Alchemy Emperor of the Divine Dao 642

Now you are reading Alchemy Emperor of the Divine Dao Chapter 642 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
“ทรงพลังขนาดไหน?” จูเสวียนเอ๋อถามอีกครั้ง
หลิงฮันคิดอยู่ชั่วขณะก่อนที่จะพูดออกมา “ถึงแม้สวรรค์และปฐพีจะให้กำเนิดจิตวิญญาณมากมาย แต่จิตวิญญาณเหล่านั้นก็มีพลังที่แตกต่างกันไป ถ้าจะให้จัดอันดับความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณสายฟ้าล่ะก็ อัสนีบาตเมฆาม่วงสมควรติดอยู่ในสิบอันดับแรก”
“แล้วอสูรศิลากับจิตวิญญาณเพลิงล่ะ?” จูเสวียนเอ๋อรู้สึกสงสัยและอยากรู้ให้กระจ่าง
หลิงฮันเปรียบเทียบและพูด “ศิลาน้อยมีความแข็งแกร่งพอที่จะติดร้อยอันดับแรก ส่วนจิตวิญญาณเปลวเพลิงนั้นแม้จะไม่ติดร้อยอันดับ แต่ว่าหลังจากที่มันถูกหอคอยทมิฬทำให้แข็งแกร่งขึ้น ตอนนี้มันจึงน่าจะแข็งแกร่งติดร้อยอันดับได้แล้ว”
จูเสวียนเอ๋อตกตะลึง ขนาดร้อยอันดับแรกยังแข็งแกร่งขนาดนี้ แล้วสิบอันดับแรกจะทรงพลังขนาดไหน?
หากเทียบแล้วก็เหมือนกับในภูมิภาคเหนือที่จอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณสามารถติดร้อยอันดับแรก แต่ถ้าอยากจะติดสิบอันดับแรกล่ะ? มีเพียงต้องเป็นจอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณเท่านั้น!
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว อัสนีบาตเมฆาม่วงจึงน่าสะพรึงกลัวอย่างมาก
หลิงฮันมีท่าทีเคร่งเครียดแล้วกล่าว “อำนาจของสายฟ้านั้นเป็นสิ่งที่ไม่อาจควบคุมได้ หากมีจิตวิญญาณสายฟ้ากำเนิดขึ้นมาจริงๆและมันกลายเป็นตัวตนที่มีความนึกคิดขึ้นมาล่ะก็เกรงว่าจะไม่มีใครสามารถครอบครองมันได้”
ไม่ต้องพูดถึงพลังทำลายล้างที่น่ากลัวของจิตวิญญาณสายฟ้า แค่ความเร็วของมันไม่มีใครไล่ตามทันแล้ว
หลิงฮันเป็นเพียงจอมยุทธระดับบุปผาผลิบาน แม้เขาจะมีความเร็วเทียบได้กับจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาก็ตาม แต่จิตวิญญาณสายฟ้านั้นเป็นพลังงานสายฟ้าที่บริสุทธิ์ คิดว่ามันจะว่องไวได้ขนาดไหน? บางทีอาจจะต้องเป็นตัวตนระดับทลายมิติถึงจะสามารถจับมันได้
เดี๋ยวก่อน!
หลิงฮันชะงัก จื่อเสวี่ยนเซียนจะต้องเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติแน่ๆ หรือว่าจิตวิญญาณสายฟ้าตนนี้จะถูกจับมาและผนึกเอาไว้ทีนี่? จนกระทั่งผ่านไปหมื่นปีผนึกที่สะกดมันเอาไว้ก็อ่อนแอลงบวกกันแผ่นดินที่ไหวที่เกิดขึ้นทำให้จิตวิญญาณสายฟ้าออกมาจากผนึกได้
หรือว่าที่นี่… ในอดีตจะเป็นภูเขาไร้ขอบเขต?
หัวใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน เขายังฝึกฝนกายาอัสนีได้ไม่สำเร็จ แต่ถ้าหากเขาหลอมรวมกับอัสนีบาตเมฆาม่วงได้ เขาก็จะต้องบรรลุกายาอัสนีได้แน่นอน
เขาตื่นเต้นจนตัวสั่น พลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นขนาดไหนกัน? เกรงว่าบางทีเขาอาจจะสู้ข้ามระดับได้หลายระดับเลยก็ได้ จอมยุทธระดับบุปผาผลิบานที่ต่อการกับระดับก้าวสู่เทวาได้ ช่างเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการจริงๆ
“ข้าอยู่ห่างจากการบรรลุกายาเพชรอีกเพียงก้าวเดียว การสร้างปราณดาบให้ถึงสามสิบเล่มก็ไม่ต่างกัน ถ้าข้าได้อันสนีบาตเมฆาม่วงมาและทะลวงผ่านระดับตัวอ่อนวิญญาณแล้ว ข้าจะสามารถต่อกรกับระดับก้าวสู่เทวาขั้นขั้นสูงได้”
นี่เป็นอะไรที่เหลือเชื่ออย่างมาก พลังต่อสู้ห้าดาวจะนับว่าเป็นสุดยอดอัจฉริยะ พลังต่อสู้สิบดาวเรียกได้ว่าเป็นอัจฉริยะพลิกสวรรค์ อย่างเช่นจักรพรรดิดาบและสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ และในตอนนี้หลิงฮันมีโอกาสที่จะมีพลังต่อสู้ที่มากกว่ายี่สิบดาว!
“ดีล่ะ แค่นี้ก็เพียงพอที่จะก้าวข้ามสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ที่แสนโหดเหี้ยมได้แล้ว!” หลิงฮันพึมพำ
“แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าสตรีนางนั้นอยู่ในระดับใดแล้ว ถึงแม้นางจะเป็นพระเจ้าระดับต่ำสุด แต่เพียงแค่นิ้วเดียวนางก็สามารถสยบข้าได้แล้ว”
หลิงฮันเหม่อลอยไปชั่วขณะก่อนที่จะกล่าว “เสวียนเอ๋อ เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน”
จูเสวียนเอ๋อพยักหน้า นางจงใจแสร้งทำเป็นกระซิบอะไรบางอย่างกับหลิงฮันและดึงเขาเข้าไปในป่า เมื่อหลิงฮันกำลังจะพานางเข้าไปในหอคอยทมิฬ นางก็ใช้โอกาสทีเผลอหอมแก้มหลิงฮันก่อนที่จะเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันส่ายหัว เขากับจูเสวียนเอ๋อบางครั้งก็มักจะพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ เมื่อครู่ตอนที่เขาเหม่อลอย จูเสวียนเอ๋อคงจะเดาได้ว่าเขากำลังคิดถึงสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์
“สตรีนี้เหมือนกับภูติผีไม่มีผิด พวกนางมักจะชอบหาโอกาสขโมยหัวใจของบุรุษ” หลิงฮันถอนหายใจในขณะที่เดินออกจากพุ่มไม้
“หนิวไม่ใช่ภูตผีนะ!” ฮูหนิวเท้าเอวและพูดด้วยท่าทีจริงจัง
หลิงฮันอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ เขามองไปยังกระต่ายและพูด “เจ้ากระต่ายป่าเถื่อน ข้างหน้านี้กำลังจะมีอัสนีบาตเมฆาม่วงปรากฏขึ้นมา พลังสายฟ้าของมันอันตรายเป็นอย่างมาก เจ้ายังต้องการตามมาด้วยรึไม่? ถ้าเจ้าตกตายไป ข้าจะปลูกโสมโลหิตราชามังกรทรราชสองต้นไว้บนหลุมศพของเจ้าให้เอง”
“ต้องไปอยู่แล้ว นายท่านกระต่ายผู้นี้มีชีวิตยืนยาว ไม่ใช่กระต่ายชีวิตสั้น” เจ้ากระต่ายเลียอุ้งเท้าเล็กๆของตนเอง
“งั้นเจ้าก็ต้องดูแลตัวเองและแบกรับความเสี่ยงเอาเอง” หลิงฮันหัวเราะ เขาและฮูหนิวบ่มเพาะทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นสหายใกล้ชิดกับพลังสายฟ้า พวกเขาทนทานต่อสายฟ้ามากกว่ากว่าคนทั่วไปไม่รู้กี่เท่า
นอกจากนี้แล้วไม่ใช่ว่าเขามีหอคอยทมิฬอยู่รึไง?
เจ้ากระต่ายแสดงสีหน้าเหยียดหยาม เจ้าไม่รู้รึไงว่านายท่านกระต่ายวิ่งได้เร็วขนาดไหน? ถ้าพูดถึงเรื่องหลบหนีแล้วนายท่านกระต่ายพูดว่าเป็นอันดับสอง ย่อมไม่มีใครกล้าเอ่ยว่าตนเองเป็นอันดับหนึ่ง
คนสองคนและหนึ่งกระต่ายเดินหน้าต่อ พลังของสายฟ้านั้นห่อหุ้มไปทั่วทั้งภูเขา อัสนีบาตสีม่วงน่าพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะต้นไม้หรือก้อนหินล้วนแต่ถูกสายฟ้าผ่าใส่ไปทั่วทุกที่และกลายเป็นเถ้าถ่านภายในพริบตา
หลิงฮันยื่นนิ้วออกไปเพื่อดูดซับพลังของสายฟ้า รากฐานวิญญาณดอกบัวหายนะห้าธาตุผสานโคจรอย่างรวดเร็ว รากของพวกมันส่องแสงสว่างปลดปล่อยอำนาจแห่งสายฟ้าออกมาและแผ่ซ่านไปยังร่างกายของหลิงฮันทำให้กายหยาบของเขาค่อยๆเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสายฟ้า
ฮูหนิวนั้นเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าหลิงฮัน นางบรรลุกายาอัสนีอยู่แล้ว พลังสายฟ้าโดยรอบต่างก็พยายามแย่งกันเข้าไปในร่างของนางจนทำให้นางหัวเราะออกมาไม่หยุดราวกับกำลังถูกจั๊กจี้
หลิงฮันถอนหายใจและรู้สึกอิจฉาฮูหนิว
“ไม่ต้องอิจฉาไป บรรพบุรุษของเด็กสาวคนนี้ต้องเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ทั้งพลังสายเลือดและความสามารถของนางนั้นแม้แต่นายท่านกระต่ายก็ไม่สามารถเทียบได้!” เจ้ากระต่ายพูดขึ้นจากด้านข้าง
หลิงฮันอุทาน ‘โอ้’ ออกมาชั่วขณะก่อนที่จะพูด “เจ้าคิดว่าบรรพบุรุษของฮูหนิวคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์?”
“ถ้าไม่ใช่เจ้าก็ลองบอกหน่อยสิว่าเจ้าจะบรรลุระดับบุปผาผลิบานได้ในขณะที่มีอายุเพียงเจ็ดหรือแปดปีได้อย่างไร?” เจ้ากระต่ายพูดอย่างมั่นใจ
หลิงฮันคว้าร่างของเจ้ากระต่ายขึ้นมาและถาม “ดูเหมือนว่าเจ้าจะรู้เรื่องของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่น้อย งั้นบอกข้ามาหน่อยว่าพระเจ้ามีระดับพลังเท่าไหร่กัน?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด