต่ในการประลองครั้งนี้ความต่างในจํานวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมีมากเกินไป   ส่วนทางด้านของอีกห้าเผ่านั้นพวกเขาไม่มีความหวังที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีจอมยุทธจากภายนอกคนไหนเลยที่เป็นตัวแทนให้พวกเขา ทําให้ในการประลองครั้งนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูการแสดงเพียงอย่างเดียว   เรื่องของพวกหลิงฮันทั้งห้าคนกลายเป็นเรื่องตลกสําหรับเผ่าทั้งห้า และเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายไปทั่วเมืองชิงหลง คนในเมืองทุกคนก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน   ท่ามกลางความคาดหวัง ในที่สุดการประลองก็ใกล้จะถึงเวลาเปิดม่าน   เหล่าจอมยุทธจากภายนอกทุกคนถูกพาไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หุบเขาเดียวกันกับที่มีผงกระดูกมังกรสวรรค์ หุบเขาแห่งนี้เป็นหุบเขาแนวราบยาวและมีทางเข้าทั้งหมดเจ็ดทางสําหรับเจ็ดเผ่า แต่ในการประลองครั้งนี้มีเพียงสองเผ่าเท่านั้นที่เข้าร่วมได้   พวกหลิงฮันกับคู่หมิงเดินผ่านทางเข้าเข้าไป และเบื้องหน้าได้มีโขดหินขวางทางอยู่   โขดหินนี้ถูกเรียกว่าหินทลายมังกร มันตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปีแล้ว และจะหายไปเมื่อการ ประลองเริ่มขึ้นเท่านั้น สําหรับโขดหินนี้ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ไม่สามารถทําอะไรได้   พวกหล็งฮันทั้งห้าคนยืนอยู่หน้าโขดหินขนาดใหญ่เพื่อรอคอยเวลาอยู่เงียบๆ   กฎของการประลองนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน การประลองนั้นจะใช้เวลาทั้งหมดสิบวัน โดยที่หลังจากผ่านสิบวัน ไปตัวแทนจากเผ่าใดมีจํานวนเหลือรอดมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ   หากมองในมุมนี้ กลุ่มไหนที่มีจํานวนคนเยอะกว่าย่อมได้เปรียบ   “ที่ต้องทําคือแค่สังหารพวกมันให้หมด!” จ่อหมิงกล่าวอย่างไม่แยแสราวกับศัตรูเป็นเพียงหมูหมา   ซูหนิวพร้อมสู้อย่างเต็มที่ นางถมือไปมาและโหยหายอยากลองทะลวงรูทหารของใครสักคนเต็มที่แล้ว นางเตรียมพร้อมถึงขนาดเตรียมแท่งเหล็กยาวที่เป็นแร่โลหะถึงนิรันดร์สี่ดาวเอาไว้ด้วย   “ครื้นน” ทันใดนั้นจู่ๆ หินทลายมังกรก็มีการสั่นไหวและเคลื่อนที่ขยับเข้าไปด้านในหุบเขา พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือนไปมา และหินทลายมังกรได้หายไปจากสายตาพวกเขาทุกคน   นี่คือสัญญาณเปิดม่านของการประลองเจ็ดเผ่าอย่างเป็นทางการ   “พริบ พรบ พรึบ” ทันทีหลังจากนั้นก่อนควันสีดํามากมายก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาด้านข้างพวกหลิงฮันทั้งห้าคน พวกมันแปรสภาพกลายเป็นร่างมนุษย์สีดํา นอกจากแขนที่เหยียดยาวแล้ว พวกมันก็ไม่มีทั้งใบหน้าหรือเท้า และลอยอยู่เหนือพื้นดินราวๆครึ่งฟุต   สิ่งนี้คืออะไรกัน?   พวกหลิงฮันทั้งห้าทั้งท่าป้องกันพร้อมเพรียงกัน และฮูหนิวได้ชี้นิ้วออกไปเพื่อปลดปล่อยคลื่นแสงเข้าใส่ก่อนควันสีดํา   ฉัวะ คลื่นแสงทะลวงผ่านบริเวณหัวใจของร่างมนุษย์ทมิฬจนเป็นรู แต่ทว่าร่างของมันกลับไม่สลายไปและกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งแทน   ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ไม่โจมตีตอบโต้ใดๆ ใส่พวกหลิงฮันราวกับเป็นเพียงก้อนควันธรรมดา   หลิงฮันจ้องมองและพบว่าที่บริเวณศีรษะของร่างมนุษย์ทมิฬหล่านี้ มีตราประทับที่เลือนรางปรากฏอยู่   เขาเคยเห็นตราประทับแบบนี้มาก่อน มันคือสัญลักษณ์ของเผ่าชิงถง   โอ้ หรือว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะเป็นพรรคพวกของพวกเขา?   แต่แล้วพวกมันใช้ทําอะไรได้ล่ะ? พวกมันส์ได้รึเปล่า?   หลิงฮันฉุดคิดถึงเรื่องที่ผู้เส่าจขึ้นเคยกล่าวว่า “ฝ่ายที่แข็งแกร่งอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปขึ้นมา หรือว่านั่นจะหมายถึงร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้กัน?   ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ก็เคลื่อนที่ขยับลอยไปทิศทางเบื้องหน้า   “ตามพวกมันไป”   ทั้งห้าคนเดินไปพร้อมกับเหล่าร่างมนุษย์ทมิฬ หากมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายของพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางของหุบเขา เพราะทางเข้าทั้งเจ็ดทางของเผ่าทั้งเจ็ดนั้นจะมาบรรจบกันที่ตรงกลางนั่นเอง   หลิงฮันมองดูและพบว่าจํานวนของร่างมนุษย์ทมิฬนั้นมีอยู่ด้วยกันราวๆ สองร้อยกว่าตัว แต่ไม่ถึงสามร้อยตัว จํานวนของพวกมันเกือบจะเทียบได้กับจํานวนของจอมยุทธจากภายนอก   หม หรือนี่จะเป็นกําลังเสริมที่มาทดแทนจํานวนคนที่ขาดไปกัน?   เพราะแบบนี้รึเปล่าถึงได้บอกว่ากลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดไม่อาจจะชนะเสมอไป?   ก็เป็นไปได้   แต่ถ้าเป็นแบบนั้นร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะต้องแข็งแกร่งมากเป็นแน่ เพราะหากพวกมันถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย พวกมันจะมีประโยชน์?   หลิงฮันนับจํานวนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้มีด้วยกันอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบสองตัว   ถ้าอย่างนั้นก็รอดู อีกไม่นานคําตอบก็จะปรากฏตรงหน้าแล้ว   พวกเขาเดินหน้าต่อไปอีกสักพักก็มาถึงจุดศูนย์กลางของหุบเขา บริเวณแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มี ทางแยกเจ็ดทาง และมีจํานวนมากมายเดินออกมาจากทางแยกที่สองถัดจากทางแยกของพวกเขา   เป็นกลุ่มพันธมิตรของพวกเทียนชิงเย่   และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มร่างมนุษย์ทมิฬห้ากลุ่มก็ปรากฏตัวออกมาจากทางแยกอีกห้าทางที่เหลือ เมื่อลองนับจํานวนของพวกมันดูแล้ว แต่ละกลุ่มมีจํานวนอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบเจ็ดตนเท่ากัน   หลิงฮันมองกลับไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่และนับจํานวนคนในใจ   1.สองร้อยสามสิบเจ็ด   กล่าวคือหลังจากเข้ามายังหุบเขาแล้ว สวรรค์และปฐพี่จะใช้กลุ่มที่มีจํานวนคนมากที่สุดเป็นตัวตั้ง และกลุ่มอื่นๆอีกหกกลุ่มจะมีร่างมนุษย์ทมิฬทําหน้านี้ทดแทนจํานวนคนที่ขาดไป   เพราะงั้นกลุ่มของหลิงชั้นที่มีร่างเงาทมิฬอยู่สองร้อยสามสิบสองตน หากนับรวมกับพวกเขาทั้งห้าคนแล้ว จํานวนคนก็จะกลายเป็นสองร้อยสามสิบเจ็ด   กลุ่มของเทียนชิงเต่ไม่เคยเห็นร่างมนุษย์ทมิฬมก่อน เพราะงั้นทุกคนจึงเผยสีหน้าประหลาดใจ   สิ่งนี้คืออะไรกัน?   แต่ทันใดนั้นเอง ร่างมนุษย์ทมิฬทั้งหมดก็เริ่มลงมือ   บางตัวโจมตีไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่ บางตัวโจมตีมายังกลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคน ร่างเงาทมิฬทั้งหมดเผยท่าทางโหดเหี้ยมผิดกับท่าที่นิ่งสงบก่อนหน้านี้ พวกมันโจมตีราวกับว่าหากมีใครที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า พวกมันก็จะลงมือสังหารอย่างไม่ลังเล   “ปัง” ร่างเงาทมิฬร่างหนึ่งพุ่งทะยานใช้แขนโจมตีมายังหลิงชั้น แขนของมันเต็มไปด้วยลวดลายสีดํามากมาย ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมา หลิงฮันเค้นเสียงและปล่อยหมัดตอบโต้ร่างเงาทมิฬ  

ตอนที่ 2068 ร่างมนุษทมิฬ

 

เผ่าชิงถงคือเผ่าของนักบวชชราน่าชวีที่ตอนแรกพยายามจะดึงตัวหลิงฮันให้เข้าร่วมกับตนเองอย่างสุดชีวิต แต่ทว่าตอนนี้นักบวชชรากลับไม่แม้แต่จะมาพบพวกเขาด้วยตนเอง และส่งรุ่นเยาว์ผู้หนึ่งมาแทน

 

เหตุผลนั้นง่ายมาก ถึงแม้การประลองจะยังไม่เริ่ม แต่ผลลัพธ์ก็เผยออกมาให้เห็นแล้ว

 

นักบวชชราน่าซวีกําลังอารมณ์บูดบึง จึงคร้านจะตอบคําถามใดๆจากหลิงฮัน

 

หลิงฮันพูดคุยกับรุ่นเยาว์ที่ถูกส่งมาและต่อรองผลตอบแทนให้สูงขึ้น

 

สุดท้ายเผ่าชิงถงก็รับปากว่าจะมอบผงกระดูกมังกรสวรรค์ให้พวกหลิงฮัน ในจํานวนที่มากพอที่จะทําให้วาสนาร้อยมังกรชําระล้างกายาเพิ่มพูนถึงสิบเท่า

 

แน่นอนว่าพวกเขาก็มีเงื่อนไขด้วยว่า ไม่ใช่แค่เข้าร่วมการประลองแล้วจะได้รับรางวัล แต่พวกหลิงฮันต้องชนะและนําลูกแก้วมังกรมาให้กับเผ่าชิงถงด้วย

 

เพราะอย่างไรกลุ่มของพวกหลิงฮันก็มีแค่ห้าคนเท่านั้น ผงกระดูกมังกรสวรรค์ที่ต้องมอบให้เป็นรางวัลจึงอยู่ในจํานวนที่พอรับได้

 

แต่ถึงอย่างไรเผ่าชิงถงก็ไม่ได้ตั้งความหวังเอาไว้เท่าไหร่ เพราะกลุ่มของหลิงฮันนั้นอ่อนแอเกินไป

 

แม่ในประวัติศาสตร์จะมีกลุ่มที่อ่อนแอเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะให้เห็นอยู่ แต่ในการประลองครั้งนี้ความต่างในจํานวนคนของทั้งสองฝ่ายนั้นมีมากเกินไป

 

ส่วนทางด้านของอีกห้าเผ่านั้นพวกเขาไม่มีความหวังที่จะชนะเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่มีจอมยุทธจากภายนอกคนไหนเลยที่เป็นตัวแทนให้พวกเขา ทําให้ในการประลองครั้งนี้พวกเขาทําได้เพียงมองดูการแสดงเพียงอย่างเดียว

 

เรื่องของพวกหลิงฮันทั้งห้าคนกลายเป็นเรื่องตลกสําหรับเผ่าทั้งห้า และเมื่อข่าวนี้แพร่งพรายไปทั่วเมืองชิงหลง คนในเมืองทุกคนก็พูดคุยกันถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน

 

ท่ามกลางความคาดหวัง ในที่สุดการประลองก็ใกล้จะถึงเวลาเปิดม่าน

 

เหล่าจอมยุทธจากภายนอกทุกคนถูกพาไปยังหุบเขาแห่งหนึ่ง ซึ่งไม่ใช่หุบเขาเดียวกันกับที่มีผงกระดูกมังกรสวรรค์ หุบเขาแห่งนี้เป็นหุบเขาแนวราบยาวและมีทางเข้าทั้งหมดเจ็ดทางสําหรับเจ็ดเผ่า แต่ในการประลองครั้งนี้มีเพียงสองเผ่าเท่านั้นที่เข้าร่วมได้

 

พวกหลิงฮันกับคู่หมิงเดินผ่านทางเข้าเข้าไป และเบื้องหน้าได้มีโขดหินขวางทางอยู่

 

โขดหินนี้ถูกเรียกว่าหินทลายมังกร มันตั้งอยู่ที่นี่มาเป็นเวลาหลายร้อยล้านปีแล้ว และจะหายไปเมื่อการ ประลองเริ่มขึ้นเท่านั้น สําหรับโขดหินนี้ต่อให้เป็นปรมาจารย์ระดับข้ามผ่านต้นกําเนิดแท้ก็ไม่สามารถทําอะไรได้

 

พวกหล็งฮันทั้งห้าคนยืนอยู่หน้าโขดหินขนาดใหญ่เพื่อรอคอยเวลาอยู่เงียบๆ

 

กฎของการประลองนั้นไม่มีอะไรซับซ้อน การประลองนั้นจะใช้เวลาทั้งหมดสิบวัน โดยที่หลังจากผ่านสิบวัน ไปตัวแทนจากเผ่าใดมีจํานวนเหลือรอดมากที่สุดจะเป็นฝ่ายชนะ

 

หากมองในมุมนี้ กลุ่มไหนที่มีจํานวนคนเยอะกว่าย่อมได้เปรียบ

 

“ที่ต้องทําคือแค่สังหารพวกมันให้หมด!” จ่อหมิงกล่าวอย่างไม่แยแสราวกับศัตรูเป็นเพียงหมูหมา

 

ซูหนิวพร้อมสู้อย่างเต็มที่ นางถมือไปมาและโหยหายอยากลองทะลวงรูทหารของใครสักคนเต็มที่แล้ว นางเตรียมพร้อมถึงขนาดเตรียมแท่งเหล็กยาวที่เป็นแร่โลหะถึงนิรันดร์สี่ดาวเอาไว้ด้วย

 

“ครื้นน” ทันใดนั้นจู่ๆ หินทลายมังกรก็มีการสั่นไหวและเคลื่อนที่ขยับเข้าไปด้านในหุบเขา พื้นดินโดยรอบสั่นสะเทือนไปมา และหินทลายมังกรได้หายไปจากสายตาพวกเขาทุกคน

 

นี่คือสัญญาณเปิดม่านของการประลองเจ็ดเผ่าอย่างเป็นทางการ

 

“พริบ พรบ พรึบ” ทันทีหลังจากนั้นก่อนควันสีดํามากมายก็ค่อยๆ ปรากฏออกมาด้านข้างพวกหลิงฮันทั้งห้าคน พวกมันแปรสภาพกลายเป็นร่างมนุษย์สีดํา นอกจากแขนที่เหยียดยาวแล้ว พวกมันก็ไม่มีทั้งใบหน้าหรือเท้า และลอยอยู่เหนือพื้นดินราวๆครึ่งฟุต

 

สิ่งนี้คืออะไรกัน?

 

พวกหลิงฮันทั้งห้าทั้งท่าป้องกันพร้อมเพรียงกัน และฮูหนิวได้ชี้นิ้วออกไปเพื่อปลดปล่อยคลื่นแสงเข้าใส่ก่อนควันสีดํา

 

ฉัวะ คลื่นแสงทะลวงผ่านบริเวณหัวใจของร่างมนุษย์ทมิฬจนเป็นรู แต่ทว่าร่างของมันกลับไม่สลายไปและกลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้งแทน

 

ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ไม่โจมตีตอบโต้ใดๆ ใส่พวกหลิงฮันราวกับเป็นเพียงก้อนควันธรรมดา

 

หลิงฮันจ้องมองและพบว่าที่บริเวณศีรษะของร่างมนุษย์ทมิฬหล่านี้ มีตราประทับที่เลือนรางปรากฏอยู่

 

เขาเคยเห็นตราประทับแบบนี้มาก่อน มันคือสัญลักษณ์ของเผ่าชิงถง

 

โอ้ หรือว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะเป็นพรรคพวกของพวกเขา?

 

แต่แล้วพวกมันใช้ทําอะไรได้ล่ะ? พวกมันส์ได้รึเปล่า?

 

หลิงฮันฉุดคิดถึงเรื่องที่ผู้เส่าจขึ้นเคยกล่าวว่า “ฝ่ายที่แข็งแกร่งอาจจะไม่ใช่ผู้ชนะเสมอไปขึ้นมา หรือว่านั่นจะหมายถึงร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้กัน?

 

ผ่านไปครู่หนึ่ง ร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้ก็เคลื่อนที่ขยับลอยไปทิศทางเบื้องหน้า

 

“ตามพวกมันไป”

 

ทั้งห้าคนเดินไปพร้อมกับเหล่าร่างมนุษย์ทมิฬ หากมุ่งหน้าต่อไปเรื่อยๆ จุดหมายของพวกเขาจะเป็นศูนย์กลางของหุบเขา เพราะทางเข้าทั้งเจ็ดทางของเผ่าทั้งเจ็ดนั้นจะมาบรรจบกันที่ตรงกลางนั่นเอง

 

หลิงฮันมองดูและพบว่าจํานวนของร่างมนุษย์ทมิฬนั้นมีอยู่ด้วยกันราวๆ สองร้อยกว่าตัว แต่ไม่ถึงสามร้อยตัว จํานวนของพวกมันเกือบจะเทียบได้กับจํานวนของจอมยุทธจากภายนอก

 

หม หรือนี่จะเป็นกําลังเสริมที่มาทดแทนจํานวนคนที่ขาดไปกัน?

 

เพราะแบบนี้รึเปล่าถึงได้บอกว่ากลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดไม่อาจจะชนะเสมอไป?

 

ก็เป็นไปได้

 

แต่ถ้าเป็นแบบนั้นร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้จะต้องแข็งแกร่งมากเป็นแน่ เพราะหากพวกมันถูกบดขยี้ได้อย่างง่ายดาย พวกมันจะมีประโยชน์?

 

หลิงฮันนับจํานวนอย่างถี่ถ้วนอีกครั้งและพบว่าร่างมนุษย์ทมิฬเหล่านี้มีด้วยกันอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบสองตัว

 

ถ้าอย่างนั้นก็รอดู อีกไม่นานคําตอบก็จะปรากฏตรงหน้าแล้ว

 

พวกเขาเดินหน้าต่อไปอีกสักพักก็มาถึงจุดศูนย์กลางของหุบเขา บริเวณแห่งนี้เป็นพื้นที่ราบขนาดใหญ่ที่มี ทางแยกเจ็ดทาง และมีจํานวนมากมายเดินออกมาจากทางแยกที่สองถัดจากทางแยกของพวกเขา

 

เป็นกลุ่มพันธมิตรของพวกเทียนชิงเย่

 

และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง กลุ่มร่างมนุษย์ทมิฬห้ากลุ่มก็ปรากฏตัวออกมาจากทางแยกอีกห้าทางที่เหลือ เมื่อลองนับจํานวนของพวกมันดูแล้ว แต่ละกลุ่มมีจํานวนอยู่ทั้งหมดสองร้อยสามสิบเจ็ดตนเท่ากัน

 

หลิงฮันมองกลับไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่และนับจํานวนคนในใจ

 

1.สองร้อยสามสิบเจ็ด

 

กล่าวคือหลังจากเข้ามายังหุบเขาแล้ว สวรรค์และปฐพี่จะใช้กลุ่มที่มีจํานวนคนมากที่สุดเป็นตัวตั้ง และกลุ่มอื่นๆอีกหกกลุ่มจะมีร่างมนุษย์ทมิฬทําหน้านี้ทดแทนจํานวนคนที่ขาดไป

 

เพราะงั้นกลุ่มของหลิงชั้นที่มีร่างเงาทมิฬอยู่สองร้อยสามสิบสองตน หากนับรวมกับพวกเขาทั้งห้าคนแล้ว จํานวนคนก็จะกลายเป็นสองร้อยสามสิบเจ็ด

 

กลุ่มของเทียนชิงเต่ไม่เคยเห็นร่างมนุษย์ทมิฬมก่อน เพราะงั้นทุกคนจึงเผยสีหน้าประหลาดใจ

 

สิ่งนี้คืออะไรกัน?

 

แต่ทันใดนั้นเอง ร่างมนุษย์ทมิฬทั้งหมดก็เริ่มลงมือ

 

บางตัวโจมตีไปยังกลุ่มของเทียนชิงเย่ บางตัวโจมตีมายังกลุ่มของหลิงฮันทั้งห้าคน ร่างเงาทมิฬทั้งหมดเผยท่าทางโหดเหี้ยมผิดกับท่าที่นิ่งสงบก่อนหน้านี้ พวกมันโจมตีราวกับว่าหากมีใครที่ขวางทางอยู่เบื้องหน้า พวกมันก็จะลงมือสังหารอย่างไม่ลังเล

 

“ปัง” ร่างเงาทมิฬร่างหนึ่งพุ่งทะยานใช้แขนโจมตีมายังหลิงชั้น แขนของมันเต็มไปด้วยลวดลายสีดํามากมาย ที่ปลดปล่อยกลิ่นอายเย็นยะเยือกออกมา

หลิงฮันเค้นเสียงและปล่อยหมัดตอบโต้ร่างเงาทมิฬ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+