Alchemy Emperor of the Divine Dao 606

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 606 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หน้าด้าน

“เจ้า… เจ้าพบเจอกับภัยพิบัติแล้ว!” โฉวจื่อเฟยตะโกนใส่ชางเย่ “เจ้ารู้รึเปล่าว่าอีกฝ่ายคือใคร? เขาคือนายน้อยของนิกายวายุจันทรา! นิกายที่ว่ามีจอมยุทธระดับสวรรค์คอยคุ้มครองอยู่ เจ้าต่อต้านขุมอำนาจที่ทรงพลังเช่นนั้นไหวรึ?”

“ใช่แล้ว เจ้านำพาความตายมาหาพวกเราทุกคน!” เจิงเจี้ยนเซินพูดออกมา

ชางเย่แสยะยิ้มดูถูกและพูด “ถ้าภรรยา มารดา หรือลูกสาวของเจ้าตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เจ้าจะพูดแบบนี้รึเปล่า?”

ฉินหยีเย่วยิ้มและพูด “แม้อำนาจโดยรวมของหุบเขาทมิฬของข้าจะไม่แข็งแกร่งเท่ากับนิกายวายุจันทราแต่พวกเขาก็ไม่สามารถบุ่มบ่ามรังแกนิกายของข้าได้ง่ายๆ! เหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นความบาดหมางระหว่างรุ่นเยาว์เท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวตนระดับสูงจะเข้ามาแทรกแซง ไม่เช่นนั้นก็จะกลายเป็นการจุดฉนวนสงครามระหว่างสองขุมอำนาจ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิตใจของทุกคนก็เริ่มผ่อนคลายเล็กน้อย

“แต่ยังไงก็รีบเดินทางกันเถอะ อาณาเขตนี้คือเขตแดนที่อยู่ในการปกครองของนิกายวายุจันทราถึงแม้จะไม่ใช่อาณาเขตหลัก แต่ข้าก็ได้ยินมาว่ามีจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นปลายคอยรักษาการอยู่ หากพบเจอเข้าคงไม่ใช่เรื่องดี!” ฉินหยีเย่วพูดเสริม

นางเป็นสตรีที่งดงามและเกิดมามีนิสัยเหมาะสมกับการเป็นผู้นำ ดังนั้นนางจึงกลายเป็นจุดศูนย์กลางของกลุ่มทันที

ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย ที่นี่อยู่ในอาณาเขตของนิกายวายุจันทรา พวกเขาต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด

พวกเขาไม่กล้าเดินทางไปตามเส้นทางถนน ดังนั้นจึงเลือกที่จะเดินหลบเข้าไปในป่า พวกเขาไม่ทำการลอยฟ้าเพราะไม่อยากสูญเสียพลังปราณโดยไม่จำเป็น

เมื่อตกกลางคืนทุกคนก็หยุดพัก พวกเขาก่อไฟอุ่นเนื้อแห้งและเริ่มสนทนากัน

“ที่แท้พวกเจ้าก็กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักสวรรค์!” ฉินหยีเย่วฟังบทสนทนาของทุกคนและพูดออกมา “ข้าเองก็กำลังมุ่งหน้าไปยังสำนักสวรรค์เช่นกัน ข้าพบเจอกับหูชิ่งฟางเมื่อครึ่งเดือนก่อนและถูกอีกฝ่ายไล่ตามไม่หยุด แต่โชคดีที่ในที่สุดข้าก็ได้รับความช่วยเหลือจากพวกเจ้า”

หลายคนแสดงท่าทีเขินอายออกมาเมื่อได้รับคำชม สีหน้าของโฉวจื่อเฟยนั้นประดับไปด้วยความพึงพอใจราวกับว่าคนที่ช่วยนางไม่ใช่ขางเย่แต่เป็นตนเอง

“แม่นางไม่ต้องกังวล ถ้าหูชิ่งฟางกล้ากลับมาอีกครั้ง ข้าจะเป็นคนจัดการกับมันเอง!” โฉวจื่อเฟยพูดจาใหญ่โต ใครกันจะไม่อยากพูดจาโอ้อวดต่อหน้าหญิงงามเช่นนี้?

“พรวด!”

แม้คนอื่นจะได้ยินคำพูดอวดดีของโฉวจื่อเฟย แต่พวกเขาก็ไม่ได้หัวเราะออกมา แต่สำหรับฮูหนิวแล้วนางไม่รู้จักคำว่าไว้หน้าคนอื่นและหัวเราะพรวดออกมา

“เด็กน้อย เจ้าขำอะไร?” โฉวจื่อเฟยคำรามออกมา สิ่งที่เขาไม่ชอบที่สุดคือการโดนหักหน้า ดังนั้นเมื่อเห็นฮูหนิวหัวเราะ เขาจึงจ้องมองฮูหนิวด้วยสายตาที่เกรี้ยวกราด

“ก็ที่เจ้าพูดมันตลกดีไม่ใช่รึ?” ชางเย่ชักกระบี่และจ้องมองไปยังโฉวจื่อเฟย

“เด็กคนนี้น่ารักจัง!” ฉินหยีเย่วเอื้อมมือออกมากอดฮูหนิว แม้ฮูหนิวจะแปลงโฉมเอาไว้ แต่มันก็ไม่อาจซ่อนความน่ารักของนางได้

“หญิงอัปลักษณ์ อย่าจะเข้ามากอดหนิวเชียว!” ฮูหนิวรีบล่าถอยด้วยท่าทีรังเกียจ

แต่นางถูกหลิงฮันสั่งเอาไว้ว่าห้ามใช้พลังโดยไม่จำเป็น ดังนั้นแล้วนางจะหลบหนีออกจากโผกอดของจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นกลางได้อย่างไร? ใบหน้าเล็กๆของนางถูกฉินหยีเย่วกอดรัดอยู่ในอ้อมแขนทันที

“หนิวหายใจไม่ออก! รีบๆนำก้อนไขมันของเจ้าออกไปจากหน้าหนิวซะ! ไม่เช่นนั้นหนิวจะทุบตีเจ้า!” ฮูหนิวดิ้นรนในขณะที่ตะโกนออกมา

โฉวจื่อเฟยและชายอื่นๆอดที่จะรู้สึกอิจฉาไม่ได้ ถ้าเป็นไปได้พวกเขาอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่แทนที่ฮูหนิวเหลือเกิน…

ฉินหยีเย่วแสดงท่าทีผิดหวังและอ้าแขนออก ฮูหนิวรีบวิ่งกลับไปหาหลิงฮันและหลบอยู่ในอ้อมแขนของเขาทันที นางเงยหน้าไปพูดกับหลิงฮัน “หญิงอัปลักษณ์คนนั้นคิดจะทำให้หนิวหายใจไม่ออกด้วยก้อนไขมันนั่น หนิวขอทุบตีนางให้ตายได้รึเปล่า?”

ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก หญิงอัปลักษณ์นั่นคิดจะสังหารหนิวที่น่ารักผู้นี้!

เมื่อถูกกล่าวถึงหน้าอกถึงสองครั้ง ใบหน้าของฉินหยีเย่วก็เปลี่ยนเป็นสีแดง

หลิงฮันยิ้มและพูด “ช่างมันเถอะ หญิงสาวที่ยอดเยี่ยมเช่นหนิวหนิวไม่จำเป็นต้องเก็บเรื่องของสตรีเช่นนั้นมาคิดมากหรอก”

ฮูหนิวครุ่นคิดชั่วขณะและพูดออกไป “เอาเถอะ หนิวเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว หนิวไม่สนใจหญิงอัปลักษณ์เช่นเจ้าหรอก!”

คนอื่นๆที่ไม่รู้ถึงพลังของฮูหนิวต่างก็หัวเราะลั่น พวกเขาต่างคิดในใจว่า ‘ถ้าเจ้ารู้ถึงความหน้ากลัวของฉินหยีเย่วที่เป็นจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานขั้นกลาง เจ้าจะกล้าพูดเช่นนี้ไหม?’

เมื่อพูดถึงเรื่องกินแล้ว ฮูหนิวไม่สนใจใคร นางนำอาหารออกมาจากแหวนมิติ อาหารเหล่านี้ล้วนแต่ถูกปรุงขึ้นจากผักและเนื้อสัตว์อสูรจากหอคอยทมิฬ มันทั้งสดใหม่และน่าอร่อยจนทำให้ใครก็ตามที่ได้กลิ่นต้องน้ำลายไหล

พวกโฉวจื่อเฟยทั้งหกคนต่างก็เคยได้กลิ่นอาหารของฮูหนิวมาตั้งแต่สามวันก่อนแล้ว แต่พวกเขารู้สึกอายเกินไปที่จะมาขออาหารจากเด็กสาวพวกเขาจึงทำได้เพียงฝืนกลืนน้ำลายตนเอง แต่ฉินหยีเย่วนั้นถูกใจฮูหนิวและไม่รู้สึกอับอายอะไรที่จะพูดขออาหารจากเด็กสาว “สาวน้อย เจ้าช่วยแบ่งอาหารให้พี่สาวกินด้วยได้รึไม่?”

ฮูหนิวครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพูด “ก็ได้!” นางฉีกเนื้อออกเป็นชิ้นเล็กๆและห่อด้วยผัก จากนั้นก็ส่งให้กับฉินหยีเย่ว “นี่คือวิธีการกินที่หนิวคิดขึ้นมาเอง มันเรียกว่าเนื้อห่อผัก”

ฉินหยีเย่วอ้าปากกินเนื้อห่อผักเข้าไปและเคี้ยวมันอย่างช้าๆ แต่ทันใดนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปทันที

ทำไมถึงได้อร่อยเช่นนี้!

ความชุ่มชื่นจากผักที่ผสมกับความชุ่มฉ่ำของเนื้อย่างอย่างลงตัวได้กระตุ้นขยายสัมผัสรับรสของนางอย่างเต็มที่

“หึหึ!” ฮูหนิวยิ้มอย่างชั่วร้าย ถ้าเจ้าได้กินของอร่อยเช่นนี้เข้าไป เจ้าจะต้องอยากกินมันเพิ่มอีกแน่นอน ถ้าหากเจ้าไม่ได้กินมัน เจ้าจะต้องเป็นทุกข์จนตรอมใจตาย! เหอะ ใครใช้ให้เจ้าใช้ก้อนไขมันทั้งสองมาทำให้หนิวทรมานกันล่ะ?!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด