Alchemy Emperor of the Divine Dao 487

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 487 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในตอนนั้น หยดวิญญาณที่มีอยู่เต็มแค่แอ่งหินเท่านั้น ซึ่งมันมีอยู่น้อยมาก หลังจากที่เก็บมันเข้าไปในขวดหยก มันเติมเต็มได้แค่ครึ่งขวดเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เย่วไค่หยู่และกว่างหยวนแยกมันออกไปสองขวดทำให้มันยิ่งน้อยไปอีก

ตั้งแต่ที่พวกเขาไม่รู้ว่าหยดวิญญาณคืออะไร หลิงฮันจึงเข้าไปในหอคอยทมิฬเพื่อทดสอบด้วยตัวเขาเอง

…ภายในหอคอยทมิฬ เขาเป็นดั่งพระเจ้า แม้เขาจะกินยาพิษเขาไป เขาก็สามารถขจัดมันออกมาได้

เขาถามกับหอคอยทมิฬน้อยว่า “ถ้าอยู่ในนี้แล้วข้ากินยาพิษเข้าไป ข้าจะไม่ตายถูกต้องหรือไม่?”

หอคอยทมิฬน้อยสั่นเล็กน้อยและพูดว่า “ถ้าเจ้าอยากแส่หาความตายจะไม่มีใครสามารถช่วยเจ้าได้”

คำพูดพวกนั้น…

หลิงฮันนำขวดหยกออกมาแล้วเขย่ามันและพูดว่า “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันคืออะไร?”

“มันมีเศษเสี้ยวพลังงานแห่งสวรรค์และโลกที่ค่อนข้างบริสุทธิ์ทีเดียว” หอคอยทมิฬน้อยพูดอย่างเรียบเฉย แต่หลิงฮันสามารถรู้สึกได้ถึงความเหยียดหยาม

มันคิดว่าหลังจากที่มันกลืนกินศิลาแห่งความสับสนวุ่นวายเข้าไปความภาคภูมิใจในตัวเองจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

หลิงฮันหยุดแล้วถามว่า “ข้าสามารถกินมันตรงๆเลยได้หรือไม่?”

หอคอยทมิฬน้อยครุ่นคิดแล้วพูดว่า “ไม่ เจ้ายังอ่อนแอเกินไป หากกินมันโดยตรงร่างกายของเจ้าจะต้องระเบิดตายอย่างแน่นอน แม้แต่พลังของหอคอยทมิฬก็ไม่อาจช่วยเจ้าได้ทันเวลา”

“มันทรงพลังขนาดนั้นเลย?”

“เจ้าจะลองก็ได้” หอคอยทมิฬพูดยั่วยุ

หลิงฮันกลอกตาของเขาและพูดว่า “ข้าเป็นเจ้านายของเจ้า มันเป็นเรื่องดีสำหรับเจ้างั้นหรือที่ยั่วยุข้าแบบนั้น?”

“หากเจ้านายที่กินยาพิษเข้าไปแล้วตายนั้นถือว่าเป็นคนที่โง่เขลาอย่างแท้จริง เช่นนั้นมันคงจะถึงเวลาเปลี่ยนเจ้านายแล้ว” หอคอยทมิฬกล่าวอย่างไม่แยแส

“ข้าคงต้องขอโทษที่ทำให้เจ้าต้องผิดหวังเสียแล้ว ข้าจะไม่ตาย และจะมีชีวิตอยู่อย่างยาวนาน” หลิงฮันพูดด้วยรอยยิ้ม

เขาเขย่าขวดหยกและพูดว่า “ข้าสามารถกินมันหลังจากเจือจางด้วยน้ำได้หรือไม่?”

“ได้” หอคอยทมิฬพูด

“ข้าจะต้องเจือจางมันกี่ครั้ง?” หลิงฮันถามอีกครั้ง

“ประมาณหนึ่งหมื่นครั้ง” หอคอยทมิฬพูด

พรวด หลิงฮันสำลัก หนึ่งหมื่นครั้งเลยหรือ? ตอนแรกเขาคิดว่ามันเป็นเพียงแค่หยดวิญญาณธรรมดา แต่ถ้าต้องเจือจางหนึ่งหมื่นครั้งเพื่อให้เขาสามารถกินมันได้ เช่นนั้นหยดวิญญาณนี่เปรียบได้เหมือนกับทะเลสาบขนาดเล็ก

ไม่เพียงแต่เขาจะได้กินมันเท่านั้น กระทั่งอาบมันก็สามารถทำได้

“ประเสริฐ!” หลิงฮันหัวเสียงดัง สมกับเป็นหยดวิญญาณของดินแดนพระเจ้า ประสิทธิภาพของมันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

เขากำลังจะเทหยดวิญญาณลงไปในบ่อน้ำ แต่ก็หยุดชะงักเล็กน้อยแล้วถามหอคอยทมิฬน้อยว่า “ภายในหอคอยทมิฬ มันคงไม่เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นใช่หรือไม่?”

“ไม่” หอคอยทมิฬน้อย ‘ส่ายหัว’

หลิงฮันเทขวดหยกหยดวิญญาณลงไปทั้งขวดลงในบ่อน้ำ แล้วใช้มือตักขึ้นมาดื่ม ทันใดนั้น ปากของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นหอมและเอ่อร้นไปด้วยพลังราวกับว่าเขากำลังจะกลายเป็นอมตะ

พลังงานของมันมากเกินไป

น่าเสียดายที่คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ได้ทำงานอัตโนมัติและต่อสู้กับทักษะห้าธาตุสวรรค์เพื่อรับพลังงานไป นั่นหมายความว่าคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ไม่ต้องการพลังงานประเภทนี้และเป็นไปไม่ได้ที่ร่างกายของหลิงฮันจะรับมันไหว

เรื่องนี้ทำให้หลิงฮันรู้สึกดีใจและผิดหวังพร้อมกัน

เห็นได้ชัดว่าพลังงานนี่มันเอ่อร้น แต่คุณภาพของมันนั้นไม่เท่ากับพลังงานของสัตว์อสูรระดับราชา

นี่หมายความว่าหยดวิญญาณสามารถสะสมได้แค่ระดับเดียวเท่านั้น

หลิงฮันไม่สนใจแม้แต่น้อย อย่างน้อยก่อนที่จะบรรลุระดับทลายมิติ กำแพงของระดับพลังก่อนหน้านี้ทั้งหมดไม่เป็นอุปสรรคสำหรับเขา เขาเพียงแค่ต้องสะสมพลังให้มากพอก็ทะลวงผ่านระดับได้แล้ว

หลิงฮันใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมงจนในที่สุดเขาก็สกัดหยดวิญญาณเสร็จ จากนั้นเขานำขวดหยกหลายขวดออกมาและกรอกหยดวิญญาณที่เจือจางแล้วเข้าไปในขวด

“พลังงานของหยดวิญญาณเพียวๆนั้นรุนแรงเกินไป ใครดื่มมันเข้าไปคนผู้นั้นจะต้องตาย ส่วนนี่คือหยดวิญญาณที่เจือจางแล้ว พวกเจ้าสามารถดื่มมันได้ พี่ชายเย่ว พี่ใหญ่กว่างสามารถจิบพวกมันทีละนิดได้ตลอดเวลา สำหรับซือฉาง เจ้าดื่มมันได้อย่างมากสิบหยด แล้วค่อยปรับตามสภาพของเจ้า”

พวกเขาทั้งสามคนพยักหน้าและรับขวดหยกทีละคน

จากนั้นหลิงฮันก็เข้าไปในหอคอยทมิฬแล้วกินมันอึกใหญ่และเริ่มสกัดมันต่อ

อย่างไรก็ตาม หยดวารีเจือจางนี่เป็นเหมือนกับเม็ดยา เมื่อหลิงฮันกินมันสามอึก เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่อาจสกัดพลังของมันได้สมบูรณ์และทำให้ประสิทธิภาพของมันลดลงไปครึ่งหนึ่งทันที

จากนั้นหลิงฮันก็ออกมาจากหอคอยทมิฬ เขาล้มตัวลงเพื่อนอนหลับพักผ่อน แม้จะเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณแต่ก็ยังต้องหลับนอนบ้าง นี่คือวิธีการที่ยอดเยี่ยมสำหรับฟื้นฟูพลังวิญญาณ

หลังจาก “รุ่งอรุณ” ทั้งสี่คนก็ออกเดินทางต่อ

มีแมลงดูดโลหิตบางส่วนไล่ตามพวกเขามา แต่ระดับของพวกมันนั้นธรรมดา ดังนั้นหลิงฮันและคนอื่นจึงไม่สนใจพวกมัน และลงมือฆ่าพวกมันทันทีเพื่อไม่ให้พวกมันกลับไปเรียกพวกของมันมาหาพวกเขา

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน กำแพงขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่ด้านหน้าของพวกเขา ซึ่งมีความสูงตระหง่านฟ้า และข้างในเมืองมีเสาแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้ามันเป็นเสาแสงที่ดึงดูดให้พวกเขามาที่นี่

“บินข้ามผ่านกำแพงได้หรือไม่?” ทั้งสี่คนสงสัย

หลิงฮันเรียกอสูรศิลาออกมาเพื่อลองดู แต่มันกลับบินได้เพียงแค่ร้อยกว่าเมตรเท่านั้นก่อนที่จะตกลงมา และส่งความคิดให้กับหลิงฮันว่ายิ่งสูงเท่าไหร่แรงกดดันยิ่งหนักหน่วงมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นมันจึงบินได้เพียงร้อยกว่าเมตรเท่านั้น

เพื่อที่จะข้ามกำแพงนี้ได้ มันจะต้องเป็นจอมยุทธระดับไหนกัน?

ทั้งสี่คนทำได้แค่เดินไปตามกำแพงเมืองเท่านั้น หากมันมีกำแพงเมือง แน่นอนว่าย่อมมีประตูเมือง

อย่างที่คิด หลังจากผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง ประตูเมืองขนาดใหญ่ก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันมีความสูงหลายร้อยฟุต ใครก็ตามที่ยืนอยู่ด้านหน้าประตูจะให้ความรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่าทันที

มีผู้คนอยู่จำนวนมากอยู่ที่ประตูเมือง บางคนกำลังจะเข้าไปในเมือง แต่ก็มีหลายคนกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านข้าง

ตอนแรกหลิงฮันก็ไม่รู้อะไร แต่ในไม่ช้าเขาก็ค้นพบว่าบรรดาผู้คนที่กำลังจะเข้าไปในเมืองนั้นเดินช้ามาก บางคนก็เผยสีหน้าที่เจ็บปวดออกอมา และถึงขั้นกระอักเลือดออกมาก็มี และล่าถอยราวกับว่าพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

“หากมีความสามารถเข้าประตูเมือง คนผู้นั้นจะมีคุณสมบัติที่จะได้รับการทดสอบ และกลายเป็นศิษย์ของสิบสองพระราชวัง” ด้านข้างประตูเมืองมีข้อความสามแถวขนาดใหญ่ที่ดูสะดุดตาเขียนอยู่

หลิงฮันประหลาดใจและพูดว่า “ถ้างั้นถึงแม้ว่าจะไม่มีกุญแจเปิด คนผู้นั้นก็ยังสามารถได้รับสมบัติของสิบสองพระราชวัง?”

“มันจะต้องเป็นแบบนั้นอย่างแน่นอนเพราะผู้ก่อตั้งรุ่นที่สามของนิกายแห่งนี้เป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาซึ่งผ่านการทดสอบนี้และกลายเป็นศิษย์ภายนอก เขาได้รับทักษะวรยุทธระดับพระเจ้ามาและทำให้นิกายแห่งนี้เป็นขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของภูมิภาคเหนือ” เย่วไค่หยู่กล่าวออกมาอย่างกระตือรือร้นและเต็มไปด้วยความประทับใจ

เขาหยุดพูด แล้วพูดต่อว่า “อันที่จริงแล้วผู้ก่อตั้งรุ่นที่สามมีโอกาสที่จะกลายเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ แต่สภาพแวดล้อมของโลกไม่อนุญาต นิกายสิบสองพระราชวังนั้นมีกฎที่เข้มงวด ห้ามไม่ให้มีการสืบทอดมรดกของพระราชวัง ดังนั้นผู้ก่อตั้งรุ่นที่สามทำได้เพียงละทิ้งความรู้ของเขาบนวิถีวรยุทธ ซึ่งยังคงรักษานิกายนี้ไว้ได้นานนับพันปี  ถ้าพวกเราสามารถได้รับมรดกที่แท้จริงของนิกายสิบสองพระราชวัง นิกายนี่จะไม่อ่อนแอไปกว่านิกายใหญ่ในภูมิภาคกลาง!”

หลิงฮันพยักหน้า การได้เป็นศิษย์ภายนอกและได้รับมรดกที่แท้จริงนั้นแตกต่างกันมาก มิฉะนั้นหยานเทียนจ้าวคงไม่ต้องการบางอย่างภายในพระราชวังมากขนาดนั้น

บางสิ่งที่ทำให้ตัวตนระดับพระเจ้าต้องเคลื่อนไหวได้นั้นมันเป็นสมบัติแบบใดกัน?

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเขาจะมีกุญแจ แต่เขาก็ยังคงต้องผ่านการทดสอบเสียก่อน นั่นคืออย่างแรกต้องผ่านประตูเมือง มีเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าไปในสิบสองพระราชวัง ดูเหมือนว่าคนที่จะได้รับมรดกของสิบสองพระราชวังจะไม่ได้รับมาเพราะโชคเพียงอย่างเดียว แต่คนผู้นั้นเองก็ต้องมีพรสวรรค์มากพอตัวด้วย

“นายน้อยฮัน!” ในขณะนั้น เสียงของหลิ่วอู๋ตงและคนอื่นดังขึ้นมาขณะที่ชางเย่ ชูหวู่จิว จูเสวี่ยนเอ๋อและคนอื่นต่างเดินมาหาเขา

“หลิงฮัน!” ฮูหนิวกระโจนออกไปแล้วกอดขาข้างหนึ่งของเขาเหมือนกับของหวาน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด